ในสนามรบ
ชายคนหนึ่งและโครงกระดูกกำลังเข้าใกล้เมืองที่ทรุดโทรมเงียบ ๆ โครงกระดูกจะมองไปรอบๆ เป็นระยะๆ เพื่อตรวจสอบรอบตัว
ซอมบี้เหล่านี้มีความแข็งแกร่งที่ไม่เท่ากัน ตัวที่สวมชุดเกราะดูเหมือนจะเป็นผู้พิทักษ์เมืองในอดีต ซึ่งแข็งแกร่งพอๆ กับเจ้าดวงดาว ซอมบี้ตัวอื่นๆ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับดวงดาว ส่วนตัวที่อยู่ในสภาวะชะตากรรมมีไม่เยอะมาก พวกมันคงได้รับความเสียหายจากพลังประหลาดนั่นไปก่อนแล้ว
ซูผิงได้รับประสบการณ์มากมายหลังจากล่าซอมบี้มามากกว่าสามสิบตัว
ไม่นานเขาก็มาถึงเมืองและบอกให้โครงกระดูกน้อยสำรวจพื้นที่
เมืองนี้รกร้าง มีกำแพงและอาคารถล่มอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซูผิงสังเกตเห็นซอมบี้จำนวนมากอยู่ในบ้าน ซึ่งอันตรายที่สุด เนื่องจากแทบจะไม่สามารถตรวจพบพวกมันได้
เลือด!
ซูผิงคิดหาวิธีล่าพวกมันได้แล้ว ซอมบี้เหล่านี้อันตรายจริงๆ แต่พวกมันโง่กว่าอสูรร้ายและง่ายในการล่า
การล่อเหยื่อให้ติดกับดักเป็นวิธีล่าแบบดั้งเดิมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ซูผิงป้ายเลือดของเขาบนโครงกระดูกลูกน้องที่โครงกระดูกน้อยเรียกออกมา จากนั้นเขาก็ปล่อยให้โครงกระดูกลูกน้องนั่นเดินเตร่ไปข้างหน้า ซอมบี้ในอาคารจะวาบออกมาทันทีและทำลายโครงกระดูกลูกน้องนั่น
อย่างไรก็ตาม โครงกระดูกลูกน้องจะปรากฏขึ้นใกล้ ๆ เนื่องจากรัศมีที่ซูผิงจงใจปล่อย
ซอมบี้หายตัวเข้ามาอีกครั้งและฆ่าโครงกระดูกลูกน้อง
โครงกระดูกลูกน้องค่อยๆ คลานออกไปและล่อซอมบี้จากที่ไกลออกไป เมื่อไม่มีซอมบี้อยู่รอบ ๆ ซูผิงก็จะปรากฏตัวขึ้นและฆ่าพวกมันในมิติลึก
ซูผิงรวบรวมแกนศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ การล่าก็ดำเนินไป
เขาค่อยๆเคลียร์พื้นที่ไปเรื่อยๆ
”ฮะ?”
ซูผิงมีลางสังหรณ์เมื่อเขาเข้ามาในเมืองนี้ เขาเห็นซอมบี้อยู่บนยอดตึกที่ทรุดโทรม
ซอมบี้สวมเกราะแตกหัก ดูเหมือนว่ายืนอยู่ตรงนั้นมาหลายล้านปีแล้ว
สิ่งมีชีวิตนี่ดูเหมือนจะเป็นอันตรายอย่างน่ากลัว ซูผิงขนลุกไปทั่วร่างกาย เขาอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาและรีบถอยหนี
ซอมบี้ตัวนั้นน่ากลัวมาก มันน่าจะมีพลังของสภาวะเทพดวงดาว
มันสามารถทำลายเขาด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพเพียงอย่างเดียว แม้ว่ามันจะไม่สามารถใช้เทคนิคของสภาวะเทพดวงดาว ใด ๆ ได้ก็ตาม
หลังจากหลบเลี่ยงซอมบี้ตัวนั้น ซูผิงยังคงสำรวจสถานที่อื่นต่อไป เขาไม่ได้พยายามหาพลังต่อสู้ของซอมบี้ด้วยซ้ำ เพราะมันไม่จำเป็น เขากำลังเคลื่อนไหวในโลกแห่งความเป็นจริง ที่ความตายหมายถึง ‘จบเกม’ เขาจะมีโอกาสมากมายในสนามบ่มเพาะ ซึ่งเขาสามารถต่อสู้กับสภาวะเทพดวงดาวหรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงกว่าได้
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้นี้มีความสำคัญเพียงเล็กน้อย ความตายจะไม่ทำให้เขาพัฒนาขึ้น
ในไม่ช้าซูผิงก็กวาดล้างเมืองไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เขาขมวดคิ้วเนื่องจากเมืองนี้ไม่มีแม้แต่หนูที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นี้!
ไม่มีสิ่งมีชีวิตในนี้หรอ? ซูผิงคิด
เขาออกจากเมืองนี้และไปต่อ
จากนั้นเขาก็พบว่าตัวเองอยู่บนที่ราบรกร้าง มีอสูรร้ายอยู่บนที่ราบ แต่ไม่มีซอมบี้
ซูผิงได้รวบรวมแกนศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสามพันอันหลังจากออกล่าบนที่ราบ
มีแม่น้ำอยู่เหนือที่ราบ แต่แม่น้ำไม่ไหล มันมืดเหมือนหมึก ดูแข็งเหมือนน้ำแข็งสีดำ อย่างไรก็ตามน้ำสีดำกระเซ็นเมื่อเขาโยนก้อนหินลงไป และแม่น้ำเกิดเป็นคลื่น ระลอกคลื่นค่อยๆ หายไปอย่างรวดเร็ว และแม่น้ำก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
เหมือนเดิม ซูผิงส่งโครงกระดูกลูกน้องออกไปสอดแนม
สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวคลานออกจากแม่น้ำอย่างรวดเร็ว และโจมตีโครงกระดูกลูกน้อง
ซูผิงล่อพวกมันออกจากแม่น้ำและซุ่มโจมตี
เขาสะสมแกนศักดิ์สิทธิ์มากกว่ายี่สิบชิ้นจากแม่น้ำ ในที่สุดก็ไม่มีอะไรออกมาอีก เขาบินข้ามแม่น้ำและค้นหาซอมบี้ต่อไป
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ซูผิงวิ่งเข้าไปในเมืองอื่นอย่างรวดเร็วหลังจากผ่านแม่น้ำ เขาจัดการพวกมันอย่างระมัดระวัง
เขาไม่กล้าที่จะประมาทอีกต่อไปหลังจากเห็นซอมบี้ที่น่ากลัวนั่น ท้ายที่สุดเขาจะต้องใช้เกราะของอาจารย์เพื่อช่วยชีวิตตัวเอง ถ้าเขาตกเป็นที่สังเกตุของซอมบี้สภาวะเทพดวงดาว
เมืองที่สองถูกจัดการจนหมดหลังจากซูผิงฆ่าซอมบี้ไปมากกว่า 1,800 ตัว พื้นที่อื่น ๆ ในเมืองนี้นั้นอันตรายเกินไปสำหรับเขาที่จะเข้าใกล้ ดังนั้นเขาจึงย้ายไปที่อื่น
…
แกนศักดิ์สิทธิ์9,000 อัน!
ซูผิงรวบรวมแกนศักดิ์สิทธิ์เกือบหมื่นแกนหลังจากจัดการไปทั้งหมดห้าเมือง
เขาคิดว่าเขาเป็นนักล่าที่เร็วไม่เบา มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับซอมบี้ เขาต้องล่อพวกมันและฆ่าพวกมันอย่างรวดเร็ว
เขาเกือบถูกซอมบี้รายล้อมอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างการล่า ซอมบี้ทั้งหมดพุ่งเข้ามาพร้อมกัน เขาตกใจกลัวเมื่อรู้ว่าอากาศสีดำที่เกาะฟันและเล็บของซอมบี้สามารถปนเปื้อนเนื้อของเขาได้อย่างรวดเร็ว
เขาจะตัดส่วนที่บาดเจ็บออกเมื่อได้รับบาดเจ็บระหว่างการต่อสู้
โชคดีที่ด้วยการบ่มเพาะและควบคุมร่างกาย เขาสามารถสร้างแขนขึ้นใหม่ได้อย่างง่ายดายหากจำเป็นต้องตัดทิ้ง
นี่มัน…
ทันใดนั้นซูผิงเห็นภูเขาในเมืองหนึ่ง
ดูเหมือนว่าภูเขาจะถูกทำลายอย่างรุนแรง มีหลุมหลายหลุมที่ฐานของภูเขา อาคารบางหลังก็ถูกทำลายจนเหลือแค่เศษเหล็ก
ซูผิงมีรู้สึกแปลก ๆ เมื่อเขามองภูเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง
ความทรงจำบางอย่างหวนกลับมา เขาพบว่าภูเขานี่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยราวกับว่าเขาเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน
”ฮะ?”
ในไม่ช้าซูผิงก็เห็นว่ามีซอมบี้จำนวนมากหยุดนิ่งอยู่ที่ยอดภูเขา
เขาขอให้โครงกระดูกน้อยเรียกโครงกระดูกลูกน้องออกไปล่าพวกมันทันที
ซอมบี้บางตัวถูกดึงดูดและถูกฆ่าตายอย่างรวดเร็ว
ซอมบี้เหล่านั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส บางตัวถูกทำลายที่แก้ม ในขณะที่ตัวอื่นถูกทำลายที่ร่างกาย พวกมันจะต้องผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดเกินกว่าจะจินตนาการ Aileen-novel
หัวใจของซูผิงเริ่มหนักอึ้งขณะที่เขาตามล่าพวกมัน
ซอมบี้เหล่านี้ทั้งหมดเคยเป็นเทพตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
เกิดอะไรขึ้นที่นี่? เทพต่อสู้กับอะไรถึงเป็นแบบนี้?
เขาจำราชาเทพไวไลท์ อาจารย์ของท่านหญิงเขียวได้ อะไรซ่อนอยู่ในท้องฟ้าที่เขาพยายามจะแบกไว้?
ซอมบี้บนภูเขาโดยทั่วไปนั้นแข็งแกร่ง สองสามตัวเป็นเจ้าดวงดาว ซูผิงประหลาดใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าภูเขาเคยเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นเหตุให้มีเทพที่แข็งแกร่งมากมายอยู่ที่นั่น
ซูผิงค่อยๆ เข้าใกล้ภูเขาหลังจากหลอกล่อสังหารซอมบี้ไปนับสิบตัว และโครงกระดูกลูกน้องก็เคลื่อนไหวต่อไป
ทันใดนั้นซอมบี้ก็โผล่ออกมาทันที
ซอมบี้พุ่งเข้าหาโครงกระดูกลูกน้องและบีบพวกมัน หลังจากนั้นมันก็กลับไปอยู่นิ่งเหมือนเดิม
ซูผิงพบว่าซอมบี้นี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ผิวหนังของซอมบี้ตัวอื่นๆ เป็นสีม่วง มีรอยย่น และมีฝุ่นปกคลุม แต่ตัวนี้ค่อนข้างสะอาด เห็นได้ชัดว่ามันเป็นผู้หญิงตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ ผมของมันยังคงปลิวไสวตามสายลม
ซูผิงขนลุกเพราะซอมบี้ตัวนี้รู้สึกน่าสะพรึงมากกว่าที่เคยเจอมาก่อน
หนี!
ซูผิงตัดสินใจถอยอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าซอมบี้เคลื่อนไหวขณะที่เขาหลบหนี อย่างไรก็ตามมันไม่หายตัวมาถึงเขา ตรงกันข้าม มันค่อยๆ หันหน้ามามองในทิศทางที่เขากำลังถอยหลัง
ซูผิงมีโอกาสได้เห็นซอมบี้อย่างชัดเจน แก้มของมันก็ค่อนข้างสกปรก แต่ก็ยังสะอาดกว่ามากเมื่อเทียบกับซอมบี้ตัวอื่นๆ มีรูสองรูที่คอและหน้าอกของมัน
ผนึกเทพเปล่งประกายเจิดจรัสบนหน้าผากของมัน
ซูผิงเห็นใบหน้าของมัน ซึ่งสวยงามมากจนแม้แต่ฝุ่นก็ไม่สามารถกลบความงามไร้ที่ติของเธอได้
อย่างไรก็ตามตาคู่นั้นไร้ความรู้สึกและเป็นสีเทา
”ฮะ?”
หัวใจของซูผิงสั่นสะท้าน เขามีความรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ
เขาไม่เคยเห็นใบหน้านั้นมาก่อน และเขาไม่รู้จักเธอชัดเจน
ถึงกระนั้นดวงตาสีเทาที่ไร้อารมณ์ของเธอซึ่งดูเหมือนจะจ้องมองอะไรบางอย่างกลับทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ราวกับว่าเขารู้จักเธอจากที่ไหนสักแห่งมาก่อน!
เธอเป็นใคร?
ซูผิงค่อนข้างงุนงง ฉันเห็นเธอในสนามบ่มเพาะแห่งหนึ่งหรือเปบ่า?
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดดีๆเขาเคยไปที่สนามบ่มเพาะของเทพมาสองสามแห่ง แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนั้น
ซูผิงไม่ได้เห็นผู้หญิงสวยๆมากนักก ตอนที่สำรวจสนามบ่มเพาะ ท้ายที่สุดเป้าหมายหลักของเขาคืออสูรร้าย
สาวสวยผอมเพรียวเริ่มห่างออกไปและคลุมเครือขณะที่เขากำลังถอยกลับ แต่เขารู้สึกว่าเธอดูเหมือนจะจ้องมองเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเธอตายไปแล้ว
เธอคงจะโจมตีเขาไปแล้วถ้าเธอจ้องมองมาที่เขาจริงๆ
เธอเป็นใครกันแน่?
ซูผิงกำลังสับสน เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างหนักบนตึกสูงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ถามระบบในใจ
ระบบไม่ตอบสนองหลังจากที่เขารออยู่เป็นเวลานาน
ซูผิงรู้สึกหมดหนทาง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดที่จะกลับไปสืบหาความจริง
ไม่คุ้มที่จะกลับไปเพราะแค่ความคุ้นเคยบางอย่าง
แปลก เมื่อพิจารณาถึงการบ่มเพาะและสัมผัสในปัจจุบันของฉัน สัญชาตญาณของฉันจะไม่ผิดพลาด ถ้าฉันรู้สึกตกอยู่ในอันตราย อันตรายก็ต้องแอบแฝงอยู่แน่ๆ ฉันต้องเคยเห็นเธอมาก่อนถ้าฉันรู้สึกว่าเธอคุ้นเคย
ซูผิงขมวดคิ้ว เขาไม่สามารถเข้าใจว่าทำไม
เวลาผ่านไปนาน แต่เขาทำได้เพียงปล่อยเรื่องนี้ไป และมุ่งความสนใจไปที่การทดสอบ
ซูผิงเดินทางต่อไป
…
ในวิหาร ชายชราพูดกับเซินหวงด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกศิษย์ของนายเกือบจะวิ่งเข้าไปเจอซอมบี้ที่มีพลังของเทพอมตะ”
เซินหวงโล่งใจเมื่อเห็นว่าซูผิงถอยออกมา เขาคงจะรู้สึกอับอายถ้าซูผิงถูกกำจัดออกไปตั้งแต่ช่วงต้นของการแข่งขัน ยิ่งไปกว่านั้นชุดเกราะที่เขามอบให้ซูผิงไม่พอต้านการโจมตีของซอมบี้ตัวนั้นได้สักนิด มู่เซินจะต้องดำเนินการเพื่อช่วยเขา
“ซอมบี้ตัวนั้นดูเหมือนคิดอะไรอยู่” เซินหวงกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
ภาพแสดงให้เห็นว่าซอมบี้กำลังจ้องมองไปในทิศทางที่ซูผิงจากไป โดยไม่เคลื่อนไหว
มู่เซินขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจเช่นกัน เขาได้จัดการซากศพและปราบปรามซอมบี้สภาวะเทพอมตะที่พบในสถานที่นั้น บางตัวมีพัฒนาการด้านสติปัญญาจริง แต่พวกมันยังเด็กและกระหายเลือด ทำไมซอมบี้ตัวนั้นถึงปล่อยให้ซูผิงไปหลังจากเห็นเขา
แปลก เด็กคนนั้นมีความลับอะไร? มู่เซินเริ่มสงสัยเกี่ยวกับซูผิง
เมื่อพิจารณาถึงร่างเทพที่ไม่มีบันทึกไว้และเหตุการณ์ประหลาดก่อนหน้านี้ เด็กคนนั้นซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่ไว้อย่างแน่นอน
“มู่เซินนายควบคุมซอมบี้นั่นเพื่อที่มันจะได้ปล่อยให้เด็กคนนั้นหนีไปใช่ไหม?”
มีคนหัวเราะเยาะและมองไปที่มู่เซินด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ
มู่เซินขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “ฉันไม่ได้ต่ำขนาดนั้น”
คำนี้บ่งบอกถึงทัศนคติของเขาแล้ว
เทพอมตะที่สงสัยเขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม ท้ายที่สุดมู่เซินโน้มน้าวใจคนทุกคนแล้วว่าเขาไม่ได้ทำอะไรด้วยคำพูดสั้น ๆ ของเขา
“เด็กคนนั้นเป็นนักล่าที่กล้าหาญและมีประสบการณ์อย่างแท้จริง เป็นคนมีพรสวรรค์มาก ปัจจุบันเขามีแกนศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด บางคนสูญเสียเพราะความประมาทของพวกเขา”
“ฮ่าๆ นายกำลังพูดถึงเด็กนกที่กลับชาติมาเกิดใช่ไหม? เขาคิดว่าไฟของเขาสามารถเผาอะไรก็ได้ เขาไม่รู้ว่ามันจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเมื่อต้องจัดการกับพิษโบราณ!”
“ฉันคิดว่ามันไม่เลว เขาเป็นคนประมาท แต่บุคลิกของเขาเหมาะสมกับวิถีการบ่มเพาะ เขาอาจจะสร้างวิถีของเขาเองได้” ยอดฝีมือสภาวะเทพอมตะกล่าว
คนอื่นๆ เพียงแค่ยิ้มอยู่เงียบๆ มันเป็นไปได้หมด ทุกคนมีมาตรฐานของัวเอง จึงไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง
“นายจะจัดการแข่งขันยังไงต่อหลังจากสิ้นสุดการทดสอบนี่
“นายวางแผนที่จะส่งพวกเขาไปยังสนามรบมิติหรือเปล่า? สถานที่นั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เราอาจไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ทันเวลาหากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา”
เนื่องจากการทดสอบนี้ดำเนินมากว่าครึ่งแล้ว พวกเขาจึงมีการคาดเดาคร่าวๆ เกี่ยวกับความสามารถของเด็กๆ
มู่เซินกล่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า “พวกเขาไม่สามารถลับคมได้หากปราศจากพายุ ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้เห็นการปรากฏที่แท้จริงของจักรวาล พวกเขาควรเคารพธรรมชาติและจักรวาล!”
“ถึงกระนั้น เด็ก ๆ เหล่านั้นก็ดูเด็ดขาดและแข็งกระด้างสำหรับฉัน ไม่มีคนไหนดูเหมือนยังไม่บรรลุนิติภาวะ” บางคนไม่เห็นด้วย
มู่เซินตอบว่า “พวกเขาฆ่าอสูรร้ายและศัตรูของมนุษยชาติไปเพียงไม่กี่ประเภท อย่างไรก็ตามพวกเขาจะไม่ได้เผชิญหน้ากับอสูรร้ายในสนามรบมิติ”
“แตกต่างกันตรงไหน? ศัตรูเหล่านั้นอาจดูแตกต่างออกไป แต่คนที่มีหัวใจและเลือดสามารถฆ่าพวกมันได้!”
“ฉันเห็นด้วยอย่างหนึ่งกับการเตรียมการของมู่เซิน สนามรบมิติไม่ได้สงบสุขนักในช่วงที่ผ่านมา เด็กเหล่านั้นควรจะฝึกที่นั่นเมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขา แต่ตอนนี้การฝึกจะดำเนินการล่วงหน้า เราควรย่อกระบวนการที่ไม่จำเป็นออกไปขณะที่จักรวาลกำลังจะซ้อนทับกัน”
ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store – ตอนที่ 918 ดวงตา
ตอนที่ 918 ดวงตา
Posted by ? Views, Released on ตุลาคม 16, 2022
, ร้านขายอสูรดวงดาว Astral Pet Store
Status: Ongoing
AstralPetStore SliceOfLife กู่ซี ต่อสู้ ต่างโลก นิยายจีน นิยายแปล นิยายแปลต่างโลก ผจญภัย ฝึกอสูร ระบบ ร้านอสูรดวงดาว อสูร แฟนตาซี ไซไฟ
ฉันถูกส่งไปยังโลกแห่งอสูร มีสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกขนาด พวกมันสามารถเป็นสหายน่ากอด ผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน หรือนักสู้ ไม่เลวเลยใช่ไหมละ? ฉันมีครอบครัว แต่ความจริงกลับถูกบดบังโดยน้องสาวฉัน เธอเกลียดฉันมาก และก็คอยรังแกฉันทุกวัน ฉันบอกหรือยังว่าเธอมีพรสวรรค์สูงมาก ส่วนฉันเป็นคนไร้พรสวรรค์?ก็แค่หล่อสุดๆ ฉันมีอิสระในการดำเนินธุรกิจของครอบครัวเอง ร้านอสูรเล็กๆ มันควรจะดีหากไม่ใช่ความจริงที่เจ้าของร่างเดิมนี้เกิดมามีความสัมพันธ์เป็นศูนย์กับการควบคุมอสูรดวงดาว… คงไม่คิดว่ามันเป็นการข้ามโลกโดยไร้ระบบหรือกลไกอะไรที่จะปูถนนให้ฉันหรอกนะ?ฉันมี แต่ฉันไม่รู้ว่าไม่มีมันจะดีกว่าไหม…