เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven – บทที่ 354 จอมเวทย์

บทที่ 354 จอมเวทย์

บทที่ 354 จอมเวทย์
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย…”
ไม่ใช่แค่เฮ่อเถี่ยซู่เท่านั้นที่คิดว่าสถานการณ์ไม่ปกติ กระทั่งเจียงอี้เองก็คิดในทำนองเดียวกัน
เขาสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากแสงที่เข้ามาห่อหุ้มร่างกาย ในวินาทีต่อมา เขาก็ถูกเคลื่อนย้ายมายังพระราชวังแห่งหนึ่ง
เจียงอี้ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ เขาชนะพนันในวินาทีสุดท้าย! มันได้พิสูจน์แล้วว่าเขานั้นคิดถูก!
เจียงอี้นั้นเป็นคนที่ชาญฉลาดและมีไหวพริบ อีกทั้งยังได้รับการอบรมสั่งสอนจากเจียงหยุนไฮ่มาเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงมีความคิดความอ่านที่ลึกซึ้งในระดับหนึ่ง
เขารู้สึกตงิดใจตั้งแต่ตอนที่สัตว์อสูรหยาจื้อปรากฎตัวออกมาและไม่ลงมือสังหารเขาทันที มันต้องรู้อยู่แล้วว่าหยุนลู่ที่ถูกเจียงอี้สังหารไปคือทายาทของจอมเวทย์ท่านนั้น แต่มันกลับยังคงยืดเยื้อที่จะสนทนากับเขาซึ่งมันไม่ใช่พิสัยของสัตว์อสูรที่ดุร้ายเลยแม้แต่น้อย
ในสายตาของชนชั้นราชันแห่งเผ่าพันธุ์อสูร เจียงอี้เป็นเพียงแค่มดแมลงตัวเล็กๆที่มันสามารถบดขยี้ให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่มันกลับบีบบังคับให้เขาต้องหมอบกราบและร้องขอความเมตตาจากมันหลายรอบ อย่างนี้จะไม่เรียกว่าแปลกได้ยังไง?
อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่อาจฟันธงได้ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าสัตว์อสูรและมนุษย์มีความขัดแย้งกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ มันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่สัตว์อสูรที่มีสติปัญญาสูงส่งจะต้องการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเหล่ามนุษย์เพื่อสนองตัณหาของมัน
อย่างไรเสียเจียงอี้ก็ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดูโดยที่เดิมพันคือ… ชีวิตของเขา!
ผู้อาวุโสเฮ่อบอกเล่าเกี่ยวกับจอมเวทย์ท่านนั้นให้เขาฟัง
จอมเวทย์แห่งตระกูลหยุนถูกไล่ล่าเอาชีวิตหลังจากที่ล้มเหลวจากการชิงบัลลังก์ ในขณะที่หลบหนีเข้าไปในป่าอเวจี เขาก็บังเอิญกำราบราชันสัตว์อสูรได้ตนหนึ่งและเก็บตัวฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามสิบปี จนในที่สุดก็บรรลุจุดสูงสุดขอบเขตจินกังได้สำเร็จ
จากนั้นเขาก็กลับมายังอาณาจักรเทียนเซวี่ยนและสังหารราชาซึ่งเป็นพี่ชาย แต่ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อแก้แค้นสำเร็จ เขาจะไม่สนใจใยดีบัลลังก์และเลือกที่จะกลับไปยังป่าอเวจีเพื่ออุทิศเวลาเหลือในการศึกษาและตีความเต๋าวรยุทธเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดสูงสุดที่แท้จริง
ด้วยข้อมูลที่เรียบง่ายเหล่านี้ เจียงอี้ก็สามารถอนุมานถึงบุคลิกของจอมเวทย์ท่านนั้นได้เป็นอย่างแม่นยำ
แน่วแน่, มุ่งมั่นและดื้อรั้น!
หากปราศจากบุคลิกเหล่านี้ เขาจะดั้นด้นหนีเข้าไปในป่าอเวจีและกล้ำกลืนความแค้นเพื่อเก็บตัวเป็นเวลาสามสิบปีได้อย่างไร?
มันจึงเป็นเหตุผลที่เจียงอี้ไม่ร้องขอความเมตตาจนนาทีสุดท้ายและสิ่งนี้ก็ช่วยชีวิตเขาไว้ ตอนนี้เขามาปรากฏตัวอยู่ในราชวังแล้วซึ่งเห็นหลักฐานชั้นดีว่าเขาผ่านการทดสอบ
เจียงอี้เช็ดคาบเลือดที่มุมปากและหยิบเม็ดยาฟื้นฟูขึ้นมาจากนั้นก็ยัดมันลงไปในปาก
เขามองสำรวจไปรอบๆและตระหนักได้ว่ามันแตกต่างจากชั้นที่หนึ่ง, ชั้นที่สอง, ชั้นที่สามและชั้นที่สี่ ไม่มีค่ายกลกับดัก มีเพียงประตูบานหนึ่งซึ่งสลักด้วยรูปของสัตว์ร้ายนานาชนิด แต่สิ่งหนึ่งที่พวกมันมีเหมือนกันนั่นก็คือ ความว่างเปล่า!
ฟืดดด!
เจียงอี้สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นก็เดินตรงไปยังประตูโดยไร้ซึ่งความลังเล
ตึง!
เขากระแทกใส่ประตูอย่างแรง แต่มันกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย หลังจากที่ทดลองอยู่หลายครั้งและพบว่ามันไม่ได้ผล
เขาก็ถอยห่างจากประตูสามร้อยเมตรและนำดาบมังกรเพลิงขึ้นมาพร้อมกับคำรามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แหลกไปซะ!”
ปัง! ปัง! ปัง!
มังกรเพลิงจิ๋วนับหมื่นถูกปลดปล่อยออกมาและเข้าโจมตีประตูตรงหน้าอย่างพร้อมเพรียง
แต่น่าเสียดาย หลังจากที่ฝุ่นควันจางหายไป ประตูบานนั้นก็ยังคงไร้ซึ่งรอยขีดข่วน
“ทำยังไงถึงจะเข้าไปได้?”
เจียงอี้เริ่มฟุ้งซ่าน เขาไม่มีหินวิญญาณเพลิงอีกแล้ว แม้กระทั่งการโจมตีด้วยรูปแบบเต๋าที่ทรงพลังที่สุดของเขาก็ยังไม่อาจทำอะไรมันได้… นี่หรือว่าเขาจะต้องถูกกักขังอยู่ที่นี่ตลอดไป?
“ศาสตร์แปรผันดวงจิต!”
“เพลิงโลกา!”
เขาทดลองสารพัดวิธีแต่ก็ไม่ได้ผล มีเพียงแค่เพลิงโลกาเท่านั้นมีทำให้ประตูมีปฏิกิริยาเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอื่นใด
เจียงอี้กระแทกใส่ประตูอย่างไม่หยุดหย่อน แต่จากนั้นบาดแผลของเขาก็เปิดออกซึ่งทำให้เขาหยุดการกระทำลงชั่วคราว
“ทำยังไงดี? ข้าควรจะทำยังไงดี?”
เจียงอี้รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ผู้อาวุโสเฮ่ออาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา แม้ว่าราชันสัตว์อสูรตัวนั้นจะไม่ทำร้ายเขา แต่กับผู้อาวุโสเฮ่อนั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังมีเหล่าสัตว์กลายพันธุ์อีกมากมายนับไม่ถ้วน จะเป็นไปได้ยังไงที่ชายชราเพียงผู้เดียวจะรับมือพวกมันได้?
“เดี๋ยวก่อนนะ!”
ทันใดนั้นเองเจียงอี้ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขานำมือขึ้นมาทาบไว้บนประตู จากนั้นก็ชักนำแก่นแท้พลังสีแดงเพลิงจากดาวดวงแรกที่อยู่ภายในตันเทียนและลำเลียงไปยังฝ่ามือทั้งสองข้าง
แก่นแท้พลังชนิดนี้มีความพิเศษเฉพาะตัว ย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในสายแร่ศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถทำลายกำแพงหินผลึกได้อย่างง่ายดายโดยอาศัยมัน หากว่าแม้กระทั่งแก่นแท้พลังสีแดงเพลิงยังไม่สามารถเปิดประตูได้ เช่นนั้นเขาก็เตรียมทำป้ายหลุมศพตัวเองรอไว้ได้เลย
เอี๊ยดดด!
และแล้วปาฏิหาริย์ก็ได้บังเกิดขึ้น ประตูบานใหญ่ค่อยๆถูกเปิดออกอย่าช้าๆพร้อมกับแสงสว่างสีขาวที่ถูกส่องเข้ามาผ่านรอยแง้มประตู
“เปิดได้แล้ว!”
เจียงอี้รู้สึกยินดีเป็นล้นพ้น เขากลั้นหายใจและผลักประตูไปสุดแรง จากนั้นเขาก็มองเข้าไปด้านใน ภายในนั้นมีประตูอยู่สองบานที่อยู่ลึกเข้าไป
เขาเลือกเดินเข้าไปใกล้ประตูด้านซ้ายมือและเปิดมัน
“เป็นอย่างที่คิด!”
เจียงอี้กวาดมองไปทั่ว แต่ก็เห็นเพียงแค่ห้องโถงขนาดใหญ่อันว่างเปล่า แต่ที่จริงมันก็ไม่ได้ว่างเปล่าเสียทีเดียว
ตรงกลางของห้องโถงมีโครงกระดูกร่างหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ หลังจากที่เขาลองประมวลผลดู เขาก็คาดเดาได้ว่าที่แห่งนี้อาจจะเป็นขั้นห้าของพื้นที่ต้องห้ามและโครงกระดูกนั้นก็สมควรเป็นของจอมเวทย์!
“เอ๊ะ! ตรงนั้นยังมีโครงกระดูกของอีกคนอยู่?”
นอกเหนือจากโครงกระดูกที่อยู่กลางห้องแล้ว เขายังมองเห็นโครงกระดูกอีกร่างที่ใหญ่โตกว่าซึ่งอยู่ห่างออกไป แต่เห็นได้ชัดว่าครึ่งหนึ่งของโครงกระดูกร่างนั้นถูกทำลายพร้อมทั้งส่วนหน้าอกที่ปรากฏรอยฝ่ามืออย่างชัดเจน
“นี่สมควรเป็นยอดฝีมือขอบเขตจินกังของอาณาจักรต้าเซี่ยที่บุกเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามเมื่อปีนั้น…”
อย่างไรก็ตาม โครงกระดูกทั้งสองยังคงเปล่งประกายและส่องแสงสีขาวออกมาเป็นระยะๆซึ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบตกอยู่ในความกดดันอย่างบอกไม่ถูก
เจียงอี้สามารถจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างคร่าวๆ
ยอดฝีมือขอบเขตจินกังของอาณาจักรต้าเซี่ยบุกทะลวงเข้ามาในวังแห่งนี้และกำราบสัตว์ร้ายทุกตัวที่ขวางทาง จากนั้นเขาก็น่าจะมาเจอกับท่านจอมเวทย์ที่กำลังเข้าฌานอยู่ตามลำพัง
แต่เมื่อจอมเวทย์สัมผัสถึงการมาของแขกไม่ได้รับเชิญ เขาก็ส่งฝ่ามือออกไปและสังหารอีกฝ่ายในพริบตา
ที่เจียงอี้สันนิษฐานได้เช่นนี้เพราะเขาสังเกตเห็นแล้วว่าห้องโถงแห่งนี้ปราศจากร่องรอยการต่อสู้ และยังเกิดรูขนาดใหญ่ตรงหน้าอกของยอดฝีมือท่านนั้น เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการสังหารในกระบวนท่าเดียว!
“แล้ว… ข้าควรจะทำอะไรต่อ?”
นอกจากโครงกระดูกทั้งสองร่างแล้ว เจียงอี้ก็ไม่พบเงื่อนงำอื่นอีก แล้วแบบนี้เขาจะกลับไปช่วยผู้อาวุโสเฮ่อได้อย่างไร? ไม่สิ… ต้องถามว่าเขาจะออกจากที่นี่ได้ยังไงมากกว่า?!
เจียงอี้เดินสำรวจรอบๆด้วยความระมัดระวัง แต่เขาก็ต้องแปลกใจที่ไม่พบอะไรเลย แม้กระทั้งสมบัติบนตัวของจอมเวทย์และยอดฝีมือขอบเขตจินกังแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยก็ไม่มี ราวกับว่าพวกมันถูกนำออกไปหมดแล้ว
“ท่านจอมเวทย์…”
เขาเดินไปตรงหน้าของจอมเวทย์และโค้งคำนับให้สามครั้ง แม้ว่าคนผู้นี้จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่พลังอำนาจและความยิ่งใหญ่ที่เขาเคยมีนั้นก็ยังทำให้เขาสมควรได้รับความเคารพ
ครื้นนน!
แต่ขณะที่เจียงอี้กำลังจะเดินไปหาโครงกระดูกอีกร่าง ทันใดนั้นเอง จู่ๆโครงกระดูกของจอมเวทย์ก็เปล่งแสงออกมาซึ่งทำให้เขาสะดุ้งโหยง สีหน้าของเขาซีดขาวลง แม้ว่าเขาจะไม่เกรงกลัวต่อคนเป็น แต่สำหรับคนตายนั้น เขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว!
พลังงานฟ้าดินหลั่งไหลเข้ามาและมารวมตัวกันเหนือโครงกระดูกจอมเวทย์ที่ตั้งอยู่กลางห้องโถง จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นภาพจำแลงที่ดูเลือนรางของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งมีใบหน้าอันหล่อเหลา
เขาจ้องมองมายังร่างของเจียงอี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันเก่าแก่
“คนรุ่นหลัง ตัวเจ้านั้นโชคดีมากที่สามารถฝ่าฟันมาถึงที่นี่ได้ มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอในการสืบทอดพระราชวังจักรวาลแห่งนี้รวมไปถึงมรดกของข้า…”
“แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าเองก็โชคร้ายเช่นกัน หากว่าเจ้าไม่สามารถทำความเข้าใจกับศาสตร์เวทย์ชนิดใดชนิดหนึ่งได้ในเวลาหนึ่งวัน เจ้าจะถูกสังหารทันที!”

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เจียงอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศและการ

ถูกเหยียดหยามเนื่องจากจุดตันเทียนของเขาถูกผนึกไว้

วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าผนึกในตันเทียนของเขาได้ถูก

ทำลายและถูกแทนที่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบ่มเพาะเปลวไฟ

ศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ของเขา การเดินทางอันแสนท้าทายของเจียงอี้

จึงได้อุบัติขึ้น!

หากมวลมนุษย์กล้าปฏิบัติกับข้าอย่างไม่เป็นธรรม ศพนับล้านจะต้อง

เกลื่อนปฐพี!

หากแม้แต่สวรรค์ยังไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะแผดเผาสวรรค์ทิ้งเสีย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท