AST
บทที่1847 – ชีวิตก็เหมือนการเดินทาง
บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นได้ด้วยความน่าอัศจรรย์เหมือนความรู้สึกที่เขามีต่อชิงหยวน เธอเปรียบเสมือนเครื่องเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจักรพรรดินีผีดูดเลือด ซึ่งหากไม่มีเธอ เขาก็คงลืมเรื่องราวทุกอย่างและไม่ต้องการเข้ามาข้องเกี่ยวกับอาณาจักรชนเผ่าผีดูดเลือดเลย
ชิงสุ่ยโอบอุ้มเด็กทารกตัวน้อยเมื่อเขามองเห็นรอยยิ้มและดวงตาอันเป็นประกายสดใสไร้เดียงสาบริสุทธิ์ เขาได้แต่รู้สึกตื้นตันใจ ราวกับว่าความเกลียดชังที่เคยมีต่อเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดพันสลายหายไปกับตา
จักรพรรดินีผีดูดเลือดได้แต่จ้องมองชิงสุ่ยและลูกสาวของเธออย่างเงียบๆเธอมองเห็นความรักและความอ่อนโยนภายในสายตาของเขา
ชีวิตของชนเผ่าผีดูดเลือดนั้นไม่เคยคิดข้องเกี่ยวกับคนภายนอกพวกเธอไม่จำเป็นต้องมีสามีเป็นตัวเป็นตน ชีวิตของพวกเธอมีแต่การฝึกฝน ดูดเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงไว้ให้กำเนิดทายาทรุ่นถัดไป
แต่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใดย่อมต้องมีความรู้สึกและอารมณ์เพียงแค่คนเผ่าผีดูดเลือดมีความรับรู้ที่ต่ำกว่า และไม่รู้ว่าบรรพบุรุษของตัวเองนั้นเป็นใครมาจากไหน ซึ่งมันก็ไม่ได้แปลกอะไรเลย
วัฒนธรรมของคนเผ่าผีดูดเลือดแตกต่างจากเผ่าพันธ์ุอื่นอย่างชัดเจนตอนที่พวกเธอถือกำเนิดพวกเธอจะทำความรู้จักพ่อแม่ตัวเองแบบคร่าวๆเท่านั้น เมื่อโตขึ้นทุกคนจะย้ายออกจากวังของตน เพื่อหาที่อยู่ใหม่ของตนและก่อตั้งจักรวรรดิของตนเอง สุดท้ายก็ปล่อยให้โชคชะตานำทางและหวังว่าสักวันหนึ่งพวกเธอจะพัฒนากลายเป็นจักรพรรดิ
แม่ของเธอเป็นเพียงแค่ราชินีผีดูดเลือดระดับทั่วไปซึ่งเธอเองก็เชื่อว่าชีวิตของเธอเองก็คงไม่มีวันก้าวขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิได้ แต่แล้วโชคชะตาก็นำพาเธอให้มาเจอกับชิงสุ่ย ชายผู้ทำให้เธอกลายเป็นจักรพรรดินีแห่งผีดูดเลือด
ชื่ออาจจะดูคล้ายคลึงกันแต่ความแข็งแกร่งต่างกันคนละขุม
ชิงสุ่ยละสายตาจากลูกน้อยชั่วคราวก่อนจะหันไปมองจักรพรรดินีผีดูดเลือดที่กำลังมองด้วยสายตาร่าเริง ดูเหมือนเจ้าจะมองมาที่ข้าสักพักใหญ่แล้ว มีอะไรอยากจะพูดกับข้าอย่างนั้นรึ?
ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงบรรยากาศผ่อนคลายดังนั้นเขาจึงพยายามพูดตลกและคำพูดของเธอดูเหมือนมันจะเป็นคำพูดยอมรับในตัวเขาแบบกลายๆ แต่เขาก็ไม่แน่ใจนะว่าเธอยอมรับตัวของเขาแล้วหรือยัง
ข้าคือเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด เธอกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยก้มหน้ากลับลงไปมองลูกสาวที่กำลังนอนหลับอยู่ ตอนนี้ข้ามองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างเจ้าและข้าอีกแล้ว อืมว่าแต่เจ้าชื่ออะไร? จักรพรรดินีกล่าวถาม ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เธอยังไม่รู้ว่าควรเรียกชายผู้นี้ว่าอะไรเลย
ตัวข้านั้นมีนามว่าชิงสุ่ยแม้ว่าในอดีตเราสองคนจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนัก แต่ตอนนี้ตัวข้าได้เปลี่ยนไปแล้ว ข้ารู้สึกเคารพความคิดของเจ้า จนกระทั่งมันได้งอกเงยกลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน
เธอตกตะลึงในคำตอบถ้าหากเขายังคงเกลียดชังเขาก็คงไม่มาที่นี่ เธอจึงตอบกลับไปว่า ข้ารู้ว่าในใจเจ้าคงจะไม่ชอบเผ่าพันธุ์ของพวกเรา และระหว่างเราสองคนก็ไม่ได้มีอะไรกัน ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้
ข้าไม่ได้ฝืนใจตนเองเลยเพียงแต่ข้ารู้สึกอึดอัดข้าจึงรีบมาที่นี่ ถ้าหากข้าไม่มา ข้ากลัวว่าข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกว่าข้าเป็นศัตรูกับเจ้า
เธอยิ้มและตอบกลับว่า ข้าไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลยจริงๆ และตัวของข้าเองก็เคยลิ้มรสชาติเลือดจากตัวเจ้าเป็นครั้งแรก จริงๆแล้วข้าเป็นคนพิถีพิถันในการกินอย่างมาก
เธอกล่าวอย่างนุ่มนวลและสงบนิ่ง
ชิงสุ่ยดูจะไม่ค่อยเชื่อในคำตอบ ว่าแต่ เจ้า…..ชอบข้าหรือไม่
อืมข้าไม่ได้รู้สึกเกลียดเจ้าเลย เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ชิงสุ่ยส่ายหน้า เยี่ยมไปเลยแต่ถ้าจะดีกว่านี้ถ้าหากเจ้าตอบกลับมาว่าเจ้าชอบข้า
จักรพรรดินีผีดูดเลือดสับสนในคำตอบที่ได้ยินเนื่องจากเธอเข้าใจดีว่าแต่ก่อนเธอรู้ดีว่าชายผู้นี้รังเกียจในเผ่าพันธุ์ของเธอ และการเปลี่ยนแปลงไปของเขายิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
เจ้าอยากให้ข้าชอบเจ้าไม่ใช่ว่าเจ้าเกลียดเผ่าพันธุ์ของเรางั้นรึ?
ข้าได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างชีวิตก็เหมือนการเดินทาง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลง หากเราสามารถปล่อยวาง เราจะได้สนุกกับสิ่งใหม่ๆที่ได้พบเจอ ชิงสุ่ยมองดูใบหน้าที่ทรงเสน่ห์เกินจะห้ามใจ
จักรพรรดินีปีศาจดูดเลือดรับรู้ได้ถึงแววตาอันแปลกประหลาดซึ่งทำให้เธอก้มหัวลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย เธอเห็นท่าทีแปลกๆเธอจึงถามกลับไปว่า เจ้ากำลังคิดจะทำอะไร
ลูกสาวของเราได้ดื่มนมแม่เช่นเจ้าช่างไม่ยุติธรรมเลย ทำไมข้าถึงไม่ได้บ้าง ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
เจ้า…..
เจ้าอยากตายสินะ!!
ชิงสุ่ยยิ้มขณะจ้องมองใบหน้าที่เขินอายของเธอเขากล่าวติดตลกเพราะรับรู้ได้ว่าหัวใจของเธอกำลังรู้สึกลังเล
แม้จะเป็นเรื่องตลกแต่ชิงสุ่ยก็อดจินตนาการภาพไม่ได้ เขาได้แต่จ้องมองยอดเขาคู่งามกลางหน้าอกจักรพรรดินีผีดูดเลือด ดูเหมือนหน้าอกของเธอจะบานสะพรั่งยิ่งกว่าเก่าหลังจากที่เธอให้กำเนิดบุตรสาว
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเรื่องต่างๆจำเป็นต้องใช้เวลาลูกสาวของเขาซึ่งถือกำเนิดและจำเป็นต้องได้รับการดูแล ฉะนั้นทั้งสองคนจึงต้องทําหน้าที่พ่อและแม่ร่วมกัน
ครึ่งวันผ่านไปทั้ง 3 คน ใช้ชีวิตร่วมกันบนเตียงนอน โดยที่มีลูกสาวตัวน้อยคั้นกลาง
ชิงสุ่ยมองดูภาพที่สวยงามก่อนจะกล่าว รอข้าสักประเดี๋ยว เดี๋ยวข้าจะไปทำอาหารมาให้
หญิงสาวที่เพิ่งคลอดลูกจำเป็นต้องได้รับสารอาหารและแร่ธาตุมากกว่าปกติแม้ว่าเธอจะเป็นผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง แต่การได้รับการบำรุงย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าเสมอ
จักรพรรดินีผีดูดเลือดมองดูชิงสุ่ยด้วยความแปลกใจเธอไม่คิดเลยว่าผู้ฝึกตนอย่างชิงสุ่ยจะทำอาหารเป็น และเป็นเรื่องที่หายากยิ่งที่ผู้ฝึกตนจะยอมทำอาหารให้กับผู้อื่น
แน่นอนว่าความประหลาดใจยิ่งกว่าคือการที่ชิงสุ่ยเดินออกไปเพียงแค่ชั่วครู่เดียวแล้วกลับมาพร้อมอาหารเธอคงยังไม่รู้ว่าเขามีครัวส่วนตัวอยู่ภายในดินแดนต่างมิติ