The Legendary Mechanic – ตอนที่ 1197 สมบัติเอกภพไร้ผล

ตอนที่ 1197 สมบัติเอกภพไร้ผล

  พรสวรรค์เผ่ามิติเป็นส่วนสำคัญของพลังคาซูยิ และตอนนี้พรสวรรค์เหล่านี้ก็โดนผนึก พลังรบของเขาจึงถดถอย และความเสียหายก็ลดลง เขาจึงทุ่มสุดตัวในการโจมตีเดียว

  กระบวนท่าสังหารที่คาซูยิสร้างขึ้นตลอดหลายวันมานั้นคือทักษะระเบิดและกลไกก็คล้ายกับ (ชาร์จ-ศักยภาพไร้สิ้นสุด) ระหว่างสะสม คาซูยิจะไม่สามารถใช้พลังจิตได้ แต่จะบีบอัดมันไว้ในสมองขณะเติมพลังงานอย่างต่อเนื่องผ่านเซลล์ จากนั้นเขาจะใช้พลังจิตเพื่อทำลายพื้นที่บีบอัดส่วนนั้นก่อนปลดปล่อยใส่ศัตรู มันคล้ายกับอาการท้องผูกสองสามวันก่อนปล่อยรวดเดียว

  การโจมตีครั้งเดียวนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายสูง แต่ยังทำให้เกิดสถานะด้านลบ ซึ่งรวมถึง [วิญญาณอ่อนแอ] กับศัตรู ลดค่าสถานะเป็นเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับพลังของเป้าหมายว่ามันจะส่งผลนานแค่ไหน  เพราะมิลตันโดนซุ่มโจมตีอย่างแรง กลิ่นอายของเขาจึงอ่อนยวบและทำได้แค่แสดงพลังบางส่วน คาซูยิเตรียมการมาและภายใต้การคำนวณของเขา เขาจึงทำให้พลังรบโดยรวมของศัตรูอ่อนลง ขณะที่คาซูยิโจมตีใส่ผู้นำศัตรู อีกแปดก็โกรธ พวกเขาสวนกลับทันที การโจมตีของผู้อยู่เหนือพุ่งใส่หน้าและหัวของคาซูยิ รวมถึงเพลิงนักสู้ พลังเวทย์ ปืนใหญ่พลังงานกับความสามารถเอสเปอร์

  เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็ถอนหายใจ หายตัวไปปรากฏด้านหน้าคาซูยิ

  ชาวพื้นเมืองเหล่านั้นจึงสรุปได้ว่าหานเซี่ยวนั้นคือโล่เนื้อ

  ร่างกายบอบบางของคาซูยิจะทนพลังทำลายล้างของทั้งแปดได้ไง? เขายังต้องพึ่งพาหานเซี่ยวเป็นรถถัง

  ความคิดแปลกๆ ทุกประเภทแวบผ่านและในชั่วพริบตา การโจมตีแบบกดขี่ของทั้งแปดก็กระทบกับเขา

  บูม!   พลังงานต่างๆ ระเบิด พองตัวเป็นบอลแสงขนาดยักษ์ แผ่นดินถล่มและสสารก็ถูกทำลาย ระเหยไป ตอนนี้ดาวทั้งดวงคล้ายกับผลไม้ที่ถูกกัดแหว่ง

  หลุมขนาดใหญ่ปรากฏ มันกว้างและลึกมาก และฐานใต้ดินที่พวกเขาสร้างก็ถล่ม

  แต่ทว่า หานเซี่ยวได้ย้ายกองทัพเขาไปแล้วตอนพูดถ่วงเวลา ดังนั้นสิ่งที่โดนทำลายจึงเป็นแค่เปลือก

  เมื่อควันกับฝุ่นสลาย หานเซี่ยวก็ลอยอยู่ที่เดิม เขาปัดฝุ่นบนตัว พลังนี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก พวกแกต้องฝึกมากกว่านี้ 

  ทั้งแปดที่เตรียมลุกไล่ยืนนิ่งด้วยใบหน้าตกตะลึง

  พวกเขาเห็นศัตรูรับพลังพวกเขาไปตรงๆ และรู้สึกว่าต่อให้ไม่ตาย มันก็ต้องคางเหลือง อย่างน้อย พวกเขาก็ต้องบาดเจ็บสาหัส แต่ทว่า พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายที่ชื่อแบล็คสตาร์จะยังสามารถยืนได้แบบไร้รอยขีดข่วน!   เป็นไปได้ยังไง? ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้คือช่างกล!

  นี่ไม่สามารถตำหนิพวกเขาได้ จักรวาลสำรวจรู้ถึงความสามารถของหานเซี่ยว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกับ’กายอมตะ’

  ขณะที่พวกเขาตกใจ การกระทำของคาซูยิก็ไม่หยุดเลย หลังใช้แบล็คสตาร์เป็นโล่ พลังจิตของคาซูยิก็เหมือนคลื่นทะเล ระเบิดใส่ทั้งแปด มันแทรกซึมจิตพวกเขา ทำให้เกิดความเสียหายมากมาย และระเบิดยอดฝีมือระดับนักบุญที่อ่อนแอสุดสามคนออกไป

  เขาคุ้นเคยกับความอึดของแบล็คสตาร์แล้วและไม่ตกใจ เขาจึงมุ่งความสนใจทั้งหมดกับการฉวยโอกาสตอนศัตรูตกตะลึง

  ตอนนี้ หานเซี่ยวยังควบคุมทหารจักรกลผ่านพลังจักรกล จำนวนทหารที่ล้นหลามกรูกันรอบท้องฟ้าเหมือนฝูงตั๊กแตน ระดมยิงลงมา ทำให้ทั้งแปดตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

  นอกจากนี้ ยังมีตำนานที่หานเซี่ยวไม่คิดว่าจะมีประโยชน์ในเวลานี้…

  (ผู้สังหารผู้นำอารยธรรม) ของล็อตแฮร์!

  การป้องกันและการต้านทานต่างๆ ของศัตรูทั้งหมดจะลดลง 3-7% ทำให้พวกเขาอ่อนแอกว่าเดิม

   ไม่คิดเลยว่าฉันจะกลายเป็นอาชญากร ความสามารถนี้มีประโยชน์จริงๆ .. หานเซี่ยวหน่ายใจ

  แม้กระบวนการต่อสู้ระหว่างทั้งสองจะดูนาน แต่ด้วยความเร็วของผู้อยู่เหนือ ตั้งแต่การเจรจาถึงตอนนี้มันผ่านไปแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น

  การต่อสู้รุนแรงเกิดขึ้นทันที แม้ฝ่ายมิลตันจะได้เปรียบด้านจำนวนและพลังรบรวม พวกเขาก็ยังเสียเปรียบตั้งแต่ต้นและล้มเหลวที่จะชิงความได้เปรียบจากพวกหานเซี่ยว แต่ทว่า พวกเขาก็ยังมีอุปกรณ์เกรดทอง มันจึงยากจะบอกว่าใครเป็นฝ่ายชนะ

   ฉันรู้สึกว่าพลังของคนเหล่านี้ดูเหมือนจะอ่อนแอ… 

  หานเซี่ยวพูดขึ้น จ้องข้อมูลการต่อสู้บนหน้าต่างสถานะ

  ยอดฝีมือสูงสุดทั้งสามถูกเรียกเสมอเคียงผู้อยู่เหนือระดับสูงสุดในจักรวาลพวกเขา แต่มันไม่ได้หมายความว่าทั้งสามเหล่านี้มีระดับการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งเทพเท่าพวกเขา ในความเป็นจริง จากบรรดาทั้งหมด มีแค่มิลตันถึงเริ่มเดินไปบนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งเทพ

  ก่อนหน้านี้ ตอนหานเซี่ยวเลื่อนเป็นระดับ 300 เขาได้เข้าสู้อาณาจักรผู้อยู่เหนือระดับสูงสุด เมื่อขั้นพลังงานของเขาเกิน 78000 บรรลุระดับพลังงาน 21 เขาก็ได้กระตุ้นเส้นทางการเปลี่ยนแปลง มีกำแพงต้องผ่าน ดังนั้นจึงไม่ใช่ผู้อยู่เหนือระดับสูงสุดที่จะเดินบนเส้นทางนี้ได้

  แม้หานเซี่ยวจะไม่รู้ขั้นพลังงานของคาซูยิ เขาก็ประเมินว่ามันต้องเหนือกว่าเก้าหมื่น พร้อมด้วยการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งเทพที่เกินสิบ มิลตัน คนที่แข็งแกร่งสุดในฝ่ายศัตรูอาจมีขั้นพลังงานแค่เกือบแปดหมื่น ดังนั้น แม้จะด้วยผู้อยู่เหนือที่มากกว่า พลังรบก็ไม่ได้สูงอย่างที่คิด

  สำหรับนักบุญอีกหก หานเซี่ยวเห็นแค่สองคนที่มีขั้นพลังงานเหนือกว่า 52000 ขณะที่คนอื่นเป็นเด็กน้อยขั้นพลังงานต่ำกว่า50000 

   จำนวนค่อนข้างไร้สาระ แต่คุณภาพ…. หานเซี่ยวส่ายหัว

  เมื่อคิดถึงมัน มันก็เข้าท่า เขากับคาซูยิคือคนที่แข็งแกร่งสุดในจักรวาลสำรวจ แม้กระทั่งท่ามกลางผู้อยู่เหนือระดับสูงสุด ไม่จำเป็นต้องดูแคลนตัวเองเลย

  แน่นอน พันธมิตรดาวสวรรค์มีผู้อยู่เหนือเกือบหมื่น และต้องมีคนที่เทียบกับพวกเขาได้บ้าง แต่ทว่า คนเหล่านั้นจะเต็มใจทำงานให้แผนกความมั่นคงหรือไม่ก็ยังเป็นคำถาม และต่อให้ทำ พวกเขาก็ไม่มีทางโดนส่งมาง่ายๆ เหนือสิ่งอืท่นใด ทั้งสองไม่แสดงพลังมากนักแต่แรก อีกฝ่ายจึงไม่คิดว่าต้องส่งคนมามากกว่านี้

  หู่!

  หนึ่งในนักสู้ระดับนักบุญกระโจนเข้ามาด้านหน้าหานเซี่ยวก่อนยกง้างสีแดงเลือดหมูขึ้นมา แทงใส่ดวงตาเขา

  หานเซี่ยวสงบ เอียงหัวเล็กน้อยเพื่อหลบมัน และแสงสะท้อนจากคมมีดก็ทำให้ดวงตาของเขาสว่างวาบ

  มันผ่านมาหลายปีแล้วที่ไม่มีคนคิดเอาอะไรมากระแทกหน้าเขา เขาเกือบลืมไปแล้วว่ามันรู้สึกยังไง…

  เขายังมีเวลาเหลือบมองศัตรู วินาทีต่อมา เขาก็ยกแขนขึ้นเพื่อตอบโต้นักสู้ พละกำลังและความเชี่ยวชาญทำให้การโจมตีนี้เหนือกว่าความเร็วของอีกฝ่าย

  บูม!

  หมัดรุนแรงนี้กระแทกหัวอีกฝ่ายและคนคนนั้นก็รู้สึกเหมือนภาพดับ เขาถูกส่งออกไปราวกับเป็นลูกเบสบอลที่ถูกฟาดอย่างแรง บินหายไปจากสายตาหานเซี่ยว

  เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็พยักหน้าเบาๆ

   มันดูเหมือนแม้แต่ในที่แห่งนี้ ชีวิตของนักสู้ก็ค่อนข้างลำบาก… 

  พวกเขาปะทะกันสั้นๆ แต่หานเซี่ยวก็สรุปได้แล้วว่าทีมไล่ล่านี้ไม่ใช่ภัยคุกคามเลย ดังนั้น เขาจึงสังเกตอีกฝ่ายอย่างสบายๆ เพื่อรวบรวมข้อมูล

  ทีมของศัตรูประกอบไปด้วยเอสเปอร์สองคน นักสู้สามคน จอมเวทย์สองคน ช่างกลและผู้ใช้พลังจิต ทีมนี้ค่อนข้างสมบูรณ์

  ความสนใจส่วนใหญ่ของหานเซี่ยวจดจ่อกับช่างกลแค่คนเดียวในอีกฝั่ง ซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด

  เพราะไม่มีมิติที่สอง ความสามารถสายอาชีพกับทักษะของระบบพลังทั้งห้าสายจึงเปลี่ยนไป แม้จะมีความสามารถอื่นมาแทน พลังก็ไม่แข็งแกร่งเท่าจักรวาลหลัก เช่นการใช้พลังงานพิเศษบางอย่างที่มีพบแค่ในมิติที่สองเท่านั้น

  เพราะไม่มีกล่องกองทัพมิติที่สอง หานเซี่ยวจึงสงสัยว่าช่างกลใช้วิธีใดเพื่อเรียกจักรกลขนาดใหญ่

  หลังสังเกต และด้วยข้อมูลการต่อสู้ เขาจึงได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว

  เทคโนโลยีบีบอัดของพวกเขาผ่านการคิดค้นบางอย่าง ทำให้เกิดการสั่นพ้องของพลังจักรกล หลังจากนั้น ความสามารถคล้ายกับบิดาแห่งเครื่องจักรก็ส่งผล มอบลักษณะใหม่ของพลังจักรกลเพื่อปรับเปลี่ยนส่วนหนึ่งของเซลล์ เปลี่ยนมันเป็นพื้นที่ว่างเปล่าคล้ายกับกล่องกองทัพ พลังจักรกลจะช่วยให้บอลบีบอัดเกิดการบีบอัดเพิ่มเติมและเก็บไว้ในตัวได้ ให้ผลคล้ายกับกล่องกองทัพมิติที่สอง…แต่ทว่า ความสามารถนี้มีจำกัด ยิ่งเก็บไว้มาก ภาระยิ่งมาก ซึ่งจะลดอายุขัยกับพลังงาน…..

  เหล่านี้เป็นวิธีการที่เป็นไปได้ ความคิดไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นนวนิยาย แต่ก็มีข้อดีเช่นกัน ปัญหาหลักคือทักษะแปลงพลังจักรกลมีความซับซ้อน ส่วนใหญ่จะได้รับโดยอัตโนมัติจากการเลื่อนขั้นสายอาชีพหรือยกระดับ เนื่องจากความแตกต่างระหว่างระบบของจักรวาลพวกเขา ความสามารถที่สร้างขึ้นระหว่างการเลื่อนขั้นสายอาชีพจึงต่างกัน นี่อาจอธิบายได้ว่าสถานการณ์ที่พวกเขาอยู่นั้นคืออยู่กันคนละกิ่งก้านบนต้นไม้เดียวกัน แต่ทว่า กล่องกองทัพมิติที่สองกับโรงงานมิติใช้งานได้ดีกว่า ไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระรวมถึงจำกัดจำนวนกองทัพ ซึ่งทำให้มันเหนือกว่า อย่างไรก็ตาม วิธีเก็บกองทัพไว้ในตัวก็ยังมีข้อดี ซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบด้วยอุปกรณ์แทรกแซงมิติใดๆ

  การเข้าใจวิธีที่ศัตรูใช้ไม่ได้หมายความว่าหานเซี่ยวจะเข้าใจหลักการ เขายังไม่สามารถเรียนรู้เทคนิคนี้ได้

  ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างรุนแรง โดยไม่สนใจผลพวง ในไม่ช้าดาวก็โดนบดขยี้จนกลายเป็นฝุ่นผงในจักรวาล และสนามรบพวกเขาก็ย้ายไปนอกอวกาศ

  ขณะที่หานเซี่ยวกำลังยุ่งกับการสังเกตอีกฝ่าย เสียงของคาซูยิก็ดังในหัว

   แบล็คสตาร์ ทำไมไม่ใช้เทพจักรกล? เร็วเข้า เราต้องกำจัดพวกมันให้ได้สักคน!  

   นายกังวลอะไร? เรายังรักษาโมเมนตัมได้ดี ขอฉันรวบรวมข้อมูลเพิ่มก่อน 

   พลังงานฉันหมดแล้ว คาซูยิตอบ

  ล้อเล่นหรือเปล่า?

  ความคิดนี้ผุดในหัวหานเซี่ยว

  แต่เขาก็รีบตอบสนอง…ครั้งนี้ คาซูยิอาจหมดแรงแล้วจริงๆ แน่นอน เพราะการต่อสู้นี้สั้นมาก การพูดว่ามานาหมดฟังดูเกินจริง แต่จากมุมมองระยะยาว คาซูยิมีทักษะจำกัดเพื่อช่วยให้เขาฟื้นมานา และมานาสำรองปัจจุบันก็ไม่ช่วยให้เขาสู้กับศัตรูเก้าคนได้ ถ้าพวกเขาสู้กันระยะยาว พวกเขาจะเสียเปรียบในไม่ช้า ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้หานเซี่ยวเสียเวลาต่อไป   ได้ ในเมื่อนายขอ… 

  หานเซี่ยวไม่คิดมาก ขณะที่เขากำลังจะเปิดใช้งานเทพจักรกลของเขา…

  ทุกอย่างเปลี่ยนไป

  ทั้งเก้าพลันหยุดโจมตีและหันหนีอย่างรวดเร็วด้วยอักขระเวทย์สีฟ้าซับซ้อนบนชุดจักรกลพวกเขาที่เปล่งแสง

  หวือ!

  ทันใดนั้น ร่างของทั้งเก้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

   หืม?  

  การเคลื่อนไหวของหานเซี่ยวหยุดชะงัก เขากวาดมอง แต่ไม่พบร่องรอยเป้าหมาย

  ด้วยการหายไปของศัตรู คาซูยิจึงหยุดและตรวจสอบด้วยพลังจิต แต่การค้นหาก็ไม่ได้ผลลัพธ์ใด

  ยอดฝีมือทั้งเก้าที่มาล่าพวกเขากลับหนีไป  ทั้งคู่จ้องตากันอย่างสับสน

  อะไร?

   พวกมันคงไม่…หนีไปหรอกมั้ง?  

  ช่างหานตกตะลึง

  รอก่อน ฉันยังไม่ได้ลงมือเลย!

  คู่ต่อสู้ยังไม่มีใครตาย โดยพื้นฐานแล้วยังรักษาพลังต่อสู้ได้ มันแค่เสียเปรียบเล็กน้อย พวกเขากลับตัดสินใจหนี?

  หรือว่าผู้อยู่เหนือที่นี่จะสู้ก็ต่อเมื่อรับประกันชัยชนะได้?

  คาซูยิอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นักล่ากลุ่มนี้มาในท่าทีก้าวร้าว ปล่อยให้พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย แต่สุดท้ายกลับหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

   แบล็คสตาร์ เราจะตามไปไหม?  

   ฉันเป็นช่างกล ไม่ใช่จอมเวทย์ การค้นหาคนไม่ใช่จุดแข็งของฉัน แถม พวกมันแค่ถอยไปตั้งหลัก ไม่ควรจะไล่ตาม     งั้น เราจะทำไงกันต่อ?  

   ลืมมันซะ ในเมื่อพวกมันหนีไป ฉันก็จะทดสอบอุปกรณ์ปิดบังนี้ 

  หานเซี่ยวส่ายหัว นำเอาชิ้นโลหะผสมออกมา เขาตรวจสอบมันอย่างระมัดระวังขณะป้อนพลังงาน แต่เขาไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆ ผ่านสัมผัสเขา ดังนั้น เขาจึงเก็บมันไว้กับตัวขณะถ่ายพลังงานให้มัน

  เขาได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เขาต้องการและยังยืนยันได้ว่าความร่วมมือระหว่างเขากับแผนกควาามมั่นคงนั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น เขาจึงทำได้แค่เลือกชายลึกลับเท่านั้น ทั้งสองรีบออกไป พวกเขาตรงไปยังตำแหน่งที่ชายลึกลับมอบให้

  ที่ไหนสักแห่งห่างจากสนามรบ ลำแสงเก้าดวงสว่างวาบ มันเป็นพวกมิลตันที่เคลื่อนย้ายมา มิลตันถอนหายใจ อดทนกับความเจ็บปวดในหัวและพูดผ่านช่องทางสื่อสาร

   เกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อยในการตัดสินของแผนก พลังรบของเป้าหมายน่ากลัวมากน่าจะเป็นแถวหน้าแม้กระทั่งในหมู่ยอดฝีมือระดับสูงสุด โดยเฉพาะกับแบล็คสตาร์ ผู้มีความเร็วฟื้นตัวอย่างไม่น่าเชื่อ การโจมตีเราไม่สามารถคุกคามชีวิตเขาได้เลย แค่เราเก้าคนนั้น อัตราสำเร็จต่ำมาก ส่งคำขอกำลังเสริมไปยังศูนย์ใหญ่ซะ คนอื่นพยักหน้า

   รับทราบ 

  แม้พวกเขาจะยังสู้ต่อได้ พวกเขาก็รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น หลังปะทะกัน พวกเขาก็รู้ว่ากำลังของพวกเขาไม่พอจับเป้าหมายได้ พวกเขาจึงถอยมาตั้งหลัก และเตรียมเรียกกำลังเสริม

  วิธีปฏิบัติการของแผนกความมั่นคงไม่ได้สนับสนุนความก้าวร้าว การปะทะกันซึ่งๆ หน้าไม่เพียงจะเสียเวลา แต่ยังทำให้เกิดอันตรายจนต้องเสียสละใครบางคน

  ศัตรูทรงพลังแล้วไง? เรามีคนมาก เราสามารถครอบงำแกได้!

  เก้าคนไม่พอ? งั้นก็เพิ่มเป็นสองเท่า! ถ้ายังไม่พอ? ก็เพิ่มไปอีก! ฉันไม่เชื่อว่าแกจะทนไปได้ตลอด!

  เนื่องจากพวกเขาเป็นฝ่ายบังคับใช้กฏหมาย จึงไม่ต้องพุดเรื่องศีลธรรมกับอาชญากร!

  เจ้าหน้าที่ของแผนกความมั่นคงมักดำเนินการในลักษณะนี้มาตลอด เหตุผลเบื้องหลังนี้เพราะการดำรงอยู่ของแผนที่ดาวจับตำแหน่ง

  ไม่ว่าเป้าหมายจะไปไหน แผนที่ดาวก็จะจับตำแหน่งได้ ดังนั้น จึงไม่ต้องกลัวว่าศัตรูจะหนี

  แต่ทว่า ขณะนั้นเอง คำขอสื่อสารฉุกเฉินก็ส่งมาโดยศูนย์ใหญ่ก่อนพวกเขาจะติดต่อไป

  มิลตันรับคำขอสื่อสาร เห็นใบหน้าโกรธเกรี้ยวของหัวหน้าแผนกพวกเขาปรากฏ

   พวกนายทำอะไรกับผู้หลบหนีทั้ง?  หัวหน้าร้องคำราม

  มิลตันไม่รู้ว่าหัวหน้าโกรธอะไรและตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา   เราสู้กับพวกเขา แต่ทีมเราเห็นพ้องว่าอีกฝ่ายแกร่งเกิน ดังนั้น เราจึงตัดสินใจถอยและเรียกกำลังเสริม..เกิดอะไรขึ้นครับ?  

   ฉันเองก็อยากรู้!  สีหน้าของเขาดำมืด เมื่อสักครู่ พิกัดของพวกมันหายไปจากแผนที่ดาวจับตำแหน่ง!  

  ดวงตาของมิลตันเบิกกว้าง สีหน้าของเขาตกใจ วินาทีที่เราถอย พิกัดพวกมันหายไป?

  เป็นไปไม่ได้!

  สองคนนั้นทำอะไร!

  ความมั่นใจของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

The Legendary Mechanic

The Legendary Mechanic

Status: Ongoing

คุณจะทำยังไงเมื่อคุณตื่นขึ้นและพบว่าคุณอยู่ภายในเกมที่คุณรัก? คุณจะทำยังไงเมื่อคุณตระหนักว่าคุณไม่ใช่แค่กลายเป็นNPC-แต่กลับถูกส่งย้อนเวลามาก่อนเกมเปิดตัว! จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความเป็นจริงทั้งสองของตัวเอกเรามาบรรจบกัน? หาน เซี่ยวคือผู้เล่นชั้นนำก่อนเขาถูกส่งเข้ามาในเกม โดยใช้ความรู้ของชีวิตในอดีต หาน เซี่ยวได้กวาดผ่านจักรวาลขณะรอคอยให้เหล่าผู้เล่นมาถึง นี่ไม่ใช่นิยายข้ามโลกทั่วไปของพวกคุณ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท