หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 146.1 หมอเทวดาหวั่นหวั่น ทูตหนานจ้าว (1)

บทที่ 146.1 หมอเทวดาหวั่นหวั่น ทูตหนานจ้าว (1)

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 146.1 หมอเทวดาหวั่นหวั่น ทูตหนานจ้าว (1)
อวี๋หวั่นหันไปมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “คุณหนูเซียว?”

เซียวจื่อเยว่คลี่ยิ้มน้อยๆ “พี่สะใภ้”

อวี๋หวั่นตกตะลึงกับคำว่าพี่สะใภ้ แต่ในไม่ช้าก็รู้สึกตัวว่าแท้จริงเธอก็คือพี่สะใภ้ของนาง หากมีใครเรียกเธอเช่นนี้ เธอก็ควรจะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังล้อเลียนเธอ ทว่าเซียวจื่อเยว่ไม่มีทาง

อวี๋หวั่นมองไปด้านหลังเซียวจื่อเยว่

เซียวจื่อเยว่หันมองตามสายตาของเธอ “มีอันใดหรือพี่สะใภ้? ท่านกำลังมองหาสิ่งใด?”

อวี๋หวั่นถอนสายตากลับ พลางส่ายหัว “ไม่มีอันใด”

ในความเป็นจริง ตอนที่เธอเข้ามาในสวนเล็กๆ เธอรู้สึกถึงสายตาที่ตกกระทบร่างของเธอซึ่งไม่อาจละเลยได้ ที่แท้ก็เป็นเซียวจื่อเยว่หรอกหรือ?

หัวใจของอวี๋หวั่นผ่อนคลายลง ริมฝีปากของเธอพลันยกยิ้ม “เมื่อครู่ ข้าไม่เห็นท่านที่โถงด้านหน้า”

เซียวจื่อเยว่ยิ้มและเอ่ยเบาๆ “ข้าไม่ได้ไปร่วมพิธีบวงสรวงสวรรค์ ข้ามาทีหลังกับท่านแม่ ท่านแม่ของข้ากำลังสนทนาอยู่กับสตรีสองสามคนที่ห้องชุนฮุย ข้าเห็นท่านเดินอยู่ที่ทางเดินจึงมาหา คงไม่ได้ทำให้ท่านตกใจหรอกกระมัง?”

อวี๋หวั่นแย้มยิ้ม “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?”

ที่แท้ก็มาหาเธอโดยเฉพาะ พบกันไม่ถึงสองครั้ง แล้วเธอยังเป็นศัตรูหัวใจที่มองไม่เห็น สาวน้อยคนนี้กังวลเกินไปหรือไม่?

“ปีนี้ท่านอายุเท่าใดหรือ?” อวี๋หวั่นถาม

“สิบสี่ อีกสามเดือนจะสิบห้า” ระหว่างพี่สาวน้องสาวที่มีความสัมพันธ์อันดีก็มักจะถามอายุกันและกัน เซียวจื่อเยว่ไม่รู้สึกว่าคำถามนี้ผิดปกติแต่อย่างใด จึงตอบอย่างตรงไปตรงมา

เด็กคนนี้ ไยจึงตอบทุกอย่าง? ตนแค่ถามไปอย่างนั้น มิได้คาดหวังว่านางจะตอบ

อวี๋หวั่นไม่สงสัยเลยว่าหากเธอถามถึงบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของนาง นางก็คงตอบทั้งหมดอย่างตรงไปตรงมา ช่างเป็นเด็กที่โง่เขลาเสียจริง มิน่าถึงได้ถูกจ้าวเหิงหลอก

ทันใดนั้น เซียวจื่อเยว่ก็จับมืออวี๋หวั่น

แขนของอวี๋หวั่นแข็งทื่อ

นอกจากลูกและสามี เธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับการใกล้ชิดผู้คนนัก ถึงในชนบทเธอจะอาศัยอยู่กับท่านแม่ในห้องเดียวกัน ทว่าเธอก็พยายามไม่แตะต้องท่านแม่ แม้ต่อมาจะได้พบกับไป๋ถัง ไป๋ถังก็ไม่ได้มีนิสัยที่น่ารำคาญ เด็กผู้หญิงคนนี้ทำตัวสนิทสนมเกินไปแล้วใช่หรือไม่?

พี่น้องสตรีต่างก็อยู่ด้วยกันเช่นนี้ เซียวจื่อเยว่คุ้นเคยและรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ปกติมาก

แต่พี่น้องสตรีไม่รู้ว่านางเป็นโรคนั้น พี่สะใภ้รู้ แต่พี่สะใภ้ก็ไม่ได้มองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด พี่สะใภ้ไม่รังเกียจนาง นางชอบพี่สะใภ้

อวี๋หวั่นไหนเลยจะรู้ว่าในหัวของเด็กคนนี้ช่างคดเคี้ยว

อวี๋หวั่นกระแอมในลำคอ ขณะที่กำลังจะถอนมือออกอย่างใจเย็น เธอก็เห็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก รูปร่างท้วมเดินมาพร้อมกับสาวใช้สองคน

เดิมทีอวี๋หวั่นไม่ได้สนใจอีกฝ่าย ทว่าอีกฝ่ายกลับตรงเข้ามาหาเธอกับเซียวจื่อเยว่

หญิงสาวเหลือบมองอวี๋หวั่นก่อนจะเมินหน้าหนี และทันใดนั้นก็หันกลับมา ราวกับจำบางสิ่งบางอย่างได้ นางเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา “เจ้า…เจ้าเองรึ?”

สายตาของอวี๋หวั่นตกกระทบใบหน้าของอีกฝ่าย ความทรงจำที่อวิ๋นสุ่ยเจียนพรั่งพรูออกมา อวี๋หวั่นก็จำนางได้ “เจ้าเอง”

เซียวจื่อเยว่มองไปที่อวี๋หวั่นสลับกับหญิงสาว “จื่อหลิน พวกเจ้ารู้จักกันหรือ?”

คราวนี้เป็นอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นมองไปที่เซียวจื่อเยว่ “พวกท่านรู้จักกันหรือ?”

เซียวจื่อเยว่กล่าว “นางเป็นน้องสาวคนที่สามของข้า เซียวจื่อหลิน”

“จากมารดาคนเดียวกันรึ?” อวี๋หวั่นถาม

สีหน้าของเซียวจื่อหลินเปลี่ยนไป

เซียวจื่อเยว่ไอเล็กน้อยก่อนจะกระซิบ “จื่อหลิน เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเมิ่งอี๋เหนียง[1]”

อวี๋หวั่นอุทานอย่างเข้าใจ บุตรอนุภรรยา คุณหนูที่เกิดจากอนุภรรยาเพียงคนเดียวของจวนเซียว ผู้วางอำนาจบาตรใหญ่ที่อวิ๋นสุ่ยเจียน เธอก็นึกว่าเป็นบุตรีขุนนางที่ใด แต่จวนสกุลเซียวเป็นจวนแม่ทัพ เช่นนั้นหญิงสาวที่เกิดจากอนุภรรยาก็นับว่าเหนือกว่าสามัญชนระดับหนึ่ง

จะว่าไปแล้ว เป็นเวลาเพียงเดือนกว่าๆ ที่ไม่พบกัน คุณหนูสามของสกุลเซียวดูเหมือนเจ้าเนื้อขึ้นกว่าเดิม มิใช่ว่านางอยากใส่เสื้อผ้าที่แม่นางเมิ่งตัดเย็บหรอกหรือ? โตขึ้นทุกวันเช่นนี้จะยัดเข้าไปได้อย่างไร?

เซียวจื่อหลินแยกมือทั้งสองที่จับกันอยู่ออก พลางดึงเซียวจื่อเยว่ และจ้องอวี๋หวั่นอย่างถมึงทึง “พี่รอง ไยท่านมาอยู่กับนางได้? อย่าไปเสวนากับนาง! นางมิใช่คนดี!”

เซียวจื่อเยว่ดุด้วยเสียงเบา “อย่าเสียมารยาท นางเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า”

เซียวจื่อหลินกลอกตา “พี่ใหญ่ของข้าตายไปนานแล้ว ข้าจะมีพี่สะใภ้ได้อย่างไร?”

“ก็คุณชายเยี่ยนไง” เซียวจื่อเยว่กล่าว

เซียวจื่อหลินผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลอกตาสูงกว่าเดิม “เขาก็ไม่ใช่พี่ใหญ่ของข้า! พี่ใหญ่ของข้ามีคนเดียว คือเซียวเหยี่ยน!”

อวี๋หวั่นแอบรู้สึกตลก หากเด็กผู้หญิงคนนี้คิดจะทำเช่นนี้ให้เธออับอาย นางคงคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป นางเป็นใครกัน ถูกนางนับว่าเป็นพี่ชายพี่สะใภ้ แล้วมีเรื่องใดน่ายินดีเป็นเกียรติ?

คำว่าพี่สะใภ้ที่เซียวจื่อเยว่เรียก เธอยังไม่รู้สึกอะไรเลย

อวี๋หวั่นคร้านจะใส่ใจกับคนโง่ จึงกลับหลังหันและเดินออกจากสวนขนาดเล็กไป

“พี่…” เซียวจื่อเยว่

“พี่รอง!” เซียวจื่อหลินขัดจังหวะนางได้ทันเวลา พลางจ้องไปด้านหลังของอวี๋หวั่นอย่างไม่พอใจ “เมื่อครู่ท่านไม่เห็นสีหน้าท่าทางของนางรึ? นางไม่สนใจเรา! นางดูถูกคน!”

“นางไม่สนใจเจ้า!” เซียวจื่อเยว่กล่าวอย่างโกรธเคือง

อย่ามองเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่อ่อนหวานนุ่มนวลของเซียวจื่อเยว่ เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นบุตรีของภรรยาหลวง บางครั้งก็ฉุนเฉียวเมื่อถูกบีบบังคับให้รู้สึกกดดัน

เซียวจื่อหลินกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “พี่รอง ท่านดุข้า!”

เซียวจื่อเยว่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ก็เจ้าทำผิด! นางเป็นภรรยาของคุณชายเยี่ยน ตามหลัก เจ้าควรเรียกนางด้วยความเคารพว่าฮูหยินคุณชายเยี่ยน ตามความสัมพันธ์ เจ้าต้องเรียกนางว่าพี่สะใภ้ สถานะของนางสูงส่งกว่าเจ้า แต่เจ้าดูสิ ว่าเจ้าปฏิบัติต่อนางเช่นไร? นางไม่กล่าวโทษเจ้าตรงนี้ก็นับว่าจิตใจกว้างขวางแล้ว!”

พี่รองชอบวางมาดบุตรีภรรยาหลวง ทำเหมือนว่านางฉลาดที่สุดในโลก เซียวจื่อหลินกลอกตาในใจ ทว่าใบหน้ากลับเรียบเฉย อย่างไรเสียแม่ของเซียวจื่อเยว่ก็เป็นฮูหยินใหญ่แห่งจวนสกุลเซียว ตนและอี๋เหนียงจะทำสิ่งใดก็ยังต้องดูสีหน้าของสตรีผู้นั้น

“ใช่ๆๆ ข้าผิดเอง พี่รองท่านยกโทษให้ข้าสักครั้งก็แล้วกัน” เซียวจื่อหลินกอดแขนเซียวจื่อเยว่ พลันทำหน้ายิ้มระรื่น

เซียวจื่อเยว่ถอนหายใจ “หลังจากนี้ พี่สะใภ้คงไม่อยากคุยกับข้าแล้ว”

เซียวจื่อหลินส่งเสียงหัวเราะเยาะ ผู้หญิงแบบนั้นมีอันใดให้น่าเสวนาด้วย? นางได้ยินมาหมดแล้ว เป็นหญิงบ้านนอกจากชนบทที่ปีนขึ้นเตียงคุณชายเยี่ยน เพื่อใช้บุตรบังหน้าให้ตนได้แต่งงานเข้าจวนคุณชาย

ไม่น่าแปลกใจที่กล้าแย่งชุดจากนาง คนบ้านนอกชั้นต่ำ!

“ไปละ” เซียวจื่อเยว่ขมวดคิ้วมองเซียวจื่อหลินอย่างไม่พอใจที่ทำให้อวี๋หวั่นจากไป น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย

เซียวจื่อหลินเบะปากแล้วเดินตามไป

สองพี่น้องเข้าไปยังห้องชุนฮุย ฮูหยินใหญ่เซียวกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไปกับมิตรสหายของนาง เมื่อนางเห็นบุตรสาวเดินมาหา ก็จับมือนางอย่างอ่อนโยน “ไปเที่ยวเล่นที่ใดมา?”

เซียวจื่อเยว่ทำท่าทีเนือยๆ ไม่อยากเอ่ยสิ่งใด

สายตาแข็งกร้าวของฮูหยินใหญ่เซียวตกกระทบร่างของบุตรีภรรยาน้อย เซียวจื่อหลินตกใจตัวสั่น รีบก้มหัวลงฉับพลัน

ฮูหยินใหญ่เซียวถอนสายตากลับมา พลางตบมือบุตรสาวเบาๆ “พี่น้องสตรีของเจ้าก็มากันแล้ว กำลังเล่นปาลูกดอกลงเป้าอยู่ที่สวนด้านหลัง เจ้าก็ไปเถิด”

เซียวจื่อเยว่ทอดถอนใจพลางเดินจากไป

เซียวจื่อหลินก็รีบเร่งรุดเดินตามไปทันที เซียวจื่อหลินสัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาของฮูหยินใหญ่อย่างชัดเจน นางรู้ว่าฮูหยินใหญ่กำลังโทษนางอีกครั้ง ไยเซียวจื่อเยว่อารมณ์ไม่ดีแล้วต้องตำหนินางเสมอ? เป็นแบบนี้ทุกที!

เซียวจื่อหลินโกรธแค้นเหลือทน แต่อย่างไรนางก็ไม่กล้าโกรธแม่ใหญ่ ทำได้เพียงเกลียดอวี๋หวั่นมากขึ้นเท่านั้น

ต้องโทษผู้หญิงคนนี้!

ครั้งก่อนก็แย่งชุดนาง มาครั้งนี้ก็แย่งพี่สาวนางอีก!

แม้ว่าเซียวจื่อเยว่จะมีนิสัยขี้งอน แต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง หากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นสร้างเรื่องขัดขานาง พี่สาวจะพาลโกรธนางได้อย่างไร?

ยิ่งเซียวจื่อหลินคิดเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งโกรธแค้นมากขึ้นเท่านั้น จึงตัดสินใจจะให้บทเรียนแก่อวี๋หวั่น

เซียวจื่อหลินใช้ข้ออ้างไปห้องน้ำ พาสาวใช้สองคนออกมาจากสวนด้านหลัง

ขณะที่กำลังเดินดูรอบๆ จวน นางก็สังเกตว่าใกล้กับสวนดอกไม้ขนาดเล็ก มีป่าท้อซึ่งเต็มไปด้วยลูกท้อหวานฉ่ำชวนให้คนน้ำลายสอ การเก็บลูกท้อของเฉิงอ๋องโดยพลการคงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ทว่าเป้าหมายของนางไม่ใช่ลูกท้อเหล่านั้น แต่เป็นหนอนที่อยู่บนต้นท้อ

ในตัวนางมีขวดเครื่องเคลือบขนาดเล็กที่ใส่ผลไม้แช่อิ่ม นางเทผลไม้แช่อิ่มออก และให้สาวใช้จับหนอนดำขนปุยสองสามตัวใส่ลงไปในขวดเครื่องเคลือบ

นางคิดไว้ว่า อีกไม่นานเมื่อนางเจออวี๋หวั่น ก็จะเทหนอนใส่บนร่างนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคอเสื้อ หากเป็นเช่นนั้นนางจะต้องอับอายต่อหน้าสาธารณชนเป็นแน่

ขณะที่เซียวจื่อหลินจินตนาการถึงฉากนั้นก็หัวเราะตัวโยน นางให้สาวใช้ถือขวดเครื่องเคลือบ แล้วนางก็พาสาวใช้ไปตามหาอวี๋หวั่น

สถานที่รับรองแขกสตรีคือที่เรือนฉงอัน ห้องชุนฮุย ห้องเซี่ยสี่ ห้องชิวเฟิง และห้องตงเซว่ในเรือนล้วนเป็นสถานที่ที่แขกสตรีมาสนทนาเรื่องทั่วไป สถานที่กินเลี้ยงอยู่ในห้องโถงด้านข้าง ซึ่งอวี๋หวั่นกำลังจะไปเข้าร่วม แต่ไหนเลยจะรู้ว่าเดินไปได้เพียงครึ่งทาง เธอก็ถูกเซียวจื่อเยว่ดึงออกมา

เซียวจื่อเยว่มาเรียกให้เธอเล่นปาลูกดอกลงเป้า

เรื่องแบบนี้ส่งสาวใช้สักคนมาก็ได้ แต่เซียวจื่อเยว่กลับมาด้วยตนเอง เพื่อแสดงถึงความจริงใจของนาง

สตรีผู้นี้มีความเพียรพยายามยิ่งนัก

อวี๋หวั่นถาม “ปาลูกดอกลงเป้ามีวางเงินเดิมพันหรือไม่”

“มีจ้ะ มี!” เซียวจื่อเยว่พยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียม

อวี๋หวั่นคลี่ยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าคงต้องจับกระเป๋าไว้ให้แน่นแล้วละ”

ทั้งสองพูดคุยกันขณะที่เดินผ่านสวนดอกไม้ เซียวจื่อหลินมองทั้งสองที่กำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน พลันขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ไยไม่เห็นพี่สาวของนางครู่เดียว ก็มายุ่งกับสตรีผู้นี้อีกแล้ว?

เซียวจื่อเยว่ดึงอวี๋หวั่นไปที่สวนด้านหลัง และแนะนำอวี๋หวั่นให้พี่น้องสตรีของนางรู้จัก พร้อมกับแนะนำพี่น้องสตรีให้อวี๋หวั่นรู้จักเช่นกัน

เซียวจื่อหลินซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ และถามสาวใช้ทั้งสองที่อยู่ด้านข้าง “พร้อมหรือยัง?”

สาวใช้เทหนอนลงบนใบไม้ พร้อมกับถือกิ่งไม้แห้งเรียวยาว และเอ่ยอย่างพร้อมเพรียงกัน “พร้อมแล้วเจ้าค่ะ”

เซียวจื่อหลินเอ่ย “ยังไม่รีบลงมืออีก?”

ทั้งสองใช้กิ่งไม้แห้งเขี่ยหนอน เด้งไปใส่ร่างของอวี๋หวั่น

ทั้งสองควบคุมแรงได้เป็นอย่างดี และสามารถใส่หนอนลงในคอเสื้อของอวี๋หวั่นได้โดยไม่ผิดพลาด แต่สิ่งที่ผิดพลาดก็เกิดขึ้น เซียวจื่อเยว่รีบวิ่งมาด้วยรอยยิ้ม พลันจับแขนของอวี๋หวั่นอย่างสนิทสนม “พี่สะใภ้เก่งที่สุด!”

ซวยแล้ว!

คำนั้นมิได้ออกจากปากคนทั้งสอง หนอนสีดำตัวเล็กๆ สองตัวบินตรงเข้าไปในเสื้อผ้าของเซียวจื่อเยว่แทน

……………………………………………

[1] อี๋เหนียง คือ ตำแหน่งหรือคำเรียกของอนุภรรยา

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

Status: Ongoing

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร

เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน

ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน…

ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?!

สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย

บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป…

วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย?

ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้…

“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง

“เรียกแม่สิ”

เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท