เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven – บทที่ 670

บทที่ 670

หัวหน้าหลงพุ่งเข้าไปในป่าหินผา มียอดหินมากมายที่พังทลายลงมาแต่เขาก็ยังไม่กล้าแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป ใครจะไปรู้ว่าในยอดผาหินนี้มีเปลวเพลิงอัสนีอยู่ข้างในหรือไม่? หากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาสลายไป เขาจะกลายเป็นเรื่องน่าขันแก่ป้าเตาเอาได้
เขารีบวิ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าอย่างรวดเร็วในขณะที่คอยมองบริเวณรอบๆอย่างรวดเร็ว ตัวเขารวดเร็วมากและก็มาถึงที่ที่เจียงอี้และป้าเตาสู้กัน เขาเห็นจุดสีดำเล็กๆที่วิ่งอยู่ระหว่างยอดหินผาอย่างว่องไว
“ตามไป!”
ที่นี่อาจมีอุณหภูมิสูงมาก แต่ในเมื่อหัวหน้าหลงได้ป่าวประกาศออกไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถก้าวขากลับไปได้ เขาจึงกัดฟันและบินไล่ตามเจียงอี้ไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม!
ความเร็วของเจียงอี้ก็ไม่ได้ช้าเช่นกันและหัวหน้าหลงก็ต้องใช้เวลาชั่วขณะกว่าจะตามเจียงอี้ทัน เบื้องหน้าของพวกเขาคือยอดเขาขนาดยักษ์ซึ่งมีเปลวเพลิงอัสนีวนเวียนอยู่รอบๆราวเจ็ดแปดดวง เจียงอี้อยู่ห่างจากเปลวเพลิงอัสนีราวๆสามถึงสี่กิโลเมตรและหัวหน้าหลงก็เริ่มไล่ตามมาติดๆซึ่งอยู่ใกล้กับเขาในหนึ่งกิโลเมตร แต่อุณหภูมิที่นั่นก็สูงจนเหลือเชื่อ
หัวหน้าหลงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลดปล่อยแสงสีดำออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว จากนั้นแสงสีดำก็ออกมาเหมือนอสรพิษหลายตัวที่เลื้อยอยู่ในอากาศและบินไปทางเจียงอี้
ตูม! ตูม! ตูม!
ทุกที่ที่แสงนั้นส่องผ่าน ยอดผาหินข้างๆก็จะพังทลายลง ไม่รู้ว่านี่เป็นความสามารถหรือการโจมตีรูปแบบเต๋าชนิดใด
บรึฟ!
แต่ระยะห่างของพวกเขานั้นไกลเกินไปและเจียงอี้ก็ย้ายร่างฉับพลันไปแล้วมันจึงทำให้แสงสองสายพุ่งปะทะเข้ากับยอดผาหินขนาดยักษ์ซึ่งทำให้มันแตกสลายและกลายเป็นฝุ่นตลบอบอวลไปในทันที
“ถอยก่อน….”
อุณหภูมินั้นสูงเกินไป หัวหน้าหลงไม่สามารถต้านทานมันได้และไม่มีทางอื่นนอกจากต้องล่าถอยก่อน ป้าเตาหัวเราะออกมาแต่ไกลและพูดว่า “เจ้าสุนัขเฒ่า เก่งนักไม่ใช่หรือไง? ไปฆ่ามันสิ ไปฉีกมันออกเป็นชิ้นๆซะสิ แล้วข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้”
“เหอะ เหอะ!”
หัวหน้าหลงหัวเราะออกมาด้วยความประชดประชันและบินไปทางภูเขาอัสนีโดยไม่พูดอะไร ส่วนป้าเตาก็มองไปยังทางที่เจียงอี้อยู่ด้วยความเกลียดชังและบินกลับไปเช่นกัน
พวกเขาไม่กล้าที่จะอยู่ในสันเขาอัสนีนานเกินไป มันเป็นเพราะการใช้แก่นแท้พลังไปเรื่อยๆ ร่างกายของพวกเขาอาจทนได้อีกไม่นานหากยังอยู่ในอุณหภูมิที่สูงอยู่อย่างนี้และจะเสียเหงื่อไปมากและอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ฮู่ ฮู่!
เจียงอี้นั่งอยู่บนยอดผาหินและผ่อนลมหายใจออกมา เขาหยิบเม็ดยาออกมาและกินยาเข้าไปขณะที่พักฟื้นอาการบาดเจ็บ เนื่องจากป้าเตาและหัวหน้าหลงไม่กล้าไล่ตามมาอีก มันก็หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถทนความร้อนจากเปลวเพลิงอัสนีได้ นั่นก็หมายความว่าที่นี่ปลอดภัยอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงการต่อสู้กันก่อนหน้านี้ เจียงอี้ก็เริ่มมีเหงื่อเย็นเยียบท่วมท้นออกมา เขาประเมินความแข็งแกร่งของหัวหน้าทั้งสิบคนเหล่านั้นต่ำไปและครั้งนี้เขาก็โชคดีด้วยซ้ำ แต่ครั้งหน้าที่ต้องปะทะกัน เขาจะโชคดีเหมือนเดิมไหม?
เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาทและนั่งอยู่ตรงนั้นเพื่อฝึกฝนและพักฟื้น และเขาก็ไม่กล้าไปขุดหาหินอัสนีด้วยเช่นกัน เจียงอี้เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์เพื่อพักฟื้นและตรวจสอบพื้นที่รอบๆ หากป้าเตาและคนอื่นๆไล่ตามเขามา เขาก็จะหลบหนีไปได้ทันที
เจียงอี้พักฟื้นตลอดทั้งคืนก่อนที่อาการบาดเจ็บของเขาจะดีขึ้นเจ็ดถึงแปดส่วน กระดูกของเขาไม่หักแต่มีบางส่วนที่ร้าวขณะที่อวัยวะของเขามีรอยแตกเล็กน้อย หากกระดูกหักเขาจะต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายวัน เจียงอี้จับเกราะเมฆาอัคคีและคร่ำครวญเล็กน้อย หากไม่มีมันเขาก็คงจะตายไปหลายครั้งแล้ว เขารู้สึกขอบคุณผู้พิทักษ์ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับอย่างแท้จริง
“ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับปรากฏเพียงครั้งเดียวในรอบพันปี ดูเหมือนว่าข้าคงไม่มีโอกาสได้พบกับผู้พิทักษ์อีกแล้ว”
จนถึงตอนนี้เจียงอี้ก็ยังสงสัยว่าเหตุใดผู้พิทักษ์ถึงโกงเพื่อเขา แล้วในเมื่อเขาโกงไปแล้ว ทำไมเขาจึงไม่ให้ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับแก่เจียงอี้เลยล่ะ? เขาน่าจะให้สมบัติแก่เจียงอี้อีกสักสองสามชิ้นด้วยก็ได้

เมื่อท้องฟ้าอันมืดมิดเริ่มปกคลุมไปทั่วเกาะอัสนีฟ้ากระจ่าง เจียงอี้ก็ยืนขึ้น สายฟ้าจะไม่ฟาดลงมาแล้วและเปลวเพลิงอัสนีจะเริ่มบินว่อนไปทั่ว หากเขายังไม่เคลื่อนไหว เขาอาจจะถูกเปลวเพลิงอัสนีสังหารก็เป็นได้
“อืม…มันปลอดภัยที่สุดที่จะตามเปลวเพลิงอัสนีพวกนี้ ข้าขอลองดูหน่อยว่าป้าเตาและหัวหน้าหลงยังซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆหรือไม่”.Aileen-novel.
ทันใดนั้น เจียงอี้ก็นึกอะไรบางอย่างได้ ขณะที่เปลวเพลิงอัสนีวนเวียนไปรอบๆ เขาจะรักษาระยะห่างของเขากับเปลวเพลิงเอาไว้ และหากป้าเตาและหัวหน้าหลงซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ พวกนั้นจะต้องเลี่ยงเปลวเพลิงอัสนีแน่นอนและเจียงอี้ก็จะเจอพวกนั้น เขาจึงเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์และคอยตามกลุ่มเปลวเพลิงอัสนีไป
หลังจากที่วนไปรอบๆบริเวณนั้น ทุกอย่างก็ยังคงเงียบสงัด เจียงอี้ก็ผ่อนคลายลงเมื่อพบว่าป้าเตาและหัวหน้าหลงไม่ได้อยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อเขานึกถึงเปลวเพลิงอัสนีทั้งหมดที่กระจัดกระจายไปทั่วแล้ว ทั้งสองคนนั้นจะซ่อนตัวอยู่แถวๆนี้ได้อย่างไร? พวกนั้นจะต้องกลับไปที่เมืองแล้วแน่ๆ
เขาเดินทางไปรอบๆพื้นที่และจะตามเปลวเพลิงอัสนีไปและเขาก็ตามกลุ่มเปลวเพลิงอัสนีไปใกล้ๆภูเขาอัสนี หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าป้าเตาและหัวหน้าหลงกลับไปแล้ว เขาก็ผ่อนลมหายใจออกมา
ฟรึ่บ! ฟรึ่บ! ฟรึ่บ!
จู่ๆภูเขาอัสนีก็ปะทุหินอัสนีออกมา มันเหมือนกับฝนดาวตกในยามค่ำคืนซึ่งดูสวยงามและน่าหลงใหลนัก เจียงอี้เข้าไปใกล้ๆแถบนั้นและเก็บหินอัสนีทั้งหมดที่เขาจะเข้าไปเก็บได้มา
หลังจากที่รวบรวมหินอัสนีได้ราวๆสามสิบถึงสี่สิบก้อนแล้ว เจียงอี้ก็ไม่มีอะไรจะทำอีก เขามองไปยังภูเขาอัสนีทั้งสิบลูกซึ่งเต็มไปด้วยเปลวเพลิงอัสนี จากนั้นเขาก็เข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์อีกครั้งและเข้าถึงรูปแบบเต๋าที่เขารู้สึกได้เมื่อคืนก่อน
ภูเขาอัสนีนั้นลึกลับมากและมีรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ มันจะต้องเป็นแก่นกลางขนาดยักษ์ที่จะดึงดูดสายฟ้าให้กระทบลงมาที่นี่เป็นแน่
เมื่อเจียงอี้สัมผัสได้ถึงภูเขาอัสนี ใจของเขาก็เต้นรัวขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยของรูปแบบเต๋า แต่เขาก็ไม่เข้าใจหรือเข้าถึงมันไม่ได้เลย
เขารู้สึกว่าหากตัวเขาเองสามารถเข้าถึงมันได้ เขาก็จะคว้าโอกาสที่จะเข้าใจรูปแบบเต๋านั้นได้
มีเปลวเพลิงอัสนีอยู่ในแถบทะเลทรายและสันเขาอัสนีน้อยกว่ามากมันจึงทำให้เจียงอี้ปลอดภัย
หลังจากที่มองไปยังทะเลทรายอย่างว่างเปล่ามาตลอดทั้งคืน รุ่งสางก็มาถึงและเจียงอี้ก็ยังไม่ได้อะไร แต่เขาก็ไม่ได้ท้อถอย เขาตื่นขึ้นมาเพื่อรอให้เปลวเพลิงอัสนีค่อยๆกลับเข้าไปยังสันเขาอัสนี จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปด้านล่างภูเขาอัสนีและเก็บหินอัสนีอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเที่ยงคืน ภูเขาอัสนีมากกว่าสองลูกปะทุหินอัสนีออกมาและมีหินอัสนีอยู่ที่พื้นมากกว่าพันก้อน มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เจียงอี้จะยอมทิ้งหินอัสนีเหล่านี้ไป
แต่น่าเสียดายนัก
เมื่อเขารวบรวมหินอัสนีได้ประมาณแปดร้อยก้อน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งห้าสิบคนก็พุ่งผ่านท้องฟ้ามา เจียงอี้กัดฟันแน่นและไม่กล้าเก็บหินอัสนีอีกต่อไปขณะที่รีบวิ่งกลับไปยังสันเขาอัสนีด้านหลังด้วยความรวดเร็ว
“บ้าเอ้ย!”
“ให้ตายเถอะ หมาป่าเดียวดายมันเก็บหินอัสนีไปครึ่งหนึ่งเลย!”
“สังหารไอ้หมาเวรนั่นซะ….”
“ไปรายงานหัวหน้าซะว่าเด็กนี่ขโมยหินอัสนีของพวกเรา!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งห้าสิบคนมาที่นี่เพื่อเก็บหินอัสนี แต่พวกเขาก็เห็นมาแต่ไกลว่ามีร่างร่างหนึ่งเก็บหินอัสนีอยู่ที่ภูเขาอัสนี พวกเขาทั้งหมดรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาทันที เพราะหินอัสนีเหล่านั้นเป็นของพวกเขา แต่เจียงอี้กลับหยิบมันไปเกือบครึ่งหนึ่ง!
พวกเขาทั้งหมดออกมาก่อนที่ฟ้าจะสว่าง แต่ปัญหาก็คือเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างอยู่ค่อนข้างไกลจากที่นี่และพวกเขาก็รีบมาที่นี่ทันทีที่เปลวเพลิงอัสนีกลับเข้าไปยังสันเขา แต่พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อมาที่นี่ในขณะที่เจียงอี้อยู่ใกล้กับที่นี่มาก พวกนั้นจะเร็วกว่าเจียงอี้ได้อย่างไรล่ะ?
“บ้าเอ้ย หากมันยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เด็กนั่นจะเอาหินอัสนีไปมากกว่าครึ่งหนึ่งเมื่อเรามาถึงที่นี่ แล้วเราจะปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?”
หนึ่งในขอบเขตเทียนจุนคำรามออกมาด้วยความโกรธในขณะที่คนอื่นๆก็ไม่พอใจกันมาก ตอนนี้สิ่งที่เป็นของพวกเขาได้ถูกฉกชิงไปแล้ว จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไร?
ร่างหลายร่างพุ่งไปทางเมืองอัสนีฟ้ากระจ่างขณะที่พวกเขาคำรามว่า “กลับไปรายงานหัวหน้ากันเถอะ ให้หัวหน้าทั้งสิบลงมือพร้อมกัน คอยดูเถอะว่าไอ้เด็กนั่นจะรอดไปได้อีกหรือไม่!”

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เจียงอี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศและการ

ถูกเหยียดหยามเนื่องจากจุดตันเทียนของเขาถูกผนึกไว้

วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าผนึกในตันเทียนของเขาได้ถูก

ทำลายและถูกแทนที่ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการบ่มเพาะเปลวไฟ

ศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์ของเขา การเดินทางอันแสนท้าทายของเจียงอี้

จึงได้อุบัติขึ้น!

หากมวลมนุษย์กล้าปฏิบัติกับข้าอย่างไม่เป็นธรรม ศพนับล้านจะต้อง

เกลื่อนปฐพี!

หากแม้แต่สวรรค์ยังไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าก็จะแผดเผาสวรรค์ทิ้งเสีย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท