AST
บทที่1792 – การพัฒนาของหลวนหลวน ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 1
ช่วงเวลาที่อยู่ที่บ้านยอมเป็นเวลาที่ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจกับมันมากที่สุดเขารู้สึกปลอดภัยแน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าตลอดทั้งคืนชิงสุ่ยคงไม่ได้หลับได้นอน
ร่างกายของชิงสุ่ยไม่มีปัญหาเขาสามารถเข้าออกห้องของเหล่าหญิงสาวได้ตลอดทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งฟ้าสาง
ตอนนี้เหลือเพียงแค่ห้องของห่ายต่งชิงและติ๊ชิงสองห้องสุดท้ายที่เขาจะเข้าไปเยี่ยม
ตอนแรกชิงสุ่ยวางแผนไว้ว่าถ้าหากเวลาไม่อำนวยเขาจะไม่ไปห้องของพวกเธอ เพราะก่อนหน้านี้ เขาเองก็ได้ร่วมรักกับทั้งสองมาแล้ว แม้จะอยู่ในสถานการ์ไม่คุ้นชินก็ตาม แต่สุดท้ายทั้งสามคนก็ไม่อาจขจัดความโหยหาในใจของตัวเองได้ ชิงสุ่ยจึงไปที่ห้องของห่ายต่งชิง หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น
ชิงสุ่ยนอนมองดูห่ายต่งชิงที่นอนอยู่บนเตียงนอนเธอกำลังนอนพักผ่อนด้วยท่าทางสบายๆ
แม้เธอจะบอกว่าเธอจะรอคอยแต่คงเป็นเพราะความเหนื่อยล้า เธอจึงเผลอหลับไป
ตื่นได้แล้ว!! ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขานั่งลงข้างเตียง
ห่ายต่งชิงตื่นขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางแต่ยังคงไว้ซึ่งความงามที่พร้อมจะโค่นล้มเมืองให้เข่นฆ่ากันเอง เธอค่อยๆเอนกายพิงหน้าอกชิงสุ่ย เจ้ารู้สึกเหนื่อยหรือไม่
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ชิงสุ่ยก็เริ่มเอนตัวลงบนที่นอน ร่างกายทองคำ 9 หยางทำให้เขาผ่อนคลายแต่บริเวณอาวุธลับของเขากลับแข็งเกร็ง
ร่างกายของหญิงสาวนั้นไวต่อปฏิกิริยาร่างกายทองคำ9 หยาง มันปลุกเร้าอารมณ์ของเธอ โดยที่ เธอไม่สามารถต้านทานมันได้ เมื่อหยินหยางบรรจบ แรงดึงดูดก็จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างฉับพลัน
เสียงแห่งความเร่าร้อนเกิดขึ้นภายในห้องอย่างต่อเนื่องเหมือนโลกทั้งใบกำลังสั่นคลอน และแล้ว เสียงเหล่านั้นก็หยุดลงเมื่อเวลาอาหารเช้ามาถึง ทุกคนรู้ดีว่าตลอดทั้งคืนถึงเช้ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจและขัดจังหวะชิงสุ่ยและห่ายต่งชิง
โชคดีที่ทั้งสองคนเลือกใช้เวลาที่เหมาะสมจึงทำให้มีเพียงแค่บรรดาหญิงสาวเท่านั้นที่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากร่วมโต๊ะรับประทานอาหารทุกคนยังคงไว้ซึ่งใบหน้าแดงก่ำจากผลลัพธ์ของเมื่อคืนเมื่อวานงานเลี้ยงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และได้เชิญชวนผู้คนมากมายมาเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่สำหรับในตอนเช้า บนโต๊ะอาหารเหลือเพียงแค่ชิงสุ่ยและครอบครัวของเขา ส่วนเด็กๆคนอื่นๆแยกโต๊ะรับประทานอาหารไปร่วมรับประทานอาหารพร้อมกับชิงอี้และเหยียนจงเยว่
ในช่วงเช้าหลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้นชิงสุ่ยก็เริ่มชี้นำการฝึกฝนให้กับทุกคน นอกจากนี้เขายังแจกจ่ายยาเม็ด9โคจรทองคำ และยาเม็ดโชคชะตาทองให้กับคนอื่น ซึ่งคนที่พลังก้าวหน้าได้รวดเร็วที่สุดก็คือหลวนหลวน
ชิงสุ่ยค่อนข้างตกใจในความก้าวหน้าของลูกสาวสุดที่รักของเขาด้วยพลังของสัตตะดวงใจลี้ลับ มันได้แสดงพลังอันน่ากลัวโดยการผลักดันให้เธอบรรลุระดับพลังบัญชาสวรรค์พินาศ และตอนนี้เธอกำลังเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์พินาศทั้ง 10
ในไม่ช้าเธอเองก็คงจะไปอยู่ในระดับพลังบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสูงสุด
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติหลวนหลวนตอนนี้อายุย่างเข้าเกือบ 40 ปีแล้ว หากเธอไม่ได้พบเจอกับชิงสุ่ย มันก็คงเป็นการยากที่จะบอกว่าชีวิตของเธอจะเดินทางไปในเส้นทางใด ผู้ที่ครอบครองสัตตะดวงใจลี้ลับส่วนใหญ่บนโลกใบนี้จะมีอายุสั้นไม่มีทางยืนยาวได้ถึง 40 ปี ตอนนั้นตอนที่เขาพบเจอกับเธอ เธอยังเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กที่พูดจาไม่ชัดเจน ไปจากวันนั้นจนวันนี้เวลาได้ผ่านล่วงเลยไปเร็วมาก
วันนี้ทั้งวันชิงสุ่ยเป็นไปด้วยงานมากมาย เขาต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลาและไม่มีเวลาพักหายใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว ในตอนเช้า เขาทำการเพิ่มพูนพลังให้กับบรรดาหญิงสาวโดยอาศัยทุกวิถีทางจนกระทั่งทุกคนมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 เท่า จนกระทั่งบางคนมีพลังเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า!!
พลังที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยาฟื้นกายาเช่นเดียวกับที่มอบให้หลวนหลวน ชิงสุ่ยมอบยานี้ให้กับเธอจนกระทั่งเธอก้าวขึ้นสู่ระดับครึ่งเจ้าของขั้นบัญชาสวรรค์พินาศ
ภายใต้การช่วยเหลือของชิงสุ่ยหลวนหลวนได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปอีกครั้ง
พลังของเธอค่อยๆพุ่งสูงขึ้นจนกระทั่งพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏให้เห็นมันคือพลังก่อนจะพุ่งทะลุเข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
เมื่อสายฟ้าฟาดปรากฏขึ้นกลางเส้นขอบฟ้าชิงสุ่ยก็เรื่องเข้าใจอะไรบางอย่าง นอกจากนี้ดูเหมือนร่างกายของเขาเองก็จะเปลี่ยนแปลงเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก จิตใจของเขายังคงมุ่งมั่นและจดจ่ออยู่กับหลวนหลวนและบรรดาหญิงสาวของเขา
สายฟ้าฟาดบนท้องฟ้าค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆชิงสุ่ยไม่แปลกใจที่หลวนหลวนสามารถทนแบกรับพลังเหล่านี้ได้ เพราะตอนที่เธอต้องเผชิญหน้ากับพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์พินาศ เธอก็สามารถทนมันได้จนกระทั่งบรรลุขึ้นถึงขีดสุดของพลัง แต่สิ่งที่น่าตกใจสำหรับเขาคือพลังที่เธอครอบครอง
300เต๋า!!
ที่จริงแล้วระดับพลังเท่านี้ก็มากพอที่จะเรียกว่าอยู่ในระดับผู้แข็งแกร่งที่จริงแล้วพลังเพียงแค่ระดับ 100 เต๋าก็มากพอที่จะอยู่ในระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ประจวบกับการที่เธอมีสัตว์อสูรจำนวนมากคอยรับใช้ไม่ต่ำกว่า 50 ตัว แต่มี 20 ตัวที่อยู่กับเธอมาตั้งแต่แรกเริ่ม ถึงแม้พวกมันจะมีระดับพลังที่ตามและสามารถช่วยเหลือหลวนหลวนได้น้อยมาก แต่มันก็ยังพอมีประโยชน์และเธอก็ไม่ต้องการทิ้งพวกมันไป
ชิงสุ่ยมอบยาเม็ดโชคชะตาทองผลอสูรบรรพกาล และผลอสูรโลกาศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติมให้กับหลวนหลวน แน่นอนว่าเขาไม่ได้ต้องการให้เธอใช้งานมัน แต่ต้องการให้เธอนำมันไปมอบให้กับสัตว์อสูรของเธอ เขาย้ำเตือนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าสิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งของที่หายากยิ่ง เขากำชับเธอว่าเธอต้องเลือกสัตว์อสูรที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมมากที่สุด หากพวกมันมีพลังมากขึ้น มันจะต้องขึ้นเป็นหนึ่งในอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ และเมื่อถึงเวลานั้นมันจะเป็นกำลังสำคัญของเธอ
ในตอนนี้ทุกคนของตระกูลชิงพัฒนาพลังขึ้นสู่ระดับที่สูงมาก อย่างไรก็ตามทุกคนต่างก็ตกตะลึงจนแทบไม่อยากเชื่อว่าหลวนหลวนได้ก้าวขึ้นสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คงจะมีเฉพาะเพียงแค่อีเย่เจี้ยนเก้อคนเดียวเท่านั้นที่เชื่อมั่นโดยไม่มีข้อสงสัยเธอรู้ดีว่าหลวนหลวนนั้นมีความสามารถมากเพียงใด ปัญหาเดียวที่ทำให้ทุกคนคิดว่ามันเป็นเรื่องยาก เพราะเธอยังเด็กเกินไปและสภาพการฝึกฝนของเธอนั้นแตกต่างจากผู้อื่น
เมื่อเห็นการพัฒนาของหลวนหลวนความเป็นไปได้ที่คนบนโลกพื้นดินจะสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับพลังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็มีมากขึ้น ชิงสุ่ยจึงไม่สามารถยืนยันได้อีกต่อไปแล้วว่าโลกใบนี้จะไม่มีนักรบระดับพลังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อาศัยและซ่อนตัวอยู่