AST
เมื่อทุกอย่างสงบลงพระราชวังอาทิตย์อัสดงก็ได้ยึดครองพระราชวังมังกรสมุทร ชิงสุ่ยมองไปยังมังกรหยกขาวที่เคยเป็นของชายวัยกลางคน
แม้ว่ามันจะทรงพลังมากกว่าอสูรสยบมังกรมังกรหยกขาวก็ยังคงหวาดระแวงอยู่ในตอนนี้ อสูรสยบมังกรนั้นเป็นศัตรูตามธรรมชาติของมัน นอกจากนี้นี่ยังเป็นอสูรสยบมังกรพันธ์พิเศษ
เมื่อใช้เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดและเชือกตรึงอสูรชิงสุ่ยก็สามารถจับมังกรหยกขาวเอาไว้ได้อย่างไร้ทางหนี
เสียงคำรามของมันสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นดินชิงสุ่ยรู้สึกชื่นชอบมังกรหยกขาวตัวนี้แต่เขานั้นมีอสูรสยบมังกรและมังกรไอยราเกล็ดทองคำอยู่แล้ว เขาจึงหันไปมองอีเย่ เจี้ยนเก้อ
อีเย่เจี้ยนเก้อนั้นรู้ดีถึงความคิดของชิงสุ่ยและหัวเราะออกมา “พี่ใหญ่ชิงเฉินและข้านั้นมีสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว เจ้ามอบให้พี่สาวชิงเก้อดีกว่า”
ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้าเขามีทั้งยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์ ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต และดอกไม้แห่งชีวิต
แต่ของพวกนี้ก็ยังไม่มากพอเหลือดีกกว่าขาด สัตว์อสูรตัวนี้อาจจะเหมาะสมสำหรับประมุขวังทั้ง 3 คนเพราะพวกนางต่างก็เป็นธาตุน้ำ แต่มันดีที่สุดสำหรับมู่หยุน ชิงเก้อเพราะนางนั้นอยู่ในเผ่านาคาเร้นลับ
มู่หยุนชิงเก้อต้องการที่จะปฏิเสธในตอนแรก แต่เมื่อนางได้เห็นมังกรหยกขาวที่ติดอยู่ในเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดมองมาที่นาง นางก็เดินออกไปขอบคุณชิงสุ่ยสำหรับยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์
ชิงสุ่ยขมวดคิ้วเพราะความสามารถของมังกรหยกขาวนั้นเหนือกว่าโอวซิ่วหลี่เสียอีก แต่เมื่อเขาจับมันได้ประมุขวังทั้ง 3 คนต่างก็ปฏิเสธที่จะรับมันไป
เมื่อเห็นชิงสุ่ยขมวดคิ้วมู่หยุน ชิงเก้อหัวเราะ “อย่ากังวลไปเลย ไปเป็นอะไรหรอก มรดกของข้าก็เกี่ยวข้องกับมังกร ยิ่งไปกว่านั้นข้าคิดว่ามันต้องการอยู่กับข้า”
ชิงสุ่ยหันไปมองมังกรหยกขาวและตระหนักถึงคำพูดของมู่หยุนชิงเก้อ ในดวงตาของมังกรหยกขาวนัน้ไม่มีการต่อต้านหลงเหลือก่อน มันมองไปยังมู่หยุน ชิงเก้อราวกับเป็นลูกของนาง
หลังจากที่เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดหายไปมังกรหยกขาวก็วิ่งไปรอบๆตัวของมู่หยุน ชิงเก้อที่ยืนอยู่บนศีรษะสัตว์อสูณขนาดมหึมา นางค่อยๆลูบศีรษะของมัน
ศีรษะของมังกรหยกขาวเปร่งรัศมีสีขาวออกมาทุกๆคนรู้ดีว่าตอนนี้มันถูกทำให้เชื่องแล้ว
การที่มู่หยุนชิงเก้อได้รับมังกรหยกขาวนั้นทำให้พลังของพระราชวังอาทิตย์อัสดงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ชิงสุ่รู้สึกยินดีอย่างยิ่งในตอนนี้
ผู้คนของพระราชวังมังกรสมุทรต่างย้ายมาที่พระราชวังอาทิตย์อัสดงและพระราชวังมังกรสมุทรก็สามารถอยู่รอดต่อไปได้พระราชวังอาทิตย์อัสดงนั้นไม่ได้ใช้ชื่อเสียงของพระราชวังมังกรสมุทรหรือไปยังพระราชวังมังกรเพื่อหาผลประโยชน์ในตอนนี้
ชายชราผู้ที่ประกาศยอมแพ้ก่อนหน้านี้ก็เห็นด้วยกกับประมุขวังทั้ง3 คน ตามความจริงแล้วเขามีสิทธิ์ออกความเห็นใดๆเลยด้วยซ้ำในเรื่องนี้
ผู้คนของพระราชวังมังกรเริ่มเคลื่อนย้ายมาที่แดนทะเลน้ำเเข็งโชคดีที่ระยะห่างนั้นไม่ได้ไกลกันมากและข่าวลือเรื่องการตายของโอวซิ่วหลี่ยังไม่ได้แพร่ออกไป ชายชราคนก่อนหน้านี้ยังสามารถปกครองพระราชวังมังกรสมุทรได้ในตอนนี้
ตระกูลโอวนั้นแทบจะล่มสลายไปในตอนนี้โอวซิ่วหลี่นั้นไม่ได้มีเครือญาติหรือลูกหลานมากนัก นอกจากนี้คนกว่า 50 คนที่ชิงสุ่ยได้สังหารไปก่อนหน้านี้ก็มาจากตระกูลโอว
สถานการณ์ในตอนนี้ดีกว่าที่ชิงสุ่ยคาดคิดเอาไว้เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้พลังของพระราชวังอาทิตย์อัสดงนั้นเพิ่มขึ้นหลายเท่า
การยกระดับของหญิงสาวทั้งสามคนทำให้พลังของพระราชวังอาทิตย์อัสดงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแม้ว่าจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นนั้นจะสามารถทำให้พระราชวังอาทิตย์อัสดงย้ายไปอยู่ที่ทะเลเหนือได้แต่ก็ยังต้องใช้เวลาเพื่อเตรียมการและเตรียมความพร้อมให้ดี
ไม่ว่าที่ใดก็ล้วนมีกฎระเบียบและข้อบังคับทั้งสิ้นไม่รวมถึงกฎระเบียบพื้นฐานที่ทุกๆคนควรรู้ ผู้ที่ทรงพลังนั้นสามารถทำลายกฎบางอย่างและสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองได้
……
…….
เวลา1 เดือนได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ของพระราชวังอาทิตย์อัสดงเริ่มคงที่ในตอนนี้ เหล่าหญิงสาวตัดสินใจที่จะไม่ไปยังทะเลเหนือในตอนนี้ เพราะในตอนนี้พวกนางถือเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุดภายในแดนทะเลน้ำเเข็งแห่งนี้
เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มาเป็นผู้พิทักษ์ของพระราชวังอาทิตย์อัสดงและรับคำสั่งจากประมุขวังทั้ง3 คน แม้ว่าเขาจะเป็นผู้พิทักษ์ด้วยเช่นกันแต่ชิงสุ่ยก็ยังมีเวลาว่างที่มากกว่าผู้อื่น เขาตัดสินใจที่จะกลับไปเยี่ยมเยียนเมืองหลินห่าย
ความสัมพันธ์ระหว่างชิงสุ่ยและประมุขพระราชวัอาทิตย์อัสดงนั้นยังไม่มีความก้าวหน้าใดๆรวมถึงกับมู่หยุนชิงเก้อก็ด้วยเช่นกัน พวกนางทั้งสามคนนั้นต่างก็เป็นคนที่ฉลาดและรู้ตัวดีว่าควรจะทำอะไรในตอนนี้
ความรักไม่เข้าใครออกใครดังนั้นเรื่องนี้จึงปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า
ชิงสุ่ยใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอีเย่เจี้ยนเก้อ แต่ก็ไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจเพราะพวกเขาได้แต่งงานกันแล้ว พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งเดือนและนี่เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันนับตั้งแต่แต่งงานกันมา
ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นมีมาตั้งแต่อดีตเริ่มจากเป็นศิษย์และอาจารย์กัน จากนั้นก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิท ชิงสุ่ยยังได้ไปทำลายสันเขาราชันย์ราชสีห์เพื่อนางอีกด้วย
แม้ว่าอีเย่เจี้ยนเก้อจะไม่อยากให้ชิงสุ่ยจากไปแต่นางก็ไม่ได้รั้งเขาเอาไว้ พวกเขายังมีเวลาอีกเหลือเฟือในชีวิตที่ยืนยาวนี้ ยิ่งไปกว่านั้นชิงสุ่ยยังไม่ใช่ผู้ที่จะถูกหยุดยั้งเอาไว้ด้วยหญิงสาวและตัณหา
“โปรดระวังตัวให้ดีและไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราพวกเราดูแลตัวเองได้” อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวในขณะที่ช่วยจัดคอเสื้อให้ชิงสุ่ย ดวงตาของนางนั้นดูงดงามและอบอุ่นอย่างยิ่ง
“ข้ารู้สึกไม่อยากไปเลยในตอนนี้”ชิงสุ่ยโอบกอดนาง.Aileen-novel.
“พวกเราจะกลับมาพบกันอีกเป็นเรื่องที่ดีที่ได้แยกกันเสียบ้าง ข้ากลัวว่าเจ้าอาจจะไม่ชอบข้าขึ้นมาหากเราได้อยู่ด้วยกันนานเกินไป” อีเย่ เจี้ยนเก้อยิ้มและลูบไล้ไปที่ใบหน้าของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยจุมพิตไปที่ริมฝีปากของภรรยาตนเองในตอนที่นางแนบกายของเขา
หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่งชิงสุ่ยก็ปล่อยอีเย่เจี้ยนเก้อไป ริมฝีปากของนางบวมขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ทำให้นางอยู่เย้ายวนใจเป็นอย่างมาก
อีเย่เจี้ยนเก้อรู้สึกเขินอาย นางเหมือนกับผ้าขาวที่โดนชิงสุ่ยแต้มสีตามที่เขาต้องการ นางพร้อมที่ทำทุกอย่างเพื่อชายคนนี้
“ข้าจะคิดถึงท่านสามีของข้า” อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวออกมาเบาๆ
“ข้าเองก็ด้วยเช่นกันข้าจะคิดถึงเจ้าบ่อยๆ” ชิงสุ่ยและอีเย่ เจี้ยนเก้อโอบกอดซึ่งกันและกัน
……
……..
เมื่อจากมาแล้วชิงสุ่ยก็กลับไปที่หอคอยจักรพรรดิถานท่าย หลิงเยียนและฉินชิงไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะพวกนางได้กลับไปที่พระราชวังจอมอสูรแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดมากอะไรแต่จริงๆแล้วชิงสุ่ยอยากจะใช้เวลาอยู่ที่นี่กับหญิงสาวทั้งสองคนให้นานกว่านี้
ในตอนนี้เมืองหลินห่ายสงบสุขอย่างยิ่งสำหรับชิงสุ่ยเหลียนหลิงเฟิงและหยิน ต่งต่างก็แยกตัวออกไปฝึกฝนในตอนนี้ แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้อยู่เคียงข้างพวกเขาแต่ก็ให้ความช่วยเหลือพวกเขาทุกๆอย่าง
พวกเขาจะทรงพลังขึ้นอย่างมากหลังจากการเก็บตัวฝึกฝนครั้งนี้!
ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจกับพลังของตนเองในตอนนี้แม้ว่าทักษะวชิระจู่โจมจะสามารถใช้ได้เพียงวันละครั้งแต่พลังของมันนั้นก็น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
วชิระไร้เงาก็ถือว่ายอดเยี่ยมเช่นเดียวกันเมื่อผสมผสานเข้ากับทักษะวชิระจู่โจมพลังที่เกิดขึ้นนั้นย่อมน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้จะใช้วชิระไร้เงาเพียงอย่างเดียวก็สามารถเพิ่มความเร็วให้กับเขาได้อีกหลายเท่า
เสวี่ยนั่ว ซีฉีชาและหลิน เฟ่ยนั้นไม่ได้ออกไปเก็บตัวฝึกฝน พวกนางต่างก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งว่าได้เห็นชิงสุ่ยกลับมา หลิน เฟ่ยนั้นดูงดงามและมีเสน่ห์เย้ายวนมากยิ่งขึ้นเมื่อได้แต่งงานกับหยิน ต่ง ชิงสุ่ยรู้สึกว่าแม้แต่ซีฉีชานั้นยังไม่เย้ายวนใจเท่ากับหลิน เฟ่ย หลิน เฟ่ยนั้นคล้ายคลึงกันกับอีเย่ เจี้ยนเก้อทั้งในด้านรูปลักษณ์และนิสัยใจคอ
แต่ย่อมไม่มีผู้ใดงดงามไปกว่าอีเย่เจี้ยนเก้อ อย่างน้อยที่สุดชิงสุ่ยก็จินตนาการไม่ออกว่าผู้ใดจะสามารถงดงามไปกว่าอีเย่ เจี้ยนเก้อและหลิน เฟ่ยได้ในตอนนี้
หลังจากได้พูดคุยกันเป็นเวลาครึ่งวันชิงสุ่ยและเหล่าหญิงสาวรวมถึงอวี้เหนียงก็ไปยังหอคอยจักรพรรดิเพื่อรักษาคนไข้
ด้วยชื่อเสียงของเขาชิงสุ่ยได้รับการทักทายจากผู้คนจำนวนมากที่มายันหอคอยจักรพรรดิ ชิงสุ่ยติดอยู่ในฝูงชนในตอนนี้แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องรักษาผู้ป่วยฟรีทั้งหมด
เรื่องของชิงสุ่ยนั้นยังเป็นที่กล่าวถึงเสมอในเมืองหลินห่ายชิงสุ่ยได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนมากมายและทุกๆคนต่างรู้ดีว่าเขาทรงพลังมากเพียงใด แต่ด้วยการที่เขารักษาผู้ป่วยฟรีนั้นทำให้เขาได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนเพิ่มขึ้นไปอีก – บางคนก็เรียกเขาว่าท่านลุง ท่านน้า พี่ชาย
มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเมื่อมีผู้ที่แข็งแกร่งอยู่ใกล้เคียงนั้นผู้คนโดยรอบก็จะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย
ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดอยากจะก่อความวุ่นวายขึ้นมาในที่แห่งนี้จึงกล่าวได้ว่าหากมีผู้ที่ทรงพลังอยู่ที่ใดที่แห่งนั้นก็จะสงบสุขตามไปด้วย
ไม่แปลกที่ผู้ที่ทรงพลังจะได้รับการเคารพนับถือจากคนอื่นๆ
ในตอนนี้ชิงสุ่ยมันเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลินห่ายทุกๆคนต่างก็เคารพเขาในฐานะผู้พิทักษ์ของเมืองแห่งนี้ พวกเขายังถือว่าหอคอยจักรพรรดินั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ข่าวคราวเกี่ยวกับหอคอยจักรพรรดินั้นถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วและผู้คนจำนวนมากต่างก็มาที่นี่เพื่อขอรับการรักษา
ตระกูลเหลียนนั้นก็สงบสุขในตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างหอคอยจักรพรรดิและตระกูลเหลียนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เหลียนหลิงเฟิงนั้นยังเป็นพี่น้องกับชิงสุ่ยอีกด้วย