บทที่ 1429 – ชิงสุ่ยเข้าร่วมการต่อสู้ รูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่แสนทรงพลัง
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโส ชิงสุ่ยก็เผยรอยยิ้ม “อย่าเสียเวลาเลย เชิญท่านลงมือได้”
สามง่ามสีเขียวที่แหลมคมปรากฏขึ้นในมือของชายชรา ลำตัวของมันแพรกลิ่นอายพลังปราณที่แสนอุดมสมบูรณ์ออกมา บอกได้ทันทีเลยว่ามันจะต้องไม่ใช่ศาสตราวุธธรรมดา เขาเหวี่ยงมันและพุ่งเข้าหาชิงสุ่ย
ตราประทับซวนเทียน!!!
ตราประทับซวนเทียนในตอนนี้ช่างแตกต่างกับในอดีตมากนัก มันรุนแรงมากพอจะทำให้ชายชราหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง
ย่างก้าว 9 เทวา!!!
ชิงสุ่ยผู้ที่มีความชำนาญอย่างมากในทักษะย่างก้าว 9 เทวา เขาหายตัวไปทันทีและปรากฏตัวอยู่ด้านข้างชายชรา
ชายชรามีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างรวดเร็ว สามง่ามในมือของเขาแทงเข้าหาตัวของชิงสุ่ยทันทีด้วยพละกำลังมหาศาล มันทั้งรวดเร็วและไร้ความปราณี ทันทีที่สามง่ามกำลังจะตัดเฉือนตัวชิงสุ่ย เพลิงหยกมรกตก็ถูกยิงออกมา
ดวงตาของชิงสุ่ยเต็มไปด้วยจิตสังหารขณะที่เขาเคลื่อนไหวในพริบตาข้าหาชายชรา
กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต!!!
ชิงสุ่ยไม่ต้องการเสียเวลาไปมากกว่านี้ เขาจึงรีบหยุดศัตรูเพื่อช่วยเพิ่มพูนขวัญกำลังใจของฝ่ายของเขา นอกจากนี้การกระทำอย่างรวดเร็วของเขานั้นยิ่งทำให้ศัตรูกดดัน แน่นอนว่าผู้ที่ถูกส่งออกมาประลองนั้นย่อมต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งดังนั้นชายชราผู้นี้จึงมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวท่ามกลางคนหมู่มาก การสังหารเขาจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันมหาศาลให้กับฝั่งศัตรู
แกร็งงงงงงง!!!
ฝ่ามือของชิงสุ่ยตะปบลงบนแขนของชายชรา ทันทีที่แรงกระแทกใส่ ศาสตราวุธในมือของชายชราก็กระเด็นออก
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัด เขาพยายามจะขัดขืนแต่กลับไม่รู้สึกถึงขาที่มีพลัง นั่นก็เพราะว่าเพลิงหยกมรกตกำลังกลายร่างเป็นงูที่กำลังรัดขาของเขาเอาไว้ มันมีหน้าตาคล้ายกับมังกรตัวเล็กๆที่แสนน่าหวาดกลัว
อสรพิษแห่งจิตวิญญาณทะยานฉก!!
ชิงสุ่ยใช้มันพร้อมกับทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษไอยราในทันที เมื่อมันรวมกันแล้วจะเกิดเป็นพลังที่แสนน่าสะพรึงกลัว อย่างน้อยที่สุดมันจะต้องส่งผลกระทบต่อชายชราผู้นี้เป็นแน่
ทักษะหงส์เพลิงร่ำร้อง(เพลงศึก)และเครื่องรางสวรรค์ได้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยมากกว่า 20% ทำให้ปัจจุบันเขามีพลังมากถึง 30 ล้านสุริยา
ปังงงง!!!
ทันทีที่เสียงระเบิดดังขึ้น ชายชราก็รีบใช้พลังของเขาเพื่อหนีออกไป ส่วนชิงสุ่ยปลดปล่อยพลังเทวะแห่งเต๋าของเขาออกไปกดดันชานชาลาทันที เนื่องจากเขารู้ดีว่าพลังของเขานั้นมีมากกว่าของชายชรา ชิงสุ่ยจึงรู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องใช้พลังปราณจักรพรรดิ หรือเครื่องรางสวรรค์อื่นๆที่ทำให้ฝ่ายศัตรูมีพลังลดลง
ระเบิดเพลิงมังกรคำราม
เมื่อชิงสุ่ยยั้งมือลง เวลาก็ผ่านไปเพียงแค่ 10 ลมหายใจ ฝ่ายตรงข้ามก็นอนแน่นิ่งเป็นผักปลา มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะสามารถเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของผู้ที่มีพลังเหนือกว่า
เสียงโห่ร้องดังออกมาจากทางพระราชวังอสูร ซึ่งตรงข้ามกับพระราชวังมังกรที่ทุกคนต่างเงียบกริบราวกับเป็นใบ้ อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสที่รับคำท้าจึงเดินออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เอาล่ะ เจ้าได้สิทธิ์ในการก่อรูปแบบ ส่วนข้าจะเป็นผู้ทำลายมัน”
แม้การประลองจะจบลงด้วยความแข็งแกร่งของชิงสุ่ย แต่ผู้อาวุโสคนนี้ก็ยังเชื่อมั่นในพลังการก่อตั้งรูปแบบของเขา
รูปแบบสยบอสูรโลหิตสำแดง!!!
ชิงสุ่ยเริ่มสร้างรูปแบบของตำหนักยุทธ์ซึ่งก็คือรูปแบบสยบอสูรโลหิตสำแดงที่ทุกคนพึ่งได้ฝึกฝนในเวลาเพียงช่วงสั้นๆ
ซานยู้ไม่กล้าที่จะเถียงอะไรต่อไป เพราะสิ่งที่ชิงสุ่ยปฏิบัติต่อซานยู้ เขาจึงปล่อยให้ทั้งสองคน ประลองกันต่อไป ส่วนทางฝั่งของตำหนักไร้ลักษณ์ก็ได้จัดเตรียมกองทัพขนาดใหญ่ไว้ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
จำนวนผู้คนในสนามรบเปรียบเสมือนปัจจัยหนึ่งในการรบเท่านั้น
“เอาล่ะ ทุกท่านสามารถโจมตีได้เลยในตอนนี้”ชิงสุ่ยกล่าวเป็นนัยๆต่อชายชรา
การประลองครั้งนี้ต่างก็ถูกยอมรับแล้วจากทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝั่งคลองพระราชวังมังกร ในขณะเดียวกัน ชิงสุ่ยก็ได้ตรวจสอบความแข็งแกร่งของศัตรูที่ปรากฏตัวเห็นตอนนี้ เพื่อพบว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นทัดเทียมกับประมุขอสูร
เพียงแค่ด้านหน้าของชิงสุ่ยก็ปรากฏเป็นสุดยอดปรมาจารย์จอมยุทธมากกว่า 10 คน ส่วนทางด้านของพระราชวังอสูรเองมียอดปรมาจารย์อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้ซานยู้ได้รับบาดเจ็บหนัก ส่วน 2 คนที่เป็นรองก็ไม่อาจแข็งแกร่งเท่าซานยู้ แต่น้อยพวกเขาก็มีพลังมากถึง 200,000 สุริยา เมื่อนับทั้ง 12 สาขาผู้คุมกฎแห่งพระราชวังอสูร ก็ยังคงมีสมาพันธ์ผู้อาวุโสที่มีอำนาจทรงพลังซ่อนตัวอยู่ โดยรวมถือได้ว่าพระราชวังอสูรเองก็เป็นหนึ่งกองพลที่แข็งแกร่งถ้าหากพวกเขาเลือกที่จะแสดงตัว และทั้งหมดนี่คือหลักประกันความเชื่อมั่นของพระราชวังอสูร
ตำหนักยุทธ์กำลังยืนกระจัดกระจายด้วยตำแหน่งที่แปลกประหลาดกลางอากาศ กลิ่นอายโลหิตแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่ โดยผสานจากตำแหน่งศูนย์กลางของชิงสุ่ย
ส่วนผู้คนจากพระราชวังมังกรก็อยู่ไม่ไกลจากค่ายกลรูปแบบสยบอสูรโลหิตสำแดงมากนัก หลังจากนั้นพวกเขาก็ตั้งค่ายกลรูปแบบของพวกเขาขึ้น และก็สามารถสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็ยังรู้สึกตกใจ
รูปแบบไร้ขอบเขต!!
ชิงสุ่ยมีความรู้เกี่ยวกับรูปแบบก่อตัวนี้ มันมีอีกชื่อหนึ่งก็คือรูปแบบพุทธองค์ มันคือรูปแบบที่สร้างมาเพื่อหยุดยั้งการก่อตัวของรูปแบบอสูร ถ้าหากเป็นรูปแบบสมรภูมิโลหิตแล้วเราก็ โอกาสที่มันจะทุกรูปแบบนี้ควบคุมเรียกได้ว่าแทบจะสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนพระราชวังมังกรจับตาดูเป้าหมายอย่างพระราชวังอสูรมาเป็นเวลาเนินนานแล้ว
แต่ตอนนี้รูปแบบสมรภูมิโลหิตได้ถูกหลอมรวมกับรูปแบบสยบอสูรจนรูปแบบดั้งเดิมไม่อาจเทียบได้เลย แม้ว่าจะได้ฝึกฝนในระยะเวลาสั้นๆแต่มันก็มากพอที่จะสร้างหายนะให้กับพวกเขา
“ทุกคน อย่าได้กังวล สิ่งนี่นะเหรอที่จะทำอะไรรูปแบบของข้าได้ “ชิงสุุ่ยกล่าวเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนรอบข้าง เพราะรู้ดีว่าทุกคนกำลังกดดันจนเส้นประสาทกำลังจะแตก
ลำแสงไร้ขอบเขต!!
ผู้อาวุโสเปล่งเสียงตะโกน คลื่นชั้นของแสงค่อยๆแผ่ซ่านออกมาจากรูปแบบไร้ขอบเขตและพุ่งตรงไปหาเหล่าผู้คนจากพระราชวังอสูร
“เดี๋ยวได้พยายามปิดกั้นหรือป้องกันใดๆทั้งสิ้น”
ชิงสุ่ยเปล่งเสียงตะโกนเพราะแสงที่ถูกยิงออกมานั้นจะเข้าโจมตีเฉพาะคนที่เริ่มใช้รูปแบบอสูรต่างๆ ยิ่งพยายามสร้างเกราะป้องกันตัวเองมากเท่าไหร่ พลังนี้ก็จะโจมตีอย่างไร้ขีดจำกัดจนกว่าจะแตกออก ทางที่ดีที่สุดในการป้องกันก็คือการไม่ป้องกัน
กรีดแทงไร้ขอบเขต!!
ชายชราศิลปากรอีกครั้งหนึ่งจากนั้นเราก็ชู้กระบี่ศึกขึ้นเหนือหัว กลิ่นอายของกระบี่ชิ้นนี้ขยายใหญ่จนคล้ายกับมังกร ในขณะที่มันพุ่งเข้าหาชิงสุ่ย
กระบี่สยบอสูร!!
ชิงสุ่ยเองรูปรวมพลังจนกลายเป็นกระบี่สีเลือดขนาดใหญ่ที่พร้อมจะตัดผ่าท้องฟ้า
ตูมมมม!!!
กระบี่เทพอสูรปะทะเข้ากับกระบี่มังกรศึก ก่อให้เกิดเสียงราวกับสวรรค์กำลังจะถล่ม พลังงานขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากำลังแพร่กระจายไปทั่วท้องฟ้า
ภายในช่วงไม่กี่อึดใจ คลื่นพลังที่ถาโถมเข้าหากันก่อให้เกิดเสียงระเบิดกว่าพันครั้ง แม้ว่ารูปแบบเกาะตัวจะเริ่มได้ผลกระทบ แต่ทางที่ดีการยุติการต่อสู้ให้เร็วที่สุดย่อมเป็นการดี ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังรอคอยว่าใครจะหมดแรงก่อนกัน หรือใครจะได้รับบาดเจ็บหนักกว่ากัน
ผู้คนหมู่มากจากพระราชวังมังกรที่มองดูภาพที่เกิดขึ้นต่างก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ ชายชราคนนี้ก็รู้สึกแปลกประหลาดในตัวของชิงสุ่ยราวกับว่าเขากำลังรับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
รูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์!!
ปัจจุบันรูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์คือตัวยกระดับความสามารถของรูปแบบรวมถึงทักษะย่างก้าว 9 เทวา ได้มากถึง 2 เท่า นี่คือสิ่งที่จะเป็นตัวสร้างความหวาดกลัวให้กับพระราชวังมังกร พวกเขาจำเป็นจะต้องเพิ่มกำลังพลและพลังให้มากขึ้นอีก 2 เท่าเพื่อยุติกระบวนท่าที่จะเกิด
นี่คงเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ ชิงสุ่ยมั่นใจในการแข่งขันการก่อรูปแบบ
การแสดงเบื้องหน้าของชิงสุ่ยกำลังทำให้ประมุขอสูรรู้สึกประหลาดใจ เขาสามารถสร้างรูปแบบที่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้ มันเป็นความแข็งแกร่งเกินกว่าที่เธอคาดเดาไว้ มองภาพรวมเห็นได้ชัดเลยว่าพวกของเธอนั้นเสียเปรียบเรื่องกำลังคน แต่ได้ความแข็งแกร่งของการสร้างรูปแบบมาทดแทน
พิธีกรรมที่ 2 คลื่นพลังสะบั้น!!!
ขณะที่ชายชราสบัดมือของเขา คลื่นมังกรขนาดใหญ่ 2 ตัวก็ปรากฏขึ้น พร้อมทั้งพุ่งไปทางรูปแบบสยบอสูรโลหิตสำแดง
จตุรกองพล สังหารโลหิต!!
นี่คือทักษะสังหารไร้ปราณีของรูปแบบสยบอสูร ผู้คนรอบตัวของเขากระจายออกเป็น 4 มุม และกลายเป็นรูปลักษณ์ของสัตว์อสูรโบราณ แม้จะเป็นเพียงแค่ร่างแทนพลังแต่มันก็มีพลังน่ากลัวไม่ต่างจากตัวจริง
การเผชิญหน้าครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงทักษะที่ใช้ในการสังหารหมู่ในแบบต่างๆ ชิงสุ่ยพุ่งออกไปพร้อมกับรูปแบบก่อตัวที่สร้างขึ้น ทุกครั้งที่เขาสะบัดมือ คลื่นกระบี่ทองคำจะถูกปลดปล่อย มันทั้งรวดเร็วและแหลมคม ทุกครั้งที่ชิงสุ่ยเหวี่ยงมันออกไป อย่างน้อยที่สุดจะต้องสังหารเหยื่อโชคร้าย และยิ่งในตอนนี้ชิงสุ่ยกำลังยืนอยู่บนรูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพลังที่เพิ่มขึ้นของเขาจึงเป็นตัวตัดสิน
ปราณจักรพรรดิ!!
ชิงสุ่ยปลดปล่อยพลังปราณจักรพรรดิ ทันทีที่คลื่นพลังปราณพุ่งเข้าใส่ศัตรู พลังของพวกเขาลดลงทันทีอย่างเห็นได้ชัด เหล่าศัตรูเองก็รับรู้ถึงพลังที่หายไป ขณะที่คนข้างกายของเขาต่างก็ได้รับพลังที่เพิ่มขึ้นจากทักษะหงส์เพลิงร่ำร้อง(เพลงศึก)
เถาวัลย์อสูรกระหายเลือด!!
ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของชายชราผู้นี้ แต่เขาก็ยังคงเดินหน้าและปลดปล่อยเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดออกมา
เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในขณะเดียวกัน คนของพวกเขาก็เข้าล้อมทางฝั่งของชายชรา
สะบั้นลำแสงทองคำไร้ขอบเขต!!
อาจเป็นเพราะอารมณ์ที่หงุดหงิดในการกระทำของชิงสุ่ยที่กำลังต่อสู้ยืดเยื้อกับเขา เขาจึงกัดฟันและเปล่งเสียงตะโกน
บนจุดสูงสุดของรูปแบบก่อตัวคือร่างของชายชราที่มีพื้นหลังเป็นรูปพระพุทธองค์ทองคำขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นรูปพระพุทธองค์ที่มี 3 เศียร 6 กร คล้ายกับพระวัชรปาณีโพธิสัตว์
ทันใดนั้นรูปพระพุทธองค์ก็เริ่มขยับพุ่งไปหาชิงสุ่ย ซึ่งคน 10 คนที่อยู่ด้านหน้าชิงสุ่ยก็ค่อยๆร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน
ชิงสุ่ยมองเห็นภาพการทำลายล้างเบื้องหน้า เขาจึงรีบเรียกหุบเขา 9 เทวาและส่งมันพุ่งชนรูปปั้นพระพุทธองค์ทองคำ ชิงสุ่ยรู้สึกอึดอัดใจอย่างยิ่งจากการสูญเสียผู้คนจากตำหนักยุทธ์ไปพร้อมกันในทีเดียวกว่า 10 คน
ฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้าน!! ผนึกดอกบัวบาน!!
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าจะต้องใช้พลังจากสภาวะจิตในการโจมตีโต้กลับ การป้องกันหรือใช้พลังปราณทั่วไปนั้นจะไม่อาจโดนมันได้ แต่หุบเขา 9 เทวาที่เป็นข้อยกเว้น เพราะมันสามารถโจมตีด้วยการอาศัยพลังจิตได้ นี่จึงถือได้ว่าเป็นสุดยอดสมบัติชนิดหนึ่ง
ด้วยความโชคดีพลังขนาดใหญ่จึงเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว
การสังหารหมู่เบื้องล่างก่อให้เกิดเลือดที่หลั่งรินจำนวนมาก
“ตาย!! สะบั้นราชันย์ยุพราช!!!”
ในที่สุด ชายชราก็ปลดปล่อยทักษะสังหารไร้ปราณีของเขาออกมาใส่ชิงสุ่ย
มันคือตราประทับกำปั้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายเผด็จการ มันกำลังเปล่งแสงอย่างรุนแรงและบ้าพลัง
ปังงงง!!
ชิงสุ่ยกัดฟันและใช้เวลาคิดชั่วครู่หนึ่ง วิธีเดียวที่เขาจะโต้ตอบได้คือการเคลื่อนย้ายหุบเขา 9 เทวามาป้องกันมัน สิ้นสุดเสียงดังสนั่น ชิงสุ่ยก็ปลิวลอยออกไปข้างนอก
แต่ฝั่งศัตรูประเมินความสามารถของชิงสุ่ยต่ำไป เกราะทองคำวชิระที่ชิงสุ่ยสวมใส่สามารถปกป้องร่างกายของเขาจากทักษะเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
ทักษะวชิระจู่โจม!!
ชิงสุ่ยสวนกลับในขณะที่ผู้อาวุโสไม่ทันตั้งตัว หมัดของเขาพุ่งอัดชายชราเข้าอย่างจัง
ตูมมม!!
ในไม่กี่อึดใจ ชายชราก็ล้มลงและค่อยๆตายจากไป แม้กระทั่งกลุ่มคนรอบตัวชายชราเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายได้
ทักษะย่างก้าว 9 เทวา!!
ชิงสุ่ยรีบพุ่งไปยังแนวหน้าอย่างรวดเร็ว
กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต!!
ชิงสุ่ยปลดปล่อยทักษะสังหารนี้ด้วยมือทั้งสองข้าง ความโกรธของเขากำลังพลุ่งพล่านออกมาจากการที่ต้องมองดูผู้คนจากตำหนักยุทธ์กว่า 10 คนที่ต้องตายไป กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตของเขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว และทำการสังหารและสร้างอาการบาดเจ็บสาหัสให้กับคนหมู่มากเบื้องหน้า