ขณะที่ชิงเหยียนกำลังสงสัยว่าคนผู้ที่มาถึงคือใคร เหตุใดต้องทำลับๆ ล่อๆ เงานั้นก็เข้ามาประชิดรถคุมขังนักโทษแล้ว
เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ชิงเหยียนก็ตื่นตะลึงทันใด
อาโต้ว?!
เจ้าไม่ได้ตกลงมาจากหน้าผาหรอกหรือ?
ละ…แล้วก็ไม่น่าจะรอดด้วย?
ใบหน้าบวมเป่งเป็นหัวหมูของอาโต้วบวมน้อยลงแล้ว ตอนนี้มีเพียงรอยเขียวช้ำ ชิงเหยียนจ้องมองเขาราวกับเห็นผี
ไม่เพียงแต่ชิงเหยียน แม้แต่อาม่า เยว่โกว และอาเว่ยก็ตะลึงงันเช่นกัน
องครักษ์เงยหน้าขึ้นและเหลือบไปเห็นเงาคนบนพื้น แต่เมื่อหันไปมอง เงาของอาโต้วก็อันตรธานหายไป และเขาก็ถูกอาโต้วจัดการจนหมดสติไป
อาโต้วจับเขาไว้ และปล่อยให้เขานอนลงบนพื้นอย่างเงียบเชียบ
อาโต้วตรงมายังรถคุมขังนักโทษ หมายจะใช้มือเปล่าทำลายกรงขัง
ชิงเหยียนจึงบอกว่า “ไม่มีประโยชน์หรอก กรงนี้ทำจากเหล็กกล้าหมื่นปี มีเพียงกุญแจเท่านั้นที่จะเปิดออก”
อาโต้วจึงเดินกลับไปยังองครักษ์ซึ่งนอนสลบเหมือดอยู่ที่พื้น เขานั่งยองลงหากุญแจ แต่กลับไม่พบอะไร
“ผู้ใดกัน” องครักษ์อีกคนหนึ่งเดินกลับมาแล้ว เมื่อเห็นว่าเพื่อนหมดสติไป และข้างกายของเพื่อนก็ยังมีเงาคน
แปลกหน้าซึ่งดูเหมือนกำลังค้นหาบางอย่างอยู่ ในใจของเขาก็พลันหวาดระแวงขึ้นทันใด ทว่ายังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง ก็ถูกอาวุธลับของอิ่งลิ่วยิงเข้าที่คอแล้ว
เขาตาเหลือกแล้วล้มลง
อิ่งลิ่วปราดเข้าไปรับเขาไว้ ดึงกุญแจซึ่งแขวนไว้ที่เอวของเขาออกมา แล้วจับเขาไปวางไว้ข้างองค์รักษ์อีกคนหนึ่ง
ชิงเหยียนมองไปยังอิ่งลิ่วซึ่งเดินถือกุญแจเข้ามา แล้วเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “เจ้ามาได้อย่างไร เจ้าไม่ได้ไปหาอาหวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉาหรอกหรือ?”
“อะแฮ่ม” เยี่ยนจิ่วเฉายืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยสีหน้ารำคาญใจ
ชิงเหยียนหันหน้าไปมอง ก็พบว่ามีเงาของคนสองคนยืนอยู่ หรือว่าจะเป็นเยี่ยนจิ่วเฉากับอิ่งสือซัน?
ชิงเหยียนมีสีหน้าเคร่งขรึมในทันใด “อะไรกัน! เยี่ยนจิ่วเฉาก็มาด้วยหรือ? ที่นี่มันอันตรายไม่รู้หรือไง?”
คนอื่นๆ เสี่ยงชีวิตมาถึงที่นี่ยังพอเข้าใจได้ แต่เยี่ยนจิ่วเฉาไร้วรยุทธ์ ร่างกายยังอ่อนแอเพราะยาพิษ หากเกิดอะไรขึ้นก็คงจะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่!
อาโต้วไม่รู้ว่าสภาพร่างกายของเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นอย่างไร แต่เจ้าสองคนนี้มีหรือจะไม่รู้?
ชิงเหยียนโมโหจนควันออกหู!
อิ่งลิ่วเบ้ปาก “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกข้าไม่ได้ห้าม?”
แต่เรื่องที่คุณชายตัดสินใจแล้ว ใครจะไปห้ามได้?
อิ่งสือซันกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าหากไม่มีคุณชาย พวกเราก็เข้ามาที่นี่ไม่ได้ รีบไขกุญแจเถอะ อยู่ที่นี่นานไม่ดี ออกจากวังหลวงก่อน เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกัน”
“อื้ม!” อิ่งลิ่วไขกุญแจอย่างว่าง่าย
“อาม่า” ชิงเหยียนพยุงอาม่าลุกขึ้น
เยว่โกวกับอาเว่ยยื่นมือออกมาช่วยพยุงอาม่าออกมาจากรถคุมขังนักโทษ
อิ่งลิ่วพยุงเขาลงมา จากนั้นก็ยื่นมือไปช่วยทั้งสามคนเช่นกัน
ชิงเหยียนและเยว่โกวให้คนอายุน้อยที่สุดอย่างอาเว่ยลงจากรถก่อน จากนั้นชิงเหยียนก็ให้เยว่โกวลงจากรถ แล้วจึงปัดหน้าตักและตามลงมา
“ใช่สิ แล้วอาหวั่นละ? นางไม่เป็นไรใช่ไหม?” ชิงเหยียนถาม
อิ่งลิ่วตอบว่า “ฮูหยินน้อยไม่เป็นไร นางรออยู่กับซิวหลัวข้างนอก เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว รีบไปกันเถอะ!”
“ยังไปไม่ได้!” ชิงเหยียน อาเว่ย และเยว่โกวเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
อาโต้วและเยี่ยนจิ่วเฉามองพวกเขาอย่างไม่เข้าใจ
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของชิงเหยียน “เยว่โกวก็รู้หรือ?”
เยว่โกวกระแอม “เพิ่ง…เพิ่งรู้”
ชิงเหยียนเดือดดาลในทันใด
ถ้าหากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยและเวลาบีบคั้นเช่นนี้ เขาอยากจะจัดการเจ้าสองคนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด!
มิน่าเล่าอาเว่ยถึงทำตัวลับๆ ล่อๆ มาตลอดทาง ยกอาหารไปกินเสียมากมายราวกับคนท้องยุ้งพุงกระสอบ ที่แท้ก็แอบพาเด็กสามคนมาด้วยนี่เอง!
เยว่โกวก็อีกคน รู้เรื่องที่ไม่ยอมเล่า ร้ายกาจไม่ต่างกัน!
อิ่งลิ่วเอ่ยถามด้วยสีหน้าตะลึงงัน “ทำไมหรือ?”
เยว่โกวก้มหน้ามองปลายนิ้ว
ชิงเหยียนมองอาเว่ยและเยว่โกวอย่างเหลืออด พลางถอนหายใจออกมายาวๆ “พวกต้าเป่าอยู่ข้างใน”
ทุกคนล้วนตะลึงงัน
ชิงเหยียนกล่าวว่า “ตอนนี้…ยังไม่มีเวลาอธิบาย ไปตามหาเด็กๆ ก่อนเถอะ! พวกเขาคงจะหิว จึงเข้าไปหาของกิน”
เยี่ยนจิ่วเฉาสาวเท้าหมายจะเดินเข้าไปด้านใน อิ่งสือซันหยุดเขาไว้ “คุณชาย! ข้าจะเข้าไปตามหาคุณชายน้อยเองขอรับ ท่านลงเขาไปก่อน เรื่องอื่นข้าจะทำตามที่ท่านบอก แต่เรื่องนี้เห็นจะไม่ได้นะขอรับ”
พูดจบ เขาก็ไม่รอให้เยี่ยนจิ่วเฉาตอบสนองหรือส่งสัญญาณแต่อย่างใด จับเยี่ยนจิ่วเฉาขึ้นพาดบนหลังของอิ่งลิ่วทันที “อิ่งลิ่ว เจ้าพาคุณชายไปก่อน!”
อิ่งลิ่วส่งสายตาให้อิ่งสือซัน
หรือว่าเจ้าจะพาคุณชายออกไป? แล้วข้าไปหาคุณชายน้อย?
อิ่งสือซันยกมือขึ้นประสานกัน “ล่วงเกินแล้ว คุณชาย!”
พวกเขายอมให้คุณชายขึ้นเขามา ก็เพราะหากไม่ใช่คุณชาย ก็คงไม่มีผู้ใดผ่านเส้นทางนี้มาได้ แต่การตามหาเด็กทั้งสามคนนั้น พวกเขาสามารถทำหน้าที่แทนได้
“อาโต้ว เจ้าพาคุณชายกับอาม่าลงเขา พวกข้าจะไปตามหาคุณชายน้อย”
“ข้าไปด้วย” ชิงเหยียนบอก
อาเว่ยและเยว่โกวก้าวเข้ามายืนด้านข้างชิงเหยียน
อิ่งสือซันมิได้ลังเล เขาพยักหน้ากับอาโต้ว “พวกเจ้าลงจากเขาเถอะ! กลไกของเส้นทางนี้ข้าจำได้แล้ว ไว้เจอกันที่เขตหวงห้าม”
อิ่งลิ่วแบกเยี่ยนจิ่วเฉา อาโต้วแบกอาม่า
“จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น!”
ฉิวอู๋หยาพาชางอิงและเหล่าองครักษ์เดินมาพร้อมกับจิตสังหารอันรุนแรง สายตาดุดันของพวกเขาตวัดมองไปยังกลุ่มคนซึ่งลอบงัดรถคุมขังนักโทษ เมื่อเขาเห็นอาโต้ว เขาก็หรี่ตาเล็กน้อย “เป็นเจ้า?”
อาโต้วหันหน้ามา “ข้าเปล่านะ!”
ฉิวอู๋หยาแค่นหัวเราะ “ประเสริฐจริงๆ ไม่กลับเผ่ามานานหลายปี ที่แท้ก็แอบไปคบหาคนพวกนี้นี่เอง!”
อาโต้วหันหน้าไป ถลึงตาใส่พร้อมกับปฏิเสธว่า “ไม่ใช่สักหน่อย! ข้าไปเป็นโจรลักม้าต่างหาก!”
พูดจบ ก็นึกได้ว่าตนเองถูกเปิดโปงเสียแล้ว จึงยกมือขึ้นมาปิดปากไว้
อู๋ฉิวหยากระจ่างในเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาแค่นเสียงขึ้นจมูก ในเมื่อมาที่นี่แล้ว ก็อย่าได้มีชีวิตรอดกลับไป อย่างมากก็เป็นได้แค่ซากศพกองหนึ่ง จากนั้นฉิวอู๋หยาก็ละสายตาจากพวกเขา
เขาพยายามกวาดสายตาหาสตรีผู้นั้น แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะในบรรดาคนนอกเผ่า มีเพียงบุรุษร่างกายกำยำสามคน และผู้ที่ถูกแบกไว้นั้นแลดูโดดเด่นที่สุด
“พวกเจ้าเป็นใคร” ฉิวอู๋หยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
อิ่งลิ่วแค่นเสียงขึ้นจมูกแล้วตอบไปว่า “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย? จะสู้ก็รีบสู้! จะผายลมก็รีบผายลม!”
ฉิวอู๋หยาหรี่ตา “ใช้ไม้อ่อนไม่ชอบ ต้องให้ใช้ไม้แข็ง องครักษ์ชาง ฝากเจ้าจัดการด้วย!”
ชางอิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “จับพวกเขามา! หากขัดขืน ก็ฆ่าทิ้งเสีย!”
องครักษ์กลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามา!
อิ่งสือซันชักกระบี่ออกมา “พวกเจ้าหนีไปก่อน!”
ชางอิงกระชับหอกยาวในมือ “ห้ามให้หนีไปแม้แต่คนเดียว!”
ชางอิงง้างหอกขึ้น ปลายหอกชี้ไปยังท้องฟ้า แล้วพุ่งหอกไปยังอิ่งลิ่วกับเยี่ยนจิ่วเฉา อาโต้วซึ่งกำลังแบกอาม่าอยู่ก็ปรี่เข้ามาถีบหอกยาวนั้นออก จากนั้นจึงดึงเยว่โกวมาและส่งอาม่าให้เขา “เจ้าพาท่านนักบวชหนีไป!”
เยว่โกวไม่รอช้า แบกอาม่าขึ้นหลัง แล้วมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้พร้อมกับอิ่งลิ่ว
ทางเข้าเส้นทางกลับนั้นอยู่ที่บ่อน้ำแห้งขอดในสวนดอกไม้
ฉิวอู๋หยาตวาดเสียงดังว่า “พวกเขาจะหนีแล้ว! ไปจับพวกเขาเดี๋ยวนี้!”
องครักษ์รักษ์นับสิบไล่ตามพวกเขามาในทันใด
ชิงเหยียนพุ่งเข้าไปขวางองครักษ์เหล่านั้นไว้
ชางอิงหรี่ตาด้วยความเย็นชา เขากระชับหอกยาวในมือ หมายจะปาหอกเล่มนั้นเข้าปลิดขั้วหัวใจของชิงเหยียน!
แกร็ก!
หอกยาวถูกฝ่ามือของอาโต้วตัดจนหัก!
การปะทะของทั้งสองฝ่ายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
อิ่งสือซันส่งสายตาให้อาเว่ย อาเว่ยเข้าใจทันที เขาไม่เข้าไปประสมโรงในการต่อสู้อีกต่อไป อิ่งสือซันหลอกล่อศัตรู อาเว่ยจึง ‘ถอย’ เข้าไปในเรือนของฉิวอู๋หยา
ในสายตาของผูู้อื่น อาเว่ยกำลังกระเสือกกระสนหาทางรอด ทว่าที่จริงแล้วเขากำลังจะไปตามหาลูกศิษย์ทั้งสามของเขา
เขาร้องเรียกเด็กๆ ไม่ได้ ทำได้เพียงเข้าไปหาตามห้อง
ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องที่สี่ ฉิวอู๋หยาก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทางน่ากลัวราวกับผี
“กำลังหาเจ้าพวกนี้อยู่รึ?” ฉิวอู๋หยายิ้มอย่างมีเลศนัย พร้อมกับคว้าเด็กคนหนึ่งออกมาจากด้านหลัง
“อาจารย์!” เสี่ยวเป่ายื่นมือออกไปหาอาเว่ย
นัยน์ตาของอาเว่ยเย็นเยียบในทันใด เขาเอื้อมมือเข้าไปคว้าลำคอของฉิวอู๋หยา ทว่าขณะที่เขากำลังจะคว้าลำคอของฉิวอู่หยานั้นเอง กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวก็กดเขาเอาไว้
อาเว่ยรู้สึกว่าร่างของตนแข็งเกร็งในทันใด ราวกับถูกกรอกด้วยตะกั่ว แม้แต่มือ เขาก็ยังยกขึ้นมาไม่ได้
นี่มัน…
อาเว่ยขมวดคิ้ว
ซิวหลัว?
เผ่าปีศาจมีซิวหลัวคนใหม่แล้วหรือ?
ไม่สิ นี่ไม่ใช่ซิวหลัว!
แม้ว่ากลิ่นอายจะแข็งแกร่งไม่ต่างกับซิวหลัว หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่กลับไม่มีพลังภายในอัน
บ้าคลั่งเฉกเช่นซิวหลัว ทว่ากลับมีพลังปราณของความกระหายเลือด
ท่านอ๋อง
………………