อั๊ก!
เจียงอี้ไม่ได้ตายอย่างที่คาดเอาไว้ แต่อวัยวะภายในของเขาเสียหายหนัก ดวงตาของเขากระพริบไม่หยุดขณะที่เขากำลังสร้างโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีอีกครั้งและคิดหาทางอื่น
เปลวเพลิงอัสนีไม่ได้ผลกับลู่หลินขณะที่หม้อเวหาสลาตันเองก็ทุบเขาจนตายไม่ได้ นี่ถือเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดที่เจียงอี้มีและนอกเหนือจากนั้น เขาก็มีเพียงดาบวิญญาณเท่านั้น!
ปัญหาคือดาบวิญญาณจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่อเป็นการลอบโจมตี ไม่เช่นนั้นมันอาจถูกทำลายลงได้ง่ายๆ ดาบวิญญาณของเขาไม่เคยถูกทำลายมาก่อนและไม่รู้ว่าดวงจิตหลักจะเป็นอะไรหรือไม่หากดาบวิญญาณถูกทำลายลง ลองดูแล้วกัน!
ลู่หลินปล่อยแสงดาบออกมานับหมื่นในขณะที่เขาเริ่มปลดปล่อยรูปแบบเต๋าวายุกลืนนภา เจียงอี้กัดฟันและเตรียมจะลองทุกสิ่ง เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องถูกบดขยี้จนตายอย่างแน่นอน
วิชาหลีกสวรรค์?
เป็นไปไม่ได้ เฉียนว่านก้วน, เฟิ่งหลวน, เจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆยังอยู่ในเมือง หากเขาใช้วิชาหลีกสวรรค์หนีไป ก็จะเป็นการเปิดเผยตัวตนของเขาทันที และเขาก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่า ลู่หลิน, เหลยฉีเหยียนและคนอื่นๆ จะพยายามจับพวกของเขาหรือไม่ แต่เขาก็คงไม่กล้าเสี่ยง
ฟรึ่บ! ฟรั่บ!
ร่างของเจียงอี้หลบแล่นไปมาอย่างรวดเร็วขณะที่เขาหลบการโจมตีแสงดาบสีทองและปล่อยมังกรเพลิงนับหมื่นออกไป หว่างคิ้วของเขาฉายแสงเป็นประกายและดาบวิญญาณสามเล่มก็พุ่งออกมาพร้อมกับมังกรเพลิง ในการจะลอบโจมตี เจียงอี้จะต้องพึ่งพามังกรเพลิงเพื่อเอาไว้ปกปิดดาบวิญญาณของเขา
ตูม! ตูม! ตูม!
มังกรเพลิงขนาดเล็กจำนานมากปะทะเข้ากับแสงดาบสีทองและถูกแสงดาบฟาดแตกออกเป็นเสี่ยงๆเนื่องจากพวกมันอยู่กันคนละระดับอย่างสิ้นเชิง เจียงอี้ใช้ความคิดของเขาคอยควบคุมดาบวิญญาณพร้อมกับหลบหลีกไปทางซ้ายและขวาขณะที่เขามุ่งตรงไปหาลู่หลิน
สามกิโลเมตร, สองกิโลเมตร..หนึ่งกิโลเมตร!
ดวงตาของเจียงอี้นั้นมืดมนลงทันทีเมื่อมังกรเพลิงจิ๋วถูกทำลายลงไปเกือบหมดจนทำให้ลู่หลินเห็นดาบวิญญาณทั้งสามอย่างง่ายดาย
การโจมตีดวงจิต? ฮึ่ม!
ลู่หลินเย้ยหยันและเขาก็ไม่หยุดสร้างมังกรวายุกลืนนภา ผนึกสามเหลี่ยมปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วของลู่หลินและทุบไปยังดาบวิญญาณทั้งสาม
สมบัติป้องกันดวงจิตวิญญาณ?
เจียงอี้มีสีหน้าที่ขมขื่น แต่ดาบวิญญาณของเขาอยู่ตรงหน้าลู่หลินแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟันและใช้ดาบวิญญาณพุ่งไปยังหว่างคิ้วของลู่หลิน
ปัง!
เมื่อดาบวิญญาณเล่มแรกปะทะเข้ากับผนึกสามเหลี่ยม เจียงอี้ก็ตกตะลึงไป ดาบวิญญาณที่ไร้เทียมทานของเขาถูกผนึกเล็กๆทุบออกเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย หลังจากนั้น ดาบวิญญาณเล่มที่สองและเล่มที่สามก็ถูกทุบจนแหลกละเอียดตามกันไป ระหว่างที่มันกระทบกัน ผนึกขนาดเล็กนั้นจะเปล่งแสงอัสนีออกมาและฉีกดาบวิญญาณออกเป็นชิ้นๆทันที
สมบัติป้องกันดวงจิตวิญญาณนี่มันอะไรกัน? มันทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร? มันมีสายฟ้าหรือ? ไม่แปลกเลยที่มันจะทำลายดาบวิญญาณของข้าได้อย่างง่ายดาย
เจียงอี้หน้าซีดเผือดด้วยความตกตะลึงและสิ่งเดียวที่เขารู้สึกยินดีก็คือ…เมื่อดาบวิญญาณของเขาถูกทำลาย ดวงจิตหลักของเขาก็ไม่เป็นอะไร ดูเหมือนว่าดาบวิญญาณกับดวงจิตหลักนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เจียงอี้ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดใจมาก เพราะดาบวิญญาณเหล่านี้ไม่ได้ได้มาง่ายๆ และทุกๆคืนที่เกิดเสียงเทพสะอื้น เขาก็สามารถผลิตดาบวิญญาณได้เพียงสามเล่มเท่านั้น
อันที่จริงแล้วเจียงอี้ไม่ได้รู้เรื่องตระกูลลู่เลย หากเขามีข้อมูล เขาก็คงจะไม่ปล่อยการโจมตีดวงจิตวิญญาณไป ตระกูลลู่นั้นมีสมบัติล้ำค่าซึ่งเป็นหินอัสนี!
หินอัสนีไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายเย็นลงและสร้างค่ายกลที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่มันยังเป็นวัสดุชั้นยอดที่เอาไว้กลั่นสมบัติอีกด้วย ตระกูลลู่ได้ศึกษาหินอัสนีมาหลายปีแล้วและพวกเขาด็ได้พัฒนาศาสตร์ลับเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน พวกเขาใช้หินอัสนีเพื่อปรับแต่งสิ่งประดิษฐ์เหนืออิทธิฤทธิ์ซึ่งมีไว้เพื่อป้องกันดวงจิตวิญญาณ นั่นก็คือ ผนึกอัสนี!
ผนึกอัสนีนั้นมีค่ามากและหากผนึกอัสนีระดับสูงสุดถูกนำออกไปประมูลนั้นน่าจะขายได้อย่างน้อยศิลาสวรรค์แสนล้านก้อน ผนึกอัสนีระดับสูงสามารถทนทานต่อการโจมตีดวงจิตวิญญาณจากขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดได้ ลู่หลินเองก็คงจะไม่มีคุณสมบัติที่จะครอบครองผนึกอัสนีระดับสูงสุด แต่เนื่องจากมันเป็นสิ่งพิเศษของตระกูลเขา ดังนั้นเขาจึงมีผนึกอัสนีระดับยอดเยี่ยมหนึ่งชิ้น
ข้าควรจะทำเช่นไรดี?
เจียงอี้รู้สึกกังวลขึ้นมา หากดาบวิญญาณของเขาไร้ประโยชน์ การประลองครั้งนี้ก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว ผนึกนั้นน่ากลัวเกินไปและแค่เพียงปะทะกันธรรมดามันก็เพียงพอที่จะทำลายดาบวิญญาณของเขาได้แล้ว แม้ว่าเจียงอี้จะนำดาบวิญญาณทั้งหมดออกมา แต่สุดท้ายพวกมันก็จะถูกทำลายลงในเวลาไม่กี่อึดใจ
ลู่หลินเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนระดับต่ำและนายน้อยรุ่นเยาว์ของตระกูลใหญ่ๆเหล่านี้มักจะกินสมุนไพรวิญญาณและดวงจิตของพวกเขานั้นคงไม่ด้อยอย่างแน่นอน
จี๊! จี๊!
มังกรวายุกลืนนภาของลู่หลินได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว และมันพัดไปด้วยความผันผวนของห้วงอากาศซึ่งกลืนเจียงอี้ที่พยายามจะหลบหนีอย่างสิ้นหวัง จากนั้นมังกรทองก็ระเบิดและมันทำลายโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีไป ขณะที่เจียงอี้กระอักเลือดและปลิวลอยออกไปอีกครั้ง
หม้อเวหาสลาตัน!
หม้อขนาดเล็กในมือของเจียงอี้ลอยออกมา หากเขาไม่ใช้หม้อเวหาสลาตัน เขาก็คงไม่มีเวลาแม้แต่จะสร้างโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีหรือไม่มีเวลาแม้แต่จะหายใจ และเมื่อหม้อถูกปลดปล่อยออกไป ลู่หลินก็ถูกทุบลงไป จากนั้นเขาก็รีบพุ่งออกมาจากพื้นอย่างรวดเร็วและตัวเขาก็ยังไม่มีร่องรอยของความเสียหายใดๆ เกราะพระแม่ธรณีนั้นมีการป้องกันที่แข็งแกร่งเกินไป
ทั้งสองฝั่งสู้กันอย่างดุเดือดและพวกเขากำลังรอดูว่าใครจะเป็นคนแรกที่ไม่สามารถต้านทานได้ และใครจะเป็นผู้ถูกบดขยี้จนตายก่อน
เห็นได้ชัดว่าเจียงอี้กำลังทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ การบ่มเพาะพลังของลู่หลินสูงกว่าเขาและลู่หลินยังได้กินยาโลหิตเก้าโคจรเข้าไปด้วย เขายังมีสมบัติที่เชื่อมดวงจิตอีกสองชิ้น แม้ว่าลู่หลินจะไม่ได้ปรับแต่งมันอย่างสมบูรณ์และไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่ แต่มันก็ยังมีพลังมากพอที่เจียงอี้จะบ่นออกมาอย่างขมขื่นแล้ว
ตูม! ตูม! ตูม!
ความเร็วของเจียงอี้เทียบลู่หลินไม่ได้เลย ดังนั้นเขาจึงถูกโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าหม้อเวหาสลาตันของเจียงอี้ก็บดขยี้ลู่หลินหลายครั้งและในที่สุดก็สร้างความเสียหายให้อีกฝ่ายได้บ้าง แต่น่าเสียดายที่ลู่หลินมีเลือดไหลออกมาที่มุมปากเท่านั้นขณะที่อวัยวะภายในของเจียงอี้เสียหายไปมากและความเร็วของเขาก็ลดลงมาก
ยาโลหิตเก้าโคจรนั้นอยู่ได้นานถึงสองชั่วโมง แต่ปัญหาคือ…เจียงอี้อาจจะทนไม่ได้แม้เพียงชั่วโมงเดียว!
ฮ่าฮ่าฮ่า! ไอ้สารเลว ดูซิว่าเจ้าจะทนได้อีกนานเพียงใด?
ลู่หลินถูกหม้อเวหาสลาตันทุบลงไปอีกครั้ง และทุกๆครั้งที่หม้อเวหาสลาตันถูกปล่อยออกมา มันจะหดตัวลงไป และเจียงอี้จะต้องเทแก่นแท้พลังของเขาออกไปก่อนที่จะปล่อยมันออกมาอีกครั้ง ซึ่งลู่หลินใช้เวลาสั้นๆนั้นตวัดแสงดาบออกมานับหมื่นก่อนที่จะเตรียมปล่อยรูปแบบเต๋ามังกรวายุกลืนนภาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของลู่หลิน แต่มันเป็นเพียงรูปแบบเต๋าระดับกลางเท่านั้น หากเขาหลอมรูปแบบเต๋าระดับสูงได้ แม้ว่าจะเป็นระดับดาวเดียว แต่เจียงอี้ก็คงจะตายไปแล้ว Aileen-novel
บัดซบ!
เจียงอี้รู้สึกหงุดหงิดมากหลังจากที่ประลองในการสู้ครั้งนี้ ความเร็วของเขาไม่เร็วมากพอและการป้องกันของเขาก็อ่อนลงเล็กน้อย การโจมตีของเขายังด้อยกว่ามาก ในขณะที่เปลวเพลิงอัสนีของเขาไม่ได้ผล หม้อเวหาสลาตันของเขาก็ยังไม่ทรงพลังมากพอที่จะสังหารศัตรูได้และเขาก็ไม่กล้าใช้ดาบวิญญาณด้วย
วิชาหลีกสวรรค์? ไม่มีทาง!
กรณีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเจียงอี้คือการยอมแพ้ แต่หากเขายอมจำนน เหลยฉีเหยียนจะยุติการต่อสู้และย้ายพวกเขาออกไปหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นโอกาสที่ดีและหากเขาไม่สังหารลู่หลินที่นี่ เขาก็จะไม่มีโอกาสนั้นอีกในภายภาคหน้า ลู่หลินพยายามที่จะแต่งงานกับเจียงเสี่ยวนู๋มากซึ่งมันกระตุ้นกลิ่นอายสังหารของเขาขึ้นมา
ฮู ฮู!
เมื่อหม้อเวหาสลาตันกลับมา เสียงลมก็สะท้อนมาจากด้านข้างของลู่หลินและมังกรวายุกำลังบรรจบและก่อตัวเป็นมังกรวายุขนาดยักษ์ หลังจากที่ลู่หลินเทแก่นแท้พลังออกมา มันก็กลายเป็นรูปแบบเต๋ามังกรวายุกลืนนภา มังกรยักษ์นั้นบินมาด้วยเสียงที่แสบแก้วหู แม้ว่าจะมองไม่เห็นมังกรยักษ์ แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงลมกระทบก็มากพอที่จะทำให้เขารู้สึกขยะแขยง อึดอัดและคลื่นไส้แล้ว
ขยะแขยง อึดอัดและคลื่นไส้?
ดวงจิตของเจียงอี้สั่นคลอนขณะที่เขานึกถึงเสียงในแดนลึกลับที่ตระกูลหนานกงซึ่งมันเป็นเสียงที่เกินทนยิ่งกว่านี้ จิตใจของเจียงอี้มีความคิดขึ้นมา ถ้าหากว่า….เขาสามารถสร้างเสียงลมเหมือนในแดนลึกลับและทำให้ลู่หลินรู้สึกขยะแขยงและอึดอัดมากๆได้ ดวงจิตของเขาจะปั่นป่วนหรือไม่? แล้วมันจะเปิดช่องโหว่ให้เจียงอี้สังหารเขาด้วยดาบวิญญาณได้หรือเปล่า?
เสียงลม? เสียงวิญญาณ? ดาบวิญญาณ?
ดวงตาของเจียงอี้ค่อยๆเลือนรางขณะที่เขาเพิกเฉยต่อมังกรยักษ์สีทองที่กำลังใกล้เข้ามา ดาบมังกรเพลิงกวัดแกว่งเล็กน้อยทำให้ลมรอบๆพัดปลิวไสว เจียงอี้เข้าถึงรูปแบบเต๋าวายุได้สามประเภทแล้ว นั่งคือพลังแห่งวายุ, พันธนาการสายลมและวายุคณานับ เขาค่อนข้างเข้าใจถึงกฎแห่งวายุอย่างลึกซึ้ง
ตูม! ตูม! ตูม!
มังกรยักษ์บินมาและกลืนเจียงอี้ไป จากนั้นมันก็ระเบิดทันที โล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนีของเจียงอี้ถูกทำลายลงไปและเปลวเพลิงอัสนีก็กระจายไปทั่ว ร่างของเจียงอี้ปลิวลอยไปไกลราวกับสายว่าวที่ขาดผึง
แต่มันก็เหมือนกับว่าเจียงอี้กลายเป็นผู้เบาปัญญาเนื่องจากเขาไม่ได้สร้างโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนี เขาไม่ได้ปล่อยหม้อเวหาสลาตันออกมาแต่เพียงแค่กวัดแกว่งดาบมังกรเพลิงอย่างต่อเนื่องและควบคุมลมรอบๆให้ร่ายเวียนไปมาขณะที่ดวงตาของเขาเลือนรางราวกับคนเขลา
หืม?
เดิมทีลู่หลินเตรียมพร้อมที่จะป้องกันและรอเจียงอี้ปล่อยหม้อเวหาสลาตันออกมา แต่เขาเห็นว่าเจียงอี้ไม่ได้โจมตีและยังไม่ได้สร้างโล่ศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงอัสนี?
ลู่หลินรู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีขณะที่เขาตวัดดาบเหล็กยักษ์ของเขาและตะโกนออกมาว่า ไอ้สารเลว ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!