บทที่ 1626 – ความรู้สึกของถานท่ายหยวน
ถานท่ายหยวนไม่ได้ขัดขืนอะไร เธอแค่ดิ้นรนจากการจับมือของเขาเล็กน้อยและปล่อยให้เขาจูงมือเธอไปตามที่พอใจ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีผู้หญิงอื่นที่โดนจับมือเดินไปพร้อมกัน
ชิงสุ่ยอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เขาต้องสงวนท่าที่เอาไว้เมื่อเผชิญหน้ากับถานท่ายหยวน ด้วยการยอมจํานนของเธอ มันทําให้เขายิ้มออก
อวี้ลู่หยานเปิดใจของเธอเพราะชิงสุ่ย ช่วงหลังมานี้ เธอพอใจกับชีวิตปัจจุบันที่เป็นอยู่ สําหรับเรื่องหญิงสาวมากมายที่อยู่ข้างกายชิงสุ่ย เธอไม่ได้คิดอะไร เธอไม่เคยคิดที่จะวิ่งไล่ตามเขา ตอนนี้เธอรู้สึกยินดีมากกว่ากับการที่ชิงสุ่ยมาเยี่ยมเยือนเธอเมื่อเขาคิดถึงเธอ
ชิงสุ่ยเข้าใจความคิดของอวี้ลู่หยาน เขาคิดว่าผู้หญิงคนอื่นก็คิดเหมือนกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหวังให้พวกเธอมารวมตัวกันอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน หญิงสาวของเขาหลายคนล้วนเป็นผู้นําของนิกายต่างๆ
เป็นอีกครั้งที่ชิงสุ่ยชื่นชอบโลกปัจจุบันที่เขาอยู่ มันไม่เหมือนกับชีวิตก่อนหน้านี้ ที่นี่ไม่จําเป็นต้องจดทะเบียนสมรสหรือป่าวประกาศเรื่องที่ลูกชายกําลังจะเกิด โลกนี้จะมีก็เพียงการทําพิธีแต่งงานต่อหน้าเหล่าญาติและมิตรสหาย ซึ่งมันเป็นการยืนยันถึงลูกที่เกิดมาว่าเป็นเชื้อสายของทั้งสองตระกูลเช่นกัน
นี่คือโลก 9 มหาทวีป มันเป็นโลกที่มีเหล่าตระกูล นิกาย และจักรวรรดิอยู่เป็นจํานวนมาก
“ข้าคิดถึงเจ้าทั้งสองมากๆ!” ชิงสุ่ยเดินไปตามยอดเขาพร้อมกับหญิงทั้งสอง โดยรอบเต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ บางครั้งก็จะมีนกปรากฏให้เห็น
“ข้าว่าเจ้าน่าจะหมายถึงพี่สาวลู่หยาน!” ถานท่ายหยวนหัวเราะเบาๆ
“น้องหยวน ข้าว่าเขาคิดถึงเจ้ามากกว่า” อวี้ลู่หยานตอบด้วยรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไร มันจะฉลาดกว่าถ้าเงียบเอาไว้
ข้างหน้าพวกเขามีทุ่งหญ้าที่ปกคลุมอยู่หนาแน่นและไม่มีใครเข้ามาแตะต้อง ด้วยสายลมพัดอ่อนๆ มันดูเหมือนเตียงนอนที่มาจากธรรมชาติ เพียงแค่เดินเข้าไปก็ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลและสบายเท้า
แสงของดวงอาทิตย์ทําให้ภายใต้เท้าของพวกเขาอบอุ่น
“ที่นี่ช่างสวยงาม พี่สาวลู่หยานและข้าจะมานอนเล่นแถวนี้เมื่อใดก็ตามที่มีเวลา” ถานท่ายหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยยิ้มแย้มในขณะที่เขาจ้องมองไปที่ขอบฟ้า “คําพูดของเจ้าทําให้ข้าอยากที่จะเอนกายลงนอนและสัมผัสกับมันด้วยตัวเอง มาเถอะ ไปตรงนั้นและนอนรับลมกัน”
ถานท่ายหยวนรู้สึกราวกับว่าเธอหาเรื่องใส่ตัวเอง ทั้งสามคนเดินไปถึงทางลาดชัน มันเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการนอนอย่างมาก ชิงสุ่ยมีอวี้ลู่หยานนอนอยู่ทางซ้ายมือและขวามือเป็นถานท่ายหยวน
ด้วยการมองไปมาระหว่าง 2 ข้าง ชิงสุ่ยแถบจะกลืนน้ำลายไม่ลง เขามองเห็นความงดงามของเนินอกที่เต่งตึงและกระปรี้กระเปร่าขณะนอนอยู่ ถานท่ายหยวนและอวี้ลู่หยานสังเกตเห็นมันได้ แต่พวกเธอก็ไม่รู้จะทําอย่างไรนอกจากเขินอาย
ชิงสุ่ยจับมือของพวกเธอไว้คนละข้าง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้โอบกอดกัน แต่ร่างกายของทั้งสามก็แนบชิดกันมาก จิตใจของถานท่ายหยวนไม่สงบนิ่ง หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นและภาพความทรงจําของฉากรักระหว่างชิงสุ่ยกับอวี้ลู่หยานที่เคยเห็นก็แวบผ่านเข้ามาอีกครั้ง ด้วยความคิดเหล่านี้จึงไม่มีทางที่เธอจะใจเย็นลงได้ เธอเป็นผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ชีวิตมากนัก
ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นหลังจากพวกเขาสนทนากัน พวกเขาพูดคุยถึงเรื่องที่สนุกสนาน ซึ่งมันทําให้พวกเขาค่อยๆผ่อนคลาย เขาอาศัยบรรยากาศที่เป็นใจเอื้อมมือออกไปอย่างช้าๆและโอบกอดอวี้ลู่หยานเข้ามาด้วยแขน ดังนั้นเธอจึงแนบชิดมาที่หน้าอกของเขา
อวี้ลู่หยานเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม้ว่าเธอจะเขินอาย แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืน เธอฝังใบหน้าลงบนอกของชิงสุ่ย
ไม่นานนักชิงสุ่ยก็ขยับมือที่ซุกซนของเขาไปทางถานท่ายหยวนเช่นกัน มันไม่ได้ยากเย็นอะไรที่เขาจะโอบกอดพวกเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ทําอะไรมากไปกว่านี้
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการโอบกอด เนินอกบางส่วนของหญิงทั้งสองก็ได้กดทับอย่างแนบแน่นลงบนร่างกายของชิงสุ่ย ความรู้สึกที่นุ่มละมุนนี้ทําให้เขาเกิดความพึงพอใจและมีความสุข
“เป็นไปได้ไหมว่าผู้ชายทุกคนปรารถนาที่จะครอบครองอะไรเช่นนี้” ถานท่ายหยวนจ้องมองดูความพึงพอใจที่ชิงสุ่ยแสดงออกมาและหยิกไปที่เอวของเขาเบาๆ
“สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับความปรารถนาในการครอบครอง ข้าดูเป็นชายผู้ชอบไขว้คว้าหญิงงามที่ได้พบเห็นงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยมองไปที่ถานท่ายหยวนและพูดอย่างไม่เกรงกลัว
“ข้าคิดว่าเจ้าเป็นแบบนั้น” ถานท่ายหยวนตอบด้วยรอยยิ้ม
“เด็กน้อย เจ้ากล้าสงสัยในตัวข้างั้นหรือ” ขณะที่จับมือเธอเอาไว้ ชิงสุ่ยตบลงไปบนก้นที่อวบอิ่มของเธอ
มันไม่ได้เจ็บ แต่เธอก็ยังส่งเสียงที่ดังชัดออกมา
ร่างกายของถานท่ายหยวนสั่นเทา เธอซุกใบหน้าเข้าไปในอ้อมแขนของชิงสุ่ยโดยไม่พูดอะไรอีก ชิงสุ่ยสามารถเดาความรู้สึกของถานท่ายหยวนได้
“ข้ารักพวกเจ้าทั้งสอง พวกเจ้าทุกคนล้วนสําคัญที่สุดในใจข้า สําหรับเจ้าและคนอื่นๆ ข้ายินดีแลกทุกอย่าง แม้ว่ามันจะหมายถึงชีวิตของข้าก็ตาม”
“อย่าพูดอะไรเป็นลางเช่นนั้น ทําไมเจ้าต้องพูดแบบนี้?” ถานท่ายหยวนไม่ต้องการให้เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องเป็นตาย
“แล้วเจ้าเข้าใจความรู้สึกของข้าตอนนี้หรือไม่?” ชิงสุ่ยหัวเราะ
“เจ้าก็เพียงแค่หาข้อแก้ตัวให้กับเรื่องรักๆใคร่ๆของเจ้า อย่างไรก็ตามข้าจะไม่ไปรบกวนเจ้า ข้าจะอยู่ที่นี่กับพี่สาวลู่หยาน เจ้าจะมาที่นี่เมื่อใดก็ได้ที่คิดถึงพี่สาวลู่หยาน” ถานท่ายหยวนหัวเราะเบาๆ
“งั้นข้าต้องทําอย่างไรหากคิดถึงพวกเจ้าทั้งสอง?” ชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเขามองถานท่ายหยวน
“ข้าจะอยู่กับพี่สาวลู่หยาน เจ้าจะพบข้าได้เมื่อใดก็ตามที่กลับมา” ถานท่ายหยวนลุกขึ้นนั่งและหัวเราะ
“พอเถอะชิงสุ่ย เจ้าจะไล่ต้อนให้น้องหยวนพูดมันออกมาตรงๆทั้งที่เจ้าเองก็รู้สิ่งที่นางคิดดีอยู่แล้วหรือ?” อวี้ลู่หยานหัวเราะ
ถานท่ายหยวนหน้าแดงและมองมาที่ชิงสุ่ย “ข้าจะกลับไปก่อน”
ชิงสุ่ยรู้ว่าถานท่ายหยวนกําลังจะกลับเพื่อให้อวี้ลู่หยานและตัวเขาอยู่ด้วยกัน มันเป็นเหตุผลที่เธอเดินไปทันทีหลังจากกล่าว
“น้องหยวนชอบเจ้ามากจริงๆ” อวี้ลู่หยานยิ้มและมองดูชิงสุ่ย
” พวกเราน่าจะจัดการเรื่องของตัวเองกันก่อน ข้าคิดถึงเจ้าแทบใจจะขาด…”
เขาราวกับหมาป่าที่หิวโหยกระโจนเข้าใส่ฝูงแกะ ชิงสุ่ยกดอวี้ลู่หยานลงกับพื้นหญ้า ไม่นานนักเสียงที่ไพเราะเสนาะหูก็ดังขึ้น
มันเป็นช่วงบ่ายกว่าๆแล้วเมื่อทั้งสองคนกลับไปที่ทะเลสาบเฟิงเหยียน หญิงทั้งสองอาศัยอยู่บนเกาะใจกลางทะเลสาบเฟิงเหยียน แม้ว่ามันจะถูกเรียกว่าทะเลสาบ มันก็ยังมีขนาดใหญ่กว่าทะเลสาบในช่วงชีวิตก่อนหน้ามาก
เมื่อพวกเขากลับมา อวี้ลู่หยานทําท่าจะแยกตัวออกไป เธอปล่อยให้ชิงสุ่ยได้ไปหาถานท่ายหยวน หลังจากที่อวี้ลู่หยานผลักชิงสุ่ยไปทางห้องของถานท่ายหยวน เธอก็กลับไปยังห้องของตัวเองทันที
ชิงสุ่ยถูจมูกของเขา ในบรรดาหญิงที่เขามี ถานท่ายหยวนและฉินชิงเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ยังคงขัดขืน แต่ตอนนี้ถานท่ายหยวนไม่เหมือนเช่นในอดีต
ห้องของถานท่ายหยวนไม่ได้ล็อค ชิงสุ่ยเปิดมันด้วยการผลักเบาๆ เขาสังเกตเห็นถานท่ายหยวนยืนอยู่ที่หน้าต่าง เธอกําลังมองดูทะเลสาบ จากที่นี่จะสามารถเห็นฝูงปลาแวกว่ายไปมา
ด้วยเสียงที่ได้ยิน เธอหันกลับไปและเห็นชิงสุ่ย “เจ้ากลับมาแล้ว พี่สาวลู่หยานอยู่ที่ไหนหล่ะ?”
“นางเหนื่อยแล้ว…”
ถานท่ายหยวนตัวแข็งที่อก่อนที่จะแสดงอาการเขินอาย เธอไม่รู้จะพูดคําใด “เจ้ามันร้ายกาจ เจ้าไม่กลัวผู้ใดเห็นบ้างหรือ?”
ชิงสุ่ยเดินเข้าไปข้างๆเธอพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “นักปราชญ์เคยกล่าวไว้ว่า ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมต้องการอาหารและเพศตรงข้าม นั่นหมายความว่าการปรารถนาสิ่งนั้นสําคัญเท่ากับการกินอาหาร แต่คํากล่าวนี้มีไว้สําหรับคนธรรมดาทั่วไปที่ต้องกินอาหารเพื่อความอยู่รอด พวกเราไม่เหมือนกับพวกเขา ผู้ฝึกตนอย่างเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอะไรเป็นเวลานานๆ นี่ถือว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่สําคัญยิ่งกว่าการกินอาหารสําหรับพวกเรา”
ด้วยความเข้าใจในตัวถานท่ายหยวนของเขา หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงจะไม่กล้าพูดคําเหล่านี้ออกมา แต่ตอนนี้เมื่อชิงสุ่ยเห็นว่าถานท่ายหยวนไม่ได้ไม่พอใจ เขาจึงไม่ได้ยับยั้งคําพูดเอาไว้
“เจ้าช่างมีแนวคิดที่ผิดเพี้ยนมากมายนัก”
“นี่ไม่ใช่แนวคิดที่ผิดเพี้ยน มนุษย์มี 7 อารมณ์ความรู้สึกและ 6 ประสาทสัมผัส มันจะเป็นเรื่องผิดปกติ หากพวกเราไม่ทํามัน แม้แต่สัตว์ก็รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่เป็นหนึ่งในสัญชาตญาณพื้นฐาน” ชิงสุ่ยยิ้มและจับมือเธอไว้
มือของถานท่ายหยวนสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอมองดูชิงสุ่ย “เจ้าบอกว่าเจ้าจะไม่ปล่อยข้าไปและสัญญากับข้าว่าถ้าข้าไม่เห็นด้วย เจ้าจะไม่ล่วงเกิน”
ชิงสุ่ยจับไปที่เอวของเธอและกระซิบเบาๆข้างหู “แน่นอนว่าข้าจําได้และข้าจะรักษาสัญญา แต่เจ้าก็สัญญาว่าข้าสามารถกอดเจ้าได้เช่นกัน ข้าจะไม่ทําอะไรหากเจ้าไม่ยินยอมและข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดี ถึงอย่างนั้น เจ้าไม่อยากลองจูบข้าดูหรือ?”
ชิงสุ่ยพ่นลมหายใจเบาๆไปที่ข้างหูของเธอ
ชิงสุ่ยไม่ได้เข้าใจผู้หญิงทุกคนดี แต่เขาเข้าใจความปรารถนาของผู้หญิงที่หลงใหลในผู้ชาย ผู้หญิงมักจะมีอารมณ์ความรู้สึกที่มากกว่า ตัวอย่างเช่น บรรยากาศที่ล่อแหลมนั้นจะดึงดูดผู้หญิง ปัจจัยที่สําคัญที่สุดคือชิงสุ่ยรู้ว่าถานท่ายหยวนไม่เลือกปฏิบัติต่อเขาเหมือนเมื่อก่อน
ความปรารถนาของผู้หญิงย่อมแรงกล้ากว่าผู้ชาย เมื่อได้ยินน้ำเสียงของชิงสุ่ยและลมหายใจที่เขาปล่อยใส่หูของเธอ ถานท่ายหยวนหวนนึกถึงฉากที่แนบชิดของชิงสุ่ยกับอวี้ลู่หยาน ผลกระทบนี้ทําให้หัวใจของเธอเต้นระรัว
“ทําไมพวกเราไม่ลองดูหล่ะ?” ชิงสุ่ยถามอย่างยั่วยุในขณะที่เขามองดูใบหน้าของเธอที่งดงา มยิ่งขึ้น
ขนตาที่ยาวสลวยของถานท่ายหยวนพลิ้วไหว ทําไมเธอถึงยังปล่อยให้เขาจับมือเธออยู่ ทั้งที่เขากําลังพ้นเรื่องไร้สาระออกมา เธอไม่มีท่าที่ขัดขืนอีกต่อไป เขาต้องการให้เธอตอบตกลงจริงๆหรือ?
แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความรัก แต่เขาก็มีประสบการณ์มากมาย เขาทําสิ่งนี้โดยตั้งใจ การดูสีหน้าอันอ่อนโยนของถานท่ายหยวนทําให้เขาพึงพอใจมาก