“ นายเรียนรู้ทักษะดาบแห่งบาปของนายได้ครบถ้วนแล้ว”
มัวหมองกล่าวเมื่อจ้องมองไปที่พื้นที่ที่มีรอยร้าว “นายอยู่ในระดับแรกเท่านั้น และต้องฝึกฝนมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามฉันได้ตรวจพบบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดในตัวนาย สิ่งที่ควรจะเป็นของเทพ”
ซูผิงไม่ปฏิเสธ มัวหมองต้องรู้สึกได้ถึงกายแสงอาทิตย์
“ ขอบคุณครับอาจารย์” ซูผิงกล่าว
มัวหมองส่ายหัว “ ฉันตกลงที่จะสอนทักษะดาบให้นาย เพราะฉันเห็นแต่ปีศาจ สิ่งมีชีวิตอันเดธ และผีที่นี่มาเป็นเวลานาน การปรากฏตัวของนายเป็นเรื่องแปลก ฉันได้สอนทักษะของฉันให้นายแล้ว ดังนั้นฉันหวังว่านายจะสามารถทำตามสัญญาได้”
ซูผิงพยักหน้า “ ผมจะไม่หยุดพยายามที่จะตามหาเทพธิดา”
มัวหมองพยักหน้า เขาคิดอะไรบางอย่าง และหยิบกล่องยาวออกมา
“ นายสามารถใช้ดาบเล่มนี้ได้เมื่อนายได้เรียนรู้ทักษะ ฉันมีของตัวเองแล้วหนึ่งเล่ม มันไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันแล้ว ฉันจะไม่ฝึกดาบสองเล่มพร้อมกัน” มัวหมองส่งกล่องให้ซูผิง
ซูผิงรับมาทันที
กล่องนั้นหนักและเย็นราวกับว่ามันทำจากน้ำแข็ง
เขาเปิดกล่อง ณ ตอนนั้นเลย
ในกล่องมีดาบดำสันโค้ง แสงสะท้อนเย็นยะเยือกพุ่งออกมาจากดาบ อัญมณีสีแดงเข้มที่ฝังอยู่ตรงด้ามจับโดดเด่นท่ามกลางความมืด
ซูผิงจับที่ด้าม และรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างดึงมือของเขา ราวกับว่าดาบกำลังจะผสานเข้ากับมือของเขา
มันให้ความรู้สึกน่าขนลุก
แม้ว่าจะประหลาดใจ แต่ซูผิงก็ไม่ปล่อย เขาไม่กลัวความตายที่นี่
เขาหยิบดาบออกมา และใส่พลังงานของเขา ผ้าพันสีขาวที่ด้ามจับกลับมีชีวิตขึ้นมา และยื่นมาหาเขา มันยิ่งแดงขึ้นและมัดมือของเขาไว้กับด้ามจับแน่น จนเขาไม่สามารถแม้แต่จะสะบัดดาบออก
มีความรู้สึกชั่วร้ายและเย็นชาในเวลาเดียวกัน มันพุ่งเข้ามาหาเขาผ่านมือของเขา ค้นหาพลังงานภายในตัวเขาและพยายามที่จะกลืนกินมัน
ซูผิงพยายามระงับพลังชั่วร้ายด้วยพลังดวงดาวของเขา แต่พวกมันก็ถูกกลืนหายไปในคราวเดียว วินาทีต่อมาซูผิงเห็นแสงสีดำโผล่ขึ้นมาจากคมดาบ มิติแตกกระจายในที่ที่แสงมืดสาดส่อง คมดาบนั่นทำให้มิติแตก!
ซูผิงรู้สึกประหลาดใจ นี่ต้องเป็นดาบที่สุดยอดมาก! “ คุณแน่ใจหรือว่าจะให้ผม?” ซูผิงถาม
ซูผิงรู้สึกปลื้ม ท้ายที่สุดเขาและมัวหมองรู้จักกันเพียงแค่สิบวันเท่านั้น และพวกเขายังไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน แต่มัวหมองก็ยังสอนทักษะให้เขา ซูผิงรู้สึกว่านี้มันเกินไปหน่อย
“ ด้วยดาบเล่มนี้ นายจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะแข่งขันกับผู้ที่อยู่ในสภาวะชะตากรรม และนายจะสามารถฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดายเมื่อใช้มันควบคู่ไปกับอสูรของนาย ศัตรูที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของนายจะเป็นศัตรูที่อยู่ในระดับดวงดาวขึ้นไปเท่านั้น อย่างน้อยที่สุดสิ่งนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่านายจะต่ำกว่าแค่ระดับดวงดาว”มัวหมอง อธิบาย
ซูผิงมองเข้าไปในดวงตาของเขา
“ จำข้อตกลงของเราไว้”มัวหมองกล่าว
ซูผิงพยักหน้า “ ผมจะไม่ลืม”
ในสิบวันต่อมาซูผิงยังคงฝึกฝนทักษะดาบของเขาในเมือง ภายใต้คำแนะนำของมัวหมอง เขาก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด เขาจัดสรรเวลาในการฝึกอสูรมากขึ้นในครั้งนี้ เขาสามารถมั่นใจได้ว่าอสูรของลูกค้าจะได้รับทักษะที่น่ากลัว การฝึกฝนมืออาชีพของอสูรทั้งสี่เสร็จสิ้นลง และพลังต่อสู้ของพวกมันเพิ่มขึ้นเกินกว่าสิบ
อสูรที่ดีที่สุดในสี่ตัวมีพลังต่อสู้อยู่ที่ 15 ใกล้เคียงกับราชาอสูรร้ายในสภาวะสมุทร!
เมื่อเขากลับมาที่ร้าน เขารวบรวมอสูรอื่น ๆ ของตระกูลปีศาจ และกลับไปที่เมืองอาชูร่า
เวลาผ่านไป
ซูผิงรู้ว่าถึงเวลาบอกลา หลังจากที่อสูรปีศาจกลุ่มที่สองฝึกเสร็จแล้ว
เขาไปอำลามัวหมอง
มัวหมองไม่เสียใจที่เห็นว่าซูผิงจะไป แต่เขาหวังว่าซูผิงจะฝึกเสร็จให้เร็วที่สุดเพื่อไปหาเทพธิดาให้เขา
คำอำลาของพวกเขาเป็นคำอำลาสั้น ๆ มัวหมองเฝ้ามองซูผิงจากไป
ความเศร้าเพิ่มขึ้นในดวงตาของมัวหมอง เมื่อซูผิงถูกดูดเข้าไปในวังวนและหายไป “ ฉันหวังว่านายจะจำข้อตกลงของเราได้ ฉันหวังว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่…และหาที่นี่เจอ”
มัวหมองมองไปที่มือของเขา ผิวของเขาไม่มีสี และแห้ง
“ แม้แต่อาชูร่าก็ไม่สามารถอยู่ได้ตลอดไป…”
“ โชคชะตาที่พ่อของฉันพูดถึง…หายไปแล้วหรือ?”
เสียงบ่นของมัวหมองหายไป ความเงียบเกิดขึ้นบนแท่น และเมืองทั้งเมืองก็กลับมามืดมนอีกครั้ง
กลับมาที่ร้านค้า ซูผิงวางอสูรที่ได้รับการฝึกฝนแล้วเอาไว้ และเลือกมังกรสำหรับการฝึกรอบต่อไป
เขาไม่ได้เลือกที่จะไปอาณาจักรมังกรเลือดม่วง แต่นเป็นอาณาจักรมังกรอีกแห่ง
จุดประสงค์ในการเดินทางของเขาคือการฝึกอสูรไม่ใช่เพื่อแสวงหาการต่อสู้ หากมังกรระดับดวงดาวตรวจพบการปรากฏตัวของเขาในอาณาจักรมังกรเลือดม่วง มันจะส่งผลให้งมังกรในสภาวะชะตากรรมออกตามล่าเขาอย่างแน่นอน สิ่งนี้จะทำให้เขาไม่มีเวลาในการฝึกอสูร
นอกจากนี้เขายังปฏิญาณไว้แล้วว่าเขาจะกลับไปยังอาณาจักรมังกรนั่นตอนที่มังกรเพลิงนรกมีพลังมากกว่ามังกรเลือดม่วง มันยังไม่ถึงเวลา
ซูผิงเลือกอาณาจักรมังกรอีกแห่ง และกลับไปฝึกอสูรต่อไป
ในขณะที่ซูผิงกำลังยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจฝึกอสูรของเขา สงครามก็กำลังโหมกระหน่ำในเมืองฐานหานเฉิง กังหันลมและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ นอกฐานเมืองถูกทำลาย อสูรป่าชุกชุม เลือดทำให้กำแพงเมืองแปดเปื้อน มีกองศพอยู่ข้างกำแพง
เมืองอยู่ในภาวะฉุกเฉิน “ ทิศเหนือต้องการความช่วยเหลือ!”
“ มีอสูรป่าสิบหกตัวที่อยู่ในระดับเก้า ทิศเหนือกำลังจะคุมไว้ไม่ได้!”
“ เหตุฉุกเฉินทางฝั่งตะวันออก!”
“ เรามีราชาอสูรร้ายกำลังมุ่งหน้ามาทางทิศตะวันออก!”
“ ราชาอสูรร้ายสองตัวทางทิศตะวันออก ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
“ ทำไมไม่มีกำลังเสริม? เราถูกทอดทิ้งแล้วใช่ไหม?”
ศูนย์บัญชาการภายในเมืองฐานหานเฉิงได้รับโทรศัพท์จำนวนมากที่โทรเข้ามาเพื่อขอความช่วยเหลือ คนที่รับสายหมดหวัง
มีอสูรป่าอยู่ข้างนอก และเมืองฐานใกล้จะถูกบุก แต่ไม่มีนักรบอสูรเข้าร่วมต่อสู้เพิ่มเติม การป้องกันอ่อนแอลง
สิ้นหวัง!
ทหารและตระกูลซวนที่เฝ้าทางด้านตะวันออกหมดสิ้นความหวัง เมื่อราชาอสูรร้ายสองตัวปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางอสูรป่าที่โจมตีทางด้านตะวันออก
พวกเขาไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการมาของราชาอสูรร้าย!
ราชาอสูรร้ายซ่อนตัว และแสดงตัวในช่วงเวลาวิกฤต!
ที่แย่กว่านั้นคือไม่มีใครได้ยินอะไรเกี่ยวกับนักรบอสูรในตำนาน ว่าจะมาช่วย!
รัฐบาลจะไม่ปิดซ่อนการปรากฏตัวของนักรบอสูรในตำนานใด ๆ เพราะนั่นจะเป็นข่าวที่สามารถสร้างความหวังให้กับประชาชนได้ พวกเขาดีใจที่ไม่ได้รับข้อมูลปลอมใด ๆ ของนักรบอสูรในตำนาน
ไม่มีนักรบในตำนาน แต่มีราชาอสูรร้าย ใบหน้าและหัวใจของนักรบ และนายพลต่างขุ่นมัว
ด้วยสถานะเมืองฐานคลาส B หานเฉิงจึงไม่มีความสามารถในการต่อสู้กับราชาอสูรร้าย นักรบอสูรหลายคนรวมถึงนักรบที่อยู่ในระดับกิตติมศักดิ์ได้เดินทางมาจากเมืองฐานอื่น ๆ เพื่อยื่นมือเข้ามาช้วย
ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอ เมื่อมีราชาอสูรร้าย!
ข่าวที่ว่าราชาอสูรร้ายกำลังเข้ามาทางด้านตะวันออกทำให้ศูนย์บัญชาการทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนที่กำลังรีบมาหยุดการเดินทางของพวกเขา
ราชาอสูรร้าย?
ผู้คนสามารถเห็นความรู้สึกสิ้นหวังร่วมกันในสายตาของทุกคน
ทำไม?
ทำไม?!
เรากำลังต่อสู้อย่างหนัก…ทำไมสิ่งนี้ถึงต้องเกิดขึ้นกับเรา? พระเจ้าปรารถนาให้เมืองฐานหานเฉิงพินาศหรือยังไง?
ผู้คนหันมาสบตากับนายกเทศมนตรี
นายกเทศมนตรีหน้าซีดเหมือนคนอื่น ๆ เขาถือแฟ้มไว้ในมือที่สั่นเทา เขาแน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้รับข้อมูลปลอม นอกจากนี้เขายังรู้ว่าไม่มีนักรบอสูรในตำนานจากหอคอยที่จะช่วยพวกเขาได้ เขาได้รับแจ้งว่าหอคอยอยู่ในภาวะฉุกเฉิน และไม่มีใครสามารถมาให้ความช่วยเหลือได้
นายกเทศมนตรีไม่สามารถคิดหรือมองหาทางออกได้
นายกเทศมนตรีวิ่งเต้นไปทั่ว และขอความช่วยเหลือในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาทำทุกอย่างที่เขาคิดได้ แทบจะไม่ได้พักผ่อนเลยเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ข่าวร้ายนี่เกือบทำให้เขาหมดสติ
ปัง!
เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดหวัง เขานึกถึงอะไรบางอย่าง เขาทิ้งความโศกเศร้าลุกขึ้นยืนและตะโกนว่า“ เคลื่อนย้ายนักรบกำลังสำรอง และอาวุธทั้งหมดไปทางทิศตะวันออก! ส่งคนไปคุ้มกันพลเรือนให้ออกเมืองฐานไปทางใต้ด้วย!”
“ เนื่องจากราชาอสูรร้ายมาจากทิศตะวันออกเรามาจัดการกับพวกมันทางด้านตะวันออกกันเถอะ!”
คนอื่น ๆ ตกใจกับคำสั่ง
นายพลคนหนึ่งกล่าวว่า“ ท่านครับ เราส่งนักรบสำรองทั้งหมดไปที่แนวหน้าแล้ว เราไม่เหลืออะไรแล้วครับ”
อีกคนกล่าวเสริมว่า“ เรื่องการอพยพ ทางเดินถูกอสูรป่าทำลาย เราจะต้องใช้เวลาในการจัดการ เราอาจเจออสูรป่ามากขึ้นระหว่าง ท่านแน่ใจเกี่ยวกับการอพยพหรือไม่?”
พวกเขาไม่ได้อพยพเพราะเหตุผลนี้
นายกเทศมนตรีหน้าซีด ไม่มีกองกำลังสำรอง? นี่คือจุดสิ้นสุดของเมืองฐานหานเฉิงหรือไง?
จากนั้นข้อมูลอีกอย่างก็มาถึง
“ มันมาจากฝั่งตะวันออก!”
“ มีราชาอสูรร้ายตัวที่สาม แต่ตัวนี้กำลังตามล่าราชาอสูรร้ายอีกสองตัว! ตัวที่สามกำลังต่อสู้กับทั้งสองอยู่!”
“ มีคนมาช่วย!”
“ ฉันเห็นคนที่ยืนอยู่บนราชาอสูรร้ายตัวนั้น! เรามีกำลังเสริม! เรามีกำลังเสริม !!”
คนที่โทรมารายงานฟังดูตื่นเต้นสุดขีด พวกเขาเหมือนโดนฉุดขึ้นจากขุมนรก