บทที่ 1510 – สังหารราชาหมีทองคำ
ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่หลีกเลี่ยงคำถามเพื่อให้เขาจะได้ไม่ต้องตอบคำถามเพื่อให้สิ้นเปลืองเวลามากมายนัก
สถานที่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณจิตเปรียบเสมือนสถานที่หล่อเลี้ยงหรือเป็นเส้นเลือดหลักที่ถ่ายทอดพลังปราณไปทั่วหุบเขาปราณจิต โดยปกติพื้นที่ปราณจิตจะมีพื้นที่เพียงแค่ขนาดเล็กๆเท่านั้น แต่พลังปราณจิตในพื้นที่แห่งนั้นจะยังคงเข้มข้นเสมอมา
ที่นี่ก็ถือเป็นหุบเขาขนาดเล็กซึ่งกินอาณาบริเวณโดยรอบประมาณ 10,000 เมตร แต่เมื่ออยู่บนโลกนี้มันก็คือพื้นที่เล็กๆ
ภายในพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยรูปแบบที่สร้างขึ้นด้วยหินขนาดใหญ่มากมาย แต่ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่รุนแรงพุ่งพล่านออกมาจากถ้ำหินที่ห่างไกลออกไป
ราชาหมีทองคำอยู่ที่ไหนกัน?
ชิงสุ่ยจ้องมองกลับไปยังผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างของเขาซึ่งเธอก็พยักหน้าและส่งสัญญาณให้กับชิงสุ่ยไปทางด้านที่มีต้นไม้เล็กๆอยู่
แม้ว่าจะเป็นต้นไม้ขนาดเล็กแต่ก็มีความสูงเท่ากับตัวคนและมีความหนาพวกแขนมนุษย์ กิ่งก้านที่แผ่ขยายของมันมีกลิ่นอายที่แข็งแรงราวกับดึงดูดสวรรค์ให้ลงมาสู่โลก
ดวงตาของเขาจ้องมองไปตามกิ่งก้านและพบว่ามีผลไม้ปรากฏอยู่บนต้น 10 ผล นั่นคือผล “ผลผลึกวชิระ”
“อืมม ถูกต้องแล้ว มันคือผลผลึกวชิระที่จะส่งในอีก 3 วันข้างหน้า และราชาหมีทองคำก็คือสัตว์ที่คอยปกป้องต้นไม้ต้นนี้ มันได้กินเข้าไปเพียงแค่คนเดียวเราก็คงไม่อาจรับมือมันได้”
โฮกกกกก!!!
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่เสียงคำรามสั่นสะเทือนโลกก็ดังขึน ชิงสุ่ยมองเห็นราชาหมีทองคำขนาดมหึมาตัวสูงกว่า 200 เมตรและขาหน้าขนาดใหญ่และหนาทั้งสี่ขาซึ่งปกปิดร่างกายจนแทบจะมองไม่เห็นอกและศรีษะเลย
ใหญ่โตมโหฬารย่อมต้องมีกรงเล็บและฟันที่แหลมคม ดวงตาของมันจับจ้องมาที่ชิงสุ่ยและหญิงสาวผู้นั้น
ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของราชาหมีทองคำ แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเขาไม่ได้อ่อนแอกว่ามันเลย สิ่งที่เขารู้ก็คือราชาหมีตัวนี้มีพลังในการป้องกันที่น่ากลัวอย่างมาก
ผลผลึกวชิระในผลไม้ที่จำเป็นสำหรับเราผู้ฝึกฝนปราณนักบุญเพราะจะช่วยส่งเสริมระดับพลังได้เป็นอย่างดี
ชิงสุ่ยจึงหันไปหาหญิงสาวผู้นั้นและกล่าวถามว่า “เจ้าก็เลยมาที่นี่เพื่อเฝ้ารอสินะ”
“อืม ถูกต้องแล้วล่ะ ตัวข้านั้นต้องการผลผลึกวชิระ ข้าจึงคิดว่าพาเจ้ามาหาหมีตัวนี้เลยพร้อมๆกันจะง่ายกว่า” หญิงสาวกล่าว
“แล้วยังมีอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วยอีกหรือไม่” ชิงสุ่ยไม่เชื่อว่าเธอจะมาที่นี่เพียงเพื่อหาผลไม้ให้กับสัตว์อสูรมังกรฟ้าของเธอ
“ถ้าหากตอนนี้ ข้าคงยังไม่มีอะไร ไว้เจอกันภายหลัง”หญิงสาวผู้นั้นพยักหน้าจงบอกให้จดจ่อกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะดูราชาหมีทองคำที่กำลังพุ่งมาหาชิงสุ่ย
เธอยกมือของเธอขึ้นพร้อมกับสะบัดฝ่ามือออกไปเป็นระลอกใส่ราชาหมีทองคำ
ปังงงง ปังงง ปังงงง……….
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กริยาท่าทางของราชาหมีทองคำอยู่ลง จากนั้นมันก็พยายามเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามโดยไม่ได้ถอยหลังกลับไปเลย
หญิงสาวผู้นั้นยังคงสะบัดฝ่ามือของเธอออกไปซ้ำแล้วซ้ำ
ราชาหมีทองคำยักษไม่อาจต้านทานฝ่ามือยกของหญิงสาวผู้นี้ได้ และค่อยๆถอยหลังไปทีละนิด
ชิงสุ่ยตกตะลึงเป็นอย่างแรกก็คือพลังการฟื้นตัวของเธอนั้นค่อนข้างอยู่ในระดับที่ดี เพราะเธอสามารถฟื้นคืนพลังและใช้มันซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อย่างต่อเนื่อง
“เจ้าอยากลองเผชิญหน้ากับราชามีทองคำยักษ์ตัวนี้ดูหรือไม่?”หญิงสาวกล่าวถามชิงสุ่โดยไม่ได้หันหน้าไปมองเลยแม้แต่น้อย
“อืม”
ชิงสุ่ยรีบพุ่งเข้าหาราชาหมีทองคำ พร้อมกับเส้นพลังปลาสีทองที่ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ก่อนที่เขาจะอัดกระแทกเข้ากับร่างกายอันมหึมาของเจ้าหมียักษ์ตัวนั้น
เพลงหมัดไทเก๊ก!!
การโจมตีของชิงสุ่ยแม้จะดูเปราะบางแต่ก็เข้าสู่จุดที่อ่อนแอที่สุดของราชามีทองคำซึ่งทำให้พลังปรานภายในของมันเกิดความไม่เสถียร
ร่างกายของราชาหมีทองคำถึงกับต้องถอยหลัง หลังจากสัมผัสเข้ากับเพลงหมัดของชิงสุ่ย แต่ถึงกระนั้นชิงสุ่ยก็ยังคงไล่ตามเข้าไปกระแทกหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ระดับความสามารถของเพลงหมัดที่ชิงสุ่ยใช้ออกมาไม่ได้แย่ไปกว่าหญิงสาวผู้นั้นเลย แต่ถึงกระนั้นพลังที่เธอปลดปล่อยออกมาก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าชิงสุ่ย
แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจคงเป็นเพราะว่าทักษะที่ชิงสุ่ยได้แสดงออกมานั้นเป็นทักษะที่ลึกซึ้งกว่าเป็นทักษะที่เธอไม่รู้จักเลย
แม้ว่าเขาจะโจมตีไปเท่าไหร่ก็ไม่อาจสร้างอาการบาดเจ็บให้กับราชาหมีทองคำได้ ร่างกายของมันนั้นเปรียบได้กับสุดยอดป้อมปราการเดินได้ ที่สามารถทนต่อการโจมตีได้ทุกรูปแบบ
ชิงสุ่ยถอนการโจมตีและกระโดดกลับเพื่อเว้นระยะและต้องการดูว่าหญิงสาวผู้นี้จะมีวิธีสังหารราชาหมีทองคำหรือไม่
และดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจเจตนารมณ์ของชิงสุ่ย เธอยิ้มอย่างน่ารักเล็กน้อย ซึ่งทำให้ชิงสุ่ยเหมือนข้ามไปอีกมิติหนึ่งก่อนที่เขาจะส่ายหน้าฟื้นคืนสติ
ในระหว่างที่ชิงสุ่ยพุ่งออกมาโจมตี หญิงสาวผู้นั้นก็กำลังเอื้อมมือออกไปพร้อมกับสะบัดแขนโบกเป็นคลื่นระยิบระยับ ซึ่งหลังจากที่ชิงสุ่ยสังเกตเห็น เขาก็สามารถคาดเดาได้ว่าระลอกเหล่านี้คือการรวมพลังเพื่อเข้าโจมตี และไม่ให้ศัตรูสามารถป้องกันได้ทัน แต่ความรุนแรงจะมีมากน้อยเพียงใดย่อมต้องขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของศัตรู
ทันใดนั้นหญิงสาวก็ได้หยดน้ำที่มีขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารกลงไป มันค่อยๆทอแสงเป็นประกาย ซึ่งส่งผลต่อพลังปราณจิตของราชาหมีทองคำ
คลื่นผนึก!!
ราชาหมีทองคำดูเหมือนจะหวาดกลัวกับสิ่งแปลกประหลาดจนทำให้มันร้องเสียงออกมา แต่มันก็ไม่อาจขยับร่างกายของมันได้
ชิงสุ่ยค่อนข้างตกตะลึง จิตสังหารที่อยู่ในหยดลึกลับจะต้องเป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างมาก และนี่ก็คงเป็นไพ่ตายของเธอซึ่งเธอคงจะรู้อยู่แล้วว่าหากผสานเพลงหมากเข้ากับหยดน้ำชนิดนี้ย่อมสามารถเจาะทะลุผ่านปราการป้องกันอันใหญ่โตของราชาหมีทองคำได้
ทันทีที่คลื่นพลังกระทบเข้ากับร่างกายมัน ร่างกายของเจ้าหมียักษ์ก็ล้มลงอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เจ้าต้องการอะไรก็จงเก็บเอาตามใจชอบ ส่วนข้าขอตัวไปเก็บผลผลึกวชิระ” หญิงสาวผู้นั้นเหลือบมอง พร้อมทั้งกล่าวด้วยรอยยิ้มและเดินตรงไปหาต้นผลึกวชิระ
ชิงสุ่ย นำเอากรรไกรกันทองคำออกมาและลงมือแยกชิ้นส่วนของเจ้าหมียักษ์ตัวนั้นเพื่อนำเอาไม่ว่าจะเป็นถุงน้ำดีหมี หัวใจหมี แก่นแท้ กระดูกหมี รวมทั้งเส้นเอ็นตามที่เขาต้องการ
ในขณะที่เขาลงมือตัดหุ้มเท้าหมี รวมถึงอวัยวะเพศของหมี หญิงสาวผู้นั้นก็กลับมาพอดีแล้วเธอก็เห็นสิ่งที่ชิงสุ่ยกำลังลงมือทำอยู่ และแล้วใบหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง
ชิงสุ่ยจึงหันไปถามอย่างเป็นกันเองว่า “ชิ้นนี้เป็นของที่ดีมากเจ้าต้องการหรือไม่?”
หลังจากกล่าวจบเขาก็เริ่มรู้สึกตัวว่าคำพูดของเขานั้นเป็นคำพูดที่ผิดพลาดและเขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ได้แสดงความหยาบคายออกไป ส่วนหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าก็แสดงอาการโกรธเล็กน้อยเพราะเธอคิดว่าสิ่งที่ชิงสุ่ยทำจะต้องเป็นความตั้งใจของเขา
“ทำไมต้องไปเก็บไว้ใช้เองล่ะ”หญิงสาวผู้นั้นตอบกลับอย่างแข็งกระด้าง
ชิงสุ่ยชมองดูหญิงสาวผู้นั้นยื่นผลผลึกวชิระจำนวน 5 ผลให้กับเขา “สิ่งนี้ควรเป็นของเจ้า”
ผลผลึกวชิระสุดยอดวัตถุดิบที่แม้แต่สัตว์อสูรหรือมนุษย์จำเป็นต้องใช้
“เจ้าให้ข้ามากขนาดนี้จริงๆหรือ?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าวถาม
“พวกเราควรแบ่งกันคนละครึ่งสิ”หญิงสาวผู้นั้นกล่าวตอบ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าเอาเป็นต้นไม้ต้นนั้นดีกว่า”ชิงสุ่ยชี้ไปที่ต้นผลึกวชิระขณะกล่าวตอบ
“เจ้ากำลังคิดจะเคลื่อนย้ายมันจริงๆงั้นรึ?”หญิงสาวผู้นั้นจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ประหลาดใจ
“ถูกต้องแล้วล่ะ ขืนปล่อยมันไว้ที่นี่ก็คงต้องสูญเปล่าอย่างแน่นอน” ชิงสุ่ยตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าไม่รู้จริงหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าต้นไม้ต้นนี้จะออกผลได้ต้องใช้เวลาแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่าพันปีและถ้าหากมันขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยมันก็จะตาย แต่เจ้ายังคิดที่จะย้ายมันอีกงั้นเหรอ?” หญิงสาวผู้นี้ไม่เชื่อสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าว
ชิงสุ่ยหงุดหงิดเล็กน้อยในเมื่อเขากล่าวแล้วแต่เธอก็ยังไม่เชื่อเขาจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าและแสดงให้ดู
ชิงสุ่ยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการเคลื่อนย้ายต้นผลึกวชิระ ทุกกระบวนการล้วนแล้วแต่ทำด้วยความระมัดระวังไม่ให้ส่งผลต่อรากมากเกินไป ซึ่งตัวของหญิงสาวผู้นั้นคิดตลอดว่าเขาจะต้องใช้รากในการทำยาจึงจำเป็นต้องเก็บรักเอาไว้ให้สมบูรณ์ ยังไงซะผลของมันก็จะโตได้อีกต่อให้ต้นไม้รอดก็อีก 1000 ปี
ชิงสุ่ยเสแสร้งทำเป็นหยิบแหวนมิติออกมาแต่เขาก็จะเอาต้นไม้นั้นใส่เข้าไปในดินแดนหยกยุพราชอมตะแทน เพื่อใช้มันเป็นข้ออ้าง
เมื่อกระทำการทุกอย่างจะเสร็จสิ้น เขาก็นึกถึงแผนที่สมบัติและมีความคิดใหม่ๆเพราะดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นคนที่ทรงพลังเช่นกัน
“เจ้ายังมีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำอีกหรือไม่?”ชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่าตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องทำแล้ว เขาจึงเอ่ยปากถาม
“เจ้าต้องการอะไรงั้นรึ?”
“พอดีข้าแผนที่สมบัติของใจกลางหุบเขาคุนเผิงอยู่ ซึ่งเหตุผลที่ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อตามหาที่ตั้งของสมบัติ”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม ไม่ใช่เพราะเขาหวาดกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายแต่เป็นเพราะหญิงสาวผู้นี้จะต้องเป็น 1 ใน 12 รูปภาพโฉมงาม เขาจึงเชื่อมั่นและต้องการใกล้ชิดกับเธอ
ดวงตาของเธอจ้องเขม่งไปทางชิงสุ่ย “เจ้าไม่กลัวข้าจะหักหลังเจ้าแล้วปล้นแผนที่สมบัติเป็นของตัวเองงั้นเหรอ?”
“การที่เจ้าจะสังหารข้าได้มันก็ไม่ได้ง่ายนักหรอก และข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องมีเรื่องที่ให้ข้าช่วยเหลืออีก ดังนั้นเจ้าคงจะไม่ลงมือโจมตีข้าในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน”
“หึ เจ้าเป็นคนฉลาดจริงๆ ไปกันเถอะ”หลังจากกล่าวจบหญิงสาวผู้นั้นก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า
ชิงสุ่ยออกคำสั่งเรียก มังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมา จากนั้นเขาก็ลังเลเล็กน้อยก่อนจะเชิญชวนหญิงสาวให้มายืนอยู่ด้านข้างเขา
หลังจากคุยกันมาตั้งนานชิงสุ่ยก็ยังไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับตัวเธอเลยแม้แต่อย่างเดียว เขาจึงกล่าวด้วยคำพูดที่ดูแปลกประหลาดว่า “เอ่อ ข้าเพิ่งนึกได้ว่าข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวของเจ้าเลย”
“เจ้าอยากรู้อะไรงั้นรึ!!”หญิงสาวคนนั้นกล่าวขณะที่หันหน้ามาหาชิงสุ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่มีความสง่างาม ความเขินอายและความเคร่งขรึมผสมผสานกันอย่างลงตัว