ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 775 แวดวงของระดับดวงดาว

ตอนที่ 775 แวดวงของระดับดวงดาว

ซูผิงพาชายหนุ่มผมแดงเข้าไปในร้านในขณะทีอีกฝ่ายกำลังยุ่งอยู่กับการตำหนิตัวเอง
ซูผิงเหลือบไปรอบๆ และเห็นว่าหนูสายฟ้ากลับมาที่ตำแหน่งเดิมแล้วผล็อยหลับไปอีกครั้ง
ไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจมันอีกต่อไป?
ซูผิงถอนหายใจและส่ายหัว บางคนจะไม่กลับมาหลังจากที่พวกเขาจากไป แต่ดูเหมือนหนูจะไม่ได้ตระหนักถึงมัน
อาจจะมีแต่ไม่สนใจ?
ซูผิงเงียบไปครู่หนึ่งและมองไปที่หนู เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง นั่นเป็นสิ่งที่แน่นอน
“เข้าไป” ซูผิงพูดกับชายหนุ่มผมแดงและปิดร้าน
สำหรับถนนที่ถูกทำลาย… มันไม่ใช่ความผิดของเขา ตระกูลไรอันเป็นคนเริ่ม ทั้งหมดเป็นเพราะตระกูลไรอัน ไปขอเงินชดเชยจากพวกไรอันสิ
ซูผิงเชื่อว่าแม้แต่นายกเทศมนตรีก็จะไม่มา แต่ผู้นำตระกูลไรอันอาจจะมา
อย่างไรก็ตามซูผิงไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ เขาสามารถซ่อนตัวได้เสมอจนกว่าเขาจะแข็งแกร่งพอถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะได้!
ผู้คนข้างนอกสามารถหายใจโล่งใจได้ในที่สุดหลังจากที่ซูผิงปิดร้าน ทุกคนต่างพากันตกใจ
“ฉันคิดว่ายอดฝีมือระดับดวงดาวถูกลักพาตัวไป!”
“มั่นใจก่อนค่อยพูดว่า ‘ฉันคิดว่า’!”
“แล้วระดับดวงดาวอีกสองคนล่ะ? พวกเขาหนีไปหรอ? เจ้าของเอาชนะศัตรูสามคนและจับหนึ่งในนั้นไปเป็นๆด้วยตัวเขาเองหรอ?”
“ใครอยู่เบื้องหลังเจ้าของร้านนี้กันแน่? ทำไมคนใหญ่คนโตระดับดวงดาวถึงมาเปิดร้านค้าที่นี่ เพื่อความสนุกหรอ?”
“ร้านฉันพังหมดแล้ว…”
“เฮ้ ฉันได้ยินมาว่านี่คือร้านที่ขายมังกรอสนีบาตระดับ A สิบตัว มันเป็นข่าวปลอมหรือเปล่า?”
“ข่าวปลอม? นายคิดว่าคนใหญ่คนโตระดับดวงดาวใส่ใจเรื่องเงินหรอ? เขาจะไม่ลังเลเลยแม้ว่าเขาจะขายอสูรระดับ A ร้อยตัวก็ตาม”
”นายพูดถูก คนใหญ่คนโตระดับดวงดาวนั้นน่าจะทำเพื่อความสนุก เงินจะไปมีความหมายอะไรสำหรับเขาล่ะ”
“ร้านนี้มีกฏการเข้าคิวไม่ใช่เหรอ? พวกเขายังจะยังทำธุรกิจในวันพรุ่งนี้อยู่ไหมเนี่ย?”
”ธุรกิจ? คนใหญ่คนโตระดับดวงดาวสามคนนั่นเป็นแขกของตระกูลไรอันไม่ใช่หรอ? เจ้าของร้านคนนี้เป็นศัตรูของตระกูลไรอันอย่างชัดเจน อีกไม่นานผู้นำตระกูลอาจจะมาที่นี่!”
“เราควรรอต่อไปหรือควรหนี? ฉันไม่อยากโดนลูกหลงหากพวกเขาต่อสู้กัน!”
ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน หลายคนมองถนนที่พังทลายอยู่นอกร้านของซูผิงและลังเล
ในตอนนั้นเองที่คนๆ หนึ่งพุ่งออกจากฝูงชน เธอคือมีอานั่นเอง
เธอตัดสินใจที่จะรอต่อไปหลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว
เธอสามารถเดินออกไปได้เสมอถ้าโอนีลปรากฏตัว เมื่อพิจารณาถึงตัวตนของเธอ แม้แต่เขาก็ต้องยอมเสียหน้า เขาไม่กล้าทำร้ายเธอ
ท้ายที่สุดแล้วดาวเคราะห์ดวงนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลไลเยฟา
แม้ว่าเธอจะไม่โดดเด่นในตระกูลของเธอ แต่ชื่อไลเยฟาก็ยังไม่อาจขัดขืนได้
ทุกคนประหลาดใจที่เห็นหญิงสาวผมสีเงินก้าวออกมาเป็นคนแรกและเริ่มกระซิบกันอีกครั้ง นักท่องจักรวาลบางคนจำตัวตนของเธอได้จากสีผม
ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มไปยืนเข้าแถวข้างหลังเธอ
ในเมื่อมีคนจากไลเยฟายืนอยู่ข้างหน้า ทำไมพวกเขาถึงจะต้องกลัวด้วย?
เมื่อมีผู้คนเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่ลังเลใจมากที่สุดจึงเลือกที่จะตามคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามพวกที่ระมัดระวังในหมู่พวกเขายังคงเฝ้าสังเกตอยู่ พวกเขาเลือกที่จะถอยหลังเผื่อว่าผู้นำตระกูลไรอันจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันและไม่มีเวลาให้พวกเขาได้หลบหนี!…ไอลีนโนเวล
แถวก่อนหน้านี้ถูกรบกวนจากการต่อสู้ และได้รับการจัดใหม่
ฟีลัสลังเลเมื่อเห็นว่าผู้คนจำนวนมากบินลงมา
ในที่สุดเขาก็กัดฟันและตัดสินใจ—
เขาตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงโชค!
ตระกูลโมเรโนกำลังตกต่ำ เขาต้องลุกขึ้นมาและหาทางออกให้ตระกูลของเขา!
ร้านของซูผิงเป็นความหวังที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า!
ถ้าเขาสามารถฝึกอสูรทั้งหมดของเขาในร้านของซูผิงและหากพวกมันทั้งหมดได้รับการพัฒนาไปได้มากเท่ากับจระเข้เขียว… เขาจะโดดเด่นในการแข่งขันอสูร และทำให้ตระกูลของเขาโด่งดัง!
อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาที่เพิ่มขึ้นมาจากตระกูลโมเรโรจะทำให้คนอื่นหยุดและลังเลที่จะใช้ประโยชน์จากตระกูลของเขา
ทุกคนมักเหยียบคนที่ล้มลง แต่ถ้ายอดฝีมือยืนอยู่ข้างชายคนนั้น จะมีคนจำนวนน้อยที่จะเตะเขา และยังคงมีโอกาสที่เขาจะคืนชีพได้อีกครั้ง!
ฉันหวังว่าทุกอย่างจะยังไม่เปลี่ยนและเลือกฝึกอสูรหลักของฉันแทน! ฟีลัสค่อนข้างเสียใจและประหม่า สงสัยว่าซูผิงจะโกรธเพราะเขาตั้งคำถามกับบริการหรือเปล่า
ในทางกลับกันคลีโอมีสีหน้าลำบากใจขณะที่เธอยืนห่างออกมา
เธอไม่สามารถเข้าร่วมแถวได้อีกต่อไป
ซูผิงทำให้ตระกูลไรอันไม่พอใจ ถ้าผู้นำตระกูลมาเห็นเธอรออยู่ในแถว… ความโกรธคงเกินจะรับไหว
เธอยังรู้สึกเสียใจที่จ่ายเงิน 1 หมื่นล้านสำหรับบริการฝึกฝนมืออาชีพชีพในร้านของซูผิง
เธอจะต้องถูกลงโทษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากเขารู้
แม้ว่าเธอจะมีความสามารถ แต่เธอก็ไม่ได้มาจากสาขาหลัก อัจฉริยะไม่ได้มีความหมายมากนักในจักรวาลนี้ เนื่องจากมีคนมีความสามารถจำนวนมากถูกผู้ที่อยู่เหนือกว่าที่ไร้ความสามารถกดขี่ และทำได้เพียงทำตามเท่านั้น
พรสวรรค์ของพวกเธอเป็นเพียงแสงระยิบระยับ จนกระทั่งพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะโค่นล้มผู้ที่อยู่เหนือพวกเธอได้
ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่สนใจเรื่องเงิน… คลีโอแสดงอารมณ์มากมาย
“พี่ เราควรกลับไปรายงานเรื่องนี้กับตระกูลตอนนี้เลยไหม?” ลิลลี่พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอยู่ข้างๆเธอ
เธอดูไร้พิษสงและไร้เดียงสา แต่กลับกลายเป็นว่ามีความยืดหยุ่นท่ามกลางปัญหา
หลังจากมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง คลีโอก็ตระหนักในทันทีว่าเธอควรรายงานเรื่องนี้ให้ตระกูลทราบก่อนดีกว่า ก่อนที่ทุกอย่างจะพัง!
เป็นการดีกว่าที่จะเริ่มดีกว่ารอ!

ภายในร้าน—
ซูผิงไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก เขามีอะไรต้องทำมากเกินไป เขายังฝึกอสูรทั้งหมดไม่เสร็จ…คนเหล่านั้นมาถึงในช่วงเวลาที่แย่มาก ขัดจังหวะการฝึกซ้อมที่สนุกสนานของเขา
ซูผิงนั่งลงบนโซฟาแล้วพูดอย่างโกรธๆ “บอกมา มีอะไรเสนอให้ฉัน”
เมื่อเขายืนอยู่ภายในร้าน ชายหนุ่มผมแดงก็มองไปรอบๆ เพื่อดูว่ามียอดฝีมือคนอื่นๆ อยู่หรือไม่ ในไม่ช้าเขาก็พบว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะตรวจสอบห้องอื่นๆ ในร้าน แม้แต่พื้นที่ธรรมดาที่เปิดให้ลูกค้ามองเห็นก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพียงเพราะพวกเขาถูกแยกจากกันด้วยประตูเดียว!
ประตูเดียวก็เพียงพอที่จะปิดกั้นสัมผัสของเขา!
ความรู้สึกของเขาไม่ได้อ่อนแออย่างแน่นอน แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรอยู่หลังประตูที่ปิดอยู่
มีการป้องกันภายในร้านด้วยหรอ?
ชายหนุ่มพบว่าสิ่งนี้ยากที่จะเชื่อและค่อนข้างน่าตกใจ แต่เขาไม่ได้แสดงออกมา
เขาสะบัดความคิดต่างๆออกไปเมื่อได้ยินคำถามของซูผิง เขาสูดหายใจลึกขณะจ้องมองซูผิงซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา “ผมมีสินทรัพย์ถาวร และยังลงทุนในบริษัทบางแห่ง หุ้นของผมมีค่ามากกว่าเงินที่ผมมี นอกจากนี้ยังมีเหมืองผลึกดวงดาวบางแห่งที่ให้ผลึกดวงดาวแก่ผมทุกปี…”
ซูผิงฟังเงียบ ๆ
สิบนาทีต่อมา เขาพยักหน้าและถามว่า “แค่นั้นหรอ?”
อันที่จริงเขาค่อนข้างพอใจ เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มผมแดงเสนอให้นั้นเหนือความคาดหมายของเขามาก เขาสามารถหารายได้เป็นล้านล้านได้
ล้านล้านหมายถึงอะไร?
จีดีพีของวอฟเฟ็ตมีแค่หมื่นล้านต่อปี และคนที่ร่ำรวยที่สุดของทวีปแคมป์มีรายได้เพียงไม่กี่แสนล้านเท่านั้น
ชายหนุ่มผมแดงคนนี้มีความมั่งคั่งหนึ่งในสิบของรีอา ยังไม่รวมถึงสมบัติลับ ผลึกดาว และทรัพยากรอื่น ๆ ที่เขาเอาติดตัวมาด้วย
สิ่งของเหล่านั้นถูกรวบรวมด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด พวกมันมีค่ามากกว่าเหรียญดวงดาวหลายล้านล้านเหรียญ!
ซูผิงรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถแปลงเงินเป็นพลังงานได้
ร้านค้าของเขาจะมีรายได้เพิ่มขึ้นหากทำได้!
อย่างไรก็ตาม เงินอาจมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ ซูผิงต้องการผลประโยชน์จากเขาเพียงเพราะเขาต้องการทำบางสิ่งเพื่อดาวเคราะห์น้ำเงิน ค่าใช้จ่ายปัจจุบันของเขาขึ้นอยู่กับภาษีจากดาวเคราะห์สีน้ำเงิน โครงสร้างพื้นฐานของดาวเคราะห์จะดีขึ้นอย่างมากหากเขาลงทุนหลายล้านล้าน
เขายอมรับบทบาทของเขาในฐานะเจ้าแห่งดาวเคราะสีน้ำเงิน และเขาตั้งใจจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อรับผิดชอบในหน้าที่ของเขา
ชายหนุ่มผมแดงกัดฟันและกล่าวว่า “ยังมีแวดวงพิเศษอีกด้วย ผมสามารถเอาของผมให้คุณได้ แวดวงประกอบด้วยยอดฝีมือระดับดวงดาวจากระบบสุริยะและดาวเคราะห์ทั้งหมดทั่วซิลวี่ พวกเขามาจากภูมิหลังที่ทรงพลังและกองกำลังพิเศษ คุณสามารถผูกมิตรกับยอดฝีมือระดับดวงดาวคนอื่นๆ ได้ที่นั่น
“ผู้นำแวดวงคือเจ้าดวงดาว!
“ว่ากันว่ารองผู้นำก็เป็นเจ้าดวงดาวเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยปรากฏตัว เป็นการดีที่สุดที่จะไม่ไปรบกวนพวกเขา
“สิ่งต่างๆ จะง่ายขึ้นสำหรับนายในอนาคต ถ้านายได้รู้จักเพื่อนมากขึ้นที่นั่น”
หัวใจของเขาเหมือนมีเลือดไหลหยด ที่ว่างในนั้นมีความหมายมากกว่าสมบัติทั้งหมดของเขา!
เขาพยายามมามากมายเพื่อให้ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมแวดวง
เขาเป็นเพียงคนขี้ขลาดในแวดวง แต่เขามีคารมคมคายและวางตัวเป็น เขาได้เป็นเพื่อนกับยอดฝีมือระดับดวงดาวที่แข็งแกร่ง รวมถึงโอนีลซึ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยลิ่วล้อและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มด้วย พวกเขาเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันและกลายเป็นเพื่อนกัน
เดิมทีเขาเป็นยอดฝีมืออันธพาล ในที่สุดเขาก็ยอมรับคำเชิญของโอนีล ดังนั้นเขาจึงเดินทางมารีอาและกลายเป็นแขกของตระกูล
สัดส่วนของผลึกดวงดาวและรายได้ที่หาประโยชน์จากดาวดวงนี้จะถูกส่งไปให้เขาเป็นประจำ

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

Status: Ongoing

ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท