ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 860 เริ่มบททดสอบ

ตอนที่ 860 เริ่มบททดสอบ

ซูผิงไม่ได้พูดอะไรในเพราะตอนนี้เขายังไม่สามารถตอบโต้เจ้าดวงดาวได้ มันไร้ประโยชน์สำหรับเขาที่จะตะโกนใส่ผู้ชายคนนี้ จงอย่าเปิดเผยเจตนาที่แท้จริงของคุณต่อคู่ต่อสู้
ซูผิงออกไปกับผู้สอนหลังจากเรียกมังกรเพลิงนรกกลับ
ทุกคนบนเนินเขามองซูผิงด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อซูผิงกลับมา
“กฎยี่สิบข้อ!”
“ตาฉันฝาดหรือเปล่า? นั่นไม่ใช่ขีดจำกัดของระดับดวงดาวหรอกหรอ?”
“มังกรตัวนั้นไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ด้วยซ้ำ…”
”บ้าไปแล้ว? แม้แต่อสูรก็ยังรู้วิธีหลอกคนหรอเนี่ย?”
ทุกคนได้เห็นแล้วว่ามังกรเพลิงนรกมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการโจมตีของเจ้าดวงดาวก่อนหน้านี้ มันเกินจริงสำหรับพวกเขา มังกรนั้นเป็นอัจฉริยะมากกว่าพวกเขาทั้งหมดเพราะมันเข้าใจกฎ 20 ข้อ!
“มังกรตัวนั้นน่าจะมีไหวพริบระดับ SS!”
”SS? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าควรเป็น SSS มันควรจะเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่ดีที่สุด หากว่ามันอยู่ในสภาวะชะตากรรมจริงๆ…”
“เ**้ย. นี่เราไม่สามารถเทียบกับอสูรของเขาได้หรอวะเนี่ย!”
“ฉันควรจะอยู่ที่เนินเขา ไม่ใช่ที่นี่…”
“เขาแค่พึ่งพาอสูรของเขา นั่นไม่ใช่ความสำเร็จ เขาจะเป็นแค่คนอ่อนแอหากไม่มีมังกร”
“คนอ่อนแอ? นายไม่เห็นหรือว่าเขาวิ่งไปที่ที่นั่งบนยอดเขาได้ยังไง เขาอาจจะไม่ดีเท่าอสูรของเขา แต่เขาไม่ใช่คนอ่อนแออย่างแน่นอน!”
ซูผิงและมังกรเพลิงนรกเป็นหัวข้อของการสนทนา หลายคนไม่สามารถปกปิดความอิจฉาริษยาได้ พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาจะสามารถแข่งขันกับคนที่อยู่บนยอดเขาได้หากพวกเขามีอสูรแบบนี้!   บนเกาะ—ปีศาจมังกรกำหมัดด้วยท่าทางที่น่ากลัว
“มันเป็นความจริงที่ว่าเธอแพ้แล้ว ถือว่าเป็นบทเรียน เธอจะได้พบกับอัจฉริยะมากขึ้นในการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาลที่กำลังจะมาถึง ฝึกฝนให้มากกว่านี้”ผู้สอนระดับเจ้าดวงดาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ปีศาจมังกรกัดฟันและรับมือกับความอัปยศ
เขารู้ว่าจะมีอัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนในการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาล โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเขตดวงดาวและรอบชิงชนะเลิศ แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอ**เร็วขนาดนี้
นอกจากนี้ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ยังทำให้เขาขายหน้าอีกด้วย ผู้ชายคนนี้ได้บดขยี้เขาด้วยอสูรเพียงตัวเดียว!
“ถ้าเธอแสดงความสามารถอย่างดี อาจารย์ใหญ่จะขอให้ผู้ฝึกสอนพิเศษกับจักรพรรดิมังกรฝึกอสูรของนาย สิ่งที่เธอต้องทำคือพัฒนาตัวเอง” ผู้สอนกล่าวต่อ  ปีศาจมังกรตกตะลึงเมื่อได้ยิน “ผู้ฝึกสอนพิเศษ” เขารีบถาม “จริงหรอครับ?”
“ใช่ แต่ในเงื่อนไขคือเธอต้องทำผลงานให้เป็นที่น่าพอใจเท่านั้น”
ผู้สอนพยักหน้า เขาต้องเอาของมาล่อ เขาไม่ได้แค่แต่งเรื่องขึ้นมา ถ้านักเรียนประสบความสำเร็จในอาณาจักรลับอนุสรณ์เทพลวงตา อาจารย์ใหญ่จะให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอน ท้ายที่สุดสถาบันของเขาจะมีชื่อเสียงหากพวกเขาได้รับการจัดอันดับที่สูงในการแข่งขันสุดยอดอัจฉริยะระดับจักรวาล!
”เข้าใจแล้ว” ปีศาจมังกรสูดหายใจเข้าลึก ๆ และสงบลง แต่เขากำหมัดแน่นขึ้น เขาจดจำความอัปยศในวันนี้ไว้ในใจ
อีกด้านหนึ่ง—ซูผิงกลับมานั่งบนยอดเขาแล้ว
คนอื่นๆ อีกหลายคนที่ยังไม่ได้นั่งมองมาที่เขา แต่ไม่ได้แสดงเจตนาที่จะท้าทายเขา
ซูผิงใช้แค่อสูรในการต่อสู้ครั้งก่อน ไม่มีใครแน่ใจว่าอสูรนั้นเป็นไพ่ตายของซูผิงหรือปล่า
นอกจากนี้ กฎ 20 ข้อที่อสูรได้ปลดปล่อยใส่ผู้สอนเจ้าดวงดาวทำให้พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะมันได้
“อสูรของนายอยู่ในสภาวะชะตากรรมจริงหรอ?”
ทางซ้ายของซูผิง—ธิดาศักดิ์สิทธิ์พันใบไม้เปลี่ยนทัศนคติของเธอที่มีต่อซูผิง เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของอสูรของเขาแล้ว ชายคนนี้คงขี้เกียจเกินกว่าจะโจมตี เขาไม่ได้ขี้ขลาด
เธอก็เหมือนกัน แม้ว่าปีศาจมังกรจะหยาบคาย แต่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรเขา เพราะคิดว่ามันเสียเวลา ไม่ใช่เพราะเธอกลัว
”จริง”
ซูผิงพยักหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจที่จะเก็บเป็นความลับ คนปกติจะไม่เปิดเผยระดับอสูรของพวกเขา แต่เขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ มันไม่ใช่ไพ่ตายของเขาอยู่ดี
“…”  ธิดาศักดิ์สิทธิ์พันใบไม้เงียบไปครู่หนึ่ง แม้ว่าเธอจะสัมผัสได้จริงๆ แต่เธอก็ยังตกใจเมื่อซูผิงยืนยันความจริง
เธอไม่คิดว่าซูผิงโกหก ท้ายที่สุดอัจฉริยะเหล่านี้จะหุบปากหรือเยาะเย้ยใครก็ตามที่ถามคำถาม พวกเขาภูมิใจเกินกว่าจะโกหก
ทางด้านขวาของซูผิง ผู้หญิงที่สวมชุดคลุมยาวสีขาวก็ได้ยินการสนทนาเช่นกัน การแสดงออกของเธอเปลี่ยนไป เธอรู้สึกอึดอัด
อสูรอยู่ในสภาวะชะตากรรมเท่านั้น… ดูเหมือนว่าจะเป็นอัจฉริยะเสียยิ่งกว่าเธอ
เธอฝึกฝนอย่างหนักมาหลายปีแล้ว และได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเพียงหนึ่งในล้านล้าน แต่ดันมีอสูรที่แซงหน้าเธออีกเนี่ยนะ?
เมื่อพวกเขาเงียบไป จักรพรรดิมังกร—ผู้ดูสง่างามราวกับเป็นจักรพรรดิที่แท้จริง—จ้องไปที่ซูผิงและถามว่า “อสูรของนายเป็นพันธุ์อะไร?”
การที่เขาถามได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย คนอื่นมองที่ซูผิงด้วยความสงสัยเช่นกัน  ประสิทธิภาพของมันน่าจะเข้าใจได้มากกว่านี้ถ้ามันเป็นหนึ่งในอสูรในตำนานที่พวกเขารู้จัก
“?”
ซูผิงถามด้วยสีหน้างุนงง “นายรู้จักฉันหรอ?”
เขาไม่ลืมการเยาะเย้ยของเขาในตอนนั้น นอกจากนี้เขามาจากสถาบันเดียวกับคนที่ฉันเพิ่งเอาชนะไปไม่ใช่เหรอ?
แล้วจะมาชวนคุยทำไม?
“…”
จักรพรรดิมังกรเงียบ เขากำหมัดโดยไม่รู้ตัว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะมันจะเผยให้เห็นความโกรธของเขา
“หึ” จักรพรรดิมังกรแค่นเสียงและไม่พูดอะไรอีก
คนอื่น ๆ รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเนื่องจากซูผิงไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่มีใครแปลกใจมากนัก ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครจำเป็นต้องแนะนำอสูรของพวกเขาให้คนอื่นรู้จัก เนื่องจากพวกมันเป็นอาวุธขั้นสูงสุดของพวกเขา
ทุกคนเก็บความอยากรู้ไว้และคิดถึงเรื่องอื่นๆ
การต่อสู้ระหว่างราชาศักดิ์สิทธิ์และภัยพิบัติได้สอนบทเรียนเกี่ยวกับอัจฉริยะจากสถาบันอื่น ๆ และซูผิงก็ทำให้พวกเขาเคารพผู้ที่อยู่บนยอดเขา
ไม่มีใครบนยอดเขาที่อ่อนแอ!
“สถาบันราชวงศ์อามิลล์…”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งหรี่ตาลงและละสายตาจากซูผิง แม้ว่าจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกโชคดีที่เลือกภัยพิบัติแทนซูผิง
เขาเคยคิดว่าจะเลือกซูผิงเป็นคู่ต่อสู้ อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงความเร็วและรัศมีอันตรายที่คลุมเครือ เขาก็ตระหนักดีว่าชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าภัยพิบัติ ดังนั้นเขาจึงเลือกเธอ
สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังพิสูจน์ว่าสัญชาตญาณของเขาถูกต้อง  ผู้ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ แม้แต่อสูรของเขาก็ยังน่ากลัว!
ปีศาจมังกรกลับมาจากเกาะ เขามองไปที่ซูผิงแต่เลือกที่จะเงียบ คราวนี้เขาเดินเข้าไปใกล้หญิงชุดขาวที่อยู่ทางขวามือ
“ฉันต้องการที่นั่งของเธอ!”
เขาย้ำสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ แต่ไม่เย่อหยิ่งเหมือนเมื่อก่อน เขาเคร่งขรึมเป็นพิเศษ
หญิงชุดขาวเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจและจ้องไปที่เขา ก่อนที่เธอจะหัวเราะคิกคัก “ฉันชื่นชมความกล้าหาญของนาย”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ลุกขึ้นและบินไปที่เกาะ
ปีศาจมังกรเอายาออกมาและกลืนเข้าไป ไม่นานบาดแผลของเขาก็หาย และเขาก็ดูแข็งแกร่งเหมือนเดิม
ในไม่ช้า การต่อสู้อีกครั้งก็เกิดขึ้นบนเกาะ
“ผู้ชายคนนั้นเรียนรู้มากขึ้น เขากำลังท้าทายสถาบันนกขมิ้นศักดิ์สิทธิ์”   “ทางเลือกที่ดี สถาบันนกขมิ้นศักดิ์สิทธิ์จัดการได้ง่ายกว่า คนอื่น ๆ ล้วนเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าจากสถาบันอื่น ๆ ”
“อย่าแพ้อีก ไม่งั้นนายจะอายเกินกว่าจะมองหน้าใคร”
การต่อสู้บนเกาะเริ่มดุเดือดขึ้นเมื่อพวกเขาคุยกัน หญิงชุดขาวเองก็เป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถสูงในสถาบันนกขมิ้นศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามเทพธิดาแห่งแสง เธอมีกายา 10 อันดับแรกของธาตุแสง!
กายาของเธอเหนือกว่าของปีศาจมังกร Aileen-novel
อย่างไรก็ตามปีศาจมังกรได้ปลดปล่อยความแข็งแกร่งที่โหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อยๆ และได้ใช้ทักษะที่เขาไม่ได้ใช้ในการต่อสู้กับมังกรเพลิงนรกครั้งก่อน ซึ่งทำให้เทพธิดาแห่งแสงไม่ทันระวัง
ห้านาทีต่อมา การต่อสู้สิ้นสุดลง
ปีศาจมังกรชนะ!
เขาได้เปิดเผยความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวและบดขยี้คู่ต่อสู้ หลายคนที่คาดหวังให้เขาล้มเหลวอีกครั้งรู้สึกท้อแท้
ธิดาศักดิ์สิทธิ์พันใบไม้ดูเย็นชา แม้ว่าเธอและเทพธิดาแห่งแสงจะไม่ลงลอยกันในสถาบัน แต่พวกเธอก็อยู่ฝ่ายเดียวกันเมื่ออยู่นอกสถาบัน
”ฮึ!”
ปีศาจมังกรกลับมาที่ด้านขวาของซูผิงและนั่งลง เขาเหลือบมองซูผิงและพ่นลมหายใจเพื่อบอกว่าเขายังคงมีคุณสมบัติที่จะนั่งบนยอดเขาได้ ถึงแม้ว่าเขาจะแพ้ซูผิงก็ตาม
อย่างไรก็ตามมีหนึ่งในคนที่รอท้าทายเขาหลังจากที่เขานั่งลงได้ไม่นาน
ชายคนนั้นมาจากสถาบันเทพแห่งดาบหรือที่รู้จักในชื่อจอมดาบคลั่ง เขาเป็นคนผมยุ่งถือดาบที่ดูเหมือนโลงศพ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์
ปีศาจมังกรเปลี่ยนการแสดงออกของเขา แม้ว่าเขาจะชนะการต่อสู้ครั้งก่อน แต่ก็ชนะมาแบบเฉียดฉิว เทพธิดาแห่งแสงนั้นไม่ได้รับมือได้ง่ายๆ
“ฉันไม่คิดมาก่อนว่าสถาบันเทพแห่งดาบจะเป็นพวกชอบฉวยโอกาส”ปีศาจมังกรกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
จอมดาบคลั่งพูดอย่างเฉยเมยว่า “นายคิดว่านายเป็นคนเดียวที่ทำได้หรอ? กินยาพวกนั้นไปเงียบๆแล้วมาสู้กันซะดีกว่า!”
“สู้บ้านแกสิ !” ปีศาจมังกรตะโกน เขาไม่ใช่คนมีมารยาทอยู่แล้ว และเขาไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้อีกต่อไป
ยาเหล่านั้นมีค่ามาก เขาคงไม่กินถ้าไม่ใช่เพราะจะทวงศักดิ์ศรีของเขาคืน
แกต้องการให้ฉันกินยาเพิ่มหรอ ทำไมแกไม่เอามาให้ฉันล่ะ
“ถ้าอยากจะท้าทายใครสักคน ท้าทายฉันดีไหมล่ะ?” จักรพรรดิมังกรเข้ามาแทรก
จอมดาบคลั่งขมวดคิ้ว แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร ชายหนุ่มถือดาบไม้ที่อยู่ถัดจากจักรพรรดิมังกรก็ยิ้มและพูดว่า “ถ้านายไม่ว่าอะไร งั้นเรามาสนุกกันดีกว่า”
เขาดูเหมือนเด็กน้อยที่ไม่มีพิษมีภัย
จักรพรรดิมังกรกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันได้ยินมาว่านายเป็นศิษย์ของเทพแห่งดาบ ฉันอยากรู้มาตลอดว่านายจะเก่งแค่ไหน ฉันหวังว่านายจะไม่ทำให้อาจารย์ของนายต้องอับอาย”
“นายคิดว่านายมีคุณสมบัติที่จะพูดถึงอาจารย์ของฉัน ยอดฝีมือสภาวะเทพดวงดาวอย่างงั้นหรอ?” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”ฮึ!”
จักรพรรดิมังกรพ่นลมหายใจแต่ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ อันที่จริงเขาไม่สามารถทำร้ายสภาวะเทพดวงดาวได้
“พร้อมหรือยัง? ออกไปซะถ้านายไม่พร้อม” จอมดาบคลั่งพูดกับปีศาจมังกรด้วยน้ำเสียงรุนแรงกว่าเดิม
“พร้อม!”
ปีศาจมังกรไม่สามารถทนต่อการยั่วยุเช่นนี้ได้ เขากัดฟันและกลืนยาอีกเม็ดหนึ่งก่อนจะตามจอมดาบคลั่งไปที่เกาะ
การต่อสู้เกิดขึ้นอีกครั้ง ปีศาจมังกรแสดงทักษะทุกประเภท แต่จอมดาบคลั่งก็ทำเช่นเดียวกัน เขามีวิชาดาบที่เหลือเชื่อ ห้านาทีต่อมา จอมดาบคลั่งเอาชนะปีศาจมังกรได้อย่างเหนือชั้น
“พวกเขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ”
“ปีศาจมังกรเหมือน ‘ฉันมียาอีกและฉันยังต่อสู้ได้!’”
“แม้ว่าเขาจะมีเม็ดยามากกว่านี้ เขาก็ไม่กล้ากินมันอีกต่อไปแล้วล่ะ คนที่เหลืออยู่บนยอดเขาไม่มีใครจัดการได้ง่ายๆ”
“บางทีเขาอาจใช้ประโยชน์จากผู้สมัครคนอื่นจากสถาบันนกขมิ้นศักดิ์สิทธิ์?”
”นายหมายถึงอะไร? นายหมายความว่าสถาบันสุสานมังกรเป็นพวกชอบฉวยโอกาสกับผู้หญิงเท่านั้นหรอ?”
“พอได้แล้วสถาบันมีอาหลัก!”
“คนจากสถาบันสุสานมังกรเป็นพวกขี้แพ้!ฮ่า ฮ่า!”
”แกหมายความว่าไง? คิดว่าสถาบันนกขมิ้นศักดิ์สิทธิ์อ่อนแอจริงหรอ? ธิดาศักดิ์สิทธิ์พันใบไม้เป็นนักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดของเรา เขาคงไม่ได้แตะที่นั่งของเธอแน่ ถ้าเขากล้าท้าทายเธอ!”
เนินเขา—นักเรียนทุกคนพูดคุยกันอย่างดุเดือด สาวๆ ของสถาบันนกขมิ้นศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าร่วมการสนทนาเช่นกัน ผู้สมัครของพวกเขาไม่ได้อ่อนแอ
โดยเฉพาะธิดาศักดิ์สิทธิ์พันใบไม้ เธอเป็นอัจฉริยะชั้นยอด คนแบบเธอเกิดขึ้นทุกๆสองสามร้อยปีเท่านั้น พวกเขาเชื่อว่าเธอจะปราบปีศาจมังกรได้อย่างง่ายดาย!
ปีศาจมังกรกัดฟันและไปที่กลางเนินเขาหลังจากที่จอมดาบคลั่งอ้างสิทธิ์ในที่นั่งของเขา
อีกสองสามคนท้าทายคนในวงพลังงานอื่นๆ บางคนเลือกธิดาศักดิ์สิทธิ์พันใบไม้ และบางคนเลือกราชินีแห่งท้องทะเล อัจฉริยะชั้นนำอีกคนจากมีอาหลัก  อย่างไรก็ตามผู้ท้าชิงทั้งหมดล้มเหลวและในที่สุดที่นั่งก็ไม่มีใครแย่งไปได้ สถาบันสุสานมังกรและสถาบันนกขมิ้นศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มีที่นั่งของตัวเอง
เจ้าดวงดาวผู้ประสานงานก้าวเข้ามาและขอให้ทุกคนฝึกฝนต่อจนกว่าอาณาจักรลับจะเปิดในอีกสิบชั่วโมงหลังจากนี้
ดวงอาทิตย์ขึ้นอยู่ตลอดเวลาในอาณาจักรลับนี้ ดังนั้นจึงไม่มีเวลากลางคืน ทุกคนเริ่มบ่มเพาะหลังจากหาที่นั่งได้แล้ว
บนยอดเขา—ซูผิงตรวจพบพลังดวงดาวแสนพลุ่งพล่านออกมาจากที่นั่งและดูดซับพลังนั้นอย่างรวดเร็วผ่านแผนภูมิดาวโกลาหลเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง
วงพลังงานบนทุกที่นั่งบดบังเคล็ดบ่มเพาะของพวกเขา ดังนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก มันเป็นประสบการณ์ที่สงบสุข
นอกจากนี้ยังมีพลังเทพและความเข้าใจที่คลุมเครือเกี่ยวกับกฎ…  ดวงตาของซูผิงเป็นประกาย ที่นั่งบนยอดเขามีประโยชน์มากมาย ทั้งพลังดวงดาวและพลังเทพมีมากมายมหาศาล และพวกมันก็ปะปนกับการเห็นแจ้งบางอย่างที่ผู้อื่นทิ้งไว้ การเห็นแจ้งดังกล่าวอาจเป็นแหล่งกระตุ้นหากมีสิ่งใดติดขัดอยู่ในคอขวด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ซูผิงผสมผสานกฎของเขาเองในขณะที่ดูดซับพลังดวงดาวและพลังเทพ เขาได้สะสมกฎมากกว่าที่ระดับดวงดาวทำได้ เขาสามารถลองสร้างโลกใบเล็กได้แล้ว
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้วิธีสร้าง ดังนั้นเขาจึงต้องค้นหาด้วยตัวเอง
สิบชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าดวงดาวบินมาพร้อมกับ กลุ่มของอนุสรณ์
อนุสรณ์เหล่านั้นมีขนาดแตกต่างกัน พวกมันถูกล้อมรอบด้วยริ้วเลือดที่ดูเหมือนม่านพลังแปลก ๆ  “อาณาจักรลับอนุสรณ์เทพลวงตาได้เปิดขึ้นแล้ว” เสียงของเจ้าดวงดาวก้องไปทั่วเนินเขาและนำทุกคนกลับสู่ความจริง “คุณมีอิสระที่จะเลือกอนุสรณ์ใดก็ได้ คุณจะพบกับศัตรูที่แตกต่างกันในนั้น แต่ระดับของพวกมันจะเหมือนกับของคุณ ทว่าการโจมตีจะแตกต่างกัน คุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งนั้นก่อนที่คุณจะออกมา
“ขอแนะนำให้คุณเลือกคู่ต่อสู้ที่เสี่ยงมากที่สุด ยิ่งคุณได้รับแต้มจากการท้าทายมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้รับรางวัลมากขึ้นเท่านั้น”
��

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store

Status: Ongoing

ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท