ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 589-590

ตอนที่ 589-590

ตอนที่ 589 การลงทันฑ์
“ตรงนี้แหละ แต่…”
อวิ๋นว่านหลี่มองไปรอบ ๆ ผนังเรียบและไม่มีใครอื่นอยู่ที่นี่ เขาไม่เข้าใจ หากความทรงจำของเขาถูกต้อง น่าจะมีนักรบอสูรในตำนานคอยปกป้องเส้นทางนั้นอยู่ ทางเข้าถ้ำลึกในสถาบันผู้กล้าตั้งอยู่ใจกลางเมืองฐานที่สำคัญที่สุดของเขตอนุทวีป!
เส้นทางหลักนั้นมีความสำคัญ หากอสูรร้ายออกไปได้ ผลที่ตามมาก็น่ากลัวเกินกว่าจะคิดได้ ทำไมไม่มีนักรบอสูรในตำนานอยู่ตรงนี้?
ซูผิงหลับตาลงสักครู่ก่อนจะพูดออกมาว่า “ผมไม่รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่อยู่แถวนี้”
”มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องตลก ผมไม่คิดว่าหอคอยจะเพิกเฉยต่อสถานที่แห่งนี้!”อวิ๋นว่านหลี่ไม่เห็นด้วย ซูผิงมองเขา “คุณยังไม่รู้ว่าหอคอยเป็นยังไง”
ซูผิงไม่สนใจหอคอยตั้งแต่ที่เขาไปที่นั่นและเห็นว่านักรบอสูรในตำนานที่อาศัยอยู่นั้นมักจะสร้างความบันเทิงให้ตัวเองได้แค่นั้น
หอคอยมีนักรบอสูรในตำนานคอยเฝ้า ทำให้ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหา อย่างไรก็ตามไม่มีนักรบอสูรในตำนานในถ้ำลึกที่เต็มไปด้วยอันตราย ยิ่งเขาคิดถึงหอคอยมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจมากขึ้นเท่านั้น
อวิ๋นว่านหลี่สัมผัสได้ถึงการถากถางในคำตอบของซูผิง ขณะที่มองไปรอบๆอวิ๋นว่านหลี่ก็บ่นว่า “ไม่ ไม่มีทาง ผมรู้ว่าหอคอยเน่าเฟะ แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะเพิกเฉยต่อสถานที่แห่งนี้ โลกทั้งใบจะถึงวาระถ้าอสูรร้ายออกไป มนุษย์จะต้องเผขิญกับจุดจบของโลก!
“มันต้องมี… เหตุผลอื่น”
อวิ๋นว่านหลี่คิดถึงอสูรร้ายที่โจมตีพวกเขา ทุกอย่างเกี่ยวกับสถานที่นั้นไม่ธรรมดา
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดอยู่ในระดับราชาอสูรร้าย แต่พวกมันยังซุ่มซ่อนอยู่ในทางเดิน หากไม่มีนักรบอสูรในตำนานคอยปกป้อง ทำไมราชาอสูรร้ายถึงไม่พยายามขึ้นไปบนพื้นดิน?
หากราชาอสูรเหล่านั้นเคยถูกปล่อยปละละเลย สถาบันผู้กล้าคงจะหายไปแล้ว
เมืองฐานหลงหยางทั้งหมดจะถูกกวาดล้างอย่างรวดเร็ว!
ท้ายที่สุดราชาอสูรร้ายจะทำลายเมืองฐานหลงหยางทั้งหมดได้อย่างง่ายดายหากพวกมันพุ่งออกไปจากถ้ำโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า!
ซูผิงขมวดคิ้วขณะไตร่ตรองถึงสถานการณ์ของพวกเขา “ผมจะเข้ามาหาน้องสาวของผม ถ้าคุณพบว่ามันอันตรายเกินไป คุณกลับไปได้ ผมจะไม่บังคับให้คุณต้องมาเจอเรื่องร้ายแรงแบบนี้”
อวิ๋นว่านหลี่กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เป็นเรื่องแปลกที่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์จะพูดเตือนกับนักรบอสูรในตำนาน
แต่พลังของซูผิงทำให้ทุกอย่างสมเหตุสมผล อันที่จริงเขาต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของซูผิงในสถานการณ์ที่อันตราย
“ผมจะไปกับคุณเพราะผมอยู่ที่นี่แล้ว ผู้ท้าทายโชคชะตาซู ผมเองก็แก่แล้ว คุณยังไม่มีอะไรต้องกลัวเลย แล้วผมจะกลัวทำไม?”
อวิ๋นว่านหลี่ยิ้ม
ซูผิงแสดงความคิดเห็นว่า “ผมเห็นแล้วว่าหอคอยยังมีสมาชิกเพียงที่ซื่อสัตย์อยู่”
”ฮะ”อวิ๋นว่านหลี่หัวเราะแห้งๆ เขาเข้าใจว่าซูผิงไม่ชอบหอคอยเลยแม้แต่น้อย
ซูผิงจึงบอกให้มังกรเพลิงนรกนำพวกเขาไปข้างหน้า
ซูผิงรู้สึกแตกต่างออกไปทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในอุโมงค์ เขาไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่สิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ราวกับว่าเขาอยู่ในถ้ำของสิ่งมีชีวิตที่อันตราย
ซูผิงกังวล แม้แต่หอคอยก็กลัวถ้ำลึก ยังคงเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกตั้งแต่เริ่มยุคอสูรดวงดาว
อวิ๋นว่านหลี่ก็กังวลเช่นกัน เขาบอกให้มังกรหินแตกเพิ่มชั้นผลึกให้เขาและซูผิงมากขึ้น มังกรเพลิงนรกดูไม่พอใจที่ผลึกมาสัมผัสร่างกายของมัน ซูผิงทำให้มังกรเพลิงสงบลงเพื่อให้มังกรหินแตกทำหน้าที่ของมัน
”ระวัง ผมรู้สึกแปลกๆ” ซูผิงเตือนอวิ๋นว่านหลี่ เขาได้เดินทางในสนามบ่มเพาะหลายแห่ง เขาได้พบกับราชาอสูรร้ายมาหลายหมื่นตัว เขาคุ้นเคยกับทักษะที่หายากมากมาย มีบางอย่างซ่อนอยู่ มันเงียบเกินไป ไม่มีแม้แต่ลม
เขาไม่รู้สึกถึงอะไรเลย แม้แต่มดตัวที่เล็กที่สุด!
ผู้ฟังสายลมติดปีกเตือนอวิ๋นว่านหลี่ “เฒ่าว่าน ระวัง!”
นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเตือนอวิ๋นว่านหลี่ เขารวมเข้ากับมังกรหินแตกโดยไม่ลังเล ในไม่ช้าเขาก็กลายเป็นมนุษย์กึ่งมังกรที่มีความสูงหลายเมตร มีหางหนา มีมือคล้ายกรงเล็บ และมีผิวหนังคล้ายเกล็ด
พื้นดินสั่นสะเทือนทันทีที่อวิ๋นว่านหลี่เสร็จสิ้นการรวมเข้ากับอสูร โซ่เหล็กสีเข้มหลายอันงอกออกมาจากพื้นดิน
โซ่เหล็กนั้นหนาและเข้าไปพัวพันกับตาผีทันที
ตาผีกรีดร้องและกลายเป็นหมอกพยายามที่จะหลุดพ้น อย่างไรก็ตามตาผียังคงติดอยู่แม้ในร่างหมอก!
”อันตราย!”
ผู้ฟังสายลมติดปีกส่งเสียงร้องโหยหวนและบินออกไป แบ่งออกเป็นเก้าร่าง
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา โซ่เหล็กสีดำได้ทำลายร่างทั้งเก้า และหนึ่งในนั้นก็ถูกมัดไว้
โซ่เหล็กนั้นเร็วมากจนหายไปทันทีที่ปรากฏและโผล่ออกมาใส่เป้าหมายอีกครั้ง โซ่เหล็กสามารถเคลื่อนย้ายได้!
อวิ๋นว่านหลี่ตกตะลึง เขาประสานมือและยกโล่ผลึกสีดำขึ้นรอบตัวเขา พยายามปิดกั้นโซ่เหล็ก
อย่างไรก็ตาม โซ่เหล็กหายไปนอกโล่ผลึกและโผล่ออกมาด้านในพันอวิ๋นว่านหลี่ขึ้น
ภายในเวลาไม่กี่วินาทีอวิ๋นว่านหลี่และอสูรสองตัวของเขาต่างก็พันเข้าด้วยกัน
ในเวลาเดียวกัน มีโซ่มากขึ้นมาถึงมังกรเพลิงนรกและซูผิง โซ่เหล็กดักจับมังกรเพลิงนรกก่อนที่มันจะทันได้ทำอะไร
อย่างไรก็ตามมังกรเพลิงนรกปล่อยเปลวเพลิงรุนแรง และเปลวไฟสีม่วงก็เผาผลาญโซ่ทั้งหมดที่พันมันไว้ โซ่บางเส้นกำลังละลาย
ซูผิงยืนนิ่งเมื่อโซ่เหล็กมาถึงเขา ถัดจากเขาโครงกระดูกน้อยกวัดแกว่งดาบกระดูกของมัน และตัดโซ่เหล็กเหล่านั้นออก
พื้นดินสั่นสะเทือนขณะที่มังกรเพลิงนรกหลุดออกจากโซ่นั่น ในไม่ช้าอสูรร้ายที่น่าเกลียดก็ออกมาจากพื้นดิน โซ่เหล็กเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายจริงๆ ของมัน อาวุธอสูรร้ายนั้นประกอบด้วยเนื้อหลายชิ้นซึ่งมีหนามงอกขึ้นมา
“ผีโซ่!”
ซูผิงจำอสูรร้ายได้ในทันที
ผีโซ่เป็นราชาอสูรร้ายหายากของตระกูลปีศาจ มันจะกินสิ่งมีชีวิตอันเดธขั้นสูง และเป็นศัตรูตัวฉกาจของอสูรอันเดธ โซ่ของมันสามารถจับอสูรได้หลายชนิด
อย่างไรก็ตาม โซ่เหล่านั้นไม่ได้ผลเมื่อเป้าหมายเป็นเหมือนมังกรเพลิงนรก
ผีโซ่มีสายเลือดสภาวะชะตากรรม และว่ากันว่ามีโอกาสเล็กน้อยที่ ผีโซ่สามารถพัฒนาเป็นเจ้าแห่งผีในระดับดวงดาวและแม้แต่… จักรพรรดิพลูโตที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น!
ตัวนี้ควรอยู่ที่สภาวะว่างเปล่าหรือใกล้เคียง
ซูผิงได้พบกับอสูรร้ายที่คล้ายกันในอาณาจักรโกลาหลแห่งอันเดธ เมื่อตรวจสอบขนาดและพลังงานแล้ว เขาสามารถบอกได้ว่าผีโซ่ไม่ได้อยู่ในสภาะสูงสุด
ราชาอสูรร้ายเช่นนั้นต้องการเวลานานมากที่จะเติบโตไปสู่สภาะสูงสุดของพวกมัน ราชาอสูรร้ายต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และทรัพยากรมีค่า มันจะไม่สามารถตระหนักถึงศักยภาพสูงสุดของสายเลือดของมันได้หากไม่มีสิ่งเหล่านั้น
“นี่คือทางเข้าและเราก็เจอราชาอสูรร้ายที่หายากเช่นนี้แล้ว” ซูผิงกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับถ้ำลึก ในเวลาเดียวกัน เขาต้องการจับผีโซ่ให้ได้
มันเป็นอสูรร้ายที่ควรค่าแก่การฝึกฝน
ผีโซ่หายาก แม้แต่ในหมู่ราชาอสูรร้าย!
“แหวนจับอสูรร้าย!”
หวืด!
ซูผิงหยิบแหวนสีดำสองวงออกมา แทนที่จะโยนแหวนออกไปเลย เขาสั่งให้โครงกระดูกน้อยโจมตี
โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจะมากขึ้นเมื่อราชาอสูรร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส
โครงกระดูกน้อยรู้ว่าต้องทำอะไร มันพุ่งออกไปด้วยความมุ่งมั่นและแข็งแกร่ง ความมืดผุดขึ้นมาจากดาบกระดูกของมัน ทำให้ปกคลุมมันอย่างสมบูรณ์
อาจมีคนเข้าใจผิดว่าโครงกระดูกน้อยเป็นปีศาจที่ออกมาจากนรก!
ปัง!
ความมืดปกคลุมดาบกระดูกและแสงดาบที่เจิดจ้าพุ่งไปถึงหัวของผีโซ่
ผีโซ่ตะโกน อากาศกดทับลงมาเหนือหัวของมัน ผีโซ่กำลังจะบดขยี้โครงกระดูกน้อย
อย่างไรก็ตาม เกลียวหมุนหยุดนิ่งในวินาทีถัดมา แม้แต่ผีโซ่ก็ถูกแช่แข็งไว้ราวกับถูกมิติกักขังเล่นงาน ในทางกลับกันโครงกระดูกน้อยเคลื่อนไหวตามปกติ รอยฟันปรากฏบนตัวผีโซ่
การลงทัณฑ์แห่งบาป!
นั่นเป็นหนึ่งในทักษะของราชาอสูรร้ายของโครงกระดูกน้อย
คลื่นดาบไม่ได้ตัดหัวผีโซ่ ในทางกลับกันผีโซ่ถูกผลักลงไปที่พื้นราวกับว่ามีภูเขาทับอยู่บนหัวของมัน โครงกระดูกเป็นเหมือนผู้พิพากษา ประณามผีโซ่สำหรับบาปของมัน
ผีโซ่หยุดเคลื่อนไหว โครงกระดูกน้อยแยกจิตสำนึกของผีโซ่ ผีโซ่กับโครงกระดูกน้อยเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงสองชนิดที่มีอยู่ในโลกแห่งจิตสำนึกเสมือนจริงนี้ พวกมันยืนหันหน้าเข้าหากัน โครงกระดูกน้อยโตขึ้นอย่างกะทันหันและในไม่ช้าก็กลายเป็นราชาโครงกระดูกที่เป็นเจ้าโลก
มันนั่งอยู่บนพื้น พื้นดินและภูเขาเป็นบัลลังก์ของมัน
มันคือเจ้าโลก!
ผีโซ่กลัว มันตะโกน มือโครงกระดูกขนาดใหญ่ของโครงกระดูกน้อยคว้าผีโซ่ไว้
ผีโซ่เป็นอัมพาตด้วยความหวาดกลัว
ในความเป็นจริงโครงกระดูกน้อยได้เก็บดาบกระดูกของมันแล้ว เปลวเพลิงในเบ้าตาของมันหายไป จากนั้นมองผีโซ่ที่นิ่งและกลับมาหาซูผิง
แม้แต่ซูผิงก็ยังแปลกใจที่เห็นว่าโครงกระดูกน้อยสามารถกักขัง ผีโซ่ได้ในการเคลื่อนไหวเดียว เขายังไม่ได้ตรวจสอบพลังต่อสู้ของโครงกระดูกน้อยในความเป็นจริง ซูผิงเห็นตัวเลขหลังจากที่โครงกระดูกน้อยดูดซับสายเลือดของราชาโครงกระดูก
แต่นั่นเป็นเพียงตัวเลข ในที่สุดเขาก็รู้ว่าตัวเลขนั้นหมายถึงอะไร
”ไป!”
ซูผิงโยนแหวนจับอสูรร้ายออกไป
แหวนจับอสูรร้ายตกลงบนวิญญาณที่ถูกล่ามโซ่ หลุมปรากฏขึ้นในอากาศ ดูดผีโซ่เข้าไป
หลุมหายไปหลังจากที่ผีโซ่หายไป แหวนกลับมาเป็นปกติ แต่มีบางอย่างแตกต่างไป
ซูผิงรับแหวนคืน
ตอนที่ 590 ทุ่งน้ำแข็ง
อวิ๋นว่านหลี่ ผู้ฟังสายลมติดปีก และตาผีได้รับอิสรภาพอีกครั้ง
”เมื่อกี้คืออะไร??”
อวิ๋นว่านหลี่จ้องที่ซูผิงด้วยความงุนงง อวิ๋นว่านหลี่รู้สึกถึงแรงกดดันในอากาศตอนที่เขาถูกขัง เขาคิดว่าเขากำลังจะถึงวาระสุดท้ายในชีวิตของเขา อย่างไรก็ตามซูผิงเอาชนะอสูรร้ายนั้นได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
หรูที่ปรากฎในอวกาศทำให้หัวใจของอวิ๋นว่านหลี่สั่นไหวด้วยความกลัว เขารู้สึกว่าภายในรูนั้นเป็นพื้นที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก
ซูผิงเก็บแหวน เขาสังเกตเห็นความกลัวบนใบหน้าของอวิ๋นว่านหลี่ แต่เขาไม่สนใจ
แหวนจับอสูรร้ายนั้นสามารถจับได้ทั้งอสูรและมนุษย์
เขาซื้อแหวนจากร้านค้าของระบบ
สำหรับระบบทุกอย่างเป็นอสูร แม้แต่โจแอนนาก็เป็นอสูร แน่นอนมนุษย์สามารถกลายเป็นอสูรได้
หวืด!
ซูผิงบอกโครงกระดูกน้อยให้จับตาดูเขาขณะที่จิตสำนึกของเขาเข้าไปในแหวนจับอสูรร้าย มีความมืดมิดไร้ขอบเขตอยู่ภายใน ที่ซึ่งกระแสน้ำกำลังพลุ่งพล่าน สิ่งเดียวที่ซูผิงสามารถมองเห็นได้ในนี้คืออสูรร้ายที่ถูกล่ามโซ่ไว้ตรงกลางของพื้นที่นั่น ห้อยอยู่ในอากาศ มันคือผีโซ่!
จิตสำนึกของซูผิงปรากฏออกมาในรูปแบบที่จับต้องได้ในขณะที่จ้องมองอสูรร้ายที่ถูกล่ามโซ่ไว้ เขาเข้าไปหาอสูรร้ายและถามว่า “แกเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ไหม?”
เขาโบกมือและรูปของซูหลิงเยว่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
นั่นเป็นพื้นที่ที่เป็นจุดตัดระหว่างความเป็นจริงกับโลกเสมือนจริง ความคิดของเขาสามารถฉายออกมาได้
ผีโซ่หันไปมองที่ซูผิง และคำราม “ปล่อยฉันนะแมลงสกปรก!”
“ตอบคำถามฉัน ถ้าแกอยากจะออกไป” ซูผิงตอบ
”ไปให้พ้น!” ผีโซ่ตะโกน
ซูผิงไม่ได้โกรธ เขาเคยชินกับความจริงที่ว่าอสูรร้ายส่วนใหญ่มีนิสัยใจร้อน เขาเตือนอสูรร้ายนั้นว่า “แกต้องรู้ว่าแกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน การฆ่าแกเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับฉัน ตอบคำถามของฉันมาตรงๆ ถ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่และฉันอาจจะไว้ชีวิตแก”
ผีโซ่จ้องซูผิง และหยุดตะโกน
การขู่ฆ่าได้ผล
“สิ่งที่อ่อนแอนั้นวิ่งเข้ามาในนี้ ถ้าแกต้องการที่จะหาเธอก็ลงไปให้ลึกอีก!” ผีโซ่พูดด้วยเสียงที่น่ากลัว
ซูผิงจ้องอสูรร้าย ครู่ต่อมาซูผิงกล่าวว่า “ฉันจะไป แกจะบอกฉันว่าเธอตายแล้วก็ได้ถ้าต้องการ แต่ฉันก็ยังจะไป ฉันจะหาเธอ ฉันจะไม่หยุดจนกว่าฉันจะเห็นกับตา”
“ว้าว น่ากลัวจัง ก็ไปสิ” ผีโซ่ยิ้ม
ซูผิงจ้องไปที่อสูรร้ายอีกสองวินาที “นักรบอสูรในตำนานเคยมาที่นี่มาก่อนใช่ไหม? พวกเขาไปไหน?แกฆ่าพวกเขาหรือเปล่า? หรือพวกเขาบินออกไปแล้ว?”
ผีโซ่หัวเราะอย่างน่ากลัว “แน่นอน เราฆ่าพวกมัน นี่คือที่ของเราแล้ว แก…”
ทันใดนั้น อสูรร้ายก็คิดอะไรบางอย่าง มันหยุด ไม่พูดต่อ และถามคำถามว่า “ฉันบอกแกไปแล้วว่าสิ่งที่อ่อนแอนั้นไปที่ไหน แกควรจะปล่อยฉันออกไปไม่ใช่หรอ?”
”ไม่ใช่ตอนนี้”
ซูผิงเหลือบมองอสูรร้ายครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกจากแหวนจับอสูรร้าย
“อืม ฉันรู้แล้ว แกมันน่ารังเกียจ แต่เทียบอะไรกับฉันไม่ได้สักนิด…” ผีโซ่เยาะเย้ย มันรู้อยู่แล้วว่าซูผิงจะไม่ยอมปล่อยมันไป มันไม่ผิดหวัง แต่โซ่รอบๆมันทำให้อสูรร้ายขุ่นเคือง
โซ่นั้นรัดแน่นเกินไป อสูรร้ายไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้ ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ตาม
พลังงานในตัวของมันถูกกักไว้ด้วยโซ่
“แกจะเป็นคนแรกที่ฉันกินเมื่อฉันออกไป!” ผีโซ่สัญญากับตัวเอง
สติของซูผิงกลับสู่ร่างกายของเขา
เขายืนอยู่บนไหล่ของมังกรเพลินรกขณะที่ครุ่นคิด
เขาสงสัยว่าเขาจะเชื่อที่ผีโซ่บอกได้หรือเปล่า
แน่นอนว่านั่นเกี่ยวข้องกับนักรบอสูรในตำนาน
ส่วนซูหลิงเยวี่ย
เขาจะเข้าไปที่นั่นไม่ว่าเธอจะตายหรือยังมีชีวิตอยู่ ผีโซ่อาจหลอกเขา แต่เขาไม่สนใจ
ถ้าครอบครัวของเขาอยู่ในถ้ำ ไม่ว่าสถานที่นั้นจะมืดแค่ไหน เขาก็จะเป็นแสงสว่างให้ “ผู้ท้าทายโชคชะตาซูเรา…”อวิ๋นว่านหลี่ก้าวเข้ามาใกล้ซูผิง
เขาไม่มีความกล้าที่จะถามเกี่ยวกับพื้นที่มืดนั้น หลุมนั้นสามารถกลืนราชาอสูรร้ายได้ มันต้องเป็นความลับส่วนตัวของเขา ตามจริงแล้วเขาหวังว่าเขาจะไม่เห็นสิ่งนั้นอีก เขากลัวว่าซูผิงอาจต้องการฆ่าเขาเพื่อปิดปากเขา
ซูผิงบอกอวิ๋นว่านหลี่ว่า “ไปกันเถอะ”
“แน่นอน”อวิ๋นว่านหลี่พยักหน้า
ซูผิงมองด้านข้าง ทั้งด้านขวาและด้านซ้ายมีแต่ความมืด เขาคิดเกี่ยวกับมันและเลือกทางไปทางขวา
หวืด!
เพื่อความปลอดภัย ซูผิงเรียกสุนัขมังกรดำ
ปิ้ว!
สุนัขมังกรดำกระโดดออกมาจากวังวน อย่างแรกสุนัขมังกรดำยืดเส้นยืดสาย แล้วรีบวิ่งมาหาซูผิง
“ไปเถอะ นำทางไป” ซูผิงกล่าวง
สุนัขมังกรดำกำลังจะเล่นกับซูผิงอย่างน่ารัก แต่เมื่อคำพูดนั้นมาถึงหูของมัน มันสั่นสะท้านหลังจากมองเข้าไปในความมืด แล้วมองกลับมาที่ซูผิงด้วยดวงตากลมโต
ซูผิงกลอกตา คนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นน่ากลัวที่สุด
“ไป” ซูผิงพูดซ้ำอย่างไม่พอใจ สุนัขมังกรดำต้องละทิ้งการอ้อนวอน และจ้องซูผิงด้วยความขมขื่นที่ซ่อนอยู่ จากนั้นมันก็ค่อย ๆ ลากตัวออกไป และเริ่มนำทาง
อวิ๋นว่านหลี่ประหลาดใจเมื่อเขาเห็นสุนัขมังกรดำ เขาจำสายพันธุ์ของมันได้ในทันที
อสูรที่มีสายเลือดระดับหก?
แต่มีบางอย่างที่แตกต่างเกี่ยวกับอสูรตัวนี้ ร่างกายและพลังงานของมันดูเหมือนจะไม่ธรรมดา เขาไม่ได้มาจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินจริงๆใช่ไหม?
อสูรที่แปลกประหลาดนั้นทำให้อวิ๋นว่านหลี่ต้องออกไปจมไปในจินตนาการอีกครั้ง สิ่งเดียวที่ได้ยินคือเสียงฝีเท้าของพวกเขาในขณะที่อสูรที่น่ากลัวกำลังนำทาง ไม่นานหลังจากนั้นสุนัขมังกรดำก็เริ่มเห่า
ซูผิงขยับเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว
ราชาอสูรร้ายสองตัวกำลังต่อสู้กับสุนัขมังกรดำ ตัวหนึ่งมีลักษณะเหมือนตะขาบที่ยาวหลายร้อยเมตร และอีกตัวเป็นโครงกระดูกสวมเกราะสูงเจ็ดเมตร
โครงกระดูกนั่นคืออสูรร้ายที่เกิดจากกลิ่นอายมรณะในสภาพแวดล้อมพิเศษเท่านั้น มันเกิดมาพร้อมกับพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
“ไปช่วย” ซูผิงกล่าว
หวืด!
โครงกระดูกน้อยรีบพุ่งไป เป้าหมายของมันคือโครงกระดูกขนาดใหญ่นั่น
เคลื่อนย้าย! และฟัน!
คลื่นดาบตัดโครงกระดูกออกเป็นสองส่วน การกระทำที่รวดเร็วนั้นยุติการต่อสู้
ในเวลาเดียวกันสุนัขมังกรดำได้ตรึงตะขาบไว้กับพื้น และกัด
สองราชาอสูรร้ายแพ้ โครงกระดูกน้อยวางมือบนโครงกระดูกอีกตัว ความมืดได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของมัน หลังจากเวลาผ่านไป โครงกระดูกน้อยก็เอามือออก และความมืดก็หายไป
หวืด!
โครงกระดูกน้อยบินกลับมาหาซูผิงอยู่ และนั่งบนไหล่ของมังกรเพลิงนรก
ซูผิงมองไปที่สุนัขมังกรดำที่ยังคงกินตะขาบ “ไปได้แล้ว”
สุนัขมังกรดำไม่ยอมทิ้งอาหารของมัน มันคาบเนื้อสีเขียวชิ้นหนึ่งออกมา เคี้ยว และกลับมาทำงานของมัน
อวิ๋นว่านหลี่พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวไ ราชาอสูรร้ายสองคนตายในทันที ทั้งสองมีพลังมากพอที่จะทำให้เมืองฐานใหญ่ๆ หวาดกลัว และพวกมันตายอย่างง่ายดาย
พวกเขาไปต่อ
นอกเหนือจากราชาอสูรแล้ว พวกเขาพบกับอสูรร้ายขั้นสูงบางตัว และส่วนใหญ่อยู่ในระดับเก้า ในขณะที่บางตัวอยู่ที่ระดับแปด
แน่นอนว่าสุนัขมังกรดำจัดการพวกมันทุกตัว
“คุณมีแผนที่ไหม?” ซูผิงถาม
อวิ๋นว่านหลี่ส่ายหัว “ถ้ำลึกมีสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและรุนแรง มีเพียงนักรบอสูรในตำนานที่อยู่ที่นี่นานพอจึงจะรู้ทาง ไม่มีแผนที่” ซูผิงมองชายผู้นั้นอย่างดูถูก เขาไร้ประโยชน์เกินไป เขาไม่สามารถเป็นคนนำทางได้ด้วยซ้ำ
อวิ๋นว่านหลี่สังเกตเห็นปฏิกิริยานี้ เขาหัวเราะแห้ง
ในไม่ช้าสุนัขมังกรดำก็เตือนซูผิง
ซูผิงตกใจ สิ่งที่สามารถทำให้สุนัขมังกรดำรู้สึกได้ถึงอันตรายต้องเป็นอะไรที่โหดเหี้ยม
”ไปกันเถอะ!”
เขาเข้าไปหาสุนัขมังกรดำ
ในไม่ช้าราวกับว่ากำลังวิ่งผ่านชั้นน้ำ ซูผิงรู้สึกว่าโลกสว่างขึ้น และลมหนาวพัดผ่านกระดูกของเขา
ตรงหน้าเขานั้นเป็นน้ำแข็งที่ไร้ขอบเขต!
เขาก้าวออกจากความมืดมิด และเข้าสู่น้ำแข็งในไม่กี่วินาที!
ซูผิงไม่เข้าใจ ไม่มีดวงอาทิตย์และท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้า ไม่มีสีอื่นใดนอกจากสีขาว
“นี่คือทุ่งน้ำแข็ง”อวิ๋นว่านหลี่อธิบาย เขาโผล่ออกมาจากระลอกคลื่นในขณะที่ยังคงหลอมรวมกับมังกรหินแตกของเขา
ระดับการป้องกันของเขาจะเพิ่มขึ้นในขณะที่รักษาสถานะรวม อย่างน้อยเขาก็สามารถปกป้องตัวเองได้ในกรณีที่มีการจู่โจมอย่างไม่คาดคิด
“ทุ่งน้ำแข็ง?”
ซูผิงขมวดคิ้ว
“ใช่ มีห้าทุ่งที่แตกต่างกันในถ้ำลึก หรือให้ชัดก็คือห้าคุก!”
อวิ๋นว่านหลี่กล่าวต่อว่า “อสูรร้ายในถ้ำลึกทั้งหมดถูกคุมขังในห้าทุ่ง ว่ากันว่าคนกลุ่มแรกที่สร้างถ้ำลึกได้สร้างทุ่งเพื่อที่อสูรจะค่อยๆ สูญพันธุ์ในนี้ แน่นอนว่าทฤษฎีนั้นไม่มีข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด มีอสูรที่แตกต่างกันห้าชนิด ทุ่งน้ำแข็งอยู่ใกล้กับสถาบันมากที่สุด
“ถ้าไปต่อ เราจะพบทุ่งแห่งการชำระล้าง ทะเลแห่งไฟ”
“ควรมีนักรบอสูรในตำนานอยู่ที่ชายแดนของทุ่งชำระล้างกับทุ่งน้ำแข็ง เราไปดูกันเถอะ”
ซูผิงพยักหน้า “ตกลง นำไป”
อวิ๋นว่านหลี่พยักหน้า “แค่ตรงไป คุณอาจคิดว่านี่เป็นโลกที่ไร้ขอบเขต แต่ทุ่งมีขีดจำกัด ”
เขากระโดดขึ้นไปบนหลังของผู้ฟังสายลมติดปีก ขณะที่เขาพูดต่อ “อสูรร้ายบางตัวซ่อนอยู่ที่นี่ เนื่องจากพวกมันอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน อสูรเหล่านั้นจึงกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม เราจะตกหลุมพรางได้ง่ายถ้าเราเดินไปเรื่อยๆ”
ซูผิงบอกให้มังกรเพลิงนรกพาเขาบินขึ้นไป มังกรขยายปีกสีม่วงหลังจากได้รับสายเลือดมังกรม่วง หวืด!
ซูผิงและอวิ๋นว่านหลี่กำลังบินอยู่ภายในถ้ำขนาดใหญ่ เขาไม่สนใจที่จะตรวจสอบสุนัขมังกรดำที่ยังคงวิ่งอยู่ท่ามกลางหิมะ
ไม่นานหลังจากนั้น หมาตัวนั้นก็เปลี่ยนเป็นร่างมังกร และเข้าร่วมกับพวกเขาในอากาศ
“ผมหวังว่าเราจะสามารถหานักรบอสูรในตำนานจากหอคอยได้…” อวิ๋นว่านหลี่ดูกังวล ทางหลักแรกถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครดูแล และพวกเขาได้พบอสูรร้ายมากมายระหว่างทาง นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดี

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

Status: Ongoing

ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท