บทที่ 1454 – พยัคฆ์หมอบ มังกรซ่อน ทำลายล้างนิกายตะวันฉาย
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้คือใครแต่ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือชายชราผู้นี้ต้องมีตำแหน่งที่สูงส่งในนิกายตะวันฉาย
ชายชราผู้นี้คงไม่คาดคิดว่าพลังของถานท่าย หลิงเยียนนั้นได้แตกต่างออกไปจากเดิมแล้ว เพราะตอนนี้นางได้รับมรดกแห่งจอมอสูรมาแล้ว สีหน้าที่ไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชราทันทีเมื่อเขาเห็นถานท่าย หลิงเยียนพุ่งตรงมาที่เขา
สิ่งเดียวที่ชิงสุ่ยงุนงงนั้นก็คือเหตุใดถานท่าย หลิงเยียนถึงได้เรียนรู้ทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึก นั่นเป็นเคล็ดวิชาที่ถูกใช้โดยเทพสงคราม มันจะไม่เป็นการทำลายมรดกแห่งจอมอสูรของนางงั้นหรือ?
ในอดีตเขาเคยได้เห็นถานท่าย หลิงเยียนในสมรภูมิรบด้วยเช่นกัน แต่เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการโจมตีที่เฉียบคมและรุนแรงของนางนั้นเป็นเคล็ดวิชาของจอมอสูรหรือไม่ ปกติแล้วมันยากยิ่งนักที่จะได้เห็นเคล็ดวิชาของนาง ความจริงแล้วผู้ที่ได้รับมรดกแห่งจอมอสูรย่อมสามารถเรียนรู้เคล็ดวิชาของจอมอสูรได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ในตอนที่ถานท่าย หลิงเยียนไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังชายชรา กลิ่นอายทั้งหมดภายในร่างกายของนางก็ระเบิดออกมาในทันที ด้วยกระบี่ยาวสีเลือดในมือของนาง นางปลดปล่อยทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึกออกไป
ทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึก ท่าที่ 3!
ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึงเมื่อเขาได้เห็นเคล็ดวิชาที่แม่นยำและรุนแรงเช่นนี้ เขาไม่รู้เลยว่าหญิงสาวผู้นี้เรียนรู้เคล็ดวิชาเช่นนี้มาได้อย่างไร นางสามารถใช้มันออกไปด้วยความเร็วที่สูงอย่างยิ่ง จากการมองในตอนนี้เขามั่นใจได้เลยว่านางยังมีไพ่ตายที่ซ่อนเร้นเอาไว้อีกมาก แต่ไม่น่าจะมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับดินแดนหยกยุพราชอมตะ มันคงเป็นสมบัติบางอย่างที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะของนาง
ชายชราเบิกตาของเขาขึ้นทันทีและรีบถอยออกไปโดยเร็วที่สุด เขายังไม่ได้เป็นอะไรแต่ปัญหาเดียวในตอนนี้คือการโจมตีครั้งนี้ของถานท่าย หลิงเยียนเป็นการโจมตีที่นางได้เตรียมเอาไว้นานแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะหลบหนีมันได้อย่างง่ายดาย มากระทืบลงไปที่พื้นและพุ่งตรงมาหาชายชราด้วยความเร็วที่สูงยิ่งนัก แสงสีแดงโลหิตพุ่งตรงออกมาจากกระบี่ของนางและเข้ามาหาชายชรา
จิ้ว!
ชายชรามองไปยังกระบี่ยาวที่ปักอยู่บนหน้าอกของเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นการลงมือเพียงครั้งเดียวของนาง…. เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะไม่สามารถหนีจากเคล็ดวิชาของนางได้แม้แต่ครั้งเดียว นิกายตะวันฉายจะต้องจบสิ้นแล้วงั้นหรือ?
ถานท่าย หลิงเยียนนำอาวุธแห่งจอมอสูรของนางออกมา ชายชราร่วงลงไปที่พื้น หลังจากนั้นนางก็พุ่งตรงไปหาคนอื่นๆ ท่าเท้าที่นางใช้ได้หลอมรวมกับการก้าวเท้าของนางและย่างก้าว 8 ทิศ เมื่อมันได้หลอมรวมกันแล้วแม้แต่ชิงสุ่ยเองก็ไม่อาจหาข้อบกพร่องใดๆได้
ในด้านของพรสวรรค์หญิงสาวผู้นี้นั้นเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุดคนหนึ่งที่ชิงสุ่ยเคยพบมา ตอนนี้เหลือเพียงอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่กระบี่ของถานท่าย หลิงเยียนได้เมตตาไว้ชีวิต ความต่างของพลังนั้นมากจนเกินไป ในตอนนี้ผู้ที่สามารถต่อกรกับถานท่าย หลิงเยียนย่อมมีเพียงบรรพบุรุษแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลเท่านั้น
หนึ่งในชายชราแอบถอยไปข้างหลังและรีบหนีไปทันที เสียงแหลมเสียดแทงแก้วหูดังขึ้นจากระยะไกลๆ นี่คือสัญญาณรวมตัวของนิกายตะวันฉาย แต่เมื่อสัญญาณรวมตัวดังขึ้นภายในนิกายตะวันฉาย นั่นหมายความว่านิกายแห่งนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ชิงสุ่ยก็ไม่ได้เร่งรีบแต่อย่างใด เขาเริ่มทำลายอาคารต่างๆของนิกายตะวันฉายราวกับเขากำลังตัดกิ่งไม้ ในขณะที่พวกเขากำลังทำลายที่อย่างนี้อยู่นั้นเพียงพริบตาก็มีผู้คนประมาณ 10 คนได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านล่างของนิกายตะวันฉาย จากนั้นพวกเขาก็พุ่งทะยานขึ้นมาพร้อมกัน
“เจ้าเป็นใครกัน? เจ้ากล้ามาก่อความวุ่นวายที่นิกายตะวันฉายงั้นหรือ?”
เสียงที่ดูแก่ชราและสูงศักดิ์ดังขึ้น เสียงนี้ดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง ทันใดนั้นผู้คนมากมายก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าชิงสุ่ย
“ข้าเป็นใครกันดี? เจ้ากล้าถามว่าข้าเป็นใครกันหรือ? เจ้าเฒ่าบัดซบ ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้แล้ว เจ้าติดค้างหนี้ชีวิตข้าเอาไว้มากมายจนลืมไปแล้วหรือว่าข้าจะมาทวงคืน” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
“โอ้ ข้าว่าข้านึกออกแล้ว พวกเจ้าคงมาจากพระราชวังจอมอสูรและไม่ได้ประเมินตนเองเอาซะเลย ในวันนี้ข้าจะทำลายพระราชวังจอมอสูรให้หายไปอย่างสมบูรณ์”
เส้นผมของชายชรานั้นราวกับเข็มเหล็ก เขาดูเหมือนกับราชสีห์ตัวผู้ เมื่อดูจากรูปลักษณ์แล้วเขาเหมือนชายที่ดูอันตรายและดุดัน แตกต่างจากชายชราคนก่อนหน้านี้ที่เพียงมองก็รับรู้ได้ว่าเขานั้นเป็นคนเลว
ในตอนนี้ชิงสุ่ยและกลุ่มของเขายืนอยู่ด้วยกันกับถานท่าย หลิงเยียน ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขาได้ใช้เครื่องรางแห่งสวรรค์ให้กับทุกๆคนแล้ว เขายังเปิดใช้งานหงส์ทองประลองพินิจด้วยเช่นกัน
ในตอนนี้พลังของหญิงสาวนั้นมากเกินกว่า 100 ล้านสุริยาไปแล้ว แม้แต่ชิงสุ่ยก็ต้องประหลาดใจเช่นกัน
เมื่อพวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะสังหารทุกๆคนก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันให้มากความอีกต่อไป ชิงสุ่ยเริ่มใช้เครื่องรางแห่งสวรรค์ออกไปมากกว่า 100 อัน ทั้งหมดเป็นเครื่องรางที่ทำให้ศัตรูอ่อนแอลง หลังจากนั้นเขาก็ใช้ปราณจักรพรรดิของตนเองออกไป
“โจมตี!” ชิงสุ่ยเป็นคนแรกที่พุ่งออกไป
หุบเขา 9 เทวา!
ป้องกัน!
ชิงสุ่ยเรียกหุบเขา 9 เทวาออกมา จากนั้นเขาก็โจมตีออกไปด้วยง้าวทองทะลวงศัตรูพร้อมกับใช้ท่วงท่าแรกของทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึก เขาควบคุมหุบเขา 9 เทวาด้วยจิตใจของเขาและสั่งให้มันพุ่งเข้าไปปะทะกับศัตรู
หว่อง!
เสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นจากนั้นกลุ่มของศัตรูแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มทันที
ตั้งรูปแบบ!
รูปแบบเพลิงตะวันผลาญฟ้า!
ชายชราที่เป็นผู้นำตะโกนออกมาเสียงดัง ผู้คนที่อยู่รอบตัวของเขาเริ่มประจำตำแหน่งต่างๆของรูปแบบทันที เมื่อรูปแบบนี้ถูกตั้งขึ้นแสงสีทองจางๆก็เปล่งประกายออกมาจากร่างกายของผู้คนที่อยู่ภายในรูปแบบทันที กลิ่นอายภายในร่างกายของพวกเขาก็ทรงพลังมากขึ้นทันที
ชิงสุ่ยขมวดคิ้วของเขาและเรียกอสูรสยบมังกรออกมา
เพลิงตะวันฉาย เผาผลาญ!
ทันใดนั้นผู้คนที่อยู่ภายในรูปแบบก็เริ่มส่งต่อแสงสีทองในร่างกายของพวกเขาไปยังร่างกายของชายชรา ในตอนนี้ชายชรานั่นดูสว่างจ้าราวกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อมๆ เขากวัดแกว่งกระบี่ของตนเองและปลดปล่อยเปลวเพลิงสีทองออกมาทันที
นี่เป็นเคล็ดวิชาของยอดฝีมือ
ในตอนนี้ชิงสุ่ยอยากจะหัวเราะออกมา เขามีกายาทองคำ 9 หยางและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านกายาทองคำ 9 หยางและเปลวเพลิงขั้นแรกเริ่ม เขาสามารถลดความเสียหายของธาตุไฟที่เข้ามาลงไปได้ถึง 80% ไม่เพียงเท่านั้นเขายังมีลูกประคำอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ซึ่งช่วยให้เขาลดพลังโจมตีด้วยพลังวิญญาณที่เข้ามาลงไปได้ 50% แม้ว่ามันจะเป็นเปลวเพลิงที่รุนแรงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา มันก็ไร้ค่าไปในทันที
ชิงสุ่ยใช้เคล็ดเปลวเพลิงบรรพกาลหยิน-หยางของเขาออกไปทันทีและทำลายเปลวเพลิงที่อยู่รอบตัวของเขาออกไป นี่คือเคล็ดวิชาที่เป็นเอกลักษณ์ของนิกายตะวันฉาย เหตุผลที่พวกเขาสามารถปกครองพื้นที่ของตนเองได้อย่างเหนียวแน่นก็เป็นเพราะเพลิงตะวันฉายนี้ แต่ในตอนนี้มันกลับไร้ค่าเมื่ออยู่ตรงหน้าชิงสุ่ย มันส่งผลต่อหัวใจของพวกเขามากยิ่งนัก และยังทำให้พวกเขาต้องลังเลที่จะโจมตีครั้งต่อไป
ทำลาย!
เพียงพริบตาชิงสุ่ยก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านขวาของรูปแบบนี้ เขาแทงง้าวทองทะลวงศัตรูของตนเองออกไปทันที
ทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึก!
เป้ง!
เสียงแหลมดังขึ้นมา ผู้คนที่อยู่ภายในรูปแบบแตกกระจายออกทันทีราวกับรังมดที่โดนน้ำ พวกเขารีบก้าวกลับมาประจำตำแหน่ง อสูรสยบมังกรก็ได้แอบเข้าไปโจมตีได้เช่นกัน เพียงพริบตารูปแบบเพลิงตะวันผลาญฟ้าก็ได้พังทลายลงไป
ภายใต้ผลของยาเม็ด9โคจรทองคำ ชิงสุ่ยและอีก 3 คนนั้นได้กลายเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในมหาทวีปมังกรอหังกาล มีเพียงชายชราไม่กี่คน และพวกปีศาจที่ซ่อนเร้นตัวเองเอาไว้เท่านั้นจึงจะสามารถต่อกรกับพวกเขาได้ สำหรับคนอื่นๆแม้แต่ประมุขนิกายก็ไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้เลย
นอกจากนี้คนอย่างชิงสุ่ยและประมุขอสูรนั้นไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าพวกเขากำลังทำอะไร ความคิดของพวกเขานั้นไม่เหมือนกับคนธรรมดา แม้แต่ฮัว รูเหม่ยและซาน ยูก็ไม่อาจคาดการณ์ได้ถึงความคิดของชิงสุ่ยและประมุขอสูร
การต่อสู้จบลงไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยและสัตว์อสูรของเขาโดยเฉพาะอสูรสยบมังกรทำให้การต่อสู้ครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นราวกับว่าพวกมันมีชีวิตอยู่เพื่อสังหารเท่านั้น ไม่ว่าสัตว์อสูรตัวไหนที่ปรากฏตัวขึ้นในการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะถูกอสูรสยบมังกรสังหารไปในทันที แม้ว่าพวกมันจะทรงพลังอย่างยิ่งแต่เมื่อถูกโจมตีก็ตายไปอย่างง่ายดาย
อสูรสยบมังกรนั้นรวดเร็วยิ่งนัก มันเหมือนกับนักฆ่าที่แม้จะไม่ได้มีพลังมากมายนักแต่ก็อันตรายอย่างยิ่ง สัตว์อสูรตัวอื่นๆนั้นไม่อาจโจมตีมันได้เลย มันสามารถยื้อเวลาจากศัตรูได้นานและสามารถต่อสู้ได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม
ตลอดการต่อสู้นั้นมีคนล้มตายอย่างต่อเนื่อง ถานท่าย หลิงเยียนกำลังปะทะอย่างรุนแรงกับชายชราที่ได้รับการป้องกันอย่างเต็มที่ ท่าเท้าของถานท่าย หลิงเยียนนั้นไม่อาจคาดเดาได้เลย นางไม่ได้ดูเหมือนจะพยายามสังหาร กลับกันนางเหมือนกับกำลังเต้นระบำอย่างสง่างาม ทุกๆครั้งการโจมตีที่นางปลดปล่อยออกไปนั้นอยู่ในระดับหนึ่งเดียวกับสวรรค์
ชิงสุ่ยยิ้ม หญิงสาวผู้นี้น่ากลัวอย่างแท้จริง เมื่อคิดถึงพลังเทวะแห่งเต๋าของนางที่ทำให้นางก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในตอนนี้ ชิงสุ่ยก็รู้สึกได้ว่านางนั้นทรงพลังยิ่งกว่าเขาอยากเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่าระดับพลังของชิงสุ่ยในตอนนี้นั้นต่ำเกินไป แต่เขาสัมผัสได้ว่านางนั้นอยู่เหนือกว่าเขาขึ้นไปอีกประมาณ 2 ระดับ
พลังเทวะแห่งเต๋าของนางที่เพิ่มขึ้นนั้นช่วยเพิ่มพลังให้เเก่เคล็ดวิชาของนางอยากเห็นได้ชัด ชายชราที่กำลังรับการโจมตีของนางนั้นได้รับบาดเจ็บในทันที
สำหรับยอดฝีมือในระดับนี้แล้วพลังไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะชนะการต่อสู้ได้ ยกตัวอย่างเช่น อสูรสยบมังกรในด้านของพลังมันอาจมีพลังเพียงระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ พลังของมันนั้นไม่ได้มากไปกว่า 8 ล้านสุริยาเลย อย่างไรก็ตามแม้แต่สัตว์อสูรที่มีพลังมากกว่า 10 ล้านสุริยาก็ต้องหวาดกลัวมัน
ท่วงท่าฟาดฟันตะวันฉาย!
มีบาดแผลมากกว่า 10 แห่งทั่วร่างกายของชายชรา มันอาจไม่ได้รุนแรงแต่ก็ไม่ได้เบาเช่นกัน ตอนนี้ชายชราได้ตระหนักว่าเขาไม่อาจจะทำให้การต่อสู้ครั้งนี้พลิกผันกับมาได้ โชคชะตาของนิกายตะวันฉายได้ถูกตัดสินแล้ว แต่มันคงจะดีถ้าหากว่าเขาสามารถปกป้องชีวิตของทุกๆคนเอาไว้ได้ก่อนที่เขาจะตายไป
เขาตัดสินใจปลดปล่อยเคล็ดวิชาที่ทรงพลังที่สุดของเขา ทักษะสังหารไร้ปรานี
เมื่อใช้ใส่เป้าหมายแล้วมันจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดในร่างกายของเขาออกไป ทุกๆครั้งที่เขาใช้เคล็ดวิชานี้ เขาจะได้รับผลที่จะทำให้อยู่ในสภาพที่อ่อนแอเป็นเวลา 1 เดือน แต่เคล็ดวิชานี้นั้นทรงพลังอย่างยิ่ง
ปราณกระบี่สีทองขนาดยักษ์ที่ดูสว่างใสอย่างยิ่งฟาดฟันลงไปหาถานท่าย หลิงเยียน
ชิงสุ่ยสบถขั้นมาในใจทันทีเมื่อเขาเห็นปราณกระบี่นี้ เมื่อคิดว่าชายชราปลดปล่อยเคล็ดวิชาลับของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ไม่มีเวลาที่ชิงสุ่ยจะได้ทำอะไรเลย เขาใช้ความสามารถของแหวนศิลาหยกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทันทีและไปปรากฏตัวตรงหน้านาง
ในเวลาเดียวกันปราณกระบี่ขนาดใหญ่ก็พุ่งตรงมาที่เขา
นี่เป็นการโจมตีธาตุไฟ ชิงสุ่ยรู้สึกเสียใจเล็กน้อยในตอนนี้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้อยู่ตลอดเวลา? ทักษะสังหารไร้ปรานีของชายชรานั้นทรงพลังอย่างยิ่ง เพราะเขาต้องสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อใช้เคล็ดวิชานี้ออกไป หากเขาไม่อาจสังหารศัตรูได้ด้วยเคล็ดวิชานี้ สิ่งเดียวที่รอคอยเขาคงจะเป็นความตายของตัวเองเท่านั้น
บ่อยครั้งที่เมื่อยอดฝีมือ 2 คนปะทะ การตัดสินจะเกิดขึ้นเมื่อใช้ทักษะสังหารไร้ปรานีไป
เป้ง!
ชิงสุ่ยเอาร่างกายของตนเองบังหญิงสาวเอาไว้ โดยไม่ปล่อยให้ความเสียหายเพียงเล็กน้อยส่งผลไปถึงด้านหลังของเขา
เหตุผลที่ชิงสุ่ยกล้าที่จะทำเช่นนี้ก็เพราะความสามารถของเกราะทองคำวชิระของเขา มันทำให้เขาสามารถรับการโจมตีที่รุนแรงได้หนึ่งครั้งต่อวัน
เมื่อชายชรามองเห็นทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อยสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนกับปลาตายทันที ไม่นานหลังจากนั้นร่างกายของเขาก็อ่อนแอลงไปอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้อสูรสยบมังกรได้กระโดดเข้ามาหาชายชราและจบเรื่องทุกๆอย่าง
ชายชราเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังที่สุดในนิกายตะวันฉาย เขายังเป็นประมุขนิกาย น่าเสียดายที่เขาถูกทำให้อ่อนแอลงไปก่อนหน้านี้แต่ทักษะสังหารไร้ปรานีของเขานั้นก็ยังถือว่าทรงพลังอยู่ดี
สำหรับคนที่เหลือ มากกว่าครึ่งนั้นตายไปเพราะสัตว์อสูรและเต่าเฒ่า พลังของเต่าเฒ่านั้นก็ถือว่ามากยิ่งนัก แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมันนั้นคือการป้องกัน เมื่อมีเต่าเฒ่าอยู่ที่นี่ทำให้สัตว์อสูรที่เหลือนั้นสังหารศัตรูได้อย่างปลอดภัย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีฮัว รูเหม่ยและซาน ยู เมื่อรวมพลังของพวกเขากับสัตว์อสูรนั้นก็เกินกว่า 50 ล้านสุริยา
“เมื่อไหร่เจ้าจะไปจากข้าเสียที?” ที่จริงก่อนหน้านี้ถานท่าย หลิงเยียนก็รู้สึกกลัวอยู่นิดหน่อย หากชิงสุ่ยไม่ปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้านี้และแม้ว่านางจะไม่ตายแต่นางก็คงต้องได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน ความจริงแล้วโอกาสที่นางจะตายนั้นก็ถือว่าสูงยิ่งนัก แม้ว่านางจะสามารถป้องกับการโจมตีของชายชราได้แต่ก็ยังมีคนอื่นๆที่ยังคอยโจมตีนางซ้ำ
ในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุดเขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เป็นแบบนี้ ในครั้งแรกนั้นชิงสุ่ยได้รับบาดเจ็บ แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย
นางรู้สึกงุนงงเพราะเหตุนี้ สิ่งเดียวที่ชิงสุ่ยตระหนักได้ตอนที่เขาออกไปรับการโจมตีครั้งที่แล้วนั้นไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่ครั้งนี้มันถือว่ารุนแรงอย่างยิ่ง เพราะชายชราผู้นี้คือผู้ที่ทรงพลังที่สุดในนิกายตะวันฉาย ด้วยเคล็ดวิชาของเขา ชายชราสามารถสังหารผู้ที่มีพลังมากกว่าเขาหนึ่งหรือสองเท่าได้เลย
ชิงสุ่ยกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา
“ขอบคุณ ข้าไม่ต้องการให้เขาได้ตายไปอย่างง่ายดายนัก ชายผู้นี้ได้สังหารครอบครัวของข้าไปหลายคนก่อนหน้านี้” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โศกเศร้า
ชิงสุ่ยหายใจเข้าไปลึกๆ “กลิ่นที่ดี!”
ทันทีที่เขากล่าวจบเขาก็ปล่อยนางออกจากอ้อมแขนทันทีและพุ่งตรงไปหาคนอื่นๆ
ถานท่าย หลิงเยียนตกตะลึง นางต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะคิดออกว่าที่ชิงสุ่ยกล่าวก่อนหน้านี้นั้นหมายความว่าอะไร นางส่ายศีรษะและมองออกไปที่การต่อสู้ตรงหน้า
การต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผู้คนมากมายที่อยู่เบื้องล่างพยายามที่จะหลบหนี ชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาไม่ได้พยายามหยุดคนพวกนั้นแต่อย่างใด ความจริงแล้วเหล่าคนที่เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้มาตั้งแต่แรกก็ยังคงต่อสู้อยู่ในขณะนี้ ผู้คนที่พยายามหลบหนีนั้นส่วนใหญ่ไม่มีส่วนร่วมกับการต่อสู้เลย