เมื่อเวลาล่วงเลยไปในยามค่ำคืน เมืองก็ค่อยๆกลับคืนสู่ความสงบ มีผู้คนหลายคนไม่สามารถหลับได้อย่างสบายนัก ดูจากภายนอก เมืองอาจจะดูเงียบสงบ แต่ในความมืดนั้นมีคลื่นใต้น้ำอยู่ซึ่งผู้คนมากมายกำลังอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง
การต่อสู้ที่ยอดเขานทีสวรรค์ได้แพร่ออกไปทั่วเมืองเทพประทานโดยหน่วยสอดแนม, เหล่านายน้อยและคุณหนูมากมาย จากนั้นมันก็แพร่ไปทั่วเผ่าเทพประทาน สายลับที่ซ่อนอยู่มากมายใช้อาคมลับส่งข้อมูลไปยังเก้าตระกูลใหญ่ของทวีปจักรพรรดิบูรพาในทันที
ชื่อของเจียงอี้โด่งดังไปทั่วอีกครั้งในขณะที่เผ่าเทพประทานมีคนผู้หนึ่งที่ห้ามไปยั่วยุไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตกึ่งเทพจากสี่ตระกูลใหญ่เองก็ไม่กล้ายั่วยุเขา ผู้ใดก็ตามที่กล้ายั่วยุเขาผู้นั้นก็เหมือนรนหาที่ตาย ในขณะเดียวกัน ความแข็งแกร่งที่น่าตกตะลึงของเจียงอี้ก็เป็นหัวข้อที่มีการพูดคุยกันมากที่สุด เยาวชนอายุยี่สิบสองปีผู้มีชื่อเสียงในค่ำคืนเดียว!
ทั้งสามตระกูลนำขอบเขตเทียนจุนมากว่าหมื่นคนและยังมีสามประมุขกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอีกมากมาย แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถสังหารเจียงอี้ได้ และหากเหลยกูไม่เข้ามายุ่ง ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามตระกูลที่อยู่บนยอดเขานทีสวรรค์คงถูกเจียงอี้สังหารไป แต่แน่นอนว่า….คนนอกไม่รู้ว่าร่างกายและดวงจิตของเจียงอี้บาดเจ็บสาหัสเพียงใดจากผลกระทบ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยอัสนีพิโรธและเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ต่อได้!
ความสามารถอันทรงพลังของเจียงอี้ทำให้พวกเขาถอนหายใจอย่างไม่หยุดหย่อน ยอดฝีมือบางคนยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่ารูปแบบเต๋าอัสนีพิโรธที่เจียงอี้ใช้นั้นคืออะไร หรือมันจะเป็นความสามารถพิเศษ? ทำไมเขาถึงได้นำทางสายฟ้าเก้าสวรรค์ได้? แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่แม้แต่ขอบเขตเทียนจุนขั้นสูงสุดยังไม่สามารถต้านทานได้? ทักษะเสียงสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ยังผสานกับกลิ่นอายสังหารอันทรงพลังอีกด้วย?
ประมุขตระกูลทั้งหมดได้ออกคำสั่งทันทีว่าจะไม่มีใครยั่วยุเจียงอี้และให้หลีกเลี่ยงเขาเมื่อเขาปรากฏตัว ไม่เช่นนั้น พวกเขาอาจจะตายไปอย่างเปล่าประโยชน์
ด้านเหลยถิงเวย, หนานกงหยุนยี่และลู่หลี่นั้นซึมมากที่สุด ปรมาจารย์ของทั้งสามตระกูลไม่คิดจะยกเลิกตำแหน่งของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเชิดหน้าชูคอได้อีกต่อไป ทั้งสามคนไม่สามารถไปยังที่ที่เจียงอี้ไปได้ เจียงอี้อาจสุ่มสั่งสอนบทเรียนให้กับพวกเขา และพวกเขาคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟัง
ในวันรุ่งขึ้น….
ช่วงเช้าตรู่ ตระกูลซือถูกำลังยุ่งอยู่ เมื่อวานนี้ ซือถูอ้าวได้สั่งให้คนไปนำศพของมังกรวารีสีทอง, สัตว์อสูรหยาจื้อ, หยางตงและหนิวเติงมา วันนี้ พวกเขาเตรียมจะฝังพวกเขา และที่ฝังศพของพวกเขาอยู่ที่สุสานทางตะวันออกของตระกูลซือถู สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของสมาชิกตระกูลซือถูทั้งหมด การที่หยางตง, หนิวเติง, มังกรวารีสีทองและสัตว์อสูรหยาจื้อถูกฝังอยู่ที่นี่นั้นถือเป็นเกียรติที่ซือถูอ้าวมอบให้เจียงอี้เป็นอย่างสูง
หลังจากพักฟื้นได้คืนหนึ่ง อาการบาดเจ็บของเจียงอี้ก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่อวัยวะภายในและดวงจิตของเขายังคงเจ็บปวดอยู่ คราวนี้ผลกระทบนั้นรุนแรงกว่าตอนที่หัวหน้ากองทัพวายุทมิฬใช้หม้อเวหาสลาตันกับเขาอีก
เจียงอี้เปลี่ยนเป็นชุดคลุมสีดำและเดินออกไปด้านนอก ที่ด้านนอก เฉียนว่านก้วน, ซือถูอีเนี่ยน, จ้านอู๋ซวง, เฟิ่งหลวนและคนอื่นๆตื่นกันหมดแล้ว ทุกๆคนสวมชุดสีดำกันหมด ส่วนฉี่หลิงก็เองก็อยู่ที่นี่ด้วยเพราะหยางตงติดตามนางมาสามปีและพวกเขาก็มีสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน นางจึงต้องอยากไปส่งหยางตงจนสุดทางอยู่แล้ว
เจียงอี้ ทุกอย่างถูกเตรียมไว้ที่ลานด้านหน้าแล้ว
ทันทีที่พวกเขาเดินออกไป ซือถูอีเสี้ยวก็เดินไปพร้อมกับคนอื่น เจียงอี้พยักหน้าเงียบๆและเดินไปที่ลานด้านหน้า และเมื่อซือถูอีเสี้ยวเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็กระซิบกระซาบว่า ก่อนหน้านี้ ตระกูลหลักและตระกูลเล็กๆทั้งหมดในเมืองต่างส่งผู้คนมาที่นี่เพื่อแสดงความเสียใจ แม้แต่ตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่ก็ยังส่งผู้อาวุโสมาด้วย มันน่าขันจริงๆ เมื่อคืนทั้งสามตระกูลยังต้องการจะสังหารพวกเจ้ากันอยู่เลย แต่มาวันนี้ พวกเขากลับมาแสร้งทำเป็นเศร้า….
หืม?
ใบหน้าของเจียงอี้เย็นชาลงขณะที่เขาเร่งฝีเท้าซึ่งทุกคนมาอยู่ที่ลานด้านหน้ากันอย่างรวดเร็ว ลานกว้างนั้นมีโลงศพหยกขาวสี่ใบและผู้คนมากมายต่างก็มายืนอยู่หน้าโลงศพและเศ้ราโศกอย่างเงียบๆ ราวกับว่าคนที่อยู่ในโลงศพเป็นสายเลือดของพวกเขา
สัตว์อสูรหยาจื้อและมังกรวารีสีทองเผาร่างของตัวเองไป ดังนั้นในโลงจึงมีเพียงซากของพวกเขาเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ด้วยขนาดเดิมของสัตว์อสูรทั้งสอง โลงศพหยกนี้คงไม่สามารถบรรจุพวกเขาลงไปได้
เจียงอี้กวาดตามองและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา เขาจำผู้อาวุโสตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่ได้อยู่ลางๆ ทุกคนในลานตื่นตัวขึ้นจากเสียงฝีเท้าขณะที่พวกเขามองมาด้วยท่าทางประจบประแจง
เจียงอี้เดินมาและหยิบเครื่องหอมที่สมาชิกตระกูลซือถูคนหนึ่งมอบให้เขา เขานำทุกคนไปคำนับสามครั้งก่อนจะหันไปข้างๆและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า สมาชิกตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่ มาคำนับสามครั้งแล้วกลับไปซะ! เอ่อ…
ผู้คนนับสิบที่ด้านหลังเกิดความโกลาหลในขณะที่ผู้อาวุโสจากตระกูลเหลย, ตระกูลหนานกงและตระกูลลู่มีสีหน้าเปลี่ยนไป อันที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้อยากมาเช่นกัน แต่เหลยถิงเวยกำชับมาชัดเจน เขาต้องการจะถ่ายทอดเจตนาที่ตั้งใจจะเป็นมิตรของทั้งสามตระกูลและพวกเขาหวังว่าเจียงอี้จะไม่หาเรื่องพวกเขาทั้งสามตระกูลในภายภาคหน้า
ทั้งสามคนคาดเอาไว้ว่าพวกเขาคงขายขี้หน้าในวันนี้ แต่พวกเขาไม่ได้คาดว่าเจียงอี้จะเหี้ยมโหดและขอให้พวกเขามาคำนับถึงเพียงนี้
ทั้งสามเป็นผู้อาวุโสที่เลื่องชื่อจากสามตระกูลและพวกเขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตาม มือของเจียงอี้ก็ส่องสว่างขึ้นมา และเมื่อดาบมังกรเพลิงปรากฏขึ้น พวกเขาทั้งสามก็รีบคุกเข่าลงทันทีและรีบคำนับอย่างจริงใจและเดินออกไปด้วยใบหน้าที่มืดมน
เจียงอี้ไม่ได้มองทั้งสามตั้งแต่ต้นจนจบหลังจากที่พวกเขาทั้งสามออกไปแล้ว เขาก็มองผู้อาวุโสตระกูลซือถูขณะที่ฝ่ายหลังพยักหน้าและพูดว่า พิธีฝังศพจะเริ่มขึ้นแล้ว!
ตึ่ง! ตึ่ง! ตึ่ง!
นักบวชไม่กี่คนเดินมาพร้อมกับตีกลองไปด้วยขณะที่พวกเขาเริ่มสวดและทำพิธีฝังศพ นักบวชผู้หนึ่งกำลังสวดคาถาอยู่ ซึ่งเจียงอี้ก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยหลังจากที่ฟังขณะที่เขาส่ายมือและพูดว่า พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีพิธีอะไรมากหรอก พวกเขาตายไปแล้ว มันไม่มีความหมายอะไรเลย ไปฝังพวกเขาเลยเถอะ
เอ่อ…..
หลายคนกลอกตาเพราะนี้เป็นธรรมเนียมของเผ่าเทพประทาน หากพวกเขาข้ามเรื่องเช่นนี้ไปแล้วมันจำเป็นต้องมีพิธีฝังศพอีกไหม? แต่เมื่อเจียงอี้เน้นย้ำมาแล้ว ผู้อาวุโสตระกูลซือถูจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดงานนี้ จากนั้นเขาก็โบกมือและพูดว่า เอาล่ะ ไปยังสุสานกันเถอะ ผู้รับใช้ตระกูลซือถูนับสิบถือโลงศพหยกและเดินออกไป ซือถูอ้าวได้ให้หน้าเขามากด้วยการที่เขาให้ทหารเปิดทางให้และส่งผู้คนของเขาไปร่วมพิธีฝังศพ หลังจากที่ออกจากตระกูลซือถูแล้ว คนใช้ของหลายๆตระกูลก็เข้าร่วมพิธีส่งศพด้วย ผู้คนนับไม่ถ้วนเฝ้ามองอยู่ข้างๆขณะที่พวกเขาแสดงท่าทางเคร่งขรึมราวกับว่าญาติของพวกเขาเสียชีวิต
เจียงอี้เดินตามการส่งศพไปอย่างเงียบๆและเห็นว่าสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เขา ทำให้เขาหัวเราะเยาะในใจ หากเมื่อคืนนี้เอ๋าหลูไม่ได้มา เขา เจียงอี้ผู้นี้คงจะไม่มีที่ฝังศพในวันนี้ด้วยซ้ำ และเมืองเทพประทานทั้งเมืองก็คงกำลังสาปส่งเขาอยู่ใช่ไหมล่ะ? บางที ร่างของเขาอาจถูกแขวนไว้ที่กำแพงเมืองและปล่อยให้ผู้คนมาดูถูกได้อย่างอิสระด้วยซ้ำ
โลกนี้ช่างโหดร้ายถึงเพียงนี้ ผู้ที่ไม่มีกำลังก็จะไม่มีใครเคารพนับถือ และผู้แพ้ก็จะถูกเหยียบย่ำและถูกผู้คนนับไม่ถ้วนดูถูกเช่นกัน! หยางตงและคนอื่นๆคงไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับคนพวกนี้เลย ใช่ไหมล่ะ? ตอนที่พวกเขายังอยู่ ไม่มีใครแม้แต่จะแลมองพวกเขาตรงๆด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้พวกเจ่ตกตายไปแล้ว แต่กลับมีปรมาจารย์จากตระกูลเล็กๆมากมายมาส่งศพพวกเขา ช่างน่าละอายอะไรเช่นนี้…
ในระหว่างพิธีฝังศพ ตอนที่เจียงอี้ยืนยันว่าจะจบมันไวๆนั้นไม่ใช่เพราะเขาไม่เคารพผู้ตาย แต่เขาเชื่อเสมอว่าหากพวกเขาไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีเมื่อยังมีชีวิตอยู่ มันก็ไม่มีความหมายใดที่จะทำให้ยิ่งใหญ่ได้เมื่อตอนพวกเขาตาย พวกเขาไม่ได้ยินและไม่ได้เห็นมัน แล้วเหตุใดถึงไม่ปล่อยให้พวกเขาจากไปอย่างสงบล่ะ?
หลังจากพิธีสิ้นสุดลง เจียงอี้ก็พูดคุยกับซือถูอ้าวและเฉียนว่านก้วน ซือถูอ้าวกล่าวว่าพวกเขาจะจัดระเบียบสมาคมการค้ามังกรโผบินใหม่และประธานคนใหม่จะยังคงเป็นเฉียนว่านก้วนอยู่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะไม่ให้ตระกูลอื่นๆเข้าร่วมด้วย ตระกูลซือถูจะปฏิบัติการเองอย่างลับๆและนั่นจะทำให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
เจียงอี้เข้าใจว่าช่องโหว่ระหว่างตระกูลซือถูกับอีกสามตระกูลจะไม่มีวันแก้ได้ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ มันไม่เป้นอะไรตราบใดที่ซือถูอ้าวยังคงวางเฉียนว่านก้วนไว้ในตำแหน่งที่สำคัญ เจียงอี้กลับไปยังปราสาทเจียงและเข้าสู่สันโดษทันที เอ๋าหลูต้องการให้เขาไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุดภายในหนึ่งเดือน ซึ่งมันหมายความว่าเขาต้องออกเดินทางภายในครึ่งเดือน ก่อนที่เขาจะไป เขาต้องฟื้นตัวได้ประมาณหนึ่งแล้วและตรวจดูให้มั่นใจว่าร่างกายของเขาจะกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว
เอ๋าหลูต้องการให้ข้าทำอะไรกันแน่?
เจียงอี้หลับตาลงและเข้าสู่สภาวะมนุษย์ประสานสวรรค์ขณะที่เขาเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองพร้อมกับความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
…. ��