นี่เป็นครั้งที่สองที่ถานไถชี่พูดถึงเผ่านารีผีเสื้อ ดวงตาของเจียงอี้เกิดความสงสัยและสงสัยว่าเผ่านารีผีเสื้อนั้นมีชื่อเสียงมากหรือไม่?
เขาไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยจริงๆ หากเป็นเฉียนว่านก้วนหรือซือถูอีเสี้ยว พวกนั้นอาจจะรู้เรื่องบ้าง เจียงอี้พูดด้วยน้ำเสียงงุนงงว่า “ข้าทุ่มเทให้กับการฝึกฝนเลยไม่ได้สนใจเรื่องภายนอก มันแปลกหรือที่ไม่รู้เรื่องเผ่านารีผีเสื้อ? เผ่านารีผีเสื้อของเจ้าเลื่องชื่อมากหรือ?”
ถานไถชี่แก้มแดงระเรื่อขณะที่นางเหลือบมองสาวใช้ข้างๆ ฝ่ายหลังเองก็มีไหวพริบมากและขอตัวออกไปก่อนที่จะเปิดอาคมยับยั้ง เจียงอี้คอยสังเกตด้วยสายตาเย็นชาและต้องการจะดูว่าถานไถชี่ต้องการจะทำอะไร เนื่องจากเขาสังหารนางได้ง่ายๆ เขาจึงไม่กลัวกลอุบายของนาง นางคงไม่ขืนใจเขาหรอกใช่ไหม?
หลังจากเปิดอาคมยับยั้ง ใบหน้าของถานไถชี่ก็แดงยิ่งขึ้น นางรวบรวมความกล้าและเหลือบมองเจียงอี้ก่อนจะก้มหน้าลงและกระซิบถามว่า “ท่านใต้เท้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสตรีลึกลับสิบคนของโลกหรือไม่เจ้าคะ?”
“ข้าไม่รู้” เจียงอี้ยักไหล่แล้วถามว่า “ข้าอยากฟังเรื่องนี้หน่อย”
ถานไถชี่อธิบายอย่างหน้าแดงว่า “แดนเทียนชิงมีเผ่าพันธุ์นับหมื่นและเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่ธรรมดา ไม่กี่แสนปีก่อน มีคนพบเจอสตรีที่พิเศษมากและเป็นที่รู้จักในนามเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์สิบอันดับ อันดับหนึ่งนั้นเป็นเผ่านารีเทวาและว่ากันว่า หากผู้ใดได้พลังหยินของสตรีในเผ่านารีเทวาไป แก่นแท้พลังของคนผู้นั้นจะได้เลื่อนจากขอบเขตเทียนจุนขั้นที่หนึ่งไปขั้นที่ห้าเลยเจ้าค่ะ นอกจากนี้ หากพวกเขาใช้การบ่มเพาะพลังแบบคู่ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังจะเร็วขึ้นถึงสิบเท่า!”
“อะไรนะ?” เจียงอี้มีท่าทีตกใจ มีเผ่าพันธุ์ลึกลับเช่นนี้ในโลกด้วยหรือ?
เจียงอี้ไม่รู้ว่าการฝึกฝนจากขอบเขตเทียนจุนขั้นแรกไปขั้นที่ห้านั้นยากเพียงใด เขารู้เพียงว่าเขาใช้เวลาครึ่งปีในการฝึกฝนขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดมาขอบเขตเทียนจุนในตอนที่เขามีความเร็วในการฝึกฝนพันเท่า หากไม่มีความเร็วในการฝึกฝนที่เพิ่มขึ้นมาพันเท่าแล้ว คนธรรมดาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายพันปีในการทะลวงมันได้
ตอนนี้ถานไถชี่กำลังบอกว่าหากผู้ใดได้รับแก่นพลังหยินไปจากเผ่านารีเทวา คนผู้นั้นก็จะสามารถก้าวกระโดดจากขอบเขตเทียนจุนขั้นแรกไปสู่ขั้นที่ห้าได้ในคืนเดียว? แก่นพลังของเจียงอี้นั้นน่าจะอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นที่หนึ่งหรือสอง แม้จะมีความเร็วในการฝึกฝนเพิ่มขึ้นพันเท่า เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยราวๆสามปีถึงจะไปถึงขั้นที่ห้าได้ เผ่านารีเทวานี่น่าสะพรึงอะไรเช่นนี้?
เจียงอี้กลับมาสงบนิ่งอย่างรวดเร็วและเย้ยหยันขณะที่เขามองถานไถชี่ “เจ้าต้องกำลังหลอกข้าอยู่ใช่ไหม? มีสตรีลึกลับอะไรเช่นนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ?”
“ข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านใต้เท้าได้อย่างไร? ทุกคนในทวีปจักรพรรดิบูรพารู้เรื่องนี้ดี หากข้าน้อยหลอกลวงท่าน ท่านใต้เท้าโปรดสังหารข้าได้เลยเมื่อท่านพบว่ามันไม่จริง” ถานไถชี่พูดอย่างหนักแน่น
จากนั้นนางก็พูดอีกครั้งเมื่อนึกถึงบางสิ่งได้ “ใช่แล้ว กว่าศตวรรษที่ผ่านมา หนึ่งในเผ่านารีเทวาได้ปรากฏขึ้นที่แดนเทียนชิงและเก้าตระกูลจักรพรรดิต่างต่อสู้ในศึกนี้อย่างยิ่งใหญ่ จนท้ายที่สุด นางก็ตกเป็นของจักรพรรดิเซวียน และตอนนี้นางก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่…”
“จักรพรรดิเซวียน? มีเผ่าพันธุ์ลึกลับเช่นนี้จริงๆหรือ?”
เจียงอี้ตกตะลึงอยู่เงียบๆขณะที่เขาถามอย่างสงสัย “นางมาจากเผ่าพันธุ์หรือ? หรือว่าพวกนางปรากฏขึ้นโดยบังเอิญ?”
“พวกนางย่อมไม่ใช่เผ่าพันธุ์อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
ถานไถชี่ยิ้มและอธิบายว่า “พวกนางเป็นพรจากสวรรค์และไม่มีผู้ใดรู้ว่าสตรีคนต่อไปจะปรากฏตัวหรืออยู่ในเผ่าพันธุ์ใด นางอาจจะไปอยู่ในตระกูลธรรมดาก็ได้ ในช่วงแสนปีมานี้ มีนารีเทวาปรากฏขึ้นเพียงสี่คนเท่านั้น”
“อือฮึ”
เจียงอี้พยักหน้าและเขาก็ให้ถานไถชี่อธิบายต่อ ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องที่เขาต้องการอย่างแท้จริง เพื่อที่จะได้แทรกซึมเข้าไปในทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาจะต้องเข้าใจสถานการณ์ต่างๆและเรื่องลึกลับของทวีป การรู้จักศัตรูของตนเท่านั้นจึงจะบรรลุชัยชนะได้
ถานไถชี่ยกถ้วยมาจิบก่อนจะอธิบายต่อ “อันดับที่สองนั้นคือเผ่านารีหอมหวน เผ่านี้จะมีกลิ่นหอมติดตัวแต่กำเนิด หากผู้ใดได้พลังหยินบริสุทธิ์ของพวกนางไป คนผู้นั้นจะได้เลื่อนจากขอบเขตเทียนจุนขั้นแรกไปยังขอบเขตเทียนจุนขั้นสาม เผ่านี้ไม่มีผลในการบ่มเพาะพลังแบบคู่ แต่หลังจากที่ได้สัมผัสกลิ่นตัวจากพวกนางหลายปีเข้า คนผู้นั้นก็จะมีดวงจิตแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ว่ากันว่าความเร็วในการเสริมความแข็งแกร่งก็เร็วอย่างน่าประหลาดเช่นกันเจ้าค่ะ”
“มันสามารถเสริมสร้างดวงจิตได้ด้วย?”
วันนี้ เจียงอี้ได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริงและโลกอันกว้างใหญ่นี้ก็เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ถานไถชี่พยักหน้าเบาๆและกล่าวว่า “อันดับที่สามคือเผ่านารีหมาป่า พลังหยินของเผ่านี้ไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งของแก่นแท้พลัง แต่หากบ่มเพาะพลังแบบคู่นั้นจะเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังได้ถึงสิบเท่า แต่ว่า….สตรีของเผ่าพันธุ์นี้มีความปรารถนาอันแรงกล้าและจะแสวงหาความต้องการในทุกๆคืน คนธรรมดาไม่สามารถรับมือพวกนางได้ แม้ขอบเขตเทียนจุนธรรมดาเองก็ยังไม่ไหว”
เมื่อถานไถชี่พูดเรื่องนี้ ใบหน้าของนางก็แดงราวกับว่ามันกำลังสุก นางก้มหัวลงและไม่กล้ามองไปที่เจียงอี้ ส่วนเจียงอี้ก็ถูจมูกของเขาช้าๆและกระแอมก่อนที่จะถามว่า “แล้วอันดับสี่ล่ะ?”
“อันดับสี่คือเผ่านารีเทพธิดา”
ถานไถชี่สูดหายใจก่อนที่จะพูดว่า “เผ่านี้มีเครื่องมืออันดับหนึ่งที่ถูกเรียกว่าเก้าอาราม เมื่อทำเรื่องอย่างว่า ที่ตรงส่วนนั้นของผู้หญิงเหล่านั้นจะเย็นไปถึงกระดูกบ้างบางครั้งและบางครั้งก็รุ่มร้อน ชายธรรมดาไม่สามารถทนได้นานเกินกว่าสิบนาที เผ่านี้เป็นคู่นอนในฝันของชายทุกคนในโลก การบ่มเพาะพลังคู่เองก็ดีเช่นกัน และเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนห้าถึงหกเท่า”
อึก!
เจียงอี้กลืนน้ำลายตามสัญชาตญาณ เขารู้ดีถึงเรื่องอย่างว่าและที่ตรงส่วนนั้นที่ถานไถชี่กำลังพูดถึงอยู่ และในตอนนี้ ก็มีหญิงชายอยู่ที่นี่แถมยังเป็นหญิงงามที่นั่งอยู่ตรงข้ามเจียงอี้ด้วย และผู้หญิงคนนี้กำลังอธิบายสิ่งมหัศจรรย์เกี่ยวกับร่างกายของผู้หญิง หากไม่ใช่เพราะดวงจิตของเจียงอี้พัฒนาขึ้นและเขามีใจที่เข้มแข็ง ป่านนี้เขาคงกระโจนเข้าใส่นางไปแล้ว
เจียงอี้เงียบและหลับตาลงขณะที่เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังงานของเขาเงียบๆและทำให้ตัวเองสงบลง จากนั้นเขาก็ถามว่า “เผ่านารีผีเสื้อของเจ้าเป็นหนึ่งในสิบเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือไม่?”
“ใช่เจ้าค่ะ”
ถานไถชี่ไม่กล้าแม้แต่จะมองเจียงอี้ขณะที่นางก้มหัวลงและพูดว่า “เผ่าของเราเป็นอันดับที่ห้า และหากไม่ใช่เพราะสามีของข้าบอกข้ามา ข้าเองก็คงจะไม่รู้ ท่านใต้เท้าเองก็เป็นคนที่สองที่รู้เรื่องนี้….และข้าหวังว่าท่านจะช่วยข้าเก็บความลับนี้ไว้ เพราะหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ข้าน้อยจะต้องพบจุดจบที่น่าเศร้า”
“ทำไมถึงน่าเศร้าล่ะ?”
เจียงอี้ถามด้วยความสงสัย “ในเมื่อพ่อตาของเจ้าเป็นเจ้าเมืองของเมืองเพลิงสวรรค์ สถานะของสามีเจ้าคงจะต้องอยู่ในระดับหนึ่งใช่ไหมล่ะ? ใช่แล้ว…ทำไมสามีเจ้าจึงไม่เดินทางมากับพวกเจ้าล่ะ?”
สีหน้าของถานไถชี่เปลี่ยนไปขณะที่นางเงยหน้ามองเจียงอี้และยิ้มอย่างขมขื่น “คราวนี้ เรากำลังจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวของข้าในทวีปประภาคารอัคคี แต่เมื่อเรากำลังกลับมายังทวีปจักรพรรดิบูรพา เราก็พบกองโจรที่ทรงพลัง สามีของข้าตกตายในสนามรบและยอดฝีมือสองพันคนก็ลดลงจนเหลือเพียงเท่านี้ หากไม่ใช่เพราะข้าต้องการจะพาลูกทั้งสองกลับไปที่ตระกูล ข้าเองก็คงจะตายไปพร้อมกับสามีแล้ว”
“อือฮึ”
เจียงอี้ตระหนักได้ในทันทีและไม่ได้ถามอะไรอีกขณะที่เขากำลังไตร่ตรองเรื่องนี้ เขาเชื่อมเรื่องสำคัญอย่างรวดเร็วและเข้าใจว่าทำไมถานไถชี่จึงพูดถึงเผ่านารีผีเสื้อถึงสองครั้ง
ถานไถชี่ต้องการผูกมัดตัวเองกับเขาเอาไว้และต้องการหาผู้สนับสนุน นางไม่เพียงต้องการพาทุกคนกลับไปยังเมืองเพลิงสวรรค์เท่านั้น แต่นางยังต้องการช่วยให้ตระกูลแข็งแกร่งขึ้นและไม่ต้องการให้ลูกของตัวเองทรมาน อันที่จริง…เจียงอี้สงสัยว่าสามีของนางตกตายไปเพราะน้ำมือของโจรหรือการสมคบคิดของสมาชิกตระกูล
ผู้หญิงที่อ่อนแอพาลูกทั้งสองกลับเข้าตระกูลใหญ่และไม่มีแรงหนุนจากสามีของนาง ที่สำคัญที่สุดคือ นางมีรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างดูดีเป็นพิเศษ และคงต้องทนทุกข์ทรมานกับสมาชิกตระกูลถานไถหลายคนแน่ๆ หากนางไม่ต้องการให้ลูกของนางทุกข์ทรมาน นางก็ไม่มีทางอื่นเลยนอกจากต้องหาผู้หนุนหลังที่มีอำนาจ
ในตอนแรก พ่อตาของนางก็เป็นผู้สนับสนุนที่ทรงพลัง แต่หลังจากที่ได้ยินถานไถชี่พูดเรื่องนี้มา เห็นได้ชัดว่า…พ่อตาผู้นี้ไม่น่าเชื่อถือนัก
เจียงอี้มีพลังมากและไม่ได้ด้อยไปกว่าพ่อตาของนางและยังช่วยพวกนางเอาไว้ เขายังเสี่ยงที่จะพาพวกเขาทั้งหมดกลับทวีปเพียงเพราะคำพูดของลูกสาวของนาง มันจึงปฏิเสธไม่ได้เลยที่ในใจของถานไถชี่จะคิดว่าเจียงอี้เป็นผู้สนับสนุนที่ดี
แต่เจียงอี้ไม่ได้ต้องการเป็นผู้สนับสนุนของนางขณะที่เขาไม่ได้สนใจที่จะถามเรื่องลักษณะพิเศษของเผ่านารีผีเสื้อ เจียงอี้จัดเสื้อผ้าและลุกขึ้นยืน “ขอบคุณแม่นางที่อธิบาย นี่ก็ดึกแล้ว เจ้าควรพักผ่อนเสียหน่อย ข้าขอตัวก่อน”
เจียงอี้ปล่อยแก่นแท้พลังของเขาเพื่อเปิดอาคมยับยั้งก่อนที่จะเดินออกไป ส่วนถานไถชี่ก็มองที่แผ่นหลังของเจียงอี้ขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้า น้ำตาของนางร่วงหล่นบนโต๊ะอาการเงียบๆและมันก็บานสะพรั่งด้วยดอกบ๊วยเล็กๆ
เขาไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยจริงๆ หากเป็นเฉียนว่านก้วนหรือซือถูอีเสี้ยว พวกนั้นอาจจะรู้เรื่องบ้าง เจียงอี้พูดด้วยน้ำเสียงงุนงงว่า “ข้าทุ่มเทให้กับการฝึกฝนเลยไม่ได้สนใจเรื่องภายนอก มันแปลกหรือที่ไม่รู้เรื่องเผ่านารีผีเสื้อ? เผ่านารีผีเสื้อของเจ้าเลื่องชื่อมากหรือ?”
ถานไถชี่แก้มแดงระเรื่อขณะที่นางเหลือบมองสาวใช้ข้างๆ ฝ่ายหลังเองก็มีไหวพริบมากและขอตัวออกไปก่อนที่จะเปิดอาคมยับยั้ง เจียงอี้คอยสังเกตด้วยสายตาเย็นชาและต้องการจะดูว่าถานไถชี่ต้องการจะทำอะไร เนื่องจากเขาสังหารนางได้ง่ายๆ เขาจึงไม่กลัวกลอุบายของนาง นางคงไม่ขืนใจเขาหรอกใช่ไหม?
หลังจากเปิดอาคมยับยั้ง ใบหน้าของถานไถชี่ก็แดงยิ่งขึ้น นางรวบรวมความกล้าและเหลือบมองเจียงอี้ก่อนจะก้มหน้าลงและกระซิบถามว่า “ท่านใต้เท้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสตรีลึกลับสิบคนของโลกหรือไม่เจ้าคะ?”
“ข้าไม่รู้” เจียงอี้ยักไหล่แล้วถามว่า “ข้าอยากฟังเรื่องนี้หน่อย”
ถานไถชี่อธิบายอย่างหน้าแดงว่า “แดนเทียนชิงมีเผ่าพันธุ์นับหมื่นและเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่ธรรมดา ไม่กี่แสนปีก่อน มีคนพบเจอสตรีที่พิเศษมากและเป็นที่รู้จักในนามเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์สิบอันดับ อันดับหนึ่งนั้นเป็นเผ่านารีเทวาและว่ากันว่า หากผู้ใดได้พลังหยินของสตรีในเผ่านารีเทวาไป แก่นแท้พลังของคนผู้นั้นจะได้เลื่อนจากขอบเขตเทียนจุนขั้นที่หนึ่งไปขั้นที่ห้าเลยเจ้าค่ะ นอกจากนี้ หากพวกเขาใช้การบ่มเพาะพลังแบบคู่ ความเร็วในการบ่มเพาะพลังจะเร็วขึ้นถึงสิบเท่า!”
“อะไรนะ?” เจียงอี้มีท่าทีตกใจ มีเผ่าพันธุ์ลึกลับเช่นนี้ในโลกด้วยหรือ?
เจียงอี้ไม่รู้ว่าการฝึกฝนจากขอบเขตเทียนจุนขั้นแรกไปขั้นที่ห้านั้นยากเพียงใด เขารู้เพียงว่าเขาใช้เวลาครึ่งปีในการฝึกฝนขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดมาขอบเขตเทียนจุนในตอนที่เขามีความเร็วในการฝึกฝนพันเท่า หากไม่มีความเร็วในการฝึกฝนที่เพิ่มขึ้นมาพันเท่าแล้ว คนธรรมดาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายพันปีในการทะลวงมันได้
ตอนนี้ถานไถชี่กำลังบอกว่าหากผู้ใดได้รับแก่นพลังหยินไปจากเผ่านารีเทวา คนผู้นั้นก็จะสามารถก้าวกระโดดจากขอบเขตเทียนจุนขั้นแรกไปสู่ขั้นที่ห้าได้ในคืนเดียว? แก่นพลังของเจียงอี้นั้นน่าจะอยู่ขอบเขตเทียนจุนขั้นที่หนึ่งหรือสอง แม้จะมีความเร็วในการฝึกฝนเพิ่มขึ้นพันเท่า เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยราวๆสามปีถึงจะไปถึงขั้นที่ห้าได้ เผ่านารีเทวานี่น่าสะพรึงอะไรเช่นนี้?
เจียงอี้กลับมาสงบนิ่งอย่างรวดเร็วและเย้ยหยันขณะที่เขามองถานไถชี่ “เจ้าต้องกำลังหลอกข้าอยู่ใช่ไหม? มีสตรีลึกลับอะไรเช่นนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ?”
“ข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านใต้เท้าได้อย่างไร? ทุกคนในทวีปจักรพรรดิบูรพารู้เรื่องนี้ดี หากข้าน้อยหลอกลวงท่าน ท่านใต้เท้าโปรดสังหารข้าได้เลยเมื่อท่านพบว่ามันไม่จริง” ถานไถชี่พูดอย่างหนักแน่น
จากนั้นนางก็พูดอีกครั้งเมื่อนึกถึงบางสิ่งได้ “ใช่แล้ว กว่าศตวรรษที่ผ่านมา หนึ่งในเผ่านารีเทวาได้ปรากฏขึ้นที่แดนเทียนชิงและเก้าตระกูลจักรพรรดิต่างต่อสู้ในศึกนี้อย่างยิ่งใหญ่ จนท้ายที่สุด นางก็ตกเป็นของจักรพรรดิเซวียน และตอนนี้นางก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่…”
“จักรพรรดิเซวียน? มีเผ่าพันธุ์ลึกลับเช่นนี้จริงๆหรือ?”
เจียงอี้ตกตะลึงอยู่เงียบๆขณะที่เขาถามอย่างสงสัย “นางมาจากเผ่าพันธุ์หรือ? หรือว่าพวกนางปรากฏขึ้นโดยบังเอิญ?”
“พวกนางย่อมไม่ใช่เผ่าพันธุ์อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
ถานไถชี่ยิ้มและอธิบายว่า “พวกนางเป็นพรจากสวรรค์และไม่มีผู้ใดรู้ว่าสตรีคนต่อไปจะปรากฏตัวหรืออยู่ในเผ่าพันธุ์ใด นางอาจจะไปอยู่ในตระกูลธรรมดาก็ได้ ในช่วงแสนปีมานี้ มีนารีเทวาปรากฏขึ้นเพียงสี่คนเท่านั้น”
“อือฮึ”
เจียงอี้พยักหน้าและเขาก็ให้ถานไถชี่อธิบายต่อ ข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องที่เขาต้องการอย่างแท้จริง เพื่อที่จะได้แทรกซึมเข้าไปในทวีปจักรพรรดิบูรพา เขาจะต้องเข้าใจสถานการณ์ต่างๆและเรื่องลึกลับของทวีป การรู้จักศัตรูของตนเท่านั้นจึงจะบรรลุชัยชนะได้
ถานไถชี่ยกถ้วยมาจิบก่อนจะอธิบายต่อ “อันดับที่สองนั้นคือเผ่านารีหอมหวน เผ่านี้จะมีกลิ่นหอมติดตัวแต่กำเนิด หากผู้ใดได้พลังหยินบริสุทธิ์ของพวกนางไป คนผู้นั้นจะได้เลื่อนจากขอบเขตเทียนจุนขั้นแรกไปยังขอบเขตเทียนจุนขั้นสาม เผ่านี้ไม่มีผลในการบ่มเพาะพลังแบบคู่ แต่หลังจากที่ได้สัมผัสกลิ่นตัวจากพวกนางหลายปีเข้า คนผู้นั้นก็จะมีดวงจิตแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ว่ากันว่าความเร็วในการเสริมความแข็งแกร่งก็เร็วอย่างน่าประหลาดเช่นกันเจ้าค่ะ”
“มันสามารถเสริมสร้างดวงจิตได้ด้วย?”
วันนี้ เจียงอี้ได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริงและโลกอันกว้างใหญ่นี้ก็เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ถานไถชี่พยักหน้าเบาๆและกล่าวว่า “อันดับที่สามคือเผ่านารีหมาป่า พลังหยินของเผ่านี้ไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งของแก่นแท้พลัง แต่หากบ่มเพาะพลังแบบคู่นั้นจะเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังได้ถึงสิบเท่า แต่ว่า….สตรีของเผ่าพันธุ์นี้มีความปรารถนาอันแรงกล้าและจะแสวงหาความต้องการในทุกๆคืน คนธรรมดาไม่สามารถรับมือพวกนางได้ แม้ขอบเขตเทียนจุนธรรมดาเองก็ยังไม่ไหว”
เมื่อถานไถชี่พูดเรื่องนี้ ใบหน้าของนางก็แดงราวกับว่ามันกำลังสุก นางก้มหัวลงและไม่กล้ามองไปที่เจียงอี้ ส่วนเจียงอี้ก็ถูจมูกของเขาช้าๆและกระแอมก่อนที่จะถามว่า “แล้วอันดับสี่ล่ะ?”
“อันดับสี่คือเผ่านารีเทพธิดา”
ถานไถชี่สูดหายใจก่อนที่จะพูดว่า “เผ่านี้มีเครื่องมืออันดับหนึ่งที่ถูกเรียกว่าเก้าอาราม เมื่อทำเรื่องอย่างว่า ที่ตรงส่วนนั้นของผู้หญิงเหล่านั้นจะเย็นไปถึงกระดูกบ้างบางครั้งและบางครั้งก็รุ่มร้อน ชายธรรมดาไม่สามารถทนได้นานเกินกว่าสิบนาที เผ่านี้เป็นคู่นอนในฝันของชายทุกคนในโลก การบ่มเพาะพลังคู่เองก็ดีเช่นกัน และเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนห้าถึงหกเท่า”
อึก!
เจียงอี้กลืนน้ำลายตามสัญชาตญาณ เขารู้ดีถึงเรื่องอย่างว่าและที่ตรงส่วนนั้นที่ถานไถชี่กำลังพูดถึงอยู่ และในตอนนี้ ก็มีหญิงชายอยู่ที่นี่แถมยังเป็นหญิงงามที่นั่งอยู่ตรงข้ามเจียงอี้ด้วย และผู้หญิงคนนี้กำลังอธิบายสิ่งมหัศจรรย์เกี่ยวกับร่างกายของผู้หญิง หากไม่ใช่เพราะดวงจิตของเจียงอี้พัฒนาขึ้นและเขามีใจที่เข้มแข็ง ป่านนี้เขาคงกระโจนเข้าใส่นางไปแล้ว
เจียงอี้เงียบและหลับตาลงขณะที่เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังงานของเขาเงียบๆและทำให้ตัวเองสงบลง จากนั้นเขาก็ถามว่า “เผ่านารีผีเสื้อของเจ้าเป็นหนึ่งในสิบเตาหลอมศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือไม่?”
“ใช่เจ้าค่ะ”
ถานไถชี่ไม่กล้าแม้แต่จะมองเจียงอี้ขณะที่นางก้มหัวลงและพูดว่า “เผ่าของเราเป็นอันดับที่ห้า และหากไม่ใช่เพราะสามีของข้าบอกข้ามา ข้าเองก็คงจะไม่รู้ ท่านใต้เท้าเองก็เป็นคนที่สองที่รู้เรื่องนี้….และข้าหวังว่าท่านจะช่วยข้าเก็บความลับนี้ไว้ เพราะหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ข้าน้อยจะต้องพบจุดจบที่น่าเศร้า”
“ทำไมถึงน่าเศร้าล่ะ?”
เจียงอี้ถามด้วยความสงสัย “ในเมื่อพ่อตาของเจ้าเป็นเจ้าเมืองของเมืองเพลิงสวรรค์ สถานะของสามีเจ้าคงจะต้องอยู่ในระดับหนึ่งใช่ไหมล่ะ? ใช่แล้ว…ทำไมสามีเจ้าจึงไม่เดินทางมากับพวกเจ้าล่ะ?”
สีหน้าของถานไถชี่เปลี่ยนไปขณะที่นางเงยหน้ามองเจียงอี้และยิ้มอย่างขมขื่น “คราวนี้ เรากำลังจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวของข้าในทวีปประภาคารอัคคี แต่เมื่อเรากำลังกลับมายังทวีปจักรพรรดิบูรพา เราก็พบกองโจรที่ทรงพลัง สามีของข้าตกตายในสนามรบและยอดฝีมือสองพันคนก็ลดลงจนเหลือเพียงเท่านี้ หากไม่ใช่เพราะข้าต้องการจะพาลูกทั้งสองกลับไปที่ตระกูล ข้าเองก็คงจะตายไปพร้อมกับสามีแล้ว”
“อือฮึ”
เจียงอี้ตระหนักได้ในทันทีและไม่ได้ถามอะไรอีกขณะที่เขากำลังไตร่ตรองเรื่องนี้ เขาเชื่อมเรื่องสำคัญอย่างรวดเร็วและเข้าใจว่าทำไมถานไถชี่จึงพูดถึงเผ่านารีผีเสื้อถึงสองครั้ง
ถานไถชี่ต้องการผูกมัดตัวเองกับเขาเอาไว้และต้องการหาผู้สนับสนุน นางไม่เพียงต้องการพาทุกคนกลับไปยังเมืองเพลิงสวรรค์เท่านั้น แต่นางยังต้องการช่วยให้ตระกูลแข็งแกร่งขึ้นและไม่ต้องการให้ลูกของตัวเองทรมาน อันที่จริง…เจียงอี้สงสัยว่าสามีของนางตกตายไปเพราะน้ำมือของโจรหรือการสมคบคิดของสมาชิกตระกูล
ผู้หญิงที่อ่อนแอพาลูกทั้งสองกลับเข้าตระกูลใหญ่และไม่มีแรงหนุนจากสามีของนาง ที่สำคัญที่สุดคือ นางมีรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างดูดีเป็นพิเศษ และคงต้องทนทุกข์ทรมานกับสมาชิกตระกูลถานไถหลายคนแน่ๆ หากนางไม่ต้องการให้ลูกของนางทุกข์ทรมาน นางก็ไม่มีทางอื่นเลยนอกจากต้องหาผู้หนุนหลังที่มีอำนาจ
ในตอนแรก พ่อตาของนางก็เป็นผู้สนับสนุนที่ทรงพลัง แต่หลังจากที่ได้ยินถานไถชี่พูดเรื่องนี้มา เห็นได้ชัดว่า…พ่อตาผู้นี้ไม่น่าเชื่อถือนัก
เจียงอี้มีพลังมากและไม่ได้ด้อยไปกว่าพ่อตาของนางและยังช่วยพวกนางเอาไว้ เขายังเสี่ยงที่จะพาพวกเขาทั้งหมดกลับทวีปเพียงเพราะคำพูดของลูกสาวของนาง มันจึงปฏิเสธไม่ได้เลยที่ในใจของถานไถชี่จะคิดว่าเจียงอี้เป็นผู้สนับสนุนที่ดี
แต่เจียงอี้ไม่ได้ต้องการเป็นผู้สนับสนุนของนางขณะที่เขาไม่ได้สนใจที่จะถามเรื่องลักษณะพิเศษของเผ่านารีผีเสื้อ เจียงอี้จัดเสื้อผ้าและลุกขึ้นยืน “ขอบคุณแม่นางที่อธิบาย นี่ก็ดึกแล้ว เจ้าควรพักผ่อนเสียหน่อย ข้าขอตัวก่อน”
เจียงอี้ปล่อยแก่นแท้พลังของเขาเพื่อเปิดอาคมยับยั้งก่อนที่จะเดินออกไป ส่วนถานไถชี่ก็มองที่แผ่นหลังของเจียงอี้ขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้า น้ำตาของนางร่วงหล่นบนโต๊ะอาการเงียบๆและมันก็บานสะพรั่งด้วยดอกบ๊วยเล็กๆ