บทที่ 1546 – ฉินหยิงถูกลักพาตัว? เกาะหมาป่าจันทรา
เมื่อถึงเวลาที่ชิงสุ่ยหยุดมือ มันก็เลยมายามบ่ายแล้ว เขาหันมองไปรอบๆและสังเกตเห็นฉินชิงยิ้มให้เขา ฉะนั้นเขาจึงเดินเข้าไปและถาม “มีอะไรหรือ?”
ฉินชิงส่ายศีรษะ “บางทีเคล็ดวิชานี้อาจยากเกินไป มันไม่เหมาะสำหรับข้า”
ชิงสุ่ยพยักหน้าหลังจากคิด เขาได้ข้อสรุปหนึ่งขึ้นมา เขาสามารถฝึกฝนมันได้เพราะเขาเคยฝึกฝนปราณกระทิงคลั่งมาก่อน มันน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับพลังลึกลับที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายเขา
เพียงชั่วพริบตา ผ่านไปแล้ว 10 วัน…
ภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยกินยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ 7 อันสุดท้ายเข้าไปและซึมซับพลัง ขณะนี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้น ชิงสุ่ยรู้สึกจิตใจสงบจนไม่สามารถอธิบายได้
ก้อนเมล็ดเจ็ดสีเพิ่มพลังขึ้น 50 เท่าด้วยผลของปราณกระทิงคลั่ง พลังพื้นฐานของเขาเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากก่อนหน้านี้
ภายใต้ผลของก้อนเมล็ดเจ็ดสี เกราะทองคำวชิระ รูปแบบดาราจักร และตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ เขาได้รับพลังเพิ่มขึ้นราว 900 ล้านสุริยา ยิ่งไปกว่านั้นพลังป้องกันของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังโจมตี
นอกเหนือจากพลังสัตย์ถวายชีพและเกราะทองคำวชิระ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าพลังป้องกันของเขาแข็งแกร่งเหนือใคร ถ้าหากเขาต้องต่อสู้กับมังกรทมิฬ เขามั่นใจมากว่ามังกรทมิฬจะไม่สามารถทำอันตรายเขาได้
เมื่อนานมาแล้ว ชิงสุ่ยชื่นชอบการโจมตีที่เด็ดขาดและรวดเร็ว แต่ตอนนี้เขาเข้าใจดีว่าการป้องกันที่แข็งแกร่งและมั่นคงเป็นสิ่งที่ไม่ควรขาด
การป้องกันที่แข็งแกร่งของชิงสุ่ยจะทำให้การโจมตีของอีกฝ่ายที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกันเป็นเพียงการเกาเบาๆเพื่อบรรเทาอาการคัน
ดอกไม้มังกรพิษเจริญเติบโตไปได้ด้วยดีในดินแดนหยกยุพราชอมตะ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยยังไม่มีจุดมุ่งหมายในการใช้มันตอนนี้ เขาอยากจะรอให้มันโตเต็มที่เสียก่อนและดูว่ามันจะสามารถขยายพันธุ์ได้หรือไม่
เขาผสมยาพิษเอาไว้เป็นจำนวนมากและพวกมันค่อนข้างรุนแรง ส่วนผสมและวัตถุดิบมาจากมังกรพิษ ซึ่งมันถือว่ามีประโยชน์สำหรับเขามากนัก
เมื่อชิงสุ่ยออกมาจากดินแดน มันก็กลับกลายเป็นช่วงเช้าแล้ว ฉินชิงตื่นนอนแล้วและกำลังฝึกฝนยามเช้าจากจุดที่ห่างออกไปจากที่พัก
ในช่วง 2-3 มานี้ เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยที่เพิ่มขึ้นด้วยตาเปล่า สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจคือในช่วงคครึ่งเดือนนี้ ฉินชิงได้ยินยาเม็ดสวรรค์หยางไปอีก 2 เม็ดแล้ว แม้ว่ามันจะมีผลกับเธอ แต่เธอก็ไม่ได้มีเวลาฝึกฝนมากพอเหมือนดินแดนหยกยุพราชอมตะของชิงสุ่ย เพราะฉะนั้นพลังของเธอจึงเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่ากับชิงสุ่ย
“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว” ฉินชิงหัวเราะ นี่เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เธอกล่าวเช่นนี้
“ครั้งนี้คงจะเต็มที่แล้ว ข้าคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะก้าวหน้าขึ้นอีก” ชิงสุ่ยมีดินแดนหยกยุพราชอมตะที่ช่วยให้เขาฝึกฝนจนคุ้นชินกับพลัง
“เจ้ายังไม่พอใจหรือกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นเพียงช่วงครึ่งเดือน? มันอาจจะไม่เป็นผลดีหากพลังของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วมากเกินไป” ฉินชิงยิ้ม
“พวกเราควรจะกลับกันได้แล้วหรือไม่?” ฉินชิงกล่าวต่อ
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของชิงสุ่ยก่อนหน้านี้ เธอรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะเดินทางกลับ ในช่วงสั้นที่ผ่านมา เธอถือว่าได้รับผลประโยชน์ไปไม่น้อย ครึ่งเดือนนี้ทั้งพลังและสัตว์อสูรของเธอแข็งแกร่งขึ้นมาก
“ข้ารู้สึกอยากจะอยู่กับเจ้าที่นี่ไปตลอดกาล” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนา
ฉินชิงใบหน้าแดงระเรื่อก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าจะไปเก็บของ พวกเราค่อยออกเดินทางหลังจากนี้”
ชิงสุ่ยพยักหน้า เขาไม่มีอะไรต้องจัดเก็บ ไม่นานนักฉินชิงก็เสร็จสิ้นทุกอย่าง พวกเขาเดินทางไปยังมุ่งตรงไปยังจักรวรรดิฉิน
หลังจากที่กลับไปถึงจักรวรรดิฉิน ชิงสุ่ยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขานึกถึงตระกูลกู๋ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา มันน่าจะเหมือนการบดขยี้ขนมหากเขาต้องการจัดการพวกเขา
ฉินป่ายฟงมีความสุขมากเมื่อได้เห็นชิงสุ่ยและฉินชิงกลับมา ชิงสุ่ยนับว่าเป็นคนพิเศษของตระกูลฉิน เขาเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขา นอกจากนี้หลายคนเชื่อว่าชิงสุ่ยจะกลายมาเป็นสามีของฉินชิงในอนาคต ฉินชิงเป็นคนที่โดดเด่น หลายคนในตระกูลรู้ว่าเธอต้องเป็นหน้าเป็นตาของตระกูลในอนาคต
หลังจากนั้นชิงสุ่ย ฉินจวน ฉินซาน และฉินหยิงตัดสินใจดื่มฉลองการได้พบกันหลังจากหายหน้าหายตาไปนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ พวกเขาไม่ได้มองชิงสุ่ยเป็นคนนอกแต่อย่างใด มันไม่มีปัญหาหากฉินชิงจะไม่อยากแต่งงานกับใคร แต่ถ้าเธอจะแต่งงานกับใครสักคน แน่นอนว่าผู้ชายคนนั้นต้องเป็นชิงสุ่ย
“พี่ชิงสุ่ย ท่านคิดว่าพี่สาวชิงงดงามหรือไม่?” ฉินหยิงผู้เป็นน้องคนสุดท้องกล่าว ชิงสุ่ยมอบของขวัญมากมายให้กับเธอเวลามีโอกาสได้พบกัน ในบรรดาผู้ชายจำนวนมากที่หลงใหลฉินชิง ชิงสุ่ยเป็นคนเดียวที่เธอยอมรับ คนอื่นล้วนหยิ่งยะโส บ้าอำนาจ หรือเสแสร้าง
“งดงาม ช่างงดงามราวกับเทพธิดา” ชิงสุ่ยยิ้ม
“เด็กเหลือขอ เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน” ฉินชิงจ้องมองชิงสุ่ยขณะที่เธอได้ยินสิ่งที่ฉินหยิงถาม
ฉินหยิงขยิบตาให้กับชิงสุยขณะที่แอบยกนิ้วหัวแม่มือชมเชย ฉินชิงเห็นมันแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“ชิงสุ่ย ชิงเอ๋อ ข้าได้ยินข่าวมาเมื่อวานนี้ ตระกูลเลิงแห่งจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งคนมาที่จักรวรรดิฉิน ดูเหมือนว่าพวกเขามาเพื่อแก้แค้น” ฉินจวนมองไปที่ชิงสุ่ยและฉินชิงขณะกล่าว
ชิงสุ่ยนึกเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเลิง เขาคงจะลืมมันไปหมดแล้วถ้าฉินจวนไม่พูดถึงมันขึ้นมา ฉินชิงกล่าวตอบกลับ “คนของตระกูลเลิงถูกพวกเราจัดการไปเพียงน้อยนิด อย่างไรก็ตามพวกมันสมควรได้รับมัน จากการที่พวกมันมาที่นี่อย่างรวดเร็ว แสดงว่าพวกมันต้องรู้ว่าใครเป็นผู้ที่จัดการคนของตระกูลพวกมันไป”
ในตอนนั้นร่องรอยที่จะใช้ระบุว่าใครเป็นผู้ลงมือแทบจะไม่มี หากตระกูลเลิงสามารถสืบสวนจนมั่นใจว่าใครทำได้เช่นนี้ ย่อมหมายความว่าตระกูลเลิงนั้นแข็งแกร่งมากพอตัว
“พวกมันเคลื่อนไหวอะไรบ้างหรือไม่?” ตอนนี้ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยเพิ่มขึ้นมากและเขาก็ไม่กลัว แต่เขารู้ดีว่าการระวัดระวังตัวไว้ดีที่สุด
“พวกมันดูจะมีความสัมพันธ์ดีที่กับตระกูลกู๋ ข้าแน่ใจว่าพวกมันจะต้องร่วมมือกัน” ฉินจวนขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะกล่าว
คฤหาสน์จอมฟ้าฉินไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลกู๋ แต่ตระกูลกู๋เหนือกว่าในเรื่องของกำลังคน ถ้าทั้งสองตระกูลต้องห้ำหั่นกันจนตายไปข้างหนึ่ง มันคงยากที่จะบอกว่าใครเป็นผู้ชนะหรือแพ้ ตอนนี้ตระกูลเลิงกับตระกูลกู๋ผูกมิตรกัน พวกเขาไม่ควรประมาท
ชิงสุ่ยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปจัดการพวกเขาด้วยตัวคนเดียว”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? เจ้าไม่คิดว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวหรือ? “ฉินจวนกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ท่านเป็นพี่ใหญ่ของฉินชิง และนั่นหมายความว่าท่านเป็นพี่ชายของข้าเช่นกัน ด้วยความสัตย์จริง ข้านับถือท่านดั่งพี่น้อง” ชิงสุ่ยหัวเราะ
ฉินชิงก้มศีรษะลง เธอรู้ดีว่าชิงสุ่ยหมายความถึงอะไร ทุกคนที่นี่เองก็เช่นกัน เมื่อพวกเขาเหลือบมองไปทางฉินชิง พวกเขารู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปในทางที่ดี
“ฮ่าฮ่า! ถูกตัอง มาเถอะดื่มกันเถอะ!”
“พี่ฉินจวน อย่าได้บอกเรื่องนี้กับพวกผู้อาวุโส ขาไม่ต้องการให้พวกเขาเข้ามาพัวพัน พวกเราจะจัดการเรื่องนี้กันเอง” ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากคิดสักพักหนึ่ง
เขารู้สึกว่าแค่ตัวเองและฉินชิงก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าฉินจวนและคนที่เหลือจะเทียบไม่ได้กับพวกเขาทั้งสอง พวกเขาก็ถือว่าแข็งแกร่งไม่น้อย ในความเป็นจริง ชิงสุ่ยไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือใดๆเลย
“ข้ารู้ แต่ข้าคิดว่าเหล่าผู้อาวุโสและท่านพ่อน่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว” ฉินจวนยิ้ม
“พี่ใหญ่ พวกเราจัดการกันเองได้ บอกพวกเขาว่าไม่ต้องทำอะไร พวกเราเป็นผู้ที่สร้างปัญหา พวกเราจะแก้ไขมันเอง และตอนนี้มีหลายคนที่วางแผนเพื่อต้องการลักพาตัวคนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินอีกด้วย”
ข่าวนี้ไม่ได้รบกวนจิตใจของชิงสุ่ยเลย เขาไม่กลัวสิ่งใด ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขามั่นใจว่าสามารถปัดป้องอันตรายที่จะมาถึงได้
หลังจากผ่านไปนาน ฉินจวนและคนอื่นๆต่างแยกย้ายกันกลับที่พัก เหลือไว้แต่เพียงชิงสุ่ยและฉินชิง ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพัง
“เจ้าเป็นกังวลหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาถาม
“เจ้าไม่เคยกังวลเลยงั้นหรือ หากตอนนี้พวกเราอยู่กันแค่สองคน ข้าเชื่อว่าพวกเราจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไร้กังวล” ฉินชิงยิ้มและกล่าวอย่างผ่อนคลาย
“พวกเราผัวเมียช่างใจตรงกัน ความรักของพวกเราสามารถฝ่าทะลวงได้แม้กระทั่งเหล็กกล้า” ชิงสุ่ยหัวเราะร่า
“การได้พูดเช่นนี้มันทำให้เจ้ารู้สึกสุขและสบายใจงั้นหรือ?”
“ก็นิดหน่อย!” ชิงสุ่ยตอบอย่างจริงจัง
“เจ้าช่างหน้าทนเสียจริงๆ ” ตอนนี้ฉินชิงเคยชินกับการหยอกล้อของชิงสุ่ยแล้ว
……
3 วันผ่านไปอย่างเงียบสงบ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆจากตระกูลเลิงและตระกูลกู๋ แต่มันเหมือนความสงบก่อนที่จะเกิดพายุใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นชิงสุ่ยและคนที่เหลือรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
ในวันที่ 4 ฉินชิงได้รับจดหมาย หลังจากอ่านแล้วเธอก็ส่งมันให้กับชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของฉินชิงและรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย เขาก้มหน้าอ่านจดหมาย มีเพียงไม่กี่ถ้อยคำในนั้น
“หากพวกเจ้าต้องการตัวฉินหยิงกลับไปอย่างไม่เป็นอันตราย จงมุ่งหน้ามาที่เกาะหมาป่าจันทราก่อนพลบค่ำ”
“พวกมันเริ่มลงมือแล้ว” ชิงสุ่ยฉีกจดหมายออกด้วยความเกรี้ยวกราด
“ข้าจะไปที่นั่น” ฉินชิงกล่าวด้วยน้ำสั่นเครือ “หยิงเอ๋ออยู่ในมือของพวกมัน หากพวกมันแตะต้องแม้เพียงปลายเส้นผมของนาง ข้าจะจัดการพวกมันทั้งหมด”
“พวกเราจะไปด้วยกัน พวกเราจะไม่บอกให้คนอื่นในตระกูลรู้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกาะหมาป่าจันทราอยู่ที่ไหน?” ชิงสุ่ยเกิดความกังวล ฉินหยิงถูกลักพาตัวไป เขารู้สึกโกรธมากกับการใช้วิธีดังกล่าว ดูเหมือนว่าคราวนี้พวกเขาจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
เกาะหมาป่าจันทราอยู่ตรงกลางระหว่างจักรวรรดิฉินและจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ เมืองราชันย์ฉินถือได้ว่าเป็นเมืองที่อยู่ริมแนวเขตแดนของจักรวรรดิฉิน เช่นนั้นมันจึงใกล้กับเกาะหมาป่าจันทรา
“อย่าได้กังวล จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนาง” ชิงสุ่ยพยายามทำให้ฉินชิงสบายใจ เขารู้และเข้าใจความรู้สึกของเธอ
เกาะหมาป่าจันทราเป็นเกาะไร้ผู้คน ที่นั่นมีหมาป่าจันทราอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกเรียกว่าเช่นนั้น เหล่าหมาป่าจันทราไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่ก็ไม่ควรมองข้ามพวกมันเพราะจำนวนของฝูงหมาป่า พวกมันอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารบนเกาะหมาป่าจันทรา
ทัศนียภาพบนเกาะนั้นยอดเยี่ยม มันสามารถมองเห็นเหล่านกและสัตว์ป่ามากมายได้จากระยะไกลเพียงมองแค่ครั้งเดียว สภาพบนเกาะมีที่ให้หลบซ่อนไม่มากนัก