AST
บทที่1831 – แสดงความเป็นเจ้าของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์
”หญิงสาวและสมบัติก็ควรอยู่กับคนที่คู่ควร”ชายคนนั้นกำลังกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนกับพี่สอนน้อง
ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะทันทีที่ได้ยินคำพูดมนุษย์ที่กล่าวประโยคนี้ออกมาได้ จะต้องเป็นมนุษย์ที่ไร้ยางอายอย่างแท้จริง
”ข้าแนะนำให้เจ้าไปคิดทบทวนเรื่องนี้ให้ดีตอนนี้ข้าเองก็ไม่ได้อยากฆ่าคน แต่ถ้าหากเจ้ากล้าคิดที่จะแย่งชิงผู้หญิงของข้าอีกแม้แต่ครั้งเดียว ต่อให้ข้าไม่ฆ่าเจ้า ข้ารับรองเลยว่าเจ้าจะไม่มีวันกลับมาเป็นผู้ชายได้อีกแล้ว” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างหนักแน่น
ใบหน้าของชายผู้นั้นแสดงให้เห็นถึงความมืดมนหากไม่สามารถเป็นชายชาตรีได้อีกชีวิตของเขาคงเลวร้ายยิ่งกว่าความตายตัวของเขาเองก็มีสาวงามรอคอยอยู่ที่บ้าน ดูเหมือนความเสี่ยงที่จะได้ครอบครองสาวงามเพิ่มเติมคงไม่ใช่เรื่องง่าย
เจ้าของร้านจ้องมองชิงสุ่ยก่อนจะเปลี่ยนสายตาไปมองหญิงสาวข้างกายทั้งสองคนความงามที่เหมือนกับเทพธิดาไม่อาจทำให้เขาตัดใจได้ เขาจึงเต็มใจยอมรับความเสี่ยงทันทีที่เห็นหน้าพวกเธอทั้งสอง
”ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าแต่ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าตอนที่ข้าเล่นกับพวกนางมันสนุกมากเพียงใด”ใบหน้าของเจ้าของร้านแสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม
”ชิงสุ่ยฆ่ามันทิ้งซะ”ฉินชิงกล่าวเบาๆ
”โฉมงามของข้าการจะลงโทษมันแค่การสังหารคงไม่เพียงพอ เห็นทีข้าคงต้องทำให้มันกลายสภาพเป็นชายไม่ใช่ชายเสียแล้ว”ชิงสุ่ยยิ้มและจ้องมองฉินชิงกับถานท่ายหลิงเยียนอย่างสนุกสนาน
”แล้วจะรออะไรอีกล่ะ”ฉินชิงผลักชิงสุ่ยออกไปข้างหน้า ชิงสุ่ยจึงพุ่งเข้าหาเจ้าของร้านโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงต่อไป
”งั้นเจ้าก็ตายไปซะ!!”
ชายผู้นั้นกล่าวด้วยความน่ารังเกียจขณะเดียวกันในตอนที่เขายกหมัดขึ้นมา ฝ่ามือของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท และปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
”ฝ่ามือศตพิษ”ชิงสุ่ยค่อนข้างแปลกใจ
เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าของร้านคนนี้จะฝึกฝนทักษะการใช้พิษระดับสูงและมันยังเป็นทักษะในตำนานที่มีชื่อเสียงครั้งเมื่อโบราณกาล
ผู้ที่จะฝึกฝนฝ่ามือศตพิษได้จำเป็นต้องมีร่างกายที่ทนทานต่อพิษมาตั้งแต่กำเนิด และร่างกายที่แสนพิเศษนี้ 100 ปีจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่คน
วิธีการที่จะทำให้ร่างกายทนทานต่อพิษตั้งแต่กำเนิดส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีการวางยาพิษทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หากตัวของทารกรอดพ้นจากความตาย ร่างกายของทารกก็จะก่อให้เกิดตัวพันธุกรรมที่จะช่วยเหลือในการต้านทานพิษ แต่โอกาสสำเร็จแทบไม่มี
ฝ่ามือศตพิษคือทักษะที่พัฒนาขึ้นใหม่ขั้นหนึ่งของร่างกายที่ทนทานต่อพิษมันคือการนำฝ่ามืออาจสมุนไพรหลากหลายพันหมื่นชนิด เพื่อให้ร่างกายซึมซับพิษเข้าสู่ปราณ ในขณะเดียวกันผู้ที่ฝึกฝนจะต้องโคจรพลังปราณเพื่อปกป้องไม่ให้ผิดแล่นเข้าสู่หัวใจ ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงสูง แม้ร่างกายจะมีความทนทานต่อพิษก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในที่สุดชิงสุ่ยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงมีความกล้าหาญเยี่ยงนี้มันคงเป็นเพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใช้พิษที่แข็งแรง และมีกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด
แต่ช่างน่าเศร้าที่ชิงสุ่ยก็ไม่ใช่คนธรรมดาเขาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านพิษเช่นกัน
ฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์!!
ชิงสุ่ยโคจรทักษะฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์จากนั้นก็ใช้พลังธรรมชาติในการขจัดพิษที่กำลังจะเข้าถึงตัวเขา
ความแตกต่างของระดับพลังนั้นห่างชั้นกันเกินไปแม้ชิงสุ่ยจะใช้ฝ่ามือธรรมดาโดยไม่อาศัยทักษะก็สามารถปราบชายผู้นี้ได้เหมือนยักษ์ที่คอยเหยียบหมด
ทุกอย่างเป็นไปตามคาดเพียงแค่ฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์ก็ทำให้ชายผู้เป็นเจ้าของร้านปลิวกระเด็นกระอักเลือดก่อนจะสลบ
ชิงสุ่ยไม่สนใจชายคนนี้ต่อไปแล้วเขาจะรอดหรือตายก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา ถ้าหากรอด ชายผู้นี้ก็จะกลายเป็นคนพิการ แต่ถ้าหากตายก็ถือว่าชีวิตเขาทำบุญมามากพอแล้ว
ทั้ง3 คนเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว เดิมทีพวกเขาต้องการเดินเล่นเพื่อฆ่าเวลา แต่อารมณ์แห่งความสนุกก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น
อีกอย่างคือพวกเขาจำเป็นต้องปรับแต่งเจดีย์ที่พึ่งได้รับมาใหม่หลังจากนี้หากพวกเขาถูกลอบโจมตีสิ่งของชิ้นใหม่ชิ้นนี้จะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้พวกเขารอดชีวิตโดยไม่ต้องกังวล ยิ่งเจดีย์ได้รับพลังและเติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ชีวิตของทั้ง 3 คนก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
ทันทีที่กลับไปถึงหอคอยจักรพรรดิพวกเขาก็ลงกลอนประตู จากนั้นชิงสุ่ยก็กล่าวว่า “พวกเจ้าอยากให้ใครมาขัดขวางกระบวนการปรับแต่งเจดีย์ของข้าเด็ดขาด”
”นี่ก็เป็นเวลากลางคืนแล้วคงไม่มีใครมารบกวนเจ้าอย่างแน่นอน”ฉินชิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว
”มันก็จริงอย่างเจ้าว่าดึกดื่นขนาดนี้ เจ้าอยากจะขัดจังหวะการปรับแต่งเจดีย์หน่อยไหม”ชิงสุ่ยพยักหน้าอย่างมีเลศนัย
ใบหน้าของฉินชิงแดงกล่ำ”เจ้าคนชั่ว เจ้าอยากตายใช่หรือไม่?”
ชิงสุ่ยหัวเราะคึกคักก่อนจะนำเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ออกมา จากนั้นก็กรีดปลายนิ้วและกลั่นเอาแก่นแท้แห่งโลหิต ก่อนจะหยดลงบนตัวของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ทีละหยดอย่างช้าๆ และเมื่อเข้าสู่หยดที่ 4 เขาก็ใช้ปราณกระบี่แยกเอาแก่นแท้โลหิตแบ่งเป็น 2 ส่วนอย่างปราณีต
เมื่อเคลือบตัวเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ด้วยแก่นแท้โลหิตจนครบถ้วนเขาก็ห่อหุ้มตัวของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ด้วยพลังปราณหยวน
ในช่วงพริบตาเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ก็เปล่งประกายแสงอัดแข็งแรงออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะหายวับไปอย่างช้าๆชิงสุ่ยสังเกตเห็นแสงทั้ง 7 สีค่อยๆแทรกซึมเข้าสู่จุดตันเถียนของเขา มันล้อมรอบ เส้นลมปราณวชิระ ตัวกลไกธงสวรรค์ปัญจธาตุ แหล่งรวมพลังปราณจักรพรรดิ และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในร่างกายของเขา
สำเร็จ!!
ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงพลังที่แสนอบอุ่นภายในร่างกายที่มันสามารถประสานเข้ากับร่างกายชิงสุ่ยได้อย่างลงตัว คงเป็นเพราะมันคือวัตถุโบราณในระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
การหายไปของตัวเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ทำให้หญิงสาวทั้งสองคนรู้สึกตกใจพวกเธอไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งของที่ดูไม่มีประโยชน์จะสามารถรวมเข้ากับร่างกายของผู้ที่มีพลังปราณระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้
เมื่อชิงสุ่ยลืมตาขึ้นเธอก็บอกหญิงสาวทั้งสองคนถึงวิธีการเป็นเจ้าของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ทันที
”พวกเจ้าจงกลั่นเอาแก่นแท้โลหิตออกมา3 หยดครึ่ง โปรดจำเอาไว้ว่าต้องเป็น 3 หยดครึ่งไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป”
ชิงสุ่ยพยายามเน้นย้ำความสำคัญของแก่นแท้โลหิตแม้มันจะไม่ได้มีความหมายพิเศษอันใด แต่ก็เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด
หญิงสาวทั้งสองคนจึงค่อยๆหยดแก่นแท้โลหิตทั้ง3 หยดครึ่งลงบนตัวของเจดีย์อย่างช้าๆ
บทที่1831 – แสดงความเป็นเจ้าของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์
”หญิงสาวและสมบัติก็ควรอยู่กับคนที่คู่ควร”ชายคนนั้นกำลังกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนกับพี่สอนน้อง
ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะทันทีที่ได้ยินคำพูดมนุษย์ที่กล่าวประโยคนี้ออกมาได้ จะต้องเป็นมนุษย์ที่ไร้ยางอายอย่างแท้จริง
”ข้าแนะนำให้เจ้าไปคิดทบทวนเรื่องนี้ให้ดีตอนนี้ข้าเองก็ไม่ได้อยากฆ่าคน แต่ถ้าหากเจ้ากล้าคิดที่จะแย่งชิงผู้หญิงของข้าอีกแม้แต่ครั้งเดียว ต่อให้ข้าไม่ฆ่าเจ้า ข้ารับรองเลยว่าเจ้าจะไม่มีวันกลับมาเป็นผู้ชายได้อีกแล้ว” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างหนักแน่น
ใบหน้าของชายผู้นั้นแสดงให้เห็นถึงความมืดมนหากไม่สามารถเป็นชายชาตรีได้อีกชีวิตของเขาคงเลวร้ายยิ่งกว่าความตายตัวของเขาเองก็มีสาวงามรอคอยอยู่ที่บ้าน ดูเหมือนความเสี่ยงที่จะได้ครอบครองสาวงามเพิ่มเติมคงไม่ใช่เรื่องง่าย
เจ้าของร้านจ้องมองชิงสุ่ยก่อนจะเปลี่ยนสายตาไปมองหญิงสาวข้างกายทั้งสองคนความงามที่เหมือนกับเทพธิดาไม่อาจทำให้เขาตัดใจได้ เขาจึงเต็มใจยอมรับความเสี่ยงทันทีที่เห็นหน้าพวกเธอทั้งสอง
”ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าแต่ข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าตอนที่ข้าเล่นกับพวกนางมันสนุกมากเพียงใด”ใบหน้าของเจ้าของร้านแสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม
”ชิงสุ่ยฆ่ามันทิ้งซะ”ฉินชิงกล่าวเบาๆ
”โฉมงามของข้าการจะลงโทษมันแค่การสังหารคงไม่เพียงพอ เห็นทีข้าคงต้องทำให้มันกลายสภาพเป็นชายไม่ใช่ชายเสียแล้ว”ชิงสุ่ยยิ้มและจ้องมองฉินชิงกับถานท่ายหลิงเยียนอย่างสนุกสนาน
”แล้วจะรออะไรอีกล่ะ”ฉินชิงผลักชิงสุ่ยออกไปข้างหน้า ชิงสุ่ยจึงพุ่งเข้าหาเจ้าของร้านโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงต่อไป
”งั้นเจ้าก็ตายไปซะ!!”
ชายผู้นั้นกล่าวด้วยความน่ารังเกียจขณะเดียวกันในตอนที่เขายกหมัดขึ้นมา ฝ่ามือของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท และปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
”ฝ่ามือศตพิษ”ชิงสุ่ยค่อนข้างแปลกใจ
เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าของร้านคนนี้จะฝึกฝนทักษะการใช้พิษระดับสูงและมันยังเป็นทักษะในตำนานที่มีชื่อเสียงครั้งเมื่อโบราณกาล
ผู้ที่จะฝึกฝนฝ่ามือศตพิษได้จำเป็นต้องมีร่างกายที่ทนทานต่อพิษมาตั้งแต่กำเนิด และร่างกายที่แสนพิเศษนี้ 100 ปีจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่คน
วิธีการที่จะทำให้ร่างกายทนทานต่อพิษตั้งแต่กำเนิดส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีการวางยาพิษทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หากตัวของทารกรอดพ้นจากความตาย ร่างกายของทารกก็จะก่อให้เกิดตัวพันธุกรรมที่จะช่วยเหลือในการต้านทานพิษ แต่โอกาสสำเร็จแทบไม่มี
ฝ่ามือศตพิษคือทักษะที่พัฒนาขึ้นใหม่ขั้นหนึ่งของร่างกายที่ทนทานต่อพิษมันคือการนำฝ่ามืออาจสมุนไพรหลากหลายพันหมื่นชนิด เพื่อให้ร่างกายซึมซับพิษเข้าสู่ปราณ ในขณะเดียวกันผู้ที่ฝึกฝนจะต้องโคจรพลังปราณเพื่อปกป้องไม่ให้ผิดแล่นเข้าสู่หัวใจ ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงสูง แม้ร่างกายจะมีความทนทานต่อพิษก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในที่สุดชิงสุ่ยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงมีความกล้าหาญเยี่ยงนี้มันคงเป็นเพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใช้พิษที่แข็งแรง และมีกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด
แต่ช่างน่าเศร้าที่ชิงสุ่ยก็ไม่ใช่คนธรรมดาเขาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านพิษเช่นกัน
ฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์!!
ชิงสุ่ยโคจรทักษะฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์จากนั้นก็ใช้พลังธรรมชาติในการขจัดพิษที่กำลังจะเข้าถึงตัวเขา
ความแตกต่างของระดับพลังนั้นห่างชั้นกันเกินไปแม้ชิงสุ่ยจะใช้ฝ่ามือธรรมดาโดยไม่อาศัยทักษะก็สามารถปราบชายผู้นี้ได้เหมือนยักษ์ที่คอยเหยียบหมด
ทุกอย่างเป็นไปตามคาดเพียงแค่ฝ่ามือศักดิ์สิทธิ์ก็ทำให้ชายผู้เป็นเจ้าของร้านปลิวกระเด็นกระอักเลือดก่อนจะสลบ
ชิงสุ่ยไม่สนใจชายคนนี้ต่อไปแล้วเขาจะรอดหรือตายก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา ถ้าหากรอด ชายผู้นี้ก็จะกลายเป็นคนพิการ แต่ถ้าหากตายก็ถือว่าชีวิตเขาทำบุญมามากพอแล้ว
ทั้ง3 คนเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว เดิมทีพวกเขาต้องการเดินเล่นเพื่อฆ่าเวลา แต่อารมณ์แห่งความสนุกก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น
อีกอย่างคือพวกเขาจำเป็นต้องปรับแต่งเจดีย์ที่พึ่งได้รับมาใหม่หลังจากนี้หากพวกเขาถูกลอบโจมตีสิ่งของชิ้นใหม่ชิ้นนี้จะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้พวกเขารอดชีวิตโดยไม่ต้องกังวล ยิ่งเจดีย์ได้รับพลังและเติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ชีวิตของทั้ง 3 คนก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
ทันทีที่กลับไปถึงหอคอยจักรพรรดิพวกเขาก็ลงกลอนประตู จากนั้นชิงสุ่ยก็กล่าวว่า “พวกเจ้าอยากให้ใครมาขัดขวางกระบวนการปรับแต่งเจดีย์ของข้าเด็ดขาด”
”นี่ก็เป็นเวลากลางคืนแล้วคงไม่มีใครมารบกวนเจ้าอย่างแน่นอน”ฉินชิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว
”มันก็จริงอย่างเจ้าว่าดึกดื่นขนาดนี้ เจ้าอยากจะขัดจังหวะการปรับแต่งเจดีย์หน่อยไหม”ชิงสุ่ยพยักหน้าอย่างมีเลศนัย
ใบหน้าของฉินชิงแดงกล่ำ”เจ้าคนชั่ว เจ้าอยากตายใช่หรือไม่?”
ชิงสุ่ยหัวเราะคึกคักก่อนจะนำเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ออกมา จากนั้นก็กรีดปลายนิ้วและกลั่นเอาแก่นแท้แห่งโลหิต ก่อนจะหยดลงบนตัวของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ทีละหยดอย่างช้าๆ และเมื่อเข้าสู่หยดที่ 4 เขาก็ใช้ปราณกระบี่แยกเอาแก่นแท้โลหิตแบ่งเป็น 2 ส่วนอย่างปราณีต
เมื่อเคลือบตัวเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ด้วยแก่นแท้โลหิตจนครบถ้วนเขาก็ห่อหุ้มตัวของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ด้วยพลังปราณหยวน
ในช่วงพริบตาเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ก็เปล่งประกายแสงอัดแข็งแรงออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะหายวับไปอย่างช้าๆชิงสุ่ยสังเกตเห็นแสงทั้ง 7 สีค่อยๆแทรกซึมเข้าสู่จุดตันเถียนของเขา มันล้อมรอบ เส้นลมปราณวชิระ ตัวกลไกธงสวรรค์ปัญจธาตุ แหล่งรวมพลังปราณจักรพรรดิ และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในร่างกายของเขา
สำเร็จ!!
ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงพลังที่แสนอบอุ่นภายในร่างกายที่มันสามารถประสานเข้ากับร่างกายชิงสุ่ยได้อย่างลงตัว คงเป็นเพราะมันคือวัตถุโบราณในระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
การหายไปของตัวเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ทำให้หญิงสาวทั้งสองคนรู้สึกตกใจพวกเธอไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งของที่ดูไม่มีประโยชน์จะสามารถรวมเข้ากับร่างกายของผู้ที่มีพลังปราณระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้
เมื่อชิงสุ่ยลืมตาขึ้นเธอก็บอกหญิงสาวทั้งสองคนถึงวิธีการเป็นเจ้าของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ทันที
”พวกเจ้าจงกลั่นเอาแก่นแท้โลหิตออกมา3 หยดครึ่ง โปรดจำเอาไว้ว่าต้องเป็น 3 หยดครึ่งไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป”
ชิงสุ่ยพยายามเน้นย้ำความสำคัญของแก่นแท้โลหิตแม้มันจะไม่ได้มีความหมายพิเศษอันใด แต่ก็เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด
หญิงสาวทั้งสองคนจึงค่อยๆหยดแก่นแท้โลหิตทั้ง3 หยดครึ่งลงบนตัวของเจดีย์อย่างช้าๆ