AST
ร่างกายของเจี้ยนเก้อสั่นเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวเธอหันกลับมาและยิ้ม ก่อนที่จะจ้องมองไปในตาของเขา ที่ทำ เธอรู้สึกรักผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูกในตอนนี้ เธอยิ้มออกมาพร้อมรอยยิ้มเขินอายเล็กน้อย ยี่เป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัสความรักที่แท้จริงและจริงใจจากเขา
“เจ้าไม่สามารถทำมันได้อีกแล้ว ตอนนี้เจ้าถูกลิขิตให้หยุดแล้ว” เจี้ยนเก้อยิ้มออกมา ขณะเห็นท่าทางที่งุมง่ามของเขา
“อีกสักครั้งหนึ่งจะเป็นไรไป เจ้าเสียใจหรือไม่ที่อุ้มท้องลูกของข้า?” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาในเวลานี้ ถึงแม้ว่าเขายังมีสาวงามข้างกายจำนวนมาก แต่สำหรับเจี้ยนเก้อ เขาไม่สามารถทดรอมันได้อีกหนึ่งปี
“ไม่เลยสิ่งนี้คือความสุขของเรา หากเราสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ข้าก็ยังคงเลือกตัวเลือกนี้อยู่ดี” เจี้ยนเก้อกล่าวขณะจ้องมองไปในดวงตาของเขา
ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างมากในหัวใจของเขาเขารู้สึกว่าหลังจากนี้ตลอดไปเขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เพียงแค่ได้ครอบครองหัวใจของเธอ มันก็คือว่าเขาได้รับพรที่ยิ่งใหญ่มากแล้ว
ชิงสุ่ยอาจถือได้ว่าโดดเด่นมากแต่ผู้หญิงของเขาทั้งหมดก็เป็นผู้หญิงที่โดดเด่นเช่นเดียวกัน พวกเธอนั้นเป็นหญิงงามล่มเมืองเกือบทั้งหมด หากให้พูดพวกเธอนั้นมี่คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมและเหมาะสมกับเขา แต่ถึงอย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถครอบครองหัวใจของพวกเธอได้นั้นถือว่าชิงสุ่ยมีโชคอย่างมาก ไม่ว่าคนเราจะมีความโดดเด่นขนาดไหน หากไม่มีโชคพวกเขาก็จะไม่สามารถพบเจอกับสิ่งเหล่านี้
……
ในวันนี้นายหญิงแห่งพระราชวังสุริยาและ มู่หยุ่นชิงเฉิงได้เข้ามาแจ้งข่าวกับพวกเขา“ มีข่าวมาว่าพระราชวังหมาป่ามังกร กำลังเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังให้การช่วยเหลือพระราชวังมังกรอุดมอีกด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชิงสุ่ยจ้องมองไปที่ทั้งสอง“พระราชวังหมาป่ามังกรพวกเขาเป็นใครกัน และพวกเขามีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน? พวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกับพระราชวังมังกรอุดร” ไอรีนโนเวล
“พวกเขามีความสัมพันธ์กันเพราะการแต่งงานลูกสาวของผู้นำพระราชวังมังกรอุดร ได้ต่างงานเป็นภรรยาของรองผู้นำของฝั่งนั้น ส่วนอีกคนได้แต่งงานเป็นอนุภรรยาของอีกผู้นำคนก่อน” ชิงเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา ๆ
ชิงสุ่ยนั้นเคยได้ยินความสัมพันธ์นี้มากก่อนและวันนี้เขาก็รู้แล้วว่ามันสามารถใช้ได้ผลจริงๆ เดิมทีเขาไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้เท่าไร แต่ตอนนี้เขาต้องยอมรับว่ามันได้ผลจริงๆ
“แล้วความแข้งแกร่งของพวกเขาละ” หลังจากที่ฟังมาเขารู้แล้วว่าพวกเขาแข็งแกร่งพระราชวังมังกรอุดร ถึงอย่างไรเขาก็ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนัก
“จริงๆแล้วอำนาจทั้งหมดของพวกเขาไม่ได้อยู่บริเวณนี้ หากเขาได้เริ่มขยายอำนาจมาจากที่อื่นโดยผ่านพระราชวังมังกรอุดร”นายหญิงแหงพระราชวังสุริยากล่าว
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะรอให้พวกเราเข้ามาหาเราก่อน” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาเนื่องจากไม่รู้ว่าพวกเขานั้นอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน ดังนั้นชิงสุ่ยจะไม่ประมาทไปหาพวกเขา
“พวกเขาควรเป็นหนึ่งในขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคนี้ในทะเลเหนือ เดิมทีนี้คือสิ่งที่พวกข้ากังวล หาไม่มีพวกเขาพระราชวังมังกรอุดรคงไม่กล้ามีเรื่องกับเรา ยิ่งไรได้ไปทำลายฐานอำนาจของพวกเขาในตอนนี้ พวกเขาคงคิดว่าเราประกาศตัวเป็นศัตรูกับพวกเขาอย่างแน่นอน” นายหญิงทั้งสองมองหน้าชิงสุ่ยและกล่าว
“แล้วพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในทะเลหรือไม่?” ชิงสุ่ยถาม
ชิงสุ่ยสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมากในโลกนี้มังกรนั้นเป็นอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด แต่มังกรที่แท้จริงนั้นกลับมีอยู่น้อยนิด มันจึงทำให้เผ่านางเงือกของมู่หยุนชิงเฉิงนั้นสามารถก้าวขึ้นมาอยู่เทียบเทียมได้ นอกจากนี้พวกเธอยังคงมีสายเลือดมังกรที่แท้จริงผสมอยู่จึงไม่แปลกที่พวกเธอจะเติบโตขึ้นมาอยู่เทียบเท่าพวกเขา
”พวกเขาเป็นเผ่าของพวกเขามาจากหมาป่ามังกร ถึงพวกเขาจะเข็งแกร่งกว่าพระราชวังมังกรอุดร แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากกว่ามากนัก สิ่งที่เราต้องกลัวคือการร่วมมือกันของผู้นำทั้งสองของพวกเขา ด้วยอำนาจของสองมันคงไม่ง่ายที่เราจะรับมือพวกเขาพร้อมกัน”
เหตุทั้งหมดที่พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวนั้นเพราะพระราชวังสุริยาเดินทางมาที่แห่งนี้ มันจึงทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกคุกคามอยู่ดังนั้นพวกเขาจึงออกมาเคลื่อนไหวเพื่อที่จะข่มขู่อีกพวกชิงสุ่ยในตอนนี้
“ข้าคิดว่าพวกเขาเองก็ยังคงหวั่นถึงความแข็งแกร่งที่พวกเรามี ไม่ใช่นั้นพวกเขาคงจะเคลื่อนไหวตั้งแต่แรกแล้ว? จะต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้พวกเขามาเคลื่อนไหวในตอนนี้ แต้ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงนั้นคืออะไร”
แม้จะมีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นแต่ชิงสุ่ยยังคงสงบอยู่ ในตอนนี้เจี้ยนเก้อได้ตั้งครรภ์อยู่ ชิงสุ่ยจึงไม่มีแผนให้เธอร่วมสู้ แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงขนาดไหน ก็ตามนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่พวกเขาตัดสินใจร่วมกัน
ในตอนแรกชิงสุ่ยเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมากแต่ตั้งแต่ดินแดนหยกได้ยกระดับขึ้นไปสู้ชั้นที่9ชิงสุ่ยกลัยรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก ในตอนนี้พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่า มันทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้
สามวันต่อมาได้มีจดหมายท้าทายส่งไปยังนี่เป็นวิธีท้ารบที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลกใบนี้ มันเป็นการแสดงออกที่มีเกียรติและตรงไปตรงมา นอกจากนี้มันยังป้องกันการถูกสังหารหมู่ได้อีกด้วย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้พวกเขาจะไม่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ และสมาชิกในกลุ่มของพวกเขาก็จะได้รับการยกเว้น นี่คือประโยชน์ของการส่งจดหมายท้าประลอง
ชิงสุ่ยมองไปที่เนื้อหาข้างในจดหมายมันถูกเขียนเอาไว้อย่างง่ายๆว่าพวกเขาต้องการแก้แค้นให้พระราชวังมังกรอุดร ในสิ่งที่พระราชวังสุริยาทำลงไป โดยที่การประลองจะเป็นการประลองแพ้ชนะครั้งเดียว หากผู้เข้าร่วมตายหรือได้รับบาดเจ็บจะไม่สามารถถือโทษโกรธอีกฝ่าย
เงือนไขไขอีกอย่างคืออีกฝ่ายสามารถยุติการประลองลงเมื่ออีกฝ่ายตายทั้งหมดหรือไว้ชีวิต นอกเหนือจากนี้จะไม่มีการหยุดการประลอง
โดยการประสองจะเป็นการประลอง8ต่อ8และจะจัดขึ้นในอีก8วันข้างหน้า
8ต่อ8ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาในเวลานี้ ในด้านของเขามีเพียงแค่สี่คนเท่านั้นและตอนนี้เจี้ยนเก้อก็ไม่พร้อมต่อสู้ ดังนั้นฝังเขาจะเหลือเพียง3คนเท่านั้น โชคดีที่เขามีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง จึงทำให้สามารถชนเชยจุดๆนี้ได้ หากนับรวมกับสัตว์อสูรของเขาแล้ว ในตอนนี้ฝ่ายของชิงสุ่ยจะมีคนเพียงแค่6คนเท่านั้น ถึงอย่างไรมันก็ยังไม่เพียงพอ
สำหรับผู้บ่มเพาะคนอื่นๆในพระราชวังสุริยาก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้หญิงทั้งสามคนได้ แต่ก็มีอีกสองคนที่ด้อยกว่าเล็กน้อย หากให้ทั้งสองเข้าร่วมในครั้งนี้ ฝ่ายของชิงสุ่ยก็จะมีแปดคนเช่นเดียวกัน
คนแรคือจินกุ่ยซือจากเผ่าเต่าวชิระอมตะ และ อีกคนคืออาวุโสโม่จากเผ่าเงือกดำ
ทั้งสองเป็นชายชราที่มาร่างกายดูอ่อนแอถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเลย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังอยู่ในพระชราวังสุริยาอีกด้วย ด้วยระดับความแข็งแกร่งที่พวกเขามีมันหน้าจะพอช่วยเหลือในการประลองครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน