เดิมจูปิเตอร์คิดว่าเขาคงโดนลงโทษอย่างหนักครั้งนี้แต่กลับต้องตะลึง ทันใดนั้น ความทรงจำของเขาตั้งแต่เวอร์ชั่นหนึ่งก็ผุดขึ้น เขาทั้งโล่งใจที่ไม่โดนลงโทษและประทับใจกับคำพูดของหานเซี่ยว ในฐานะผู้นำกิลด์มืออาชีพที่ได้รับเงินเดือน สิ่งที่เขาต้องมีในหัวเสมอคือทำอย่างไรให้กิลด์ดีขึ้น
แม้เขาจะมีความผูกพันกับกองทัพแบล็คสตาร์หลังผ่านไปหลายปี เขาก็ไม่ได้มองว่ากองทัพเป็นกองกำลังของเขาเหมือนผู้เล่นปกติ ผลประโยชน์ของเขามาเป็นอย่างแรก
แต่ทว่า ครั้งนี้ เขายังรู้สึกอบอุ่นใจ
อย่างไรก็ตาม แม้จะประทับใจ จูปิเตอร์ก็อดถามไม่ได้ มันไม่เป็นไรจริงๆเหรอครับ?เราทำให้เกิดเรื่องแย่ๆ
หานเซี่ยวโบกมือ ฉันเข้าใจสถานการณ์ ถ้าคนของพวกนายโจมตีดาวอาณานิคมเล่น กองทัพย่อมปฏิบัติตามกฏและจัดการพวกนาย แต่ทว่า เป้าหมายพวกนายคือศัตรูที่ขัดขวางภารกิจพวกนายและภารกิจพวกนายในพื้นที่นั้นก็คงดำเนินไม่ได้ถ้าไม่ฆ่าเขา เนื่องจากฉันบอกพวกนายให้ยึดตลาดมืด ฉันจึงให้อิสรภาพบางอย่างกับพวกนาย แม้ฉันจะไม่พอใจกับความเกินเลยของพวกนาย..เนื่องจากอารยธรรมฟีนี่เลือกปกป้องศัตรูนาย พวกเขาจึงขัดขวางความคืบหน้าการยึดตลาดมืดและพวกเขาก็ต้องรับมือกับผลที่ตามมา ฉันไม่สามารถปล่อยให้พวกเขารังแกคนของฉันได้’
แต่ความคิดเห็นสาธารณะ..
หานเซี่ยวพูดแทรก แม้พวกนายจะเป็นชนวน แต่ความขัดแย้งหลักยังเป็นระหว่างเรากับสามอารยธรรมจักรวาล ต่อให้ไม่มีเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็ต้องหาสิ่งอื่นมาเปลี่ยนความคิดเห็นสาธารณะต่อเรา ฉันไม่คิดลงโทษสมาชิกกองทัพแค่เพราะวิธีการของศัตรู ดังนั้น พวกนายไม่ต้องรับแรงกดดันจากโลกภายนอกหรอก จูปิเตอร์กระแอม แต่คุณตกเป็นเป้าของสาธารณะด้วย คุณไม่กังวลชื่อเสียงคุณ..
หานเซี่ยวส่ายหัว ฉันหวังว่าพวกนายจะสามารถไตร่ตรองความผิดพลาดของพวกนายครั้งนี้ให้ดี มันเป็นการดีอย่างยิ่งที่จะกำจัดศัตรู ถ้าพวกนายเจอศัตรูที่ขวางภารกิจกองทัพอีก ทำสิ่งที่ต้องทำ แต่ให้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและตรวจสอบให้แน่ใจว่าทำอย่างหมดจด เว้นแต่จะไม่มีทางเลือก อย่าลากพลเรือนเข้ามา ขอความช่วยเหลือของกองทัพถ้าต้องการ แต่อย่าทำอะไรเองเหมือนครั้งนี้และทำให้เกิดผลกระทบมากมาย
จากนั้นหานเซี่ยวก็มองใบหน้าประหลาดใจของทุกคนและพยักหน้า เขาเชื่อว่าพวกสารเลวเหล่านี้ทุกคนเข้าใจคำใบ้ของเขา
นับตั้งแต่เริ่ม เขาไม่เคยอยากห้ามเรื่องแบบนี้แต่อนุญาตมัน เขาแค่อยากชี้นำพวกเขาและตรวจสอบให้มั่นใจว่าจะทำอย่างหมดจด ซึ่งเขาไม่สามารถพูดออกมาเสียงดังได้
จากที่เขามอง สิ่งที่เกิดแล้วก็แล้วไป ไม่ว่าเขาจะอธิบายต่อโลกภายนอกยังไง มันก็ไม่จบลงด้วยดี ดังนั้น เขาจึงเมินความเห็นสาธารณะของสามอารยธรรมจักรวาลและปล่อยให้สมาชิกกองทัพทำตามใจชอบ เพิ่มภัยคุกคามของ’มะเร็งแห่งจักรวาล’ ซึ่งลบภาพลักษณ์เชิงบวกของกองทัพ ก่อนเขาจะต่อต้านสามอารยธรรมจักรวาล สามอารยธรรมจักรวาลมักส่งเสริมเขาและเพิ่มชื่อเสียงเขา ทำให้ประชากรกาแล็กซี่มอบฉายาต่างๆให้เขา พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้เพื่อยกย่องและยับยั้งเขา มันเป็นดาบสองคม
ด้วยชื่อเสียง การกระทำของกองทัพจึงโดนจำกัด ถ้าพวกเขาทำบางสิ่งที่ละเมิดกฏ พวกเขาต้องทนทุกข์ นี่คือเชือกที่สามอารยธรรมจักรวาลพยายามรัดกองทัพ
หานเซี่ยวรู้ดีว่ารูปแบบความขัดแย้งกลายเป็นซับซ้อนขึ้น อยู่ในกฏที่ศัตรูตั้ง ดังนั้น แม้ผู้เล่นจะสร้างเรื่องใหญ่โต มันก็สามารถเป็นโอกาสให้เขาปรับกลยุทธ์
อาชญากรอย่างเทสเอสทำเรื่องชั่วร้ายไว้มาก แต่คนส่วนใหญ่แค่กลัวพวกเขาและไม่กล้าพูดอะไร นี่เพราะพวกเขารู้ดีว่าพวกเขาคือวายร้ายและไม่กล้าตอแยกับพวกเขา หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่โลกภายนอกกล้าประณามและต่อว่ากองทัพแบล็คสตาร์เพราะในใจ กองทัพแบล็คสตาร์เคยเป็น’คนดี’ และ’คนดี’ก็สามารถเล่นด้วยได้
หลังเป็น’คนดี’มานาน คนอื่นจึงกลัวเขาน้อยลง…อารยธรรมากมายที่ตอบสนองต่อการเรียกของสามอารยธรรมจักรวาลได้ขัดขวางสมาคมจากการรวมตลาดมืด พวกเขารู้สึกว่าพวกเขามีสนธิสัญญาเป็น’เครื่องราง’ พวกเขาคิดว่ากองทัพแบล็คสตาร์จะไม่กล้าละเมิดกฏและทำอะไรพวกเขา
เห็นได้ชัดว่าความคิดนี้คือส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ทำให้อารยธรรมฟีนี่ใช้ดาวอาณานิคมมันเพื่อปกป้องดาฟิส ถ้าพวกเขาสนใจพลเมืองจริง พวกเขาคงไม่ทำแบบนั้น ถ้าอารยธรรมอื่นเรียนรู้จากพวกเขาและพัฒนามา การทำงานของสมาคมก็จะยิ่งยากขึ้น
ถ้าภัยคุกคามของมะเร็งแห่งจักรวาลเพิ่งขึ้นผ่านเหตุการณ์ดาวเบอเกอร์และโลกภายนอกสามารถเห็นว่ามีพวกกลุ่มหัวรุนแรงในกองทัพที่ไม่กลัวการละเมิดกฏ องค์กรภัยพิบัติกับบางอารยธรรมต้องคิดซ้ำสองก่อนตัดสินใจต่อต้านสมาคม
เล่นตามใจชอบ แต่อย่าทำให้ฉายามะเร็งแห่งจักรวาลเสื่อมเสีย!
ตราบเท่าที่เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง พวกเขาจะกลายเป็นที่หวั่นเกรง ปัญหามากมายจะเลี่ยงได้ ซึ่งส่งผลต่อการยึดตลาดมืด
แต่ทว่า สิ่งเหล่านี้พูดออกมาเสียงดังไม่ได้ ดังนั้น กองทัพจึงไม่คิดยอมรับมันและยืนยันว่าพวกเขาผิด สำหรับความจริง คนนอกคงเดาได้
สำหรับความเห็นสาธารณะ..สามอารยธรรมจักรวาลได้ควบคุมเครื่องมือส่งเสริมที่ทรงพลังสุด ดังนั้นชื่อเสียงของเขาคงเสียหายในไม่ช้า หานเซี่ยวได้เตรียมการไว้แล้ว ย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายเพื่อต่อต้านสามอารยธรรมจักรวาล แถม ชื่อเสียงกับภาพลักษณ์ของเขายังไม่ใช่ของจริง
องค์กรติดอาวุธไม่ใช่อารยธรรม สิ่งที่พวกเขาสนใจต่างไป ในสถานการณ์ปัจจุบัน ความคิดเห็นสาธารณะไม่สำคัญเลย ไม่ว่ามันจะแย่แค่ไหน เมื่อมันเป็นเรื่องสำคัญ สามอารยธรรมจักรวาลจะไม่กล้าเคลื่อนไหว
เมื่อเขาทำงานกับสามอารยธรรมจักรวาล ชื่อเสียงคือผลประโยชน์ให้กองทัพได้รับหุ้นส่วนและสร้างเครือข่ายผลกำไร ตอนนี้ที่สามอารยธรรมจักรวาลได้ห้ามอารยธรรมกับกลุ่มการเงินใดร่วมมือกับสมาคม ชื่อเสียงจึงไม่มีผลอีก ภาพลักษณ์ของการเป็นคนดีเปล่าประโยชน์ การเป็นคนเลวยังดีกว่า
เพราะเหตุนี้ หานเซี่ยวจึงไม่ว่าอะไรที่จะสลับชื่อเสียงของกองทัพ สำหรับเขา มันแค่เส้นทางที่ต่างกัน ตราบเท่าที่มันช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมาย เขาจะใช้อันที่ดีกว่า
เมื่อต้นไม้โลกบุก ภาพลักษณ์ด้านลบจะไร้ความหมาย ไม่มีใครสนใจเรื่องแบบนี้อีก
แน่นอน ถึงแม้เขาจะตัดสินใจเป็นคนเลว มันก็ยังมีขีดจำกัด ดังนั้น เขาจึงยังยับยั้งการกระทำของผู้เล่นในระดับหนึ่ง เขาได้วิจารณษจูปิเตอร์กับคนอื่นเองเพื่อแสดงท่าที การสร้างความสูญเสียขนาดเล็กตอนสู้กับบอสไม่เป็นอะไร แต่การทำมันอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้รับอนุญาต
ด้วยสิ่งที่เกิด ถ้าผู้เล่นล้ำเส้นอีกในอนาคต เขาจะ’ทำตามกฏ’เพื่อลงโทษพวกเขา ผู้เล่นส่วนใหญ่ยอมรับมัน
เนื่องจากเขายืนยันว่ากองทัพไม่สนใจโลกภายนอกและไม่หยุดผู้เล่นอื่นจากการเลียนแบบ แถมกิลด์เทพเจ้ายังทำการฆ่าครั้งแรกซึ่งได้รับความสนใจมากในหมู่ผู้เล่นและกระทำภายในข้อจำกัด พวกเขาจึงไม่โดนลงโทษในวันนี้ แน่นอน เขาไม่คิดตบรางวัลให้เช่นกัน กิลด์ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการสู้เอง
แม้จะขัดต่อกฏ’ลงโทษคนผิดทั้งหมด’ แต่ก็ไม่มีอะไรถูกหรือผิดสำหรับการตัดสินในสถานการณ์ซับซ้อน มีแค่ว่าเหมาะสมหรือไม่ กฏปรับได้เสมอ
อีกเหตุผลหนึ่งคือหานเซี่ยวรู้ชัดว่าใครคือรายได้หลัก—ผู้เล่นคือรากฐานการเติบโตของเขา การยกระดับ 360 ของเขาสำคัญมากและต้องทำให้เร็วที่สุด ดังนั้น เมื่อรู้ถึงลำดับความสำคัญ เขาจึงไม่ต้องลังเล
ด้วยความที่ศัตรูเริ่ม เว้นแต่ผู้เล่นจะตอบโตอย่างรุนแรง หานเซี่ยวก็จะไม่หยุดพวกเขาหรือลงโทษ ไม่งั้น มันจะทำให้พวกเขรู้สึกว่าพวกเขาทำได้แค่โดนกระทืบและสู้กลับไม่ได้ ซึ่งส่งผลต่อความผูกพันกับกองทัพและทำให้พวกเขาอาจออกจากกองทัพ
ย้อนกลับไปในเวอร์ชั่นสี่ กองทัพแบล็คสตาร์ได้สู้กับกองกำลังขนาดเล็กมากมาย กองกำลังเหล่านั้นเลือกยับยั้งพวกเขาและตำหนิผู้เล่น ขณะที่กองทัพแบล็คสตาร์ปกป้องสมาชิกและชิงผู้เล่นมา หานเซี่ยวคือผู้เชี่ยวชาญในการเก็บกระเทียม เขาจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้น
เหนือสิ่งอื่นใด ผู้เล่นไม่สามารถโดนฉุดไว้ได้ง่ายๆ การท้าทายภัยพิบัติของพวกเขาเป็นอะไรที่ต้องเกิด หานเซี่ยวรู้ความคิดของผู้เล่นดี
เนื่องจากเราไม่สามารถสู้กับบอสได้อย่างเหมาะสมที่นี่ เราก็แค่ต้องออกกองกำลังนี้ ไม่มีทางที่เราจะไม่สู้กับบอส
หานเซี่ยวรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีความรู้สึกผูกพันกับกองทัพ
ยิ่งผู้เล่นแกร่ง ความต้องการที่จะอยู่ในกองกำลังของพวกเขายิ่งลด พลังคือสิ่งสำคัญสุด ด้วยพลัง พวกเขาจะมีสิทธิ์เจรจาและสามารถไปได้ทั่ว แถมหานเซี่ยวไม่เคยสงสัยความสนใจของผู้เล่นในการสร้างกองกำลังของตัวเอง ขั้นตอนนี้ ความสำคัญของผลกำไรจะลดลงท่ามกลางปัจจัยที่ดึงดูดผู้เล่นให้อยู่ในกองทัพ แต่ความรู้สึกผูกพันจะเพิ่มขึ้น การลงทุนระยะยาวในอดีตของเขากำลังให้ผลตอบแทน
ดังนั้นหานเซี่ยวจึงคุยกับกิลด์เทพเจ้าเป็นการส่วนตัวเพื่อส่งเสริม’ความผูกพัน’
เขาได้ควบคุมปัญญาประดิษฐ์ยาน ผู้เล่นจึงใช้หน้าต่างสถานะเพื่อบันทึกได้ ดังนั้น วิดิโอนี้จึงหมุนเวียนระหว่างผู้เล่นเท่านั้น ไม่มีใครจะเห็นมันได้
ผมเข้าใจ เราจะรายงานต่อกองทัพในอนาคตสำหรับปฏิบัติการเช่นนี้ จูปิเตอร์ตอบ
อืม ดี หานเซี่ยวพยักหน้า ทำงานต่อไปและควบคุมตลาดมืดของแถบนี้ให้เร็ว
หลังพูดต่อไม่กี่คำ หานเซี่ยวก็ตัดสาย
กิลด์เทพเจ้าสบตากันและยิ้มโล่งอก
ความรู้สึกของการถูกปกป้องยอดเยี่ยมมาก!
จูปิเตอร์ ผมบันทึกการสนทนาไว้ ผมควรนำลงฟอรั่มไหม? โพไซดอนถาม
เอาเลย! จูปิเตอร์โบกมืออย่างยินดี นี่คือจุดยืนส่วนตัวของแบล็คสตาร์ ซึ่งหมายความว่าเรามีข้อมูลใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคน โพสต์มันในนามของกิลด์เลย!