AST
ในช่วงเวลานี้ชิงสุ่ยไม่กล้าประมาทดวงตาของเขาจับจ้องไปที่กรงเล็บที่ใกล้เข้ามาในตอนนี้
แรงกดดันในเวลาทำให้ชิงสุ่ยไม่สามารถขยับไปไหนได้ไม่ใช่ว่าการจู่โมของอีกฝั่งนั้นรวดเร็วแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะการเคลื่อนไหวของเขาถูกสะกดเอาไว้ด้วยการจู่โจมในครั้งนี้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกไม่ดีอย่างมากและรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ตอนนี้เขาเหลือเพียงแค่วิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถรับมือกับอีกฝั่ง
เสียสละเบี้ยเพื่อปกป้องพระราชา!
นาทีวิจิตร!
นานแล้วที่ชิงุส่ยไม่ได้ใช้นาทีวิจิตรออกมามันทำให้เขาสามารถดึงสติกลับมาป้องกันได้ในเวลานี้!
ชึก!
แม้ว่าการป้องกันของชิงสุ่ยจะแข็งแกร่งขนาดไหนแต่เขาก็ไม่สามารถป้องการทะลวงในครั้งนี้ได้ ในตอนนี้เขาได้ใช่แขนขึ้นมองกันทำให้การจู่โจมดังกล่าวพลาดไปโดนที่ไหล่ของเขา บาดแผลดังกล่าวนั้นสาหัสอย่างมา แม้ว่ามันจะไม่ได้แทงจนทะลุไหล่ของเขา ชิงสุ่ยก็สามารถบอกได้ว่า การจู่โจมนี้อันตรายอย่างมาก หากเขาพลาดเพียงนิดเดียวคงจะต้องตายอย่างแน่นอน นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้ถึงพิษไอเย็นจะอาวุธชิ้นนั้น
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าตอนนี้การจู่โจมดังกล่าวไม่ได้เพียงแค่การจูโจมเท่านั้นมันยังแฝงไปด้วยพิษร้ายอยู่ นี่คือพิษวารีเหมันต์ ที่เกิดจากธาตุวารี
แม้ร่างกายของชิงสุ่ยจะมีกายาเก้าหยางทองคำอยู่แต่เจาก็สามารถรับรู้ได้ถึงไอเย็นที่เกิดขึ้นในร่างกายของเขาแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังสามารถเคลื่อนไหวได้อยู่แต่ชิงสุ่ยก็สามารถบอกได้ว่าตอนนี้ ร่างกายของเขาไม่ปกติอีกต่อไป
ในตอนนี้การเคลื่อนไหวของชิงสุ่ยช้าลงอย่างมากเขาสามารถบอกได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอันตรายจริงๆ อย่างไรก็ตามในตอนนั้นแสงสีทองประหลัดได้พุ่งตรงเข้าไปที่หัวใจของชิงสุ่ย จนทำให้เขากรีดร้องออกมา
อ๊ากๆๆ
ปรมาจารย์ที่สามมีความสุขอย่างมากที่เขาเห็นกรงเล็บของเขาทะลวงเข้าไปที่ไหล่ของชิงุส่ยได้สำเร็จเพราะเขารู้ว่าชิงสุ่ยนั้นมีความสามารถในการป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างมาก เขายอมรับด้วยใจจริงจากอริที่ผ่านมา ชิงสุ่ยมีการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นในเขารู้ดีว่าพิษวารีเหมันต์นั้นร้ายกาจขนาดไหน มีน้อยคนที่จะสามารถเคลื่อนไหวหลังจากโดนมันเข้าไป แต่ที่เขาสงสัยแม้พิษของเขาจะร้านกาจขนาดไหนชิงสุ่ยก็ไม่หน้าจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขนาดนี้ ไอรีนโนเวล
เพื่อระงับความเจ็บปวดชิงสุ่ยได้ส่งปรานเข้าไปที่พิษวารเหมันต์ที่กำลังพุ่งเข้าใส่หัวใจของเขา
เช่นเดียวกันปรมาจารย์ที่สามกำลังจะจู่โจมไปที่ชิงสุ่ยอีกครั้งแต่เขาก็ต้องหยุดลง พร้อมกรีดร้องออกมาในเวลานี้
ในช่วงประทะกันครั้งสุดท้ายชิงสุ่ยได้ส่งหนอนไหมทองคำเข้าไปในปากของเขาและในเวลานี้มันได้ไปถึงสมองของเขาแล้ว
ในเวลานี้สติของปรมาจารย์ที่สามค่อยๆเลือนรางลงไปก่อนที่เลือดจะไหลออกมาจากดวงตา หูและทวารทั้งเก้าของเขา
ในเวลานี้ปรมาจารย์ที่สามได้ตายลงไปแล้วเขาได้ตายลงอย่างรวดเร็วโดยไม่คาดฝัน ชิงสุ่ยมั่นใจอย่างมากในการจู่โจมของหนอนทองคำ มันนั้นเป็นไม้ตายก้นหีบที่เขาเก็บเอาไว้
ในเวลานิ้ชิงสุ่ยได้รวบรวมปราณของเขาเพื่อสะกดพิษเอาไว้ก่อนเขารู้ดีว่าชีวิตของเขาอยู่ห่างความตายไปเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น หากเขายังคงเคลื่อนไหวหรือฝืนตัวเอง พิษก็จะกำเริบอีกครั้ง
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีอย่างมากทีเขาเลี้ยงหนอนไหมทองคำไว้ในร่างกายทำให้พิษส่วนหนึ่งถูกพวกมันกำจัดลงไป หากไม่มีพวกมันชิงสุ่ยคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเขายังไม่ปลอดภัย แม้พิษจะเบาบางลงไปแต้มันก็มากพอที่จะสังหารเขา ในตอนนี้ชิงสุ่ยกัดฟันจนแน่นอนเพื่อทนกับความเจ็บปวด ขณะที่เขากระอักเลือดออกมาเป็นครั้งคราว เขาหยิบเข็มทองขึ้นมาและผนึกเส้นลมปราณของเขาเอาไว้ ก่อนที่จะใช้น้ำทิพย์ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตลาดลงไปที่แผลของเขาก่อนที่จะใช้ขี้ผึ่งหยกทองคำทาทับลงไป ก่อนที่จะรีบผัดแผลของเขาในตอนนี้
การรักษาดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วอย่างมากชิ่งสุ่ยไม่กล้าปล่อยให้มันเข้าไปกล่าวนี้ เพราะการต่อสู้ยังไม่จบลง แม้การตายของปรมาจารย์ที่สามจะสร้างผลดีให้กับฝ่ายของเขา แต่อย่างไรก็ตามอีก่ายยังมีชายชราที่เข็งแกร่งอีกสองคนอยู่ในตอนนี้
การตายของปรมาจารย์ที่สามได้สร้างช่องโหวขึ้นมากในเวลานี้นายหญิงแห่งพระราชวังสุริยาจึงไม่รอช้ารีบจู่โจมเข้าไป
ในตอนนี้จิตใจของชายชราทั้งสองรู้สึกปั่นป่วนอย่างมากพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไปหลังจากนี้ พวกเจ้าต้องมาตายที่นี้อย่างนั้นรึ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเผยของโห่วออกมา
ในตอนแรกชิงสุ่ยต้องการที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ต่อแต่เมื่อเห็นท่าทางของชายชราทั้งสอง เขารู้สึกได้ว่าการตายของปรมาจารย์ที่สามสร้างผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขาอย่างมาก ในการประลองนอกเหนือจากความแข็งแกร่งแล้ว สิ่งที่อยู่เหนือจากนั้นคือกำลังใจ เมื่อไร้ซึ้งกำลังใจ ก็ไร้ซึ้งความหวัง ไร้ซึงความหวังก็ไร้ซึ้งหนทางในการมีชีวิต ดังนั้นจึงมีที่มาของคำว่า “หากต้องการพิชิตภูเขาให้ได้ ก็ต้องพิชิตใจตนให้ได้ก่อน ใจเป็นในกาย กายเป็นลูกน้องใจ”
อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะประมาทแต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งนอกจากนี้พวกเขายังเต็มไปด้วยประสบการณ์มากมาย ในเวลานี้ชายชราได้อัดปราณลงไปที่กรงเล็บของเขา จนกรงเล็บของเขากรีดร้องออกมา ด้วยความหน้าสะพึงกลัว ก่อนที่จะพลิกตัวกลับไปจู่โจมนายหญิง
กรงเล็บกระชากวิญญาณ!
ในเวลานี้มู่หยุนชิงเฉิงและชิงสุ่ยที่อยู่ใกล้ๆตกใจอย่างมากทั้งคู่ได้รีบตรงเข้าไปที่นายหญิงในตอนนี้ แต่เนื่องจากระยะทางมันทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถเข้ามาช่วยเธอได้ทันเวลา
ในตอนนี้นายหญิงสามารถหลบหลีกจุดสำคัญไปได้แม้มันจะไม่โดนหัวใจของเธอ แต่ท้องของเธอถูกแทงทะลุในตอนนี้
ในตอนนั้นเองชิงสุ่ยได่ปรากฏตัวข้างหลังของชายชราก่อนที่จะใช้ง้าวทองฟันไปที่หัวของเขาจนขาดกระเด็น
ในตอนนี้อีกฝ่ายเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้นและเขารู้ดีว่าไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถรอดไปได้ ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจหลบหลีกออกมาจากมู่หยุนชิงเฉิง และพุ่งเข้าใส่ชิงสุ่ยที่กำลังประคองนายหญิงแห่งพระราชวังสุริยาอยู่ ไม่จำเป็นต้องมีความปราณีใดๆในตอนนี้ หากเขาต้องตายอย่างน้อยเขาต้องเอาสองคนนี้ไปด้วย
เป็นอีกครั้งที่หุบเขาเก้าเทวาได้ปรากฏตัวออกมาก่อนที่มันจะพุ่งเข้าใส่ชายชรา ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกบดทับด้วยน้ำหนักของมัน
ตอนนี้ชายชรากระอักเลือดออกมาแต่เขายังไม่ได้ตายในตอนนี้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ ปราณที่อัดแน่รอบๆตัวของได้ระเบิดออกมา มันไม่ใช่ปราณของเขาแต่กรับเป็นของชิงเฉิง ในตอนนี้เธอโมโหอย่างมากกระบี่ในมือขอเธอได้ลุกขึ้นเป็นไฟ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่ในน้ำก็ตามที เธอไม่รอช้าและพุ่งไปจัดการกับเขา
ทางด้านชิงสุ่ยเมื่อมองไปที่บาดแผลของนายหญิง เขาสามารถบอกได้ว่ามันสาหัสอย่างมาก มันร้านแรงกล่าวเขาเสียอีก หากให้เทียบกับเขาก็ประมาณว่า ตัวของเขานั้นย่างเข้าไปแล้วครึ่งก้าวสู่ประตูความตาย แต่เธอนั้นได้ย่างเข้าไปแล้วครึ่งตัวในตอนนี้
“ข้าจะตายในเร็วๆนี้ใช่ไหม?” เธอรู้ดีว่าตอนนี้สภาพร่างกายเธอเป็นยังไง การจู่โจมในครั้งนี้นั้นรุนแรงอย่างมาก นอกจากนี้มันยังอยู่ใกล้ตันเถียนของเธอด้วย ถึงแม้เธอจะสามารถรอดไปได้ ในอนาคตเธอก็อาจการเป็นคนธรรมดา ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เลวร้ายกว่าความตายเสียอีก
“ข้าจะไม่ปล่อยให้ทันเป็นเช่นนั้น” ชิงสุ่ยกล่าว ขณะที่ถ่ายทอดปราณให้กับเธอ
”ข้าเชื่อเจ้าข้าเชื่อใจเจ้าเสมอ ข้าสบายดี … ไปช่วยพวกเขาก่อน ข้าไม่อยากให้คนอื่นเป็นอะไรไปอีกคน “เธอกล่าวออกมาหลังจากมองไปที่ชิงเฉิงที่กำลังต่อสู้กับชายชรา