บทที่ 1415 – ชิงสุ่ยพ่ายแพ้
“ข้าดีขึ้นแล้วในตอนนี้ ต้องขอบคุณชิงสุ่ย เหตุใดเจ้าไม่ขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือข้า?” ฮัว รูเหม่ยกล่าวพร้อมกับจับมือของหญิงสาวผู้นั้นเอาไว้อย่างสนิทสนม
การกระทำของนางทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจเล็กน้อย พวกนางทั้งสองคนนี้สนิทสนมกันมากจริงๆ สำหรับชิงสุ่ย แม้แต่ในหมู่หญิงสาวมากมายก็มีไม่กี่คนที่กล้าจับมือถือแขนกับหญิงสาวคนอื่น
เขาไม่คาดคิดว่านางจะเริ่มช่วยเหลือเขาอย่างรวดเร็วเพียงนี้
เมื่อฮัว รูเหม่ยกล่าวเช่นนี้หญิงสาวผู้นั้นก็มองมายังชิงสุ่ยแต่นางก็ยังคงเงียบ จากนั้นฮัว รูเหม่ยก็กล่าวว่า “ท่านประมุขวัง ข้าได้รับการรักษาในวันนี้ เหตุใดพวกเราทั้งสามคนไม่มาทานอาหารร่วมกันเพื่อเป็นการขอบคุณท่านชิงสุ่ย ถือเป็นการเฉลิมฉลองสำหรับข้า ข้าไม่ได้กินอะไรมาตลอดทั้งปีและมันรู้สึกเจ็บปวดอย่าง”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ชายชราก็รีบจากไปทันที ฮัว รูเหม่ยชักจูงให้เขาอยู่ต่อที่นี่อย่างสุภาพ ชายชราพยักหน้าให้กับชิงสุ่ยและเดินจากไป
หญิงสาวผู้นั้นยังคงมองมาที่ชิงสุ่ยอย่าเงียบงัน นางยังคงเย็นชาและไม่อาจคาดเดาได้เหมือนเช่นเคย ฮัว รูเหม่ยยิ้มแล้วกะว่า “รอข้าสักครู่ก่อน ข้าขอตัวไปเตรียมอาหารก่อน”
ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าฮัว รูเหม่ยไปทำอาหารจริงๆหรือนางเพียงปล่อยให้เขาอยู่กับหญิงสาวผู้นี้สองต่อสอง – เพื่อให้แน่ใจดังนั้นเขาจึงหยุดนานและกล่าวว่า “ท่านเพิ่งจะได้รับการรักษา ข้าสามารถทำข้าวต้มสมุนไพรให้กับท่านได้หากท่านต้องการ มันจะเป็นการดีกว่า”
“ไม่เป็นไร ถ้าจะไป!” ฮัว รูเหม่ยขยิบตาให้กับชิงสุ่ย
หลังจากที่คิดเล็กน้อยชิงสุ่ยก็ตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่และฮัว รูเหม่ยก็ตรงไปที่ห้องครัวทันที
ตอนนี้มีเพียงชิงสุ่ยและหญิงสาวผู้นี้เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในห้องนี้ การปรากฏตัวของนางทำให้ห้องนี้รู้สึกหนาวเย็นมากยิ่งขึ้น
ทั้งสองคนต่างนั่งลงในห้องนี้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่เคยพูดคุยกับนางมาก่อน สถานการณ์ในตอนนี้เหมือนจะแย่ลงไปมากขึ้น ทุกสิ่งที่เขาอยากจะพูดดูไร้ค่าไปเลยเมื่อเทียบกับหญิงสาวผู้นี้
เขารู้สึกว่าไม่รู้จะพูดอะไรดี
“ท่านอยากดื่มอะไรหรือไม่?” ชิงสุ่ยการขึ้นด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ
“เจ้าไม่ควรอยู่ในพระราชวังจอมอสูร” หญิงสาวมองตรงมาที่เขา นางไม่สนใจว่าเขาพูดอะไรไป
ชิงสุ่ยตกตะลึงและตอบกลับไปว่า “เหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนี้? ข้าไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดไม่เหมาะสมหรือข้าไม่คู่ควรกับที่นี่ ดินแดนแห่งนี้ล้วนแก่งแย่งชิงดีเพื่อความอยู่รอดข้าจะต้องปรับตัวเข้ากับมันให้ได้ ดังนั้นข้าจึงรู้สึกได้ว่าพระราชวังแห่งนี้เหมาะสมอย่างยิ่งที่ข้าจะมาอยู่”
“เจ้าไม่รู้ถึงชื่อเสียงของพระราชวังจอมอสูรงั้นหรือ? หากเจ้าอยู่ที่นี่ ชีวิตที่ยืนยาวจะเป็นเหมือนคำสาปสำหรับเจ้า แม้แต่ครอบครัวของเจ้าก็จะไม่ปลอดภัยไปด้วยเช่นกัน” หญิงสาวกล่าวขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินครอบครัวของข้า ข้ารู้จักพระราชวังจอมอสูรดีแต่ข้าก็ไม่ได้สนใจพวกข่าวลือข้างนอกนั่น หนึ่งเดือนที่ข้าได้อยู่ที่นี่ทำให้ข้ารู้สึกได้ว่าที่แห่งนี้ยังดีกว่า “เส้นทางแห่งความยุติธรรม” ที่อยู่ภายนอกนั่น” นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ชิงสุ่ยสามารถพูดได้ในการสนทนาครั้งนี้
“ขุมพลังมากมายต้องการให้พระราชวังจอมอสูรล่มสลายไปและความจริงในเรื่องนี้ย่อมไม่เปลี่ยนแปลงไปแต่ข้าจะทำลายพวกมันทั้งหมด หากอยู่ที่นี่เจ้าจะมีศัตรูนับไม่ถ้วน”
นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยได้ยินหญิงสาวพูดมากมายเช่นนี้ น้ำเสียงของนางนั้นสงบนิ่งและเย็นชาแต่ก็ยังเย้ายวนอย่างแปลกประหลาด ความรู้สึกนี้ไม่สามารถอธิบายได้แต่การได้ยินคำพูดของนางก็ทำให้เกิดผลกระทบบางอย่างกับเขาได้
“ข้าไม่ได้กลัวที่จะต้องสร้างศัตรู ข้ารอคอยมาอย่างยาวนานก่อนที่จะได้รับรู้เรื่องของพระราชวังจอมอสูรและในตอนนี้ข้าก็ได้ตัดสินใจแล้ว”
หญิงสาวยังคงจ้องมองมาที่เขา นางเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ เขาไม่ได้ซื่อบื้อแต่เขาบอกอย่างชัดเจนว่าเขามาที่นี่เพื่อประโยชน์ของตัวเอง
“ก็ดีที่เจ้ารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่” นางตอบกลับ
เขาพยักหน้าอย่างเงียบๆ การสนทนาครั้งนี้ไม่อาจไปต่อได้ แต่เพียงเท่านี้ก็เกินกว่าความคาดหวังของเขาแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะว่าความเงียบของเขาฮัว รูเหม่ยจึงกลับมาอย่างรวดเร็ว อาหารเตรียมพร้อมแล้วแต่นางไม่ได้เป็นคนทำเอง พ่อครัวประจำตัวของนางเป็นคนทำ
นางยิ้มและกล่าวว่า “หิวหรือยัง? มาทานกันเถอะ!”
หญิงสาวพยักหน้า
ชิงสุ่ยยืนขึ้นและกล่าวว่า ” ข้าจะช่วยท่านถือเอง”
อาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ทุกๆจานสดใหม่และมีรสชาติอร่อย ที่นี่คือพระราชวังจอมอสูรและฮัว รูเหม่ยเป็นถึงรองประมุขวัง แน่นอนว่าอาหารพวกนี้ต้องเป็นอาหารชั้นยอด
“มาดื่มสุรากันเถอะ มันสามารถช่วยรักษาบาดแผลและบำรุงผิวพรรณของท่านได้” ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่ถือไหเหล้าเชี่ยงชุนกระดูกเสืออยู่ การดื่มเหล้าช่วยเพิ่มความใคร่ทางเพศ ช่วยบำรุงผิวพรรณของผู้หญิง และเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
แน่นอนว่าต้องไม่ดื่มมากเกินไป
“กลิ่นอะไรกัน ให้ข้าลองหน่อย” ฮัว รูเหม่ยกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นขณะที่มองไปยังชิงสุ่ย จริงๆแล้วนางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย นางรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไรแต่นางก็รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย ไม่ว่ายังไงน้าก็ต้องช่วยเหลือเขา – เขาเป็นคนช่วยเหลือนางและในตอนนี้ความสำเร็จของเขานั้นขึ้นอยู่กับนาง
ชิงสุ่ยรินสุราใส่แก้วให้นาง จากนั้นก็รินให้หญิงสาวอีกคน และสุดท้ายก็เล่นให้กับตัวเขาเอง
“ชน เพื่อการรักษาของข้า” ฮัว รูเหม่ยยกแก้วของนางขึ้นแต่มีบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของนาง
หญิงสาวอีกคนยกแก้วของนางขึ้นช้าๆ “วันนี้เป็นวันแห่งความสุข”
ชิงสุ่ยยกขึ้นเช่นกัน “ยินดีด้วยกับการรักษาของท่าน”
หญิงสาวทั้ง 2 คนดื่มด้วยกันช้าๆอย่างสง่างาม ชิงสุ่ยทานในส่วนของเขาเสร็จอย่างรวดเร็วจึงเฝ้ามองพวกนางดื่มสุรา ไม่มีอะไรจะต้องตำหนิสำหรับสุราของชิงสุ่ย ฮัว รูเหม่ยตระหนักขึ้นได้ในตอนนี้จากนั้นนางก็ดื่มมันทั้งหมดในครั้งเดียว ในทางกลับกันหญิงสาวอีกคนก็ยังคงดื่มมันอย่างช้าๆ วิธีการดื่มของนางนั้นงดงามอย่างยิ่งมันแสดงให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูดออกมา
“สุรานี้รสชาติดีเหมือนสุราที่มีอายุนับร้อยปี มันเป็นสุราที่ดีที่สุดอันดับ 2 เท่าที่ชีวิตข้าเคยลิ้มลองมา” ฮัว รูเหม่ยกล่าวด้วยความสัตย์จริง
“มันยังเหลืออีกมาก ข้าสามารถมอบมันให้ท่านเพิ่มอีกได้หากท่านชื่นชอบ” ชิงสุ่ยหัวเราะ แม้ว่านางจะบอกว่าเป็นอันดับสองแต่เขาก็ไม่ได้ถามถึงอันดับแรก – เขาไม่ได้คิดว่าสุราของเขาจะเป็นสุราที่ดีที่สุด
เขาได้มอบถุงแพรมิติให้นางเมื่อเขาต้องแยกจากประมุขอสูรครั้งที่แล้ว ภายในนั้นมียามากมายรวมถึงสุราด้วยเช่นกัน
“นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ข้าได้ดื่มสุรานี้ ท่านประมุขวังนั้นเข้มงวดยิ่งนัก นางให้ข้าดื่มเพียงครั้งเดียวเมื่อตอนนั้น ซึ่งมันเป็นสุราที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง” ฮัว รูเหม่ยมองไปยังชิงสุ่ยพร้อมกับครุ่นคิด
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมสีหน้าของนางจึงดูแปลกไปไปเล็กน้อย เพราะสุราที่ดีที่สุดและดีเป็นอันดับ 2 ของนางนั้นคือสุราตัวเดียวกัน
ชิงสุ่ยส่ายศีรษะของเขา “ข้าเคยพบกับท่านประมุขวังมาหลายครั้ง”
“เจ้าดื่มมันลงไปมากกว่าครึ่งแล้ว” หญิงสาวกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น
“ก็ท่านไม่ชอบดื่มสุรา น่าเสียดายออกที่ต้องทิ้งมันไป” รูเหม่ยยิ้มเจื่อนๆ
หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้โต้แย้ง เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าพวกนางทั้งสองคนเป็นเหมือนพี่น้องที่สนิทกัน มันแสดงถึงอารมณ์ของประมุขอสูร พวกนางไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนพี่น้องที่แท้จริง แม้กระนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าฮัว รูเหม่ยนั้นสำคัญสำหรับนางอย่างยิ่ง
“ข้ายังมีอีกมากมาย ไว้ค่อยมอบให้ท่านภายหลังก็แล้วกัน” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้น
หญิงสาวจากไปทันทีหลังจากทานอาหารเสร็จแล้วเหลือเพียงชิงสุ่ยกับฮัว รูเหม่ยเท่านั้นที่อยู่ที่นี่
“ชิงสุ่ย บอกข้ามา ท่านมีความสัมพันธ์กับท่านประมุขวังเช่นไร ปกติแล้วนางจะไม่รับของขวัญจากใครทั้งสิ้น ท่านทำได้อย่างไรกัน?” ฮัว รูเหม่ยรู้สึกประหลาดใจ เมื่อตอนนั้นนางไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้แต่เมื่อคิดขึ้นได้ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
“นางโดนพิษและข้าช่วยรักษานาง ข้าไม่รู้ว่าพวกเรานับเป็นคนรู้จักกันหรือไม่ แต่เราแทบไม่ได้คุยกันเลย” ชิงสุ่ยกล่าวตามความจริงแต่ไม่ได้พูดถึงการกำจัดพิษในตอนนั้น
“เช่นนั้นข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้งหนึ่ง ท่านประมุขวังนั้นงดงามจนไม่มีผู้ใดเทียบได้แต่นางเย็นชาอย่างยิ่ง พรสวรรค์ของนางก็ไม่มีผู้ใดเทียบได้เช่นกัน ไม่เคยมีชายใดที่กล้าเข้าหานางเลย ส่วนใหญ่พวกเขาจะพยายามหนีหน้าไปเพราะความรู้สึกที่ด้อยกว่า รวมถึงท่านด้วยเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังดูมีความมั่นใจอยู่บ้าง นั่นทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง”
ฮัว รูเหม่ยจ้องมองมาที่เขาราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สิ่งที่เขาพูดไปในตอนนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่ปกติอย่างยิ่ง
ชิงสุ่ยรู้สึกโชคดี ทักษะการสังเกตของผู้หญิงรวมถึงสัมผัสที่ 6 ของพวกนางนั้นช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง
“ข้าอยู่กับท่านประมุขวังมาอย่างยาวนาน ข้าได้เห็นที่แห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อนางหายตัวไปนับศตวรรษ แม้ว่านางจะพยายามแก้ไขเรื่องดังกล่าวแล้วแต่มันก็ยังมีผลอยู่ดี การล้างแค้นเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อความสบายใจเท่านั้น”
“นางมีความหวังเรื่องใดที่ยังทำไม่สำเร็จนั้นหรือ?” ชิงสุ่ยถามกับฮัว รูเหม่ย
“ข้าเองก็ไม่รู้แต่นับตั้งแต่มหาทวีปมังกรอหังกาลเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็เหลือเพียงนิกายใหญ่อยู่ไม่กี่นิกาย พวกคนอื่นๆต่างรวมตัวกันและหนีออกไปให้ไกล ดังนั้นพระราชวังจอมอสูรของเราจึงถือเป็นศัตรูต่อทั้งมหาทวีปมังกรอหังกาล หากไม่ใช่ว่าเพราะที่นี่เป็นแดนรกร้าง พระราชวังจอมอสูรคงจะถูกทำลายไปนานแล้วใช่หรือไม่?”
“นางยังมีครอบครัวคนอื่นๆอีกหรือไม่?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน มีข่าวลือว่ามหาทวีปมังกรอหังกาลไม่ได้มีแค่ขุมพลังเดียวที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนั้น มีขุมพลังอื่นๆที่ไม่รู้ว่าเป็นใครเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน เบื้องหลังของท่านประมุขวังนั้นถือเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่” ฮัว รูเหม่ยกล่าวขณะที่คิดไปด้วย
“ขอบคุณท่านมาก พี่สาวฮัว ที่ท่านบอกเรื่องพวกนี้กับข้า”
“พี่สาวฮัว ฮี่ฮี่ ข้าดีใจจังที่ได้พบน้องชายแบบเจ้า ข้าไม่มีครอบครัวคนอื่นๆหลงเหลืออยู่ นับแต่บัดนี้เป็นต้นไปเจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่สาว” ฮัว รูเหม่ยดูเหมือนจะพอใจชิงสุ่ยอย่างเห็นได้ชัด
“หลังจากนี้ข้าจะทำจี้หยกอินทนิลสำหรับท่านอีก เผื่อท่านจะทำมันหายไป” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตกลง!”
“มันไม่มีทางที่จะรักษาพิษนี้ได้จริงๆหรือ? ฮัว รูเหม่ยถามขึ้นหลังจากคิดครู่หนึ่ง
“มันก็ไม่ได้เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ข้าในตอนนี้ยังทำไม่ ยังมีทางอื่นแต่ข้าสงสัยว่าท่านจะยอมทำหรือไม่”
“วิธี?”
“วิธีแรกหากท่านมีลูก ท่านสามารถถ่ายโอนพิษนี้ไปยังลูกของท่านได้”
ฮัว รูเหม่ยหน้าแดงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่าลูก ท่าทีของนางในตอนนี้เย้ายวนใจอย่างยิ่งแต่เขาก็กล่าวต่อไปทันทีเพื่อเป็นการขัดจังหวะ “แม้แต่พยัคฆ์ที่เหี้ยมโหดก็ไม่กินลูกของมันเอง ลืมความคิดนี้ไปเถอะ”
“วิธีที่ 2 คือถ่ายโอนพรุ่งนี้ไปสู่ร่างกายของสามีของท่าน เขาต้องร่วมมือด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่ต้องทำนั้นมันค่อนข้างจะ…. พิเศษ”
“เอาล่ะ ข้าไม่อยากทำอีกต่อไปแล้ว ดูเหมือนว่าตอนนี้มันก็ไม่ได้รบกวนข้าแล้ว” ฮัว รูเหม่ยกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ
ในเวลาเพียงครึ่งวันความสนิทสนมของพวกเขาก็เพิ่มมากยิ่งขึ้นคำที่พวกเขาใช้เรียกกันนั้นก็ต่างออกไปและ นิสัยของฮัว รูเหม่ยก็ดูเหมือนจะต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง – ใบหน้าที่ซีดเซียวและเย็นชาของนางนั้นได้หายไปแล้ว แม้ว่านางจะยังคงดูเย็นชาเล็กน้อยแต่ตอนนี้นางก็สามารถหัวเราะออกมาได้ เมื่อนางหัวเราะมันทำให้เขานึกถึงประมุขอสูร เสียงหัวเราะของนางทำให้เขาหลงไหลไปโดยไม่รู้ตัว
……
หลังจากได้กลับมายังที่พักของตนเองเขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง วันนี้มีเรื่องดีเกิดขึ้นมากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปฏิเสธมื้ออาหารเฉลิมฉลองการรักษาของฮัว รูเหม่ยก็ตาม มันถือเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ของเขา ทุกๆสิ่งล้วนเริ่มต้นไปอย่างยากลำบากแม้ว่าจะมีความช่วยเหลือของฮัว รูเหม่ยก็ตาม
แม้กระนั้นชิงสุ่ยก็ไม่สามารถติดต่อกับฮัว รูเหม่ยได้ตลอดเวลา นางเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับประมุขอสูรและยังมีตำแหน่งเป็นถึงรองประมุขวังย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน