“สบายใจได้ ไม่เป็นอะไร” หลิวหลีหลับตาพลางเอ่ยออกมา
ชวีคังตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อยู่ๆเปลือกถ่านด้านนอกร่างพี่ชายของเขาก็หลุดออกมาราวกับเป็นเศษที่ร่วงลงมา เผยให้เห็นชายหน้าตาหล่อเหลาที่อยู่ภายใน นี่มันรูปลักษณ์ของพี่ชายเขาตอนอายุประมาณ 25-26 ปี ชวีคังรีบร้อนถอดเสื้อตัวนอกของตนออกมาให้พี่ชายสวมใส่ หลิวหลีถึงได้ลืมตาขึ้น
“วางใจเถอะ ครั้งนี้พี่ชายของเจ้าได้เกิดใหม่อีกครั้ง คุณสมบัติร่างกายดีกว่าเจ้าเสียอีก” หลิวหลีพอใจอย่างมาก อืม เมื่อครู่นางทดลองเปลี่ยนเพลิงเทพให้กลายเป็นเพลิงเทพรวมร่าง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีประสิทธิภาพในการซ่อมแซมเกิดใหม่
“พี่ชายข้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ชวีคังกอดพี่ชายของตนไว้ รูปลักษณ์เช่นนี้คงเรียกพี่ชายไม่ออกแล้ว อ่อนเยาว์มากจริงๆ
“วางใจเถอะ ไม่เป็นไรแล้ว เจ้ากับพี่ชายของเจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อนชั่วคราว พักผ่อนเถอะ” หลิวหลีรู้สึกแปลกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“น้องหญิง เจ้าไม่รู้สึกว่าระหว่างพวกเขาสองพี่น้องดูแปลกๆหรือ” หนานกงเวิ่นเทียนเอ่ย
“ใช่ รู้สึกได้ถึงความรู้สึกเหมือนอย่างเราอบอวลอยู่ ข้ากำลังคิดว่าที่ตอนนั้นชวีจิ้งไม่ชอบน้องสะใภ้ อย่างแรกคงเพราะหญิงสาวนางนั้นนิสัยไม่ดีหรืออีกอย่างก็คือความรักที่เขามีให้น้องชายนั้นเกินกว่าความรักแบบพี่น้อง เช่นนี้ถือว่ามีความสุขทุกฝ่ายไหม” หลิวหลีถามด้วยความสงสัย
“ต่อให้น้องชายจะสังเกตได้ แต่พอมาเจอสะใภ้ที่มีนิสัยเช่นนั้น คาดว่าคงไม่สนใจในตัวผู้บำเพ็ญหญิงแล้ว ไม่แน่อาจจะฝึกบำเพ็ญจนบรรลุก็ได้” หนานกงเวิ่นเทียนพูด
“ท่านพี่ พวกเราไปดูเจ้าพวกฝาแฝดกันเถอะ ตอนแรกตั้งใจจะชี้แนะพวกเขาแต่ถูกอุบัติเหตุมารั้งไว้เสียก่อน” หลิวหลีพูด
สุดท้ายทั้งสองก็พบว่าฝาแฝดได้เข้าฌานไปแล้ว
“ท่านพี่ อยู่ๆข้าก็รู้สึกวังเวง” หลิวหลีรู้สึกถึงลมที่พัดมาแล้วพูดออกมา
“ใช่ เคยชินกับความพลุกพล่าน พออยู่ๆก็เงียบเลยรู้สึกไม่ชินเลยจริงๆ” หนานกงเวิ่นเทียนก็รู้สึกเงียบเหงาเล็กน้อย
“พวกเราไปหาอะไรทำกันเถอะ” หลิวหลีพูด
“ก็ดีเหมือนกัน ออกไปเดินเล่นบ้างก็ดี ยังไงพวกเราก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกกันนานแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า
“ไปหาราชาเทพแห่งดวงดาว(ซิงซิ่ว)กันดีไหม” อยู่ดีๆหลิวหลีก็นึกถึงอดีตเทพพยากรณ์นั่น
“ได้” หนานกงเวิ่นเทียนก็คิดว่าควรไปหาอดีตผู้อาวุโสท่านนั้นเสียหน่อย
ผลตอนที่พวกเขาเจอที่พักของราชาเทพแห่งดวงดาว(ซิงซิ่ว)ก็พบว่าวังเวงเอาการทีเดียว
“ราชาเทพแห่งดวงดาว(ซิงซิ่ว) มีเพื่อนเก่ามาหา” หลิวหลีตะโกน
“ผู้มีพระคุณ เชิญเข้ามาได้” ราชาเทพแห่งดวงดาว(ซิงซิ่ว) เปิดประตู รู้สึกเปล่าเปลี่ยวเล็กน้อย
“บริวารเด็กของเจ้าคนนั้นล่ะ” หลิวหลีถาม
“จากไปตั้งนานแล้ว” ราชาเทพแห่งดวงดาว(ซิงซิ่ว) คิดไม่ถึง เขายังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ลูกศิษย์ที่ดูจงรักภักดีนั่นก็เปิดเผยโฉมหน้าออกมา เขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก แถมยังต้องขอบคุณบริวารเด็กนั่นที่ทำให้ทุกคนตีตัวออกห่างจากเขา แต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะเขารู้ดีว่าเขากำลังรอ อดทนรอเวลา เวลาที่ผู้มีพระคุณของเขาจะมาทวงตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่มา
“ไปก็ดี ตอนนี้ข้าเป็นประมุขเทพแล้ว ไม่รู้ว่าราชาเทพแห่งดวงดาว(ซิงซิ่ว) จะตัดสินใจอย่างไร ท่านยินยอมไปกับข้าหรือไม่” หลิวหลีเอ่ยชวน
“ขอบคุณผู้มีพระคุณอย่างมาก เป็นกรุณาที่ท่านไม่ทอดทิ้งข้า” ซิงซิ่วพูด
“พูดอะไรของเจ้า แต่ว่าซิงซิ่ว พลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าไม่เพียงพอ จำเป็นต้องขยันถึงจะถูก” หลิวหลีพูด มาที่นี่ถึงได้เข้าใจว่าราชาเทพเป็นเพียงแค่ปลายๆขอบของการบรรลุเป็นเทพที่แท้จริงเท่านั้น เหล่าศิษย์ในสำนักพูดเหลวไหล
“น่าละอายใจนัก” ราชาเทพซิงซิ่วรู้สึกละอายใจจริงๆ ตอนพวกเขาเจอกันครั้งแรก เขาเป็นราชาเทพแล้ว ตอนนี้ผู้มีพระคุณของเขาเป็นประมุขเทพแล้ว แต่เขายังเป็นราชาเทพอยู่
“ไม่เป็นไร สภาพแวดล้อมที่นี่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก” หลิวหลีบอกว่าสภาพแวดล้อมในบริเวณตีนเขาย่ำแย่
“อ้าว นี่ไม่ใช่อดีตเทพพยากรณ์ที่ยอดเยี่ยมหรอกหรือ ซิงซิ่วใช่ไหม รู้ว่าข้าได้เลื่อนขั้นเป็นราชาเทพเลยมาประจบประแจงข้าหรืออย่างไร” ในขณะที่หลิวหลีกำลังจะจากไป ก็ได้ยินเสียงที่พวกเขาเกลียดชังดังลอยเข้ามา
“ป๋อเล่อ?” หลิวหลีขมวดคิ้ว นางหมดความอดทนถึงที่สุด คนผู้นี้ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้ จะพูดอย่างไรดี
“เจ้าคือ เจ้าคือศิษย์คนนั้นไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้มาหาอดีตราชาเทพที่เคยยิ่งใหญ่ล่ะ ข้าจะบอกเจ้าให้ ที่นี่ไม่มีอะไรหรอก มาถึงนี่แล้ว ราชาเทพก็ไม่ได้เลิศเลออะไร” ป๋อเล่อพูด ในคำพูดแฝงร่องรอยยุแยง
“ถ้าข้าจำไม่ผิดล่ะก็ เจ้าฝากตัวเป็นศิษย์ของซิงซิ่ว การกระทำของเจ้านี้ช่างขัดกับคุณธรรมศิษย์อาจารย์นัก” หลิวหลีกล่าว
“เคารพอาจารย์หรือ ตื่นได้แล้ว ที่นี่เคารพกันตามความสามารถ ตอนนี้ข้าฝากตัวเป็นศิษย์ของราชาเทพธารดารา (ซิงเหอ) ผู้มีพละกำลังแข็งแกร่งยิ่งกว่า รู้จักราชาเทพซิงเหอไหม ข้าจะเล่าให้ฟัง บ้านหรูหราที่อยู่กลางเขานั้นเป็นที่พักของเขา อีกนิดเดียวเขาก็จะบรรลุขอบเขตประมุขเทพแล้ว” ป๋อเล่อโอ้อวด
“จะฝากตัวเป็นศิษย์ใครสักคนทั้งที เจ้าก็ยังฝากตัวเป็นศิษย์ของราชาเทพ ไม่ได้ต่างกันเลย” หลิวหลีพูด ไม่รู้ว่าจะภูมิใจอะไรนักหนา
“เจ้าไม่เข้าใจ ราชาเทพซิงเหอเป็นเทพพยากรณ์ที่เป็นที่รู้จักกันดีในภูเขาเทพ เป็นคนที่ซิงซิ่วเทียบเคียงไม่ได้เลย” ป๋อเล่อมองซิงซิ่วอย่างเหยียมหยาม
“อย่างนี้เอง” หลิวหลีเข้าใจทันที
“เข้าใจแล้วใช่ไหม คนเราน่ะ ต้องไปหาสิ่งที่ดีกันทั้งนั้น” ป๋อเล่อพูด แต่เมื่อเขามองหลิวหลีก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
“ถูกต้อง” หลิวหลีพยักหน้า
“ดังนั้น ไม่ต้องไปสนใจคนที่เคยรุ่งเรืองอย่างซิงซิ่วเลย ไปฝากตัวเป็นบริวารของราชาเทพซิงเหอกับข้า เสวยสุขไปด้วยกัน” ป๋อเล่อหลอกล่อ
“พูดได้ดีนี่ น่าเสียดายที่ไม่ดึงดูดข้าเลยสักนิด” หลิวหลีปฏิเสธตรงๆ
“นังหนู เจ้าไม่รู้จักดีชั่วเอาเสียเลย” ป๋อเล่อไม่พอใจ เขาพูดมาตั้งมากมายขนาดนี้ แต่ปฏิกิริยาของนังหนูคนนี้กลับนิ่ง นิ่งเสียจนผิดปกติ
“ไม่เลย แต่ตำแหน่งของราชาเทพซิงเหอไม่น่าสนใจมากพอ” หลิวหลีพูดความจริง แต่พอเข้าหูป๋อเล่อก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น
“นังหนู ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีมากเหมือนราชาเทพอัคคีองค์จริงกับราชาเทพขั้วเหมันต์หรอกนะ ตอนที่ยังตัวเล็กอ่อนแอ การให้ถูกฝั่งถือเป็นสิ่งสำคัญ หากให้ข้าติดตามซิงซิ่วชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสที่ดีแน่” ป๋อเล่ากล่าว
“เหตุใดเจ้าถึงตัดสินว่าซิงซิ่วไม่สามารถกลับมารุ่งเรืองประสบความสำเร็จได้อีกครั้งล่ะ” หลิวหลีถามอย่างนึกสนุก เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้เลือกปฏิบัติกับซิงซิ่วเช่นนี้ แต่นางมองป๋อเล่อแล้วถอนหายใจ หมดสิ้นหนทางแล้วล่ะ ไร้ประโยชน์แล้ว
“พวกเราไปกันเถอะ” หลิวหลีขี้เกียจจะพูด
“นังหนู เจ้าจะต้องเสียใจ ซิงซิ่วเป็นเทพกาลกิณี เจ้าติดตามเขาจะเจอแต่เรื่องซวยๆ” ป๋อเล่อเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด
“เรื่องนี้น่ะ ข้าจะมาตอบเจ้าทีหลัง แต่เจ้าขวางทางข้าอยู่” หลิวหลีพูด
“ข้าเจตนาดี เจ้ากลับไม่ยอมรับน้ำใจข้า”
“เรื่องนี้ ข้าขอรับน้ำใจเจ้าไว้ แต่เจ้าจะเจอเคราะห์ จงอยู่ให้ห่างจากแม่น้ำลำคลอง ทะเลสาปและมหาสมุทร ถึงจะต้องเผชิญเคราะห์กรรมแต่ก็จะปลอดภัย” หลิวหลีพูดพลางยกยิ้ม
“วอนตายเสียแล้ว” ป๋อเล่อหัวเสียเตรียมลงไม้ลงมือ
“ประมุขเทพอัคคีที่แท้จริง ด้านข้างเป็นประมุขเทพเหมันต์บริสุทธิ์ เหตุใดประมุขเทพทั้งสองจึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“เป็นความจริง สวรรค์โปรด เจ้าเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงมาสั่งสอนประมุขเทพ คิดอะไรอยู่กัน”
“เป็นคนโปรดของราชาเทพซิงเหอหรือ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าราชาเทพซิงเหอมีศิษย์คนโปรดด้วย คนนี้เพิ่งบรรลุมาเท่านั้นไม่ใช่หรือ พูดจาหยาบคายเช่นนี้ ไม่รู้จักกลัวอะไรเสียเลย”
ป๋อเล่อเหงื่อตก หมายความว่าเขากำลังสั่งสอนประมุขเทพอยู่หรือ ประมุขเทพเลือกซิงซิ่ว ไม่ จะเป็นไปได้อย่างไร
“ใช่สิ ข้าลืมแนะนำตัวไป ข้าหลงหลิวหลี ตอนนี้มีฉายาประมุขเทพอัคคีที่แท้จริง ส่วนคนข้างข้าคือประมุขเทพเหมันต์บริสุทธิ์ เจ้าหนุ่ม ข้าขอแนะนำเจ้าหน่อย เมื่อครู่ข้าไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อย ข้าพูดเท่านี้ ขอตัว” หลิวหลีพูดจบก็เดินจากไป
…………………………………………