เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven – บทที่ 513-514

บทที่ 513-514

บทที่ 513 บุตรของจักรพรรดิอสูร
ทวีปจักรพรรดิบูรพาอยู่ที่ใด?ทวีปจิ้งจอกสวรรค์อยู่ทางไหน? หยูเวินคือใคร? เขาจะบอกข้าไหมว่าแม่ของข้าอยู่ที่ไหนหากข้าพบเขาและซูรั่วเสวี่ยจะยังปลอดภัยดีอยู่ที่ทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือเปล่า? จิตใจของเจียงอี้เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
สัตว์อสูรหยาจื้อบินผ่านท้องฟ้าเหนือทะเลตะวันออกราวลำแสงเจียงอี้นั่งขัดสมาธิอยู่บนตัวมันและดูมึนงง ผ่านไปแปดวันแล้วที่พวกเขาออกเดินทางมาแต่เจียงอี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอะไร ในช่วงหลายวันมานี้ สิ่งเดียวที่เขาทำคือทำความเข้าใจกับเวทย์มนตร์หรือไม่ก็ปล่อยให้ความคิดของเขาเวียนไปอย่างเรื่อยเปื่อย
อีเพียวเพียวบอกเขาว่าเมื่อเขาอยู่ขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดแล้วเขาสามารถไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเพื่อตามหาหยูเวินที่จะบอกว่าตามหาแม่ได้ที่ไหนแม้ว่าเขาแทบจะไม่มีศัตรูขอบเขตจินกังที่สามารถเอาชนะเขาได้เพราะเจตจำนงสังหารและเปลวเพลิงอเวจีของเขาที่สามารถทำลายผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็รู้ดีว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นอยู่เพียงขอบเขตจินกังขั้นต้นๆเท่านั้น เขาก็เลยกังวลกับเรื่องนี้เล็กน้อย
แต่มันก็เป็นเพียงจินตนาการของเขาเขาไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาได้หรือเปล่า
ตูม!ตูม! ตูม!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นตรงหน้าเขาซึ่งทำให้เขาดึงสติตัวเองกลับมาเขามองไปรอบๆอย่างรวดเร็วและก่นด่าอยู่เงียบๆ “ชิบหาย มันกำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว! สัตว์อสูรหยาจื้อ ลงไปใต้ทะเลดี๋ยวนี้!”
ตูม!ตูม! ตูม!
ท้องฟ้าและท้องทะเลเบื้องหน้าเจียงอี้มืดสนิทโดยมีเมฆดำมาปกคลุมท้องฟ้าอสรพิษอัสนีหลายพันตัวฟาดสายฟ้าอยู่กลางอากาศ จนเกิดเป็นมังกรอัสนีจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาและทำให้ผิวน้ำสั่นสะเทือนและเกิดพายุที่น่ากลัว หากมีใครพยายามเข้าใกล้มัน คนผู้นั้นอาจถูกฟ้าผ่าตายได้
ภายในแปดวันมานี้เจียงอี้ได้เผชิญกับพายุฟ้าคะนองที่รุนแรงถึงหกครั้ง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้แข็งแกร่งมากมายจึงไม่เคยกลับมาที่ทวีปนี้อีกเลย
ที่นี่อันตรายเกินไปพายุเหล่านี้รุนแรงกว่าที่เกิดขึ้นในทวีปมากนักและเจียงอี้ยังจำได้ดีว่าครั้งแรกที่เขาออกสู่ทะเลเขาและสัตว์อสูรนั้นตกใจกลัวเพียงใดที่เกือบจะถูกฟ้าผ่าเข้าให้ นับแต่ครั้งนั้นมา เจียงอี้และสัตว์อสูรหยาจื้อต่างก็เรียนรู้ที่จะหลบเลี่ยงไปใต้ทะเลทุกครั้งที่พวกเขาพบเจอพายุฝน
หากไม่มีพายุและฟ้าผ่าที่นี่จะปลอดภัยกว่าเดิมมาก แม้ว่าจะมีจักรพรรดิสัตว์อสูรและราชันปีศาจอยู่ที่นี่ แต่เจียงอี้ก็ไม่น่าจะถูกโจมตีได้เพราะว่าพวกเขาบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ห่างไกลกับราชันปีศาจและจักรพรรดิสัตว์อสูรที่อยู่เพียงใต้น้ำลึก
สัตว์อสูรหยาจื้อพุ่งลงไปในมหาสมุทรลึกประมาณสามสิบสามกิโลเมตรในตอนนั้นเจียงอี้ได้ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาคอยดูบริเวณรอบๆว่ามีปีศาจทะเลที่แข็งแกร่งอยู่หรือไม่
ไปกันเถอะ!
เจียงอี้ส่งสัญญาณมือให้สัตว์อสูรหยาจื้อเงียบๆเมื่อเขาตรวจค้นเสร็จแล้วเมื่อได้รับสัญญาณจากเจียงอี้ สัตว์อสูรหยาจื้อก็มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกทันที
สัตว์อสูรหยาจื้อไม่กล้าอยู่ใกล้ๆแถวนี้อีกต่อไปสายฟ้าฟาดลงมาอย่างต่อเนื่องซึ่งมันจะหาเป้าหมายเพื่อโจมตีเมื่อมันลงสู่ทะเล และเนื่องจากสัตว์อสูรหยาจื้อนั้นมีขนาดใหญ่ พวกเขาจะกลายเป็นเป้าหมายได้อย่างง่ายดายหากพวกเขาอยู่นิ่งๆ
“ซ้าย!ซ้าย! ทางซ้ายย!”
ใบหน้าของเจียงอี้เปลี่ยนไปเป็นจริงจังทันทีหลังจากที่พวกเขาเดินทางไปได้ประมาณห้าพันเมตรพร้อมกับเปิดปากตะโกนและส่งสัญญาณมือไปในเวลาเดียวกันลูกตาขนาดใหญ่ของสัตว์อสูรหยาจื้อหดตัวลงและหันไปมองอย่างลุกลี้ลุกลน
“จี๊!จี๊!”
ด้านหน้าของพวกเขามีมังกรอัสนีที่พุ่งลงทะเลมาและหายไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าสัตว์อสูรหยาจื้อสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว หากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ไม่เจออันตรายที่กำลังใกล้เขามาได้ทัน พวกเขาอาจจะถูกเผาเป็นถ่านในตอนนี้แน่ๆ
เจียงอี้ตรวจดูพื้นที่รอบๆอย่างระมัดระวังขณะที่พวกเขาเดินทางกันต่อและบอกให้สัตว์อสูรหยาจื้อเปลี่ยนทิศทางเมื่อสายฟ้าฟาดมาที่พวกเขาโชคดีที่สายฟ้านั้นแล่นช้าลงและพลังก็อ่อนลงเมื่อมันกระทบพื้นทะเล ดีที่เจียงอี้และสัตว์อสูรหยาจื้อสามารถหลบหนีไปยังน้ำลึกเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากสายฟ้า ไม่เช่นนั้น แม้จะมีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้แต่พวกเขาก็คงไม่สามารถป้องกันสายฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังและความเร็วได้

“เราน่าจะใก้ลถึงแล้วดูเหมือนว่าเราจะผ่านเขตพายุมาแล้วเพราะมันไม่มีสายฟ้ามาสิบห้านาทีแล้ว”
หลังจากเดินทางอย่างสงบสุขมาประมาณหนึ่งชั่วโมงโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจทะเลที่แข็งแกร่งเจียงอี้ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขากำลังจะบอกให้สัตว์อสูรหยาจื้อขึ้นไปในอีกครู่หนึ่ง
“กรู!กรู!”
ในขณะนั้นเองเจียงอี้ก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังออกมาจากทะเลลึก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นจริงจัง เขาแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาพร้อมกับดาบมังกรเพลิงในมือ “สัตว์อสูรหยาจื้อ มีราชันปีศาจอยู่ที่นี่! เจ้าสู้กับมันจากด้านหน้า เดี๋ยวข้าจะลอบโจมตีมันเอง!” เจียงอี้พูดออกมาอย่างเงียบๆ
โฮกกก!
สัตว์อสูรหยาจื้อคำรามอย่างไม่เกรงกลัวเมื่อมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของราชันปีศาจและกระโจนไปตรงนั้นทันที
ฟึ่บ!
เจียงอี้แอบกระโดดไปที่อีกด้านหนึ่งแม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูจริงจังแต่เขาก็คงกังวลมากไปเอง เมื่อรับรู้ว่านี่คือสิงโตทะเลที่เพิ่งจะทะลวงขอบเขตราชันปีศาจมาได้ เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าแค่สัตว์อสูรหยาจื้อก็แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับราชันปีศาจนี้ได้แล้ว
เจียงอี้สามารถสังหารมันด้วยเจตจำนงสังหารของเขาได้อย่างง่ายดายแต่เขาก็ไม่ใช้มันในตอนนี้นั้นแตกต่างจากตอนที่เขาอยู่ทวีปเทียนชิงมากนัก หากปล่อยเจตจำนงออกมามันจะปกคลุมพื้นที่รอบๆห้าหมื่นกิโลเมตรและทุกสิ่งที่อยู่ใต้ทะเลจะสัมผัสได้ ดังนั้นเขาจะไม่ใช้มันจนกว่าจะไม่มีทางเลือกอื่น
สิงโตทะเลสูงประมาณยี่สิบเมตรและดวงตาขนาดใหญ่ของมันส่องแสงสีฟ้ามีเขาสีขาวอยู่บนหัวและครีบหลังสีขาวสองครีบ ครีบของมันดูเหมือนกับปีกที่ทำให้มันเดินทางในทะเลได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาทีมันก็พุ่งมาที่เจียงอี้และสัตว์อสูรหยาจื้อและดวงตาสีฟ้าของมันก็ส่องประกายอย่างรวดเร็ว
โฮกก!
สัตว์อสูรหยาจื้อปล่อยลำแสงสีขาวด้วยเขาสีแดงเพลิงของมันและพุ่งไปปะทะกับลำแสงสีฟ้าจากราชันปีศาจ
ตูม!
เสียงระเบิดนั้นดังและหนักหน่วงจนทำให้เจียงอี้เจ็บไปถึงแก้วหูของเขาพื้นผิวทะเลแปรปรวนอย่างรุนแรงและมีคลื่นกระจายออกไปอย่างหนัก กลิ่นอายที่น่ากลัวนี้ทำให้ปีศาจทะเลที่อยู่ในระยะสิบห้าเมตรต่างหวาดกลัวและหนีไปอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
สัตว์อสูรหยาจื้อและสิงโตทะเลนั้นต่างอยู่ใกล้กันมากจนทำให้ทั้งคู่ไม่มีเวลารวบรวมพลังและปลดปล่อยวิชาอสูรได้ดังนั้นพวกมันจึงต่อสู้กันด้วยพลังทางร่างกายล้วนๆ
ปึงปัง!
เสียงกรงเล็บของพวกมันกระทบกันอย่างต่อเนื่องกรงเล็บของพวกมันแข็งแรงและแหลมคมพอๆกันและทั้งคู่มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นกัน สิ่งที่จะตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะคงเป็นเพียงความเร็วในการโจมตีและปฏิกิริยาในการตอบโต้ของพวกมัน
ซึ่งเห็นได้ชัดว่า!
สัตว์อสูรหยาจื้อเป็นราชันสัตว์อสูรระดับสูงสุดขณะที่สิงโตทะเลเพิ่งเป็นเพียงราชันปีศาจที่อายุยังน้อยอยู่สัตว์อสูรหยาจื้อได้สร้างรอยแผลไว้บนร่างของสิงโตทะเลก่อนที่เจียงอี้จะทันได้เข้ามาร่วมสู้ หากไม่ใช่เพราะการป้องกันที่แข็งแกร่งของมัน สิงโตทะเลอาจถูกสัตว์อสูรหยาจื้อฉีกเป็นชิ้นๆไปแล้ว
“กรู!กรู!”
กลิ่นอายของเจียงอี้นั้นอยู่ในขอบเขตจินกังแล้วและเมื่อเขาเข้ามาใกล้ๆอย่างเงียบงันในที่สุดสิงโตทะเลก็รู้สึกหวาดกลัวและอยากจะถอนตัวหนีไป
“ฮึ่ม!”
เขาจะปล่อยโอกาสในการสังหารราชันปีศาจที่ดีเช่นนี้ไปได้ยังไงกัน?
ร่างกายของราชันปีศาจนั้นมีค่ามากโดยเฉพาะยาของพวกมันหนึ่งในจุดมุ่งหมายหลักในการเดินทางครั้งนี้คือการตามหาหญ้ามังกรยาจก แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับนักสู้ที่แข็งแกร่งที่โลกภายนอกได้ทั้งหมด เพื่อได้มาซึ่งหญ้ามังกรยาจก ทางเดียวของเขาคือการใช้สมบัติอื่นๆแลกเปลี่ยนมัน และตอนนี้สมบัตินั้นก็นอนแผ่อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
โฮกกก!
ครั้งนี้สัตว์อสูรหยาจื้อฉลาดมากมันไม่ได้ไล่ล่าสิงโตทะเลเมื่อเห็นว่าสิงโตทะเลพยายามหนี แต่มันกลับปล่อยวิชาอสูรเล็กๆน้อยๆเพื่อบังคับให้สิงโตทะเลหลบเลี่ยงการโจมตีอย่างร้อนรน ในเวลาเดียวกัน ร่างของเจียงอี้ก็หายไป
“ตายซะ!”
เจียงอี้ย้ายร่างฉับพลันโดยอยู่ห่างจากสิงโตทะเลไปสามร้อยเมตรและปล่อยทักษะการต่อสู้แบบผสมผสานของเขาไข่มุกวิญญาณเพลิงในมือเขาส่องแสงและดาบมังกรเพลิงก็วาดไปข้างหน้าพร้อมกับร่างที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงอเวจี
สิงโตทะเลตกใจกลัวมากและมันรู้ตัวว่ามันกำลังจะถูกสังหารในอีกไม่กี่วินาทีมันจ้องไปยังเปลวเพลิงอเวจีด้วยความหวาดกลัวและตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงว่า “ไม่นะ ไม่! เจ้าสังหารข้าไม่ได้ไม่เช่นนั้นพ่อข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ๆหากเขารู้ว่าเจ้าสังหารข้า! พ่อของข้าเป็นจ้าวแห่งน่านน้ำนี้ เขาคือจักรพรรดิอสูรชือ”
คำพูดของสิงโตทะเลไม่ได้ชัดเจนมากนักเพราะมันพูดอยู่ใต้น้ำซึ่งเจียงอี้ก็ใช้เวลานานกว่าจะทำความเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่มันก็สายเกินไปแล้ว เมื่อทักษะการต่อสู้ของเขาถูกปล่อยออกไปแล้วเขาจะไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมาได้
“จื๊ออ!จื๊ออออ!”
น้ำทะเลจำนวนมากระเหยกลายเป็นควันพุ่งขึ้นสู่ท้องทะเลของท้องฟ้าเปลวเพลิงอเวจีของเจียงอี้สามารถเผาราชันปีศาจระดับสูงสุดได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงสิงโตทะเลตนนี้เลย ในไม่ช้า เจียงอี้ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชของสิงโตทะเลตนนี้
“จักรพรรดิอสูรชือ!”
การแสดงออกของเจียงอี้และสัตว์อสูรหยาจื้อเปลี่ยนเป็นจริงจังมากขึ้นจากการตายของสิงโตทะเลนี่เราเพิ่งสังหารบุตรของจักรพรรดิอสูรไปงั้นหรือ? พวกเขาคิดเรื่องนี้พร้อมกันโดยเห็นได้จากความหวาดกลัวในดวงตาของกันและกัน
….
บทที่ 514 มนุษย์ เจ้าตายแน่
“วิ่งงง!”
เจียงอี้โยนร่างของราชันปีศาจสิงโตทะเลเข้าไปในราชวังจักรพรรดิจากนั้นเขาก็รีบให้สัตว์อสูรหยาจื้อขึ้นไปที่ผิวทะเล
เขาไม่ได้ทำเช่นนี้เพราะต้องการร่างที่ใช้ทำยาของราชันปีศาจแต่เขาเพียงพยายามปกปิดร่างของมันและซ่อนกลิ่นเอาไว้เพื่อไม่ให้จักรพรรดิอสูรตนนั้นพบเขาได้
เมื่อสัตว์อสูรหยาจื้อโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำเจียงอี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง แม้ว่าเขากำลังเผชิญกับอันตรายที่กำลังจะใกล้เข้ามา เขาก็ยังคงบังคับตัวเองให้สงบลง เมื่อเห็นสัตว์อสูรหยาจื้อบินไปทางเหนือหลังจากโผล่ขึ้นมาจากทะเล เขาก็ตะโกนออกมา “สัตว์อสูรหยาจื้อ อย่าบินไปทางเหนือ! ไปทางตะวันตกแทน!”
“ตะวันตก?”
สัตว์อสูรหยาจื้อกระพริบตาและสับสนเล็กน้อยพวกเขามาจากทางทิศตะวันตกแล้วพวกเขาจะต้องกลับไปเพราะสังหารบุตรจักรพรรดิอสูรหรือ? ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองอาจกำลังตามหาพวกเขาอยู่ มันดีแล้วจริงๆหรือที่จะกลับไปตอนนี้?
“เร็วเข้า!ปลดปล่อยกลิ่นอายทั้งหมดของเจ้าออกมาและบินไปทางตะวันตกให้เร็วที่สุด! อย่าเพิ่งถามอะไรมาก ไปเดี๋ยวนี้!”
เจียงอี้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธแม้ว่าสัตว์อสูรหยาจื้อจะมีข้อสงสัยแต่ก็ไม่กล้าฝ่าฝืนเจียงอี้และบินไปทางตะวันตกอย่างรวดเร็วและปล่อยกลิ่นอายทั้งหมดออกมา เพียงไม่กี่พริบตา พวกเขาก็หายไปในท้องฟ้าทางตะวันตกแล้ว
“บินไปทางเหนือ!”
หลังจากเดินทางมาหลายแสนกิโลเมตรเจียงอี้ก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง สัตว์อสูรนั้นไม่รู้อะไรอีกต่อไปและมันไม่สนใจสิ่งใดแล้ว มันเพียงแค่ไปทุกทุกที่ที่เจียงอี้บอกให้มันไป
“ลงไปในทะเล!”
หลังจากที่บินไปอีกหลายแสนกิโลเมตรเจียงอี้ก็ตะโกนอีกครั้ง สัตว์อสูรหยาจื้อตกใจในตอนแรก แต่มันก็ยังคงบินลงไปในทะเลอย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่ห่างจากผิวน้ำทะเลเพียงห้าสิบกิโลเมตร เจียงอี้ก็นำสัตว์อสูรหยาจื้อเข้าไปในราชวังจักรพรรดิและเขาก็ย้ายร่างฉับพลันไปในทะเลทันที
บรึฟ!บรึฟ!
เขาปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าและยังคงย้ายร่างฉับพลันไปบนฟ้าครั้งนี้เขามุ่งหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยไม่ชักช้าและอยู่ที่ความสูงห้าพันกิโลเมตร จากนั้นเขาก็ย้ายร่างฉับพลันไปทางทิศตะวันออกทันที
จักรพรรดิอสูรนั้นเกรียงไกรเพียงใด!
แม้ว่าเขาจะนำร่างของราชันปีศาจสิงโตทะเลมาแล้วแต่จักรพรรดิอสูรก็สามารถไล่ตามเขามาได้ด้วยกลิ่นรอบๆ เขาขอให้สัตว์อสูรหยาจื้อปล่อยกลิ่นอายทั้งหมดออกมาเพื่อปกปิดกลิ่นอายของเขา จากนั้นเขาก็ย้ายร่างฉับพลันและหายไปจากทะเล ด้วยวิธีนี้ ถึงแม้ว่าจักรพรรดิอสูรอาจค้นพบกลิ่นอายของเขา แต่มันก็ต้องเสียเวลาในการตามหาตัวเขาพอสมควร
แม้จะพยายามปกปิดหมดแล้วแต่เจียงอี้ก็ยังไม่ลดเกราะป้องกันของตัวเองลง เขาย้ายร่างไปทางทิศตะวันออกด้วยความเร็วเต็มกำลังทันที และเขาก็หยุดทำเช่นนั้นหลังจากผ่านมาหนึ่งวันหนึ่งคืน
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดพักเพราะท้องฟ้าภายหน้าเขาถูกปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้มอีกครั้งพร้อมกับฟ้าร้องและฟ้าผ่า
“เราน่าจะอยู่แถวๆนั้นใช่ไหมนะ?”
เจียงอี้มองย้อนกลับไปสองสามครั้งหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน จักรพรรดิอสูรก็ยังไม่ได้ตามเขามา เป็นไปได้สูงว่ามันอาจจะหากลิ่นอายของเขาไม่พบ เพราะยังไงเสียความเร็วของจักรพรรดิอสูรนั้นเร็วมาก และมันก็คงจะมาที่นี่นานแล้วหากเขาถูกจับกลิ่นอายได้
“ไปกันเถอะ!”
เมื่อสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเจียงอี้ก็รีบวิ่งลงไปที่ทะเล หมู่เมฆครึ้มด้านหน้าก็ค่อยๆแผ่มาปกคลุมทั่วท้องฟ้า สายฟ้าได้ผ่าลงมา แม้ว่ามันจะอยู่ห่างออกไปพอสมควร แต่ความกดดันอันมหาศาลที่ซ่อนอยู่ภายในก็ทำให้เจียงอี้ใจสั่น
ณใต้ทะเล, เจียงอี้ไม่กล้าย้ายร่างฉับพลันอีกต่อไปเพราะสายฟ้าได้ฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง หากเขาโชคร้ายและย้ายร่างไปยังที่ที่สายฟ้าฟาดผ่าลงมาพอดี มันคงเป็นการตายที่น่าสะเทือนขวัญ
โชคดีที่แก่นแท้พลังของเขาอยู่ขอบเขตจินกังแล้วและเขาไม่ได้เคลื่อนไหวช้าเกินไปนอกจากนี้เขายังขัดเกลาใบว่านน้ำสองใบที่พิภพใต้ดินซึ่งมันทำให้จิตวิญญาณของเขานั้นดีขึ้นมาก ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีระดับขั้นที่ก้าวหน้า แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็สามารถแผ่ไปได้ไกลนับร้อยกิโลเมตรแล้วซึ่งนั่นก็ขยายมากกว่าสามเท่าของระยะทางเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถตรวจเส้นทางที่สายฟ้ากำลังจะแล่นไปได้อย่างง่ายดาย
บรึฟ!
สายฟ้าได้ผ่าลงมาข้างหน้าเขาและเจียงอี้คาดไว้ว่าเขาจะไม่สามารถหนีมันได้และต้องย้ายร่างฉับพลัน แล้วก็โชคดีที่ไม่มีฟ้าผ่าไปในบริเวณที่เขาย้ายร่างไป
หลังจากที่เดินทางมากว่าสองชั่วโมงเจียงอี้ก็ข้ามทะเลมาห้าหมื่นกิโลเมตร เมื่อคาดการณ์แล้วคงอีกไม่นานนักที่เขาจะผ่านบริเวณนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
ร่างของเขาเริ่มผ่อนคลายลงตราบเท่าที่เขาสามารถผ่านสายฟ้าและย้ายร่างฉับพลันไปบนฟ้าในหนึ่งหรือสองวันได้ จักรพรรดิอสูรจะไม่มีทางเจอเขาไม่ว่ามันจะทรงพลังแค่ไหนก็ตาม
โฮกก!โฮกก! จี๊! จี๊! กู่! กู่!
อย่างไรก็ตามจู่ๆเสียงร้องของปีศาจทะเลที่มาจากทะเลลึกก็ดังขึ้น การแสดงออกของเจียงอี้เปลี่ยนไปทันทีและเขาก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลงไปด้านล่าง จากนั้นเขาก็ตื่นตระหนกในทันใด
ปีศาจทะเลมากมายพุ่งมาจากด้านล่างในหมู่พวกมัน มีราชันปีศาจสองตน พวกมันไม่ได้พุ่งมาที่เขาแต่ดูเหมือนว่าจะว่ายไปทั่วทุกสารทิศเหมือนว่ากำลังหาอะไรบางอย่าง
“มนุษย์?”
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ได้เตือนราชันปีศาจมังกรทะเลขนาดยักษ์มันชำเลืองมองเจียงอี้ด้วยดวงตาสีแดงเข้มและวาดหางเป็นดาบอันแหลมคมพุ่งไปที่เจียงอี้ ส่วนปีศาจทะเลระดับสามตนอื่นๆและปีศาจอีกตนที่อยู่ใกล้ๆต่างก็ตื่นตระหนกและพุ่งไปที่เจียงอี้อย่างรวดเร็ว
“ตรงนั้นก็มีปีศาจทะเลมากมายเหมือนกันนี่วิกฤติกาลอสูรกำลังเกิดขึ้นหรอ? ทำไมเหล่าปีศาจทะเลทั้งหมดในทะเลลึกนี่จึงพุ่งพล่านมาเช่นนี้กัน?”
เจียงอี้รู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นหลังจากที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์มองไปรอบๆปีศาจทะเลมักจะชอบอยู่ในทะเลลึกและตอนนี้เขาอยู่ทะเลตื้น สายฟ้าก็ฟาดลงมาเป็นระยะๆแล้วทำไมเหล่าปีศาจทะเลพวกนี้จึงได้ขึ้นมา เว้นแต่ว่าจะเกิดจลาจล?
“ไม่สิไม่ใช่ว่าในช่วงวิกฤติกาลอสูร ปีศาจทะเลจะสิ้นสติและเข่นฆ่าพวกที่ไม่ใช่พวกเดียวกันหรอกหรือ? พวกมันไม่ได้อยู่ในความวุ่นวายหรอกและพวกมันน่าจะตามหาข้าอยู่”
เจียงอี้รู้สึกตัวแล้วและไม่กล้าอยู่สู้ที่นี่แต่เหล่าปีศาจทะเลต่างก็กำลังพุ่งเข้าหาเขาจากก้นบึ้งทะเลในทุกทิศทาง จะให้เขาหนีไปที่ไหน? เจียงอี้กัดฟันแน่นและพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำทะเล
ฟ้าผ่าและร้องอย่างบ้าคลั่งแม้ว่ามันจะไม่ใช่ศูนย์กลางของเขตฟ้าคะนอง แต่มันก็ยังมีสายฟ้าอยู่มาก เจียงอี้พยายามที่จะไล่ปีศาจทะเลไปด้วยความช่วยเหลือจากพลังสายฟ้า
อันที่จริงเขาสามารถปล่อยเจตจำนงสังหารเพื่อสังหารปีศาจทะเลได้ แต่หากเกิดการต่อสู้ขึ้น ปีศาจทะเลรอบๆจำนวนมากจะตายลงและกลิ่นเลือดจะดึงดูดราชันปีศาจที่อยู่ใกล้ๆหรือไม่ก็จักรพรรดิอสูรตนนั้นมาได้ และสถานการณ์ก็จะเลวร้ายลงไปอีก
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาแผ่ออกไปสุดทางซึ่งกวาดมองทิศทางของสายฟ้าที่กำลังจะลงมาและเขาก็คาดไว้ไม่ผิด มันไม่ใช่ศูนย์กลางของเขตฟ้าคะนองและสายฟ้าก็ฟาดลงมาเป็นครั้งคราว…แต่มันฟาดลงมาด้วยความถี่ที่ต่ำมาก
เวรล่ะเกิดอะไรขึ้นกับปีศาจทะเลพวกนี้? พวกมันไม่กลัวฟ้าผ่ารึไง?
เมื่อสัมผัสได้ถึงปีศาจทะเลและราชันปีศาจที่กำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆเจียงอี้ก็สาปแช่งอยู่ในใจ ร่างของเขากลายเป็นเหมือนมังกรบ้าคลั่งที่โผล่ออกมาจากทะเล สองขาของเขาเหยียบลงบนผิวน้ำและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!ฟั่บ!
เหนือทะเล,ท้องฟ้ามืดครึ้มและลมกำลังโหมกระหน่ำ บนท้องฟ้าทางซ้าย มีมังกรอัสนีพุ่งลงมาและฟาดลงสู่ทะเลเบื้องล่าง มีปีศาจทะเลนับไม่ถ้วนอยู่ที่นั่นซึ่งมันกลายเป็นเถ้าถ่านและไม่เหลือซากเพราะมังกรอัสนี
“พวกมันจะไม่ยอมแพ้จนกว่าข้าจะตาย”
เจียงอี้จนปัญญามังกรอัสนีที่ทรงพลังเช่นนี้ทำให้วิญญาณของเขาสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวและทำให้ร่างกายเขาอ่อนแอ แต่แม้ว่าราชันปีศาจมังกรทะเลเกือบจะถูกฟ้าผ่าตาย แต่มันก็ยังไล่ตามเขาซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป้าหมายก็คือเขา
“ในเมื่อเจ้าโหยหาความตายเช่นนั้นข้าก็จะเติมเต็มความปรารถนานั้นให้เจ้า!”
เจียงอี้พร้อมที่จะเสี่ยงทุกอย่างราชันปีศาจนั้นอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่กิโลเมตรและอาจจะโจมตีเขาได้ทุกเมื่อ ใครจะรู้ว่ามันมีทักษะเวทย์มนตร์แปลกๆแบบไหนบ้าง? เขาไม่กล้าเสี่ยงและจำต้องปลดปล่อยเจตจำนงสังหารออกมา
ฟรึ่บ!
เมื่อดวงตาของเจียงอี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดกลิ่นอายสังหารที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็หลั่งไหลออกมาครอบคลุมพื้นที่ห้ากิโลเมตร ปีศาจทะเลทั้งหลายที่ถูกล้อมด้วยเจตจำนงสังหารก็ไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป
ราชันปีศาจมังกรทะเลที่อยู่ข้างหลังเจียงอี้ก็ดูหวาดกลัวขึ้นมากหัวขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำทะเล มันพยายามอ้าปากให้ใหญ่ที่สุดและพูดบางอย่างออกมา “เจ้ามนุษย์….เจ้าเป็นผู้สังหารบุตรของจักรพรรดิอสูรชือจริงๆ….เจ้าตายแน่ๆแล้ว ท่านจักรพรรดิได้สั่งเผ่าปีศาจทั้งหมดในพื้นที่นี้ตามหาตัวผู้สังหาร แม้ว่าเจ้าจะบินขึ้นไปบนฟ้าและดำดิ่งลงสู่ทะเล เจ้า…ก็ไม่มีวันหนีไปไหนพ้น”

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เจียงอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศและการ

ถูกเหยียดหยามเนื่องจากจุดตันเทียนของเขาถูกผนึกไว้

วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าผนึกในตันเทียนของเขาได้ถูก

ทำลายและถูกแทนที่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบ่มเพาะเปลวไฟ

ศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ของเขา การเดินทางอันแสนท้าทายของเจียงอี้

จึงได้อุบัติขึ้น!

หากมวลมนุษย์กล้าปฏิบัติกับข้าอย่างไม่เป็นธรรม ศพนับล้านจะต้อง

เกลื่อนปฐพี!

หากแม้แต่สวรรค์ยังไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะแผดเผาสวรรค์ทิ้งเสีย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท