บทที่ 1545 – พลังกระทิงยักษา พลังอันลึกลับ
เมื่อพวกเขาเข้าสู่ห้องโถง ชิงสุ่ยรู้สึกถึงแรงกดดันที่มากขึ้น มันทำให้เขารู้สึกหดหู่ ตามเหตุและผล เมื่อเข้าใกล้สมบัติมากเท่าไหร่ แรงกดดันแลอันตรายก็จะยิ่งมากขึ้น อย่างไรก็ตามปราณกระทิงคลั่งยังคงไหลเวียนไปรอบร่างกายของเขาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
เขาหันศีรษะกลับไปและค้นพบว่าสีหน้าของฉินชิงดูซีดเซียว เธออยู่ภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วง เขาไหลเวียนพลังปราณกระทิงคลั่งเข้าสู่ร่างกายเธอ
เพียงชั่วขณะ ฉินชิงรู้สึกว่าแรงกดดันลดลงไปมาก ก่อนหน้านี้แรงกดดันแทบจะทำให้เธอหายใจไม่ได้
มันทำให้ชิงสุ่ยเกิดความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น สมบัติเช่นใดกันที่อยู่ที่นี่? มันสามารถแผ่รัศมีแรงกดดันออกมาได้อย่างน่าหวาดกลัว
สถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่ มันดูเป็นธรรมชาติ ห้องโถงนั้นดูเล็กกว่าเมื่อเทียบกับเทือกเขา แต่มันก็มีขนาดใหญ่กว่าห้องโถงทั่วๆไปที่ชิงสุ่ยเคยเห็นมาก่อน
มีเสามากมายคอยรับน้ำหนักของห้องโถงเอาไว้ ฝุ่นหนาปกคลุมพื้นดินและไม่มีร่องรอยของการบุกรุก มันต้องนานมากแล้วที่มีคนเคยเข้ามาที่นี่
อันเป็นเพราะทุกคนไม่สามารถทนต่อแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ได้ นอกจากนี้ยังมีฝูงของกระทิงอสูรเพลิงทมิฬ
ชิงสุ่ยมองไปรอบๆและตระหนักว่ามันค่อนข้างดูสะอาดกว่าที่ควรจะเป็นและอากาศถ่ายเทดี มันคงใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ฝุ่นจะหนาเช่นนี้!
ถ้าหากที่นี่เป็นในช่วงชีวิตก่อนหน้าของเขา สถานที่นี้ต้องเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ฝุ่น ใยแมงมุม มูลนก ฯลฯ…
ขณะที่เขาจ้องที่บริเวณรอบๆ ชิงสุ่ยจับมือฉินชิงขณะที่พวกเขาเดินไปอย่างช้าๆ
“ฉินชิง ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีอะไร เจ้ามีข้อมูลอะไรบ้างหรือไม่?” ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันควรมีสมบัติบางอย่าง เขาเพียงแค่อยากรู้ว่าสมบัติคืออะไร
“ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีอนุสรณ์สถานที่แกะสลักเคล็ดวิชาเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีสมบัติบางอย่างอีก แต่ข้าไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง” ฉินชิงตอบตามตรง
ฉินชิงรู้ว่าหากไม่มีชิงสุ่ย เธอจะไม่สามารถเข้ามาทีนี่ได้ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าชิงสุ่ยเป็นคนที่ชะตาต้องกันกับเธอ เธอรู้สึกมีความสุขมากในหัวใจเมื่อเธอตระหนักถึงมัน
เท้าของพวกเขาแตะลงบนพื้นดินและฝุ่น ทั้งสองเดินเข้าไป ผนังรอบๆและเพดานราบเรียบและสะอาดตา มันทำให้ชิงสุ่ยสงสัยว่าฝุ่นที่ปกคลุมพื้นดินมาจากไหน
ภายในอาจจะค่อนข้างมืด พลังงานที่มองไม่เห็นสัมผัสได้จากอากาศที่ลอยไปมา ซึ่งทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าบางอย่างเรียกเขาให้เข้ามา
เส้นนั้นแสนยาวไกล พวกเขาใช้เวลาเดินไปแล้วถึงครึ่งวัน เมื่อพวกเขาหันมองไปรอบๆก็ปรากฏห้องโถงอันใหม่
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวจากห้องโถงแรกคือทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่สะอาดหมดจด ไม่มีฝุ่นบนพื้นเลยเมื่อเทียบกับด้านนอก จิตแห่งปราณในอากาศอัดแน่นทั่วบริเวณ รูปปั้นกระทิงขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้จากไกล
ลักษณะของรูปปั้นดูคล้ายกระทิงยักษา แต่มันรู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ รูปปั้นมีสูงประมาณ 200 เมตรและดูสมจริง มันแผ่กลิ่นอายอันรุนแรงออกมา
เมื่อเขาเห็นรูปปั้น ชิงสุ่ยรู้สึกว่าพลังงานที่ไม่แน่ชัดที่เขารู้สึกก่อนหน้านี้มีต้นตอมาจากมัน อย่างไรก็ตามเขาค้นพบว่าคิดผิดหลังจากที่เห็นอนุสรณ์สถานด้านข้าง
อนุสรณ์สถานมีความยาวกว่า 10 เมตร เป็นเพราะมันอยู่ใกล้กับรูปปั้นหินมากและถูกรูปปั้นบดบังจึงทำให้ชิงสุ่ยไม่เห็นมันก่อนหน้า
นอกเหนือจากอนุสรณ์สถานนี้ไม่มีสิ่งอื่นใดในที่นี่ ชิงสุ่ยหันมองไปยังอนุสรณ์สถาน
พลังกระทิงยักษา!
ชิงสุ่ยตกใจ แต่หลังจากอ่านจนเสร็จ แววตาของเขาก็เป็นประกาย นี่เป็นพลังที่ยกระดับขึ้นของปราณกระทิงคลั่ง เขาส่าวหัวไปมาและค้นพบว่าฉินชิงเองก็มองไปที่อนุสรณ์สถาน
“มันเป็นอย่างไรบ้าง?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินชิงขณะที่เธอกล่าว “มันก็ไม่เลว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายในการฝึกฝน”
ทั้งสองยืนอยู่หน้าอนุสรณ์สถาน ชิงสุ่ยวางมือลงบนอนุสรณ์สถาน ทันใดนั้นฉากอันน่าประหลาดใจก็ปรากฏ
ร่างกายของชิงสุ่ยสั่นไหว คลื่นพลังอันลึกลับหลั่งไหลออกมาจากอนุสรณ์สถานเข้าสู่ร่างกายเขา ในตอนแรกชิงสุ่ยต้องการที่จะผลักฉินชิงออกห่าง แต่เขาตระหนักว่าพลังงานนี้ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย
ฉินชิงบอกว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลย เขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่เขารู้สึกประหลาดเป็นอย่างมากจากข้างใน
ภายในเวลาอันรวดเร็ว ชิงสุ่ยรู้ว่าก้อนเมล็ดเจ็ดสีในร่างกายขยายตัวขึ้น เขารู้สึกว่าปราณกระทิงคลั่งทรงพลังกว่าเดิม พลังจากอนุสรณ์สถานค่อยๆแผ่วลงเมื่อมันเข้าสู่ร่างกายของเขาจนหมด
ช่วงเวลานี้ ฉินชิงยืนดูอยู่เงียบๆ เมื่อชิงสุ่ยเหลือบมองเธอ เธอกล่าว “เป็นเช่นไรบ้าง?”
ชิงสุ่ยยิ้มขณะถูจมูก “ไม่เลวทีเดียว”
ชิงสุ่ยสามารถรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาที่เพิ่มขึ้น แต่เขาก็ยังไม่รู้มันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเขารู้สึกได้ว่าผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นไม่เลวเลย
หลังจากที่เขาดึงมือกลับ ชิงสุ่ยหันไปมองอนุสรณ์สถานอีกครั้ง เขาพบว่าอนุสรณ์สถานไร้ซึ่งจิตแห่งปราณที่เคยเต็มเปี่ยมอย่างตอนแรก มันกลายเป็นเพียงอนุสรณ์สถานธรรมดา เมื่อเขาหันไปมองรูปปั้นกระทิงขนาดใหญ่ เขารู้สึกประหลาดใจ
รูปปั้นหินดูพร่ามัว เขารู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับพลังที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา
พลังกระทิงยักษาจากอนุสรณ์สถานได้ผนึกไว้ในจิตของชิงสุ่ย เขาเหลือบมองไปรอบๆและเดินต่อไป หลังจากนั้นเขาก็ค้นพบว่าไม่มีอะไรที่น่าสนใจ ในตอนแรกเขาคิดว่าน่าจะมีส่วนผสมที่ล้ำค่าหรือสมบัติที่นี่ แจ่เขาก็ไม่ได้ผิดหวังกับมัน เนื่องจากขิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาได้รับประโยชน์พอตัวแล้ว
หลังจากที่พวกเขาออกมา ชิงสุ่ยเลือกทำเลที่พักและตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ 2-3 วันเพื่อฝึกฝนพลังกระทิงยักษา
ฉินชิงตกลงตามคำของเขา
สถานที่ที่พวกเขาเลือกค่อนข้างไกลจากห้องโถง ด้วยเหตุนี้แรงกดดันจากมันจึงลดลงและกระทิงอสูรเพลิงทมิฬจะไม่ปรากฏตัวที่นี่ นี่คือเขตแดนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกเขา เพราะฉะนั้นมันจึงสงบมาก
ชิงสุ่ยรู้ว่าการฝึกฝนพลังกระทิงยักษาเป็นไปอย่างราบรื่น นี่อาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งของปราณกระทิงคลั่ง นอกเหนือจากการไหลเวียนของพลังอันลึกลับในร่างกายของเขาแล้ว เขารู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นเมื่อฝึกฝนพลังกระทิงยักษา
กลับกันฉินชิงรู้สึกว่ามันยากลำบากสำหรับเธอ ผิวเผินอาจดูเหมือนว่าเธอไม่มีปัญหาใดในการฝึกฝนพลังกระทิงยักษาและมันน่าจะเป็นเรื่องง่าย แต่เธอเริ่มฝึกฝนและพบอุปสรรคเมื่อพยายามรุดหน้าขึ้น เธอใช้เวลาอยู่ครึ่งวัน ในท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจยอมแพ้ เธอหันไปจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตและเพลงกระบี่ของตัวเอง
เธอจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยผู้มุ่งมั่นในการฝึก ฉินชิงรู้สึกสงบภายในหัวใจ บางทีเธออาจจะยังได้ท่องเที่ยวไปกับเขาอีกนาน อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะสามารถทำให้เธอสลายความขัดแย้งในใจที่มีออกไปได้จนหมด