บทที่ 1525 –การต่อสู้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้แต่มองไปที่ชายชรา และเลิงยี ก่อนที่จะกล่าว”ในเมื่อทุกๆอย่างมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเจ้าก็อย่ามาเสียทีหลังแล้วกัน”
“ข้าเลิง ยี ไม่เคยเสียใจอะไรในชีวิตของข้า.” เขากล่าวออกมาอีกครั้งอย่างมั่นคง
“เอาล่ะ งั้นมาเริ่มกันเถอะ!”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยมั่นใจว่าเขาได้เปรียบอย่างมาก ด้วยปราณวิชระและวิชระสยบอสูรของมังกรไอยรา เครื่องรางสวรรค์ ปราณจักพรรดิและทักษะล่าสังหารที่เขามีอยู่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับอีกฝ่าย
ในขณะที่ทุกอย่างเริ่มขึ้น เลิง ยี และราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬก็ได้เริ่มเคลื่อน พวกมันได้สร้างกลุ่มเมฆหมอกสีดำขึ้นออกมาและรายล้อมชิงสุ่ยเอาไว้
การครอบงำพื้นที่!
ชิงสุ่ยไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเมฆเหล่านั้นคือพิษที่ถูกสร้างมาจากราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬ เพื่อใช้ในการสังหาร แต่ถึงอย่างไรก็ตามันก็ไม่ได้มีผลอะไรสำหรับเขา ด้วยร่างกายที่สามารถต้านพิษของเขาทำให้เขาไม่ได้รับผลอะไรเลยจากมัน อย่างไรก็ตามยังมีฉินชิงและสัตว์อสูรของเขาที่ยังอยู่ในที่แห่งนี้ มันจึงทำให้เขาต้องปัดป้องเมฆหมอกสีดำนั้นออกไป เช่นเดียวกับมังกรฟ้าที่เริ่มตอบโตกลับ
คำราม!
ในตอนนี้มังกรฟ้าได้ปล่อยให้เสียงคำรามดังก้องออกมา เสียงคำรามที่สามารถทำให้สายน้ำนั้นไหลย้อนกลับ ได้ทำลายเมฆหมอกสีดำไปจนสิ้น
แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ได้ส่งผลต่อราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬ เลิงยี และชาราทั้งสองมากนัก พวกเขานั้นยังคงนิ่งสงบอยู่เพื่อรอจังหวะ
ตูม!
ชิงสุ่ยนั้นไม่ได้รอให้อีกฝ่ายเริ่มก่อนอีกต่อไป ในตอนนี้ปราณจักรพรรดิ ทักษะลางสังหาร ได้ถูกใช้ออกมาในทันที ในขณะที่อสูสยบมังกรได้จู่โจมลงไปบนร่างกายของราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬ
ในเวลานั้นเองชิงสุ่ยได้ เรียกอสูรอัสนีคลั่งออกมา เพื่อปล่อยอัสนีกัมปนาทออกมา เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมัน นอกจากนี้เขายังได้นำเรียกแมงมุมแปดเศียรออกมา ตามด้วยมังกรไอยราเกล็ดทองคำ ชิงสุ่ยได้เรียกสัตว์เกือบทั้งหมดของเขาออกมาเพื่อป้องกันความคิดพลาดในตอนนี้
ก่อนที่ชิงสุ่ยจะให้ฉินชิงขยับไปอยู่ทางด้านหยัง เพื่อลดความเสี่ยงที่เธอจะได้รับอันตราย ด้วยพลังของวิหคเพลิงและรูปแบบของเขาในตอนนี้มันให้ชิงสุ่ยนั้นดูอันตรายอย่างมาก
ต่างกับฉินชิงที่ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร่ ว่าเธอจะสามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้รึไม่หากเป็นตัวเธอเองในตอนนี้
ถึงอย่างไนตอนนี้เธอทำได้แค่สู้ ตอนนี้เธอค่อยๆยกมือขึ้นและเรียกวิหคเพลิงเหมันต์ออกมา มันได้ปรากฏอยู่เหนือมือของเธอในตอนนี้ มันเป็นอสูรที่งดงามอย่างมาก นอกจากนั้นมันยังเต็มไปด้วยความลัพธ์ที่มากมาย ถึงอย่างไรก็ตามมันก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่แสนอันตราย
หลังจากนั้นเธอได้โบกมือของเธอ ก่อนที่จะส่งมันออกไปจู่โจมราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬที่ถูกหยุเดเอาไว้ในตอนนี้
ปัง
ร่างกายของราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬได้ถูกแช่แข็งโดยทัน แม้แต่เสียงคำรามของมันนั้นก็ยังสามารเปล่งออกมาได้ หลังจากการจู่โจมดังกล่าววิหคเพลิงเหมันต์ได้บินกลับมาอยู่ข้างๆเธอ
จากนั้นวิหคเพลิงเหมันต์ของเธอได้เร่งความเร็ว พุ่งเข้าจู่โจม ราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬอีกครั้ง
ตูม!
หลังจากเสียงระเบิดที่ดังก้องขึ้นไปรอบๆศีรษะของราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬ และในชั่วพริบตา ศีรษะของมันได้ขาดหายไปเหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น
ด้วยพลังของฉินชิง มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะสามารถในการกำจัดราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬในเวลาไม่กี่วินาที ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือทุกๆอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและเร็วเกินไป ชิงสุ่ยหันไปมองที่เธอและยิ้มออกมา
คนเหล่านี้นั้นจะต้องตายลงในวันนี้อย่างแน่นอน
ในตอนนี้พวกเขาไม่คาดหวังว่าผู้หญิงคนนี้จะอันตรายถึงขั้นนี้ เมื่อเห็นเรื่องนี้ชายสองคนนั้นได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะจัดการกับฉินชิง โดนไม่ฟังคำสั่งของเลิงยีอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นเธออาจจะสร้างปัญหาให้พวกเขาได้ในอนาคต
หุบเขาเก้าเทวา!
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของชายชราทั้งสองชิงสุ่ยได้ตัดสินใจที่จะใช้หุบเขาเก้าเทวาออกมา ถึงแม้ในตอนนี้มันนั้นจะไม่สามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้ แต่ถึงอย่างไรมันนั้นก็มีประโยชน์ที่ใช้ในการหยุดยั้งอีกฝ้าย
ทักษะล่าสังหาร!
เมื่อเห็นว่าตัวเองเสียบเปรียบชายชราทั้งสองได้แต่ต้องถอยหลังกลับในตอนนี้
ตอนนี้อสูรสยบมังกรได้ไล่สังหาร ราชันย์อสูรเกล็ดทีละตัวๆ ด้วยความสามารถที่เกิดมาในการกำจัดสายเลือดของมังกรทำให้มันได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้ครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นราชันย์อสูรเกล็ดที่มีสายเลือดที่อ่อนแอกว่ามังกรดำ จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่มันจะสามารถต่อต้านได้เลย นอกจากนี้พวกมันยังมีความหวาดกลัวในตัวของอสูรสยบมังกรอย่างมาก
นอกจากนี้พวกมันยังถูกจำกัดความสามารถลงด้วยทักษะทั้งหมดของชิงสุ่ย ทำให้มันไม่แม้แต่จะสามารถต้านทานอสูรสยบมังกรได้เลย
ด้วยหุบเขาเก้าเทวาทำให้ชายชราทั้งสองไม่สามารถทำอะไรได้ แต่มองดูอสูรของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กๆอย่างทารุณ พวกมันเป็นสัตว์อสูรที่มีค่าอย่างมากสำหรับพวกเขา
ในตอนนี้เลิงยีโมโหอย่างมากเขาได้พุ่งตรงเข้าใส่อสูรสยบมังกรในทันที ด้วยพลังของราชาอสูรเจียวทำให้ในตอนนี้อสูรสยบมังกรพ่ายแพ้ให้กับเขาในเรื่องของพลัง
ในตอนนี้อสูรสยบมังกรได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ชิงสุ่ยจึงสั่งให้มันถอยออกมา และเปลี่ยนให้อสูรนรกรัตติกาล และอสูรอัสนีคลั่งเข้าจู่โจมเลิง ยีแทน
ก้าวพสุธามังกรไอยรา!
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้นำเอาง้าวทองคำทะลวงศึกออกมา ขณะที่เข้าตรงเข้าใส่เลิงยีในเวลาเดียวกัน ในตอนนี้เมื่อเลิงยีเห็นง้าวในมือของชิงสุ่ยเขาเองก็แอบตกใจไม่น้อย แต่สิ่งที่เขาตกใจมากกว่านั้นคือความเร็วของชิงสุ่ย
หนึ่งคือผู้สืบทอดมรดกของพระเจ้า และอีกหนึ่งคือผู้สืบทอดมรกดของจอมปิศาจ(เทพอสูร)
สำหรับง้าวทองคำทะลวงศึกของชิงสุ่ยจัดอยู่ในอาวุธระดับที่สามในระดับทั่วไปของมรดกของพระเจ้า แต่สำหรับราชาอสูรเจียวจัดได้ว่าเป็นมรดกของชั้นยอดระดับที่หนึ่งของจอมอสูร
มันจึงทำให้ความแข็งแกร่งของอาวุธของชิงสุ่ยด้อยกว่าเลิงยีหลายเท่า แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็ยังมีทักษะอื่นๆที่สามารถทดแทนได้ แต่เขาก็ยังไม่อยากใช้มัน นั้นเพราะเขาไม่อยากจะแสดงความสามารถทั้งหมดออกมาในตอนนี้
อย่างไรก็ตามมีเพียงปราณจักรพรรดิและ ทักษะล่าสังหารเท่านั้นที่มีบทบาทในตอนนี้
ชิงสุ่ยนั้นรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นมีทักษะที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองได้ แต่ถึงอย่างไรมันนั้นก็ยังน้อยกว่าการจำกัดความแข็งแกร่งของเขา
ทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึก, ย่างก้าวเก้าเทวา!
หลังจากที่ชิงสุ่ยได้เข้าร่วมต่อสู้ทำให้ อสูรสยบมังกรนั้นได้มีโอกาสสังหารราชันย์อสูรเกล็ดที่เหลือ ในตอนนี้เหลือเพียงพวกมัน5ตัวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าชายชราทั้งสองคนจะรู้ดีว่าอสูรของเขานั้นไม่สามารถต่อกรกับอสูรสยบมังกรแต่ถึงอย่างไรพวกเขานั้นก็ต้องฝืนใช้พวกมัน พวกเขาจะเป็นต้องยื้อเวลาให้มากกว่านี้
ในขณะนี้อสูรเหล่านั้นถูกเคลื่อนไปอยู่ข้างหลังเลิงยี และทำหน้าที่คอยสนับสนุนเท่านั้น วิธีนี้จะสามารถทำให้พวกมันนั้นปลอดภัยจากอสูรสยบมังกรได้
ในขณะนี้ฉินชิงได้แยกตัวออกมา และได้กำลังต่อสู้กับชายชราทั้งสองคน โดยมีมังกรฟ้าแมงมุมแปดเศียรและอสูรนรกรัตติกาล คอยช่วยเหลือ
ชิงสุ่ยรู้ว่าเขานั้นไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี่ให้นานกว่านี้ หากปล่อยให้มันนานกว่านี้อาจเป็นเขาเองที่พลาดท่า เขาจึงสั่งให้อสูรอัสนีคลั่งจู่โจมในตอนนี้
อัสนีกัมปนาท…
ในตอนนี้ เลิงยีนั้นรู้ดีถึงความอันตรายของทักษะดังกล่าว มันทำให้เขานั้นกระโดดหลบไปทางด้านข้างและโคจรพลังของเขาเพื่อที่จะสังหารมัน
รูปแบบมังกร!
เคล็ดรูปแบบมังกรทะลายสวรรค์!
เลิงยี ได้ปลดปล่อยทักษะทักษะสังหารไร้ปรานีของราชาอสูรเจียวออกมา กระแสลมสีดำเข้มดังเงาได้พุ่งเข้าใส่ชิงสุ่ยกั้นไม่ให้เข้าไปช่วยอสูรอัสนีคลั่งในตอนนี้
ตูม
อสูรอัสนีคลั่งที่ปกคลุมด้วยสายฟ้าสีม่วงได้ลอยกลับมาจากผลกระทบ ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ทราบแน่ชัดว่า มันนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ถึงอย่างไรเขานั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจของมัน
ในตอนนี้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิต ในตอนนี้ชิงสุ่ยโมโหอย่างมาก
ทักษะย่างก้าวเก้าเทวาผกผัน!
ด้วยทักษะดังกล่าวทำให้ชิงสุ่ย และอสูรอัสนีคลั่งถูกย้ายไปที่อื่นโดยทันที โชคดีที่อสูรอัสนีคลั่งนั้นแข็งแกร่งเพียงพอจึงไม่ถูกสังหารในทันที ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้แต่มองไปที่ร่างของมันที่อาบด้วยสายฟ้าสีม่วง
ด้วยผลของทักษะอัสนีหวนคืนของมันทำให้มันรอดตายมาได้ นอกจากนี้ด้วยผลของมันจะทำให้ร่างกายของมันฟื้นตัวขึ้นได้เร็วกว่าทั่วไปถึง10เท่า นี่คือทักษะที่ทรงพลังที่สุดของมัน ตราบเท่าที่มันมีลมหายใจอยู่มันจะสามารถฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้ในทันที70%ของอาการบาดเจ็บ
ในตอนเลิงยีนั้นโมโหอย่างมากแม้เขาจะใช้ทักษะที่รุนแรงที่สุดของเขาออกมาแล้วเขานั้นก็ไม่สามารถสังหารอสูรอัสนีคลั่งได้ มันทำให้เขานั้นอยากจะบ้าตาย
อัสนีจู่โจม!
อัสนีจู่โจม!
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ใช้ย่างก้าวเก้าเทวาของเขาและไปปรากฏตัวที่ด้านหน้าเลิงยี ก่อนที่จะใช้ง้าวในมือฟาดลงไปที่หัวของเขา ถึงแม้มันจะไม่อาจสังหารเขาได้ แต่มันก็สามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
อ๊ากก!
เลิงยีตะโกนร้องออกมาอย่างเสียงดัง คล้ายกับการร้องของสัตว์อสูร ในตอนนี้ชายทั้งสองคนนั้นตกใจอย่างมาก เมื่อฉากดังกล่าว นั้นเพราะเลิงยีในตอนนี้นี้ได้สวมทับร่างชองราชาอสูรเจียวอยู่ จึงทำให้มีความแข็งแกร่งของร่างกายที่มากกว่าคนทั่วไปถึง10เท่า แต่เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ว่าเลิงยีจะอ่อนแอกว่าพวกเขา แต่เมื่อเขาสวมทับร่างชองราชาอสูรเจียวแล้ว ความสามารถของพวกเขาแทบจะไม่ต่างกัน อาจกล่าวได้ว่าเลิงยีมีพลังป้องกันมากว่าพวกเขาเสียอีก ดังนั้นมันจึงทำให้พวกเขาคิดกว่าจะเป็นอย่างไร หากเป็นพวกเขาที่รับการจู่โมดังกล่าว
ในตอนนี้ชายชราทั้งสองเริ่มอยากที่จะถอนตัวออกมาจากการต่อสู้ในครั้งนี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ฉินชิงจะยอม แต่ถึงอย่างไรเธอนั้นก็ไม่สามารถสังหารพวกเขาได้ นอกจากนี้พวกเขานั้นยังมีหน้าที่ดูแลเลิงยีอีกด้วย มันจึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะถอยไป
ด้วยความกังวลชายชราคนหนึ่งได้ตรงเข้าไปหยุดชิงสุ่ยที่กำลังจะฟาดลงไปที่เลิงยีอีกครั้ง
ด้วยความกังวลฉินชิงได้สั่งให้มังกรฟ้านั้นเขาไปช่วยชิงสุ่ย
ตูม!
ชายชราได้ปัดการจู่โจมดังกล่าวออกไปและพุ่งต่อไป
เมื่อชายชรามาถึงร่างของเลิงยีได้เริ่มหดตัวลงและร่วงหล่นลงไปข้างล่าง ในตอนนี้ศีรษะของเลิงยีเต็มไปด้วยเลือด ที่เกิดจะลอยแยกขนาดใหญ่บนหัวของเขา ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังมีชีวิตอยู่แต่ชายชราก็บอกได้เลยว่าเขานั้นได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส
ในตอนนี้ดวงตาของชายชราเต็มไปด้วยความโกรธ แต่ถึงอย่างไร เขาก็รู้ว่ามันจบแล้ว เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะเป็นเช่นนี้มาก่อน ในตอนนี้ชายชราต้องการที่จะเข้าประลองกับชิงสุ่ยดูสักครั้งแต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะทำมัน เพราะเขารู้ดีถึงความต่างชั้น
ในตอนแรกถ้าเขารู้ว่าชิงสุ่ยแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ เขาคงจะแสดงท่าทีที่ให้เกียรติชิงสุ่ยและแสดงความเคารพอย่างสุดซึ้ง แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว นี่นับว่ามันคือป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดของพวกเขา ความผิดพลาดบางอย่างก็ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะมันจะไม่มีโอกาสที่จะให้เขากลับมาแก้ไข
“ถ้าเจ้าฆ่า เลิงยี แห่งตระกูลเลิงจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์จะไม่ปล่อยเจ้า ” ชายแก่ตะโกนและตะโกน
ชิงสุ่ยไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลเลิงมาก่อน และเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวข้องกับจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์เลย และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ใช่คนที่จะถูกข่มขู่ได้โดยคำพูดเพียงอย่างเดียว ในตอนนี้หากไม่ใช่ผู้บ่มเพาะขั้นสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็ไม่มีใครที่จะสามารถทำให้เขากลัวได้ นอกจากนี้ผู้บ่มเพาะขั้นสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็มีตัวตนอยู่น้อยนิดเท่านั้น และพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่จะมาสนใจเรื่องงไร้สาระเช่นนี้
มันทำให้เขานั้นเลือกที่จะไม่สนใจคำพูดของชายชรา ขณะที่เขารีบตรงไปหาชายชรา แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาเล็งเอาไว้ ผู้ร้ายที่แท้จริงในตอนนี้คือวิหคเพลิง
เพชณฆาต 9 วิญญาณ! ชิงสุ่ยต้องการจบเรื่องในครั้งนี้