หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 132 พี่จิ่วโอ้อวด

บทที่ 132 พี่จิ่วโอ้อวด

ผิวน้ำกระเพื่อมเป็นคลื่นเล็กๆ เรือคลอนตลอดทั้งคืน ความเคลื่อนไหวหยุดลงยามฟ้าสาง

อวี๋หวั่นอยู่ในห้วงนิทรา เธอลืมตาสะลึมสะลือขึ้นมาครั้งหนึ่ง คล้ายกับจะตื่นมาหวีผมให้เยี่ยนจิ่วเฉา? เธอง่วงเหลือเกิน หลังจากนั้นจึงกลับไปนอนต่อ และหลับไปจนถึงช่วงบ่าย

จื่อซูพักอยู่ในเรือหนึ่งคืน นางถูกจัดให้พักในห้องปีกทางทิศตะวันออก นางไม่กล้ารบกวนอวี๋หวั่น จึงทำได้เพียงรออยู่บนเรือ รออยู่ในห้องนั้นออกจะน่าเบื่อไปสักหน่อย นางจึงออกไปเดินเล่นบนดาดฟ้า

โคมดอกบัวไหลไปกับสายน้ำแล้ว แต่ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจยังคงตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดของจื่อซู แน่นอนว่านางรู้ว่าทั้งหมดล้วนแต่เป็นสิ่งที่คุณชายเตรียมไว้ คุณชายเป็นคนเย็นชา การเป็นคนที่คุณชายรักนั้นเป็นวาสนาโดยแท้ ไม่รู้ว่าชีวิตนี้นางจะได้พานพบกับคนที่ดีต่อนางเช่นนี้หรือไม่

“แม่นางจื่อซู”

อิ่งลิ่วเดินถืออุปกรณ์ตกปลามา

จื่อซูคำนับครั้งหนึ่ง สายตาของนางไปหยุดอยู่ที่เบ็ดตกปลาและถังไม้ “เจ้าจะตกปลาหรือ?”

อิ่งลิ่วพูดอย่างร่าเริงว่า “ใช่แล้ว ปลาจี้ในทะเลสาบตัวอวบอ้วน ข้าจะตกมาย่างกินสักสองสามตัว”

จื่อซูกะพริบตาปริบๆ

“เจ้าก็อยากตกปลาใช่หรือไม่?” อิ่งลิ่วเห็นว่านางจ้องเบ็ดตกปลาไม่ละสายตา

“ข้า…ตกไม่เป็น” จื่อซูตอบไปตามความจริง

“ง่ายมาก แค่เหวี่ยงลงไปในน้ำก็ได้แล้ว เอ้า!” อิ่งลิ่วส่งเบ็ดตกปลาในมือให้นาง แล้วไปหยิบเบ็ดอีกคันหนึ่งจากห้องเก็บของมาเกี่ยวเหยื่อ แล้วเหวี่ยงลงไปในน้ำ

เรือจอดใกล้ฝั่ง ลมเหนือทะเลสาบไม่แรง ทำให้คลื่นเบา เหมาะสมกับการตกปลาเป็นอย่างยิ่ง

อิ่งลิ่วอยากตกปลา อิ่งสือซันจึงไปขุดเหยื่อที่ริมฝั่ง เมื่อขุดเสร็จและกลับมาบนเรือก็พบว่าอิ่งลิ่วตกปลาได้แล้ว อีกทั้งยังนั่งอยู่กับสตรีที่เพิ่งรู้จักได้เพียงไม่กี่วันอีกด้วย!

จื่อซูหันไป “องครักษ์อิ่ง”

องครักษ์อิ่งใบหน้าหล่อเหลา เหตุใดสายตาถึงน่ากลัวเพียงนี้เล่า…

………………….

ในที่สุดอวี๋หวั่นก็ตื่นนอน ตื่นมาแล้วกลับรู้สึกว่าแขนขาเมื่อยไปหมด เธอคงไม่ได้วิ่งไปขุดดินกลางดึกหรอกนะ ทำไมปวดตัวขนาดนี้?

“ไอ้หยา ฮูหยินน้อยตื่นแล้ว” จื่อซูได้ยินเสียงจากห้อง จึงวางเบ็ดตกปลาลงแล้วรีบเดินไป

อิ่งลิ่วเดินไปโบกมือให้อิ่งสือซัน “อิ่งสือซัน มาตกปลาเร็ว!”

อิ่งสือซัน “ไร้สาระ!”

จื่อซูเข้าไปในห้อง จากเสียงที่ได้ยินเมื่อคืน จื่อซูยังคิดเสียอีกว่าเมื่อเข้าไป ในห้องจะต้องมีสภาพเละเทะ ไหนเลยจะรู้ว่าในห้องถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ไม่มีแม้แต่ของที่อาจทำให้อวี๋หวั่นรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เสื้อผ้าของอวี๋หวั่นก็สวมเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าไม่ใช่ชุดที่เธอใส่เมื่อคืน

อวี๋หวั่นหลับไปเช่นนี้ เธอย่อมไม่ได้ทำ

คุณชายเอาใจใส่เหลือเกิน จื่อซูคิดในใจ

จื่อซูช่วยอวี๋หวั่นล้างหน้าบ้วนปาก

“คุณชายเล่า?” อวี๋หวั่นถาม ทันทีที่เอ่ยปากก็ต้องตกใจกับเสียงแหบพร่าของตนเอง เมื่อเธอนึกถึงเหตุที่ทำให้เสียงของตนเป็นเช่นนี้ แก้มก็แดงระเรื่อขึ้นมา

จื่อซูแสร้งทำเป็นไม่เห็น นางหลุบตาแล้วตอบว่า “คุณชายเข้าวังไปแล้วเจ้าค่ะ”

ดวงตารูปผลซิ่งของอวี๋หวั่นตื่นตะลึง “เขามีแรงเข้าวังด้วยหรือ?”

ในตอนนี้อย่าว่าแต่อวี๋หวั่นเลย จื่อซูเองก็หน้าแดงเช่นกัน ชายหญิงมีสัมพันธ์สวาทกันทั้งคืน คุณชายยังมีเรี่ยวมีแรงถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?

เยี่ยนจิ่วเฉามีกำลังวังชาเข้าวัง เขาสวมรองเท้าที่อวี๋หวั่นเย็บให้ ร่างสูงเจ็ดฉื่อ ทว่ารัศมีความน่าเกรงขามกำจายไปเจ็ดสิบฉื่อ

เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้มาโดยมิได้รับเชิญ ที่จริงแล้วฮ่องเต้ทรงแจ้งข่าวกับเขาว่ากรมพิธีการจัดรายชื่อผู้เข้าร่วมงานแต่งเสร็จแล้ว แน่นอนว่ามีชื่อเขา เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ เป็นลูกพี่ลูกน้องของเฉิงอ๋อง ตามหลักแล้วเขาย่อมต้องอยู่ในรายชื่อนั้น ฮ่องเต้เพียงปฏิบัติตามธรรมเนียม มิได้คาดหวังให้เขาตอบรับ ต่อให้เขาตอบรับ ก็ไม่จำเป็นต้องมาที่ตำหนักจินหลวนด้วยตนเอง เพียงบอกกับคนจากวังหลวงก็เพียงพอแล้ว

ฮ่องเต้ทรงมิได้คาดคิดว่าเขาจะเดินทางมายังตำหนักจินหลวน

รองเสนาบดีกรมพิธีการกำลังอ่านรายชื่ออย่างคล่องแคล่ว ทันใดนั้นเอง ด้านหลังก็มีเสียงดังขึ้นขัดจังหวะ “ไอ้หยา ดูเหมือนว่าข้าจะมาสายเสียแล้ว”

ดูเหมือนว่าสายอันใดเล่า เจ้ามาสายจริงๆ สายจนตะวันแยงบั้นท้ายแล้วเจ้าไม่รู้สึกเลยรึ?

รองเสนาบดีกรมพิธีถูกขัดจังหวะจึงหยุดพูด แล้วหันขวับไปพร้อมกับฝูงชน ก็เห็นเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งทำให้คนทั่วทั้งใต้หล้าปวดเศียรเวียนเกล้ากำลังยืนอย่างองอาจผึ่งผายราวกับเพิ่งขี่เมฆวิเศษมา

ทุกคนเงยหน้ามองจนตาแทบบอด หากเจ้าตัวเล็กๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่เจ้าตัวสูงชะลูด ยังใส่รองเท้าที่สูงถึงเพียงนี้ และเกล้ามวยผมสูงทะลุฟ้าอีก ประตูของตำหนักจินหลวนไม่สูงพอให้เจ้าเดินผ่านได้หรอก!

“อะแฮ่ม!” ฮ่องเต้กระแอม

รองเสนาบดีกรมพิธีซึ่งถูกขัดจังหวะอีกครั้ง “…”

เหตุใดจะต้องเป็นเขาไปเสียทุกครั้ง เป็นคนอื่นบ้างไม่ได้รึ?!

เยี่ยนจิ่วเฉาเดินมาหยุดอยู่ข้างรองเสนาบดีกรมพิธี ยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร จากนั้นก็ยกมือขึ้นคำนับฮ่องเต้ครั้งหนึ่ง ท่าทางว่าง่ายเช่นนี้ทำให้ผู้คนล้วนแต่รู้สึกไม่คุ้นเคย อาจเป็นเพราะมีงานแต่งงาน จึงทำตัวว่าง่ายขึ้นมา? หรือว่ากำลังเล่นอะไรแผลงๆ อีก?

ความจริงเป็นประจักษ์ ฮ่องเต้ทรงไร้เดียงสาเหลือเกิน

เยี่ยนจิ่วเฉาหันหน้าไปมองเหล่าขุนนางซึ่งยืนอยู่แน่นขนัด ทอดถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ข้ามาสาย แต่ว่าทุกท่านล้วนแต่แต่งงานแล้ว คงเข้าใจกระมังว่าเหตุใดข้าจึงมาสาย”

ทุกคนมุมปากกระตุก

เจ้ามาช้าแค่เพราะอยากบอกเรื่องนี้กับพวกข้ารึ?!!

“อา ใช่สิ” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นคล้ายกับนึกบางอย่างออก “แต่งงานไปแล้วหลายปี ท่านทั้งหลายและฮูหยินก็เพียงให้เกียรติกันดังแขกที่มาเยือน ไม่เหมือนกับข้า ส่วนเหตุผลว่าทำไมข้ามาช้า ข้าก็ได้บอกไปแล้ว”

เหล่าขุนนาง “…”

เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว! พวกข้ารู้แล้ว!

ฮ่องเต้ยกมือปิดตา ไม่อยากจะมอง

เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังรองเสนาบดีกรมพิธี “รองเสนาบดีหลี่หวีผมได้งามเหลือเกิน ฮูหยินหวีให้หรือไม่?”

รองเสนาบดีหลี่หน้าชื่นอกตรม กล่าวว่า “บ่าวหวีให้ ข้า…ไม่สู้คุณชายเยี่ยน มีฮูหยินที่มีความสามารถ”

นั่นเป็นเพียงคำชม เขาไม่เคยพบอวี๋หวั่น ไหนเลยจะรู้ว่าอวี๋หวั่นมีความสามารถหรือไม่

เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องมวยผมของเขาพลางเลิกคิ้ว “โอ้ ดูออกด้วยหรือ?”

รองเสนาบดีหลี่ซึ่งรู้สึกราวกับถูกบังคับให้ฟังบทละครน้ำเน่า “…!! ”

หากผู้ใดคิดว่าเขาเล่นลูกไม้เช่นนี้เพียงเพื่อโอ้อวดความรักของคู่ข้าวใหม่ปลามันและ ‘มวยผมสูงทะลุฟ้า’ ที่อวี๋หวั่นเกล้าให้ ก็นับว่าออกจะไร้เดียงสาไปสักหน่อย

เยี่ยนจิ่วเฉาถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เฮ้อ ข้าเองก็รู้ว่าข้าผิดที่มาสาย ข้าจึงเตรียมของขวัญมาเพื่อขอโทษทุกท่านโดยเฉพาะ”

เจ้ามีเวลาเตรียมของขวัญ แต่ไม่มีเวลามาให้เร็วอีกสักหน่อย? นี่มันตรรกะอะไรกัน?!

แต่จะว่าไปแล้ว เมืองเยี่ยนรวยล้นฟ้า ของขวัญของคุณชายเยี่ยนย่อมต้องไม่ธรรมดา ผู้คนด้านหนึ่งก็ก่นด่า อีกด้านหนึ่งก็อดรนทนไม่ไหวอยากเห็นว่าของขวัญคืออะไร

เยี่ยนจิ่วเฉาโบกมือไปด้านนอกตำหนักจินหลวน จากนั้นก็มีองครักษ์จากเรือนคุณชายสองคนยกตะกร้าสีทองหรูหราอร่ามเรืองเข้ามา ตะกร้าใบนั้นคลุมด้วยผ้าสีแดง

ตะกร้าใบนั้นทำจากทองคำ ของด้านในเล่า…

ผู้คนจับจ้องจนตามันขลับ ทันใดนั้นเอง องครักษ์ก็เปิดผ้าสีแดงออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในตะกร้า

เอ๊ะ…

ไหนบอกว่าเป็นของไม่ธรรมดาอย่างไรเล่า? ไฉนจึงเป็นไข่ไก่สีแดง[1]หนึ่งตะกร้าไปได้?!

ใคร…ใครหน้าไหนอยากได้ไข่ไก่เหล่านี้กัน?

เยี่ยนจิ่วเฉายิ้ม กล่าวว่า “โชคดีมักมาเป็นคู่ คนละสองฟอง”

ให้แค่สองฟองเองรึ!

องครักษ์เริ่มแจกจ่ายไข่ไก่

เคยแต่ได้ยินว่าชาวบ้านทั่วไปเมื่อคลอดลูกจะนำไข่ไก่สีแดงมอบให้กันเป็นของขวัญ ไม่ยักเคยเห็นผู้ใดมอบไข่ไก่ให้ผู้อื่นในโอกาสที่ตนแต่งงานและเข้าหอ ทั้งยังนำมาแจกกลางท้องพระโรง! วิปลาสไปแล้วหรืออย่างไร?!

องครักษ์แจกไข่ไก่ให้แก่เหล่าขุนนางจนในตะกร้าเหลือไข่ไก่เพียงสองฟอง

“โอ้ พอดีเลย” เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบไข่ไก่สีแดงคู่สุดท้าย สาวเท้าขึ้นบันไดไป แล้วเดินไปเบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ไข่ของท่านพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ทรงมองไข่ไก่บนฉลองพระองค์ซึ่งเพิ่มมาสองฟอง “…”

“อะ…องค์ชายรองขอรับ!” องครักษ์เอ่ยปากเตือนเยี่ยนจิ่วเฉาว่ายังเหลือองค์ชายรองอีก

เยี่ยนจิ่วเฉาหันหน้าไป แล้วร้อง ‘โอ้’ ออกมา “องค์ชายรองไม่มีไข่รึ? ไม่มีเลยแม้แต่ฟองเดียว?”

องครักษ์ตอบว่า “ไม่มีขอรับ องค์ชายรองไม่มีไข่ขอรับ!”

พรืดด…

รองเสนาบดีหลี่หลุดหัวเราะออกมา

เยี่ยนไหวจิ่งอยากจะบ้าตาย

……

อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าสามีของตนกระตือรือร้นลุกขึ้นจากเตียงก็เพื่อไปแจกไข่ไก่สีแดงในตำหนักจินหลวน เธอคิดว่าเขามีธุระ และยังอดรู้สึกปวดใจแทนเขาไม่ได้ คำสาปที่ทนมาตลอดหลายปีนั้นอันตรธานไปในชั่วข้ามคืน แต่ถึงแม้จะไม่มีคำสาปแล้ว ร่างกายก็ยังคงอ่อนแรงอยู่ ยังคงต้องพักฟื้นและบำรุงร่างกายเสียก่อน ทำไมต้องรีบเข้าวังขนาดนี้ด้วย?

อวี๋หวั่นทอดถอนใจ “เฮ้อ เจ้าว่าคุณชายบ้านเจ้าจะทรมานขนาดไหน? ไม่ได้นอนทั้งคืน ยังต้องปีนขึ้นจากเตียง ต้องเหนื่อยมากจนไม่มีแรงเดินเป็นแน่”

จื่อซู “…”

พวกเราพูดถึงคุณชายคนเดียวกันใช่ไหมเจ้าคะ?

หลังจากที่อวี๋หวั่นกินอาหารบนเรือเสร็จก็ให้เจียงไห่เตรียมรถม้ากลับจวน ขณะที่นั่งรถม้าผ่านโรงน้ำชา อวี๋หวั่นก็เห็นขนมอิงเถากรอบทำสดใหม่ จึงลงไปซื้อด้วยตนเองหนึ่งกล่อง ขณะที่กำลังจะเดินขึ้นรถม้า ก็พบว่ามีรถม้าคันหนึ่งมาจอดอยู่ตรงหน้าของเธอ

………………………………..

[1] ไข่ไก่สีแดง ไข่ต้มย้อมด้วยสีแดง มักใช้สำหรับมอบเป็นของขวัญ แสดงถึงความมงคล

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

Status: Ongoing

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร

เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน

ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน…

ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?!

สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย

บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป…

วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย?

ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้…

“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง

“เรียกแม่สิ”

เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท