AST
บทที่1856 – นิกายมังกรเมฆาครามอมตะ ปีศาจ
เหลียนเฉินเปาดวงตาเบิกกว้างขณะจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นเขาถูกพลังย้อนกลับโจมตีอัดร่างของตัวเองกระเด็นปลิวไกลเหมือนคลื่นดาวตก
ร่างกายของชิงสุ่ยเคลื่อนไหวคล้ายเงาทางด้านของชายวัยกลางคนก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาเคลื่อนไหวในพริบตาเข้าหาเหลียนเฉินเปาภายในการขยับครั้งเดียว
เขาเริ่มสะบัดแขนก่อให้เกิดคลื่นพลังลึกลับเพื่อนรับร่างของเหลียนเฉินเปาที่กำลังกระเด็นออกไปด้วยความเร็วสูงมากแน่นอนว่าชิงสุ่ยก็ไปปรากฏตัวในที่เดียวกันกับชายวัยกลางคน ดังนั้นชายวัยกลางคนจึงอัดกระแทกฝามือใส่ชิงสุ่ยทันที
ฝ่ามืออัดอากาศ!! ในอดีตตอนที่ชิงสุ่ยต้องเผชิญหน้ากับเฉินเจินเธอเองก็ใช้ทักษะเช่นเดียวกับชายคนนี้ มันเป็นทักษะที่อาศัยคลื่นพลังจากแรงโน้มถ่วง เห็นไม่ชัดเลยว่านี่คงเป็นพลังสืบทอดของตระกูล
ชิงสุ่ยเผยให้เห็นรอยยิ้มก่อนจะโต้กลับไปด้วยฝ่ามือของเขาเช่นกัน
เพลงหมัดตันเปียน!!
ปังงงงง!!
ฝ่ามือของชิงสุ่ยปะทะเข้ากับฝ่ามือของชายวัยกลางคนที่พุ่งเป้ามาที่กลางหน้าอกของเขาฝ่ามือทั้ง 2 ปะทะกันอย่างดุเดือดด้วยกำลังมหาศาล อาจเป็นเพราะความพิศดารของทักษะทั้งสอง จึงทำให้ทั้งคู่รู้สึกตื่นตัวที่ได้เข้าปะทะกัน ทางด้านของชายวัยกลางคนก็สามารถป้องฝ่ามือของชิงสุ่ยได้ไม่ต่างจากชิงสุ่ยที่ปัดป้องกันการโจมตีของชายวัยกลางคน
ลึกๆในใจของเฉินหยวนหลงตื่นตระหนกมากกว่าชิงสุ่ยเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าชิงสุ่ยจะสามารถหลบการโจมตีของเขาได้ และยังถูกต้องกลับมาด้วยทักษะการโจมตีของชิงสุ่ย ดูเหมือนความลึกซึ้งในระดับอาณาจักรพลังของเด็กหนุ่มผู้นี้ก็ไม่ได้ธรรมดาเลย ตัวของเขาเองก็ได้เปิดใช้ระดับดินแดนพลังจนทำให้ความเร็วในการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า แต่ก็ยังถูกต้องกลับด้วยพลังของเด็กหนุ่ม บางทีการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มผู้นี้คงจะเร็วกว่าเขาไม่ 5 เท่าก็ 10 เท่า
”บรรพบุรุษของเจ้าเป็นใครกัน?”เฉินหยวนหลงเอ่ยปากถามพร้อมกับจ้องเขม่นไปที่ชิงสุ่ย
”ท่านเคยเห็นคนที่เข้าถึงระดับดินแดนพลังแบบเดียวกับข้าหรือไม่?ท่านคงกำลังแปลกใจ เพราะทักษะเหล่านี้ข้าเขาถึงมันได้ด้วยตัวเอง”
”เจ้าเข้าถึงระดับดินแดนพลังที่ลึกซึ้งมากแต่มันช่างไร้สาระเหลือเกินที่เจ้าบอกว่าเจ้าสรรสร้างทักษะเหล่านี้ด้วยตัวเอง เมื่อ 300 ปีก่อน เคยมีเด็กหนุ่มจากมหานิกายมังกรเมฆาครามอมตะ เขาช่างเหมือนเจ้ามาก และข้าแน่ใจว่า ทักษะการเข้าถึงในปัจจุบันของเขาจะต้องดีเลิศยิ่งกว่าแต่ก่อน”เฉินหยวนหลงกล่าวกับชิงสุ่ยอย่างจริงจัง
เขาอยากเห็นการตอบสนองต่อคำพูดของชิงสุ่ยเพราะเขาเริ่มสงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้อาจเป็นชายหนุ่มในตำนานคนเดียวกับเมื่อ 300 ปีก่อน แน่นอนว่ารูปร่างภายนอกสำหรับผู้ฝึกตนแล้ว ทุกคนสามารถรักษาความเยาว์วัยได้จึงไม่ใช่อะไรที่แปลก แม้เวลาจะผ่านไป 300 ปีก็ตาม
ชิงสุ่ยถึงกับแสดงสีหน้าแปลกใจไม่ใช่เพราะเรื่องของนิกายมังกรเมฆาครามอมตะ แต่เป็นเพราะมีชายหนุ่มอีกคนนึงที่สามารถพัฒนาระดับปัญญาเทียบเท่ากับเขา ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยจะไม่ใช่ผู้เดียวที่ได้รับพรจากพระเจ้า
”นิกายมังกรเมฆาครามอมตะคงจะเป็นนิกายที่ทรงพลังอย่างมากสินะ”เนื่องจากชิงสุ่ยพบโอกาสที่จะกล่าวถามคำถามเขาจึงอาศัยประโยชน์ไม่ปล่อยให้หลุดมือไป เฉินหยวนหลงยิ้มและเข้าใจความหมายรวมทั้งจุดมุ่งหมายในคำถามของชิงสุ่ย”แข็งแกร่ง พวกเขาแข็งแกร่งมากๆ นิกายสังกัดอมตะถูกแบ่งแยกทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่ง สำหรับนิกายมังกรเมฆาครามอมตะ พวกเขาคือหนึ่งในจุดสูงสุดของนิกายอมตะ”
”แล้วพวกนิกาย5อาศรมนิรันดร์ละ?”ชิงสุ่ยกล่าวถามต่อ
”เจ้ารู้เรื่องนิกาย5อาศรมนิรันดร์หรือไม่? ข้าจะบอกให้ พวกเขาเองก็เป็นหนึ่งในนิกายที่สามารถต่อกรกับนิกายมังกรเมฆาครามอมตะได้” เฉินหยวนหลงตกตะลึงในคำถามเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตอบ
”ขอบคุณที่ยอมบอกคำตอบข้าพวกเราต้องสู้กันต่อหรือไม่?”ชิงสุ่ยกล่าวถามเฉินหยวนหลง
”พ่อหนุ่มน้อยข้าว่าข้าไม่สมควรยื่นมือเข้ามาแทรก”
เฉินหยวนหลงหันหลังกลับแล้วเดินตรงเข้าไปหาผู้อาวุโสอีกคนนึงทันทีที่กล่าวจบ”น้องชายเหลียนเฉินเปา ข้าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยว และมันก็ดูไม่เหมาะสมถ้าหากข้ายื่นมือเข้าไปยุ่ง ตัวข้าเองก็ไม่ต้องการมองดูลูกสาวของข้าเผชิญหน้ากับปัญหามากมาย”
เฉินหยวนหลงจากไปทันที่เขากล่าวจบแน่นอนว่าชิงสุ่ยย่อมต้องสับสนเป็นธรรมดา เขาเองก็รู้ว่าเฉินหยวนหลงมีระดับพลังที่แข็งแกร่งและลึกลับ ดูเหมือนการกระทำทั้งหมดที่เขาได้ทำมา เขาไม่ได้เกรงกลัวนิกายสวรรค์ดาราอมตะเหมือนที่เฉินเจินเคยอธิบายเลย
ชิงสุ่ยรีบสลัดความคิดที่ไม่สำคัญทั้งหมดทิ้งเพราะในขณะเดียวกันเหลียนเฉินเปาก็ได้ฟื้นตัวจากการถูกโจมตีก่อนหน้า ตัวของเหลียนเฉินเปารู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อกรกับชิงสุ่ย ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนห่างชั้นกันเกินไป แต่โชคดีที่เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว ฉะนั้นชายชราทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างจึงเดินตรงออกมาหาชิงสุ่ยแทน
แน่นอนว่าชิงสุ่ยไม่มีทางกลัวชายฉลาดทั้งสองคนเขาจึงพุ่งทะยานเข้าหาชายชราทั้งสองคนพร้อมกับปลดปล่อยกระบวนท่าโจมตีจากง้าวทองทะลวงศัตรูอย่างต่อเนื่อง
ที่ชิงสุ่ยอาวุธออกมาโจมตีก็เพราะชายชราทั้งสองคนเลือกที่จะใช้อาวุธก่อน ไม่เพียงแค่นั้นทั้งสองคนยังปลดปล่อยกลิ่นอายนักฆ่าโดยไม่ยั้งคิด ชิงสุ่ยจึงไม่จำเป็นต้องอ้อมมือแสดงความเมตตา แม้ว่าทั้งสองคนจะมาจากตระกูลขั้นสูงก็ตาม
คลื่นอันแหลมคมของง้าวทองทะลวงศัตรูกวาดตวัดไปทั่วพื้นที่
ใบหน้าของเหลียนเฉินเปาซีดลงเรื่อยๆเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นชายหนุ่มที่จัดการได้ยาก แม้ว่าคนของเขาจะยังคงมีอีกมาก แต่ไม่ว่าจะขยับหรือสั่งการใดๆ ทุกการกระทำของเขาถือว่าเป็นการกระทำที่น่าอับอายและทำให้ตระกูลเสียหน้า
”ท่านลุงห้า!!”เหลียนเฉินเปากล่าวเรียกชายชราผู้ซึ่งกล่าวทักทายเฉินหยวนหลงก่อนที่เขาจะจากไป ”ชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวสมกับเป็นปีศาจจริงๆ”ชายชราตอบกลับเหลียนเฉินเปา
คำพูดของชายชราสามารถตีความหมายได้มากมายมันอาจหมายถึงการชื่นชมชายหนุ่มผู้นี้เป็นอัจฉริยะที่ควรค่าแก่การนำมาเข้าร่วมกลุ่มคอยรับใช้ตระกูล หรืออาจจะหมายถึงการที่เหลียนเฉินเปากำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ยากเกินกว่าจะรับมือ คู่ต่อสู้ที่เป็นดังอัจฉริยะ อัจฉริยะที่ควรกำจัดทิ้งก่อนจะกลายเป็นเสี้ยนหนาม
บทที่1856 – นิกายมังกรเมฆาครามอมตะ ปีศาจ
เหลียนเฉินเปาดวงตาเบิกกว้างขณะจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นเขาถูกพลังย้อนกลับโจมตีอัดร่างของตัวเองกระเด็นปลิวไกลเหมือนคลื่นดาวตก
ร่างกายของชิงสุ่ยเคลื่อนไหวคล้ายเงาทางด้านของชายวัยกลางคนก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาเคลื่อนไหวในพริบตาเข้าหาเหลียนเฉินเปาภายในการขยับครั้งเดียว
เขาเริ่มสะบัดแขนก่อให้เกิดคลื่นพลังลึกลับเพื่อนรับร่างของเหลียนเฉินเปาที่กำลังกระเด็นออกไปด้วยความเร็วสูงมากแน่นอนว่าชิงสุ่ยก็ไปปรากฏตัวในที่เดียวกันกับชายวัยกลางคน ดังนั้นชายวัยกลางคนจึงอัดกระแทกฝามือใส่ชิงสุ่ยทันที
ฝ่ามืออัดอากาศ!! ในอดีตตอนที่ชิงสุ่ยต้องเผชิญหน้ากับเฉินเจินเธอเองก็ใช้ทักษะเช่นเดียวกับชายคนนี้ มันเป็นทักษะที่อาศัยคลื่นพลังจากแรงโน้มถ่วง เห็นไม่ชัดเลยว่านี่คงเป็นพลังสืบทอดของตระกูล
ชิงสุ่ยเผยให้เห็นรอยยิ้มก่อนจะโต้กลับไปด้วยฝ่ามือของเขาเช่นกัน
เพลงหมัดตันเปียน!!
ปังงงงง!!
ฝ่ามือของชิงสุ่ยปะทะเข้ากับฝ่ามือของชายวัยกลางคนที่พุ่งเป้ามาที่กลางหน้าอกของเขาฝ่ามือทั้ง 2 ปะทะกันอย่างดุเดือดด้วยกำลังมหาศาล อาจเป็นเพราะความพิศดารของทักษะทั้งสอง จึงทำให้ทั้งคู่รู้สึกตื่นตัวที่ได้เข้าปะทะกัน ทางด้านของชายวัยกลางคนก็สามารถป้องฝ่ามือของชิงสุ่ยได้ไม่ต่างจากชิงสุ่ยที่ปัดป้องกันการโจมตีของชายวัยกลางคน
ลึกๆในใจของเฉินหยวนหลงตื่นตระหนกมากกว่าชิงสุ่ยเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าชิงสุ่ยจะสามารถหลบการโจมตีของเขาได้ และยังถูกต้องกลับมาด้วยทักษะการโจมตีของชิงสุ่ย ดูเหมือนความลึกซึ้งในระดับอาณาจักรพลังของเด็กหนุ่มผู้นี้ก็ไม่ได้ธรรมดาเลย ตัวของเขาเองก็ได้เปิดใช้ระดับดินแดนพลังจนทำให้ความเร็วในการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า แต่ก็ยังถูกต้องกลับด้วยพลังของเด็กหนุ่ม บางทีการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มผู้นี้คงจะเร็วกว่าเขาไม่ 5 เท่าก็ 10 เท่า
”บรรพบุรุษของเจ้าเป็นใครกัน?”เฉินหยวนหลงเอ่ยปากถามพร้อมกับจ้องเขม่นไปที่ชิงสุ่ย
”ท่านเคยเห็นคนที่เข้าถึงระดับดินแดนพลังแบบเดียวกับข้าหรือไม่?ท่านคงกำลังแปลกใจ เพราะทักษะเหล่านี้ข้าเขาถึงมันได้ด้วยตัวเอง”
”เจ้าเข้าถึงระดับดินแดนพลังที่ลึกซึ้งมากแต่มันช่างไร้สาระเหลือเกินที่เจ้าบอกว่าเจ้าสรรสร้างทักษะเหล่านี้ด้วยตัวเอง เมื่อ 300 ปีก่อน เคยมีเด็กหนุ่มจากมหานิกายมังกรเมฆาครามอมตะ เขาช่างเหมือนเจ้ามาก และข้าแน่ใจว่า ทักษะการเข้าถึงในปัจจุบันของเขาจะต้องดีเลิศยิ่งกว่าแต่ก่อน”เฉินหยวนหลงกล่าวกับชิงสุ่ยอย่างจริงจัง
เขาอยากเห็นการตอบสนองต่อคำพูดของชิงสุ่ยเพราะเขาเริ่มสงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้อาจเป็นชายหนุ่มในตำนานคนเดียวกับเมื่อ 300 ปีก่อน แน่นอนว่ารูปร่างภายนอกสำหรับผู้ฝึกตนแล้ว ทุกคนสามารถรักษาความเยาว์วัยได้จึงไม่ใช่อะไรที่แปลก แม้เวลาจะผ่านไป 300 ปีก็ตาม
ชิงสุ่ยถึงกับแสดงสีหน้าแปลกใจไม่ใช่เพราะเรื่องของนิกายมังกรเมฆาครามอมตะ แต่เป็นเพราะมีชายหนุ่มอีกคนนึงที่สามารถพัฒนาระดับปัญญาเทียบเท่ากับเขา ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยจะไม่ใช่ผู้เดียวที่ได้รับพรจากพระเจ้า
”นิกายมังกรเมฆาครามอมตะคงจะเป็นนิกายที่ทรงพลังอย่างมากสินะ”เนื่องจากชิงสุ่ยพบโอกาสที่จะกล่าวถามคำถามเขาจึงอาศัยประโยชน์ไม่ปล่อยให้หลุดมือไป เฉินหยวนหลงยิ้มและเข้าใจความหมายรวมทั้งจุดมุ่งหมายในคำถามของชิงสุ่ย”แข็งแกร่ง พวกเขาแข็งแกร่งมากๆ นิกายสังกัดอมตะถูกแบ่งแยกทั้งอ่อนแอและแข็งแกร่ง สำหรับนิกายมังกรเมฆาครามอมตะ พวกเขาคือหนึ่งในจุดสูงสุดของนิกายอมตะ”
”แล้วพวกนิกาย5อาศรมนิรันดร์ละ?”ชิงสุ่ยกล่าวถามต่อ
”เจ้ารู้เรื่องนิกาย5อาศรมนิรันดร์หรือไม่? ข้าจะบอกให้ พวกเขาเองก็เป็นหนึ่งในนิกายที่สามารถต่อกรกับนิกายมังกรเมฆาครามอมตะได้” เฉินหยวนหลงตกตะลึงในคำถามเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตอบ
”ขอบคุณที่ยอมบอกคำตอบข้าพวกเราต้องสู้กันต่อหรือไม่?”ชิงสุ่ยกล่าวถามเฉินหยวนหลง
”พ่อหนุ่มน้อยข้าว่าข้าไม่สมควรยื่นมือเข้ามาแทรก”
เฉินหยวนหลงหันหลังกลับแล้วเดินตรงเข้าไปหาผู้อาวุโสอีกคนนึงทันทีที่กล่าวจบ”น้องชายเหลียนเฉินเปา ข้าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยว และมันก็ดูไม่เหมาะสมถ้าหากข้ายื่นมือเข้าไปยุ่ง ตัวข้าเองก็ไม่ต้องการมองดูลูกสาวของข้าเผชิญหน้ากับปัญหามากมาย”
เฉินหยวนหลงจากไปทันที่เขากล่าวจบแน่นอนว่าชิงสุ่ยย่อมต้องสับสนเป็นธรรมดา เขาเองก็รู้ว่าเฉินหยวนหลงมีระดับพลังที่แข็งแกร่งและลึกลับ ดูเหมือนการกระทำทั้งหมดที่เขาได้ทำมา เขาไม่ได้เกรงกลัวนิกายสวรรค์ดาราอมตะเหมือนที่เฉินเจินเคยอธิบายเลย
ชิงสุ่ยรีบสลัดความคิดที่ไม่สำคัญทั้งหมดทิ้งเพราะในขณะเดียวกันเหลียนเฉินเปาก็ได้ฟื้นตัวจากการถูกโจมตีก่อนหน้า ตัวของเหลียนเฉินเปารู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อกรกับชิงสุ่ย ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนห่างชั้นกันเกินไป แต่โชคดีที่เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว ฉะนั้นชายชราทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างจึงเดินตรงออกมาหาชิงสุ่ยแทน
แน่นอนว่าชิงสุ่ยไม่มีทางกลัวชายฉลาดทั้งสองคนเขาจึงพุ่งทะยานเข้าหาชายชราทั้งสองคนพร้อมกับปลดปล่อยกระบวนท่าโจมตีจากง้าวทองทะลวงศัตรูอย่างต่อเนื่อง
ที่ชิงสุ่ยอาวุธออกมาโจมตีก็เพราะชายชราทั้งสองคนเลือกที่จะใช้อาวุธก่อน ไม่เพียงแค่นั้นทั้งสองคนยังปลดปล่อยกลิ่นอายนักฆ่าโดยไม่ยั้งคิด ชิงสุ่ยจึงไม่จำเป็นต้องอ้อมมือแสดงความเมตตา แม้ว่าทั้งสองคนจะมาจากตระกูลขั้นสูงก็ตาม
คลื่นอันแหลมคมของง้าวทองทะลวงศัตรูกวาดตวัดไปทั่วพื้นที่
ใบหน้าของเหลียนเฉินเปาซีดลงเรื่อยๆเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นชายหนุ่มที่จัดการได้ยาก แม้ว่าคนของเขาจะยังคงมีอีกมาก แต่ไม่ว่าจะขยับหรือสั่งการใดๆ ทุกการกระทำของเขาถือว่าเป็นการกระทำที่น่าอับอายและทำให้ตระกูลเสียหน้า
”ท่านลุงห้า!!”เหลียนเฉินเปากล่าวเรียกชายชราผู้ซึ่งกล่าวทักทายเฉินหยวนหลงก่อนที่เขาจะจากไป ”ชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวสมกับเป็นปีศาจจริงๆ”ชายชราตอบกลับเหลียนเฉินเปา
คำพูดของชายชราสามารถตีความหมายได้มากมายมันอาจหมายถึงการชื่นชมชายหนุ่มผู้นี้เป็นอัจฉริยะที่ควรค่าแก่การนำมาเข้าร่วมกลุ่มคอยรับใช้ตระกูล หรืออาจจะหมายถึงการที่เหลียนเฉินเปากำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ยากเกินกว่าจะรับมือ คู่ต่อสู้ที่เป็นดังอัจฉริยะ อัจฉริยะที่ควรกำจัดทิ้งก่อนจะกลายเป็นเสี้ยนหนาม