การควบคุมของสกุลซือคงเข้มแข็งเช่นนี้หรือ? เส้นทางลับนี้ควรถูกซ่อนไว้ไม่ใช่หรือ?
“อะแฮ่ม!” หลังจากเห็นดวงตาที่ดูโง่เขลาของอวี๋หวั่น ซือคงฉางเฟิงก็กระแอมในลำคอ ก่อนหน้านี้ทางลับนี้เป็นทางลับจริงๆ ไม่มีใครรู้นอกจากเจ้านายของสกุลซือคง อีกอย่างทางออกตั้งอยู่บนเส้นผ่านศูนย์กลาง ข้ารับใช้ผ่านไปมามากมาย มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่ระวังหลุดเข้าไป ปรมาจารย์เกลียดการถูกคนรบกวนความสงบ ผลคือปรมาจารย์ไม่พอใจ ข้ารับใช้ก็ตายไปโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ซือคงฉางเฟิงก็ยิ่งสับสน เด็กหญิงตัวเล็กๆ ผู้นี้ก็หลงเข้าไปในหมิงซาน แต่กลับไม่ถูกปรมาจารย์ฆ่าตาย ตามหลักแล้ว จิตสัมผัสของปรมาจารย์มีพลังมากกระทั่งแมลงวันตัวหนึ่งก็รับรู้ได้ นับประสาอะไรกับคนทั้งคน?
ไม่รู้ควรจะบอกว่าสตรีผู้นี้โชคดี หรืออารมณ์ของปรมาจารย์ดีขึ้นมาก
“เจ้ามาจากเรือนใด? จำทางได้หรือไม่?” ซือคงฉางเฟิงถาม
“จำได้” อวี๋หวั่นกล่าว
ซือคงฉางเฟิงพยักหน้า ไม่คิดชี้ทางให้อวี๋หวั่นอีก และเดินกลับไปที่เรือนของเขา
มองแผ่นหลังที่จากไปอย่างสง่างามของซือคงฉางเฟิง อวี๋หวั่นยื่นมือขึ้นตะโกนโดยไม่มีเสียง สัตว์พิษของข้า สัตว์พิษของข้า…
สัตว์พิษตัวน้อยกินอิ่มและหลับไปบนหลังของราชันหมื่นสัตว์พิษ~
อวี๋หวั่นไม่มีที่ไป จึงต้องกลับไปที่เรือนของซือคงอวิ๋น
ค่ำคืนอันเงียบสงัด อวี๋หวั่นเดาว่าซือคงอวิ๋นพักผ่อนแล้ว แต่ทันทีที่เดินเข้าไปในทางเดิน อวี๋หวั่นกลับได้ยินเสียงแปลกๆ
ก็ต้องโทษที่อวี๋หวั่นหูดีเกินไป จึงได้ยินแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวจากที่ไกลๆ
อวี๋หวั่นเดินผ่านไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คุณชายแย่จริงๆ~”
ในเวลานี้อวี๋หวั่นมั่นใจว่าตนเองได้ยินไม่ผิด นี่คือเรือนของซือคงอวิ๋น ไม่มีใครถูกเรียกคุณชายยกเว้นซือคงอวิ๋น
ซือคงอวิ๋นกำลังจะแต่งงาน แต่กลับมามั่วกับสตรีอื่นลับหลังสตรีศักดิ์สิทธิ์?
ไอ้สารเลว!!!
อวี๋หวั่นไม่ได้เห็นอกเห็นใจสตรีศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด เธอเพียงคิดว่าซือคงอวิ๋นเลวเกินไป เจอบุรุษเช่นนี้โชคร้ายแปดชั่วโคตร!
อวี๋หวั่นไม่สนใจจะฟังอีกต่อไป และกำลังจะกลับไปที่ห้อง ทันทีที่ยกเท้าขึ้นหมุนตัวกลับ ก็เห็นร่างเพรียวบางร่างหนึ่ง เธอตกใจสะดุ้ง “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์มองนางอย่างเย็นชา “ผู้ใดให้เจ้าออกมา”
อวี๋หวั่นยืดตัวขึ้นกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คนมีสามสิ่งเร่งด่วน ข้าอยากเข้าห้องส้วม ไม่ได้หรือ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เดินผ่านเธอด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง มุ่งหน้าไปที่ประตูเรือน
อวี๋หวั่นมองกลับไปทางห้องของซือคงอวิ๋น กลอกตาและเดินตามไป “นี่ เมื่อครู่เจ้าก็ได้ยินแล้วใช่หรือไม่?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจ
อวี๋หวั่นไม่สนใจว่านางจะชอบฟังหรือไม่ และยังกล่าวต่อไป “สงบเช่นนี้ ให้ข้าเดา นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่จับได้คาหนังคาเขากระมัง?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวน้ำเสียงเย็นชา “หนวกหู เชื่อหรือไม่ข้าจะดึงลิ้นของเจ้าออกมา?”
อวี๋หวั่นเม้มปาก เดินตามสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปสองสามก้าวและกล่าวอย่างอาจหาญ “ข้าไม่เข้าใจเลย ซือคงอวิ๋นผู้นี้ไม่ได้เรื่องเพียงนี้ ไยเจ้าจึงยกเลิกการแต่งงานกับคุณชายใหญ่ซือคงในยามแรก หันมาลงเอยกับเขาแทน? หรือคุณชายใหญ่ซือคงเลวเสียยิ่งกว่าเขา?”
ก้าวของสตรีศักดิ์สิทธิ์หยุดลง
แน่นอนซือคงฉางเฟิงไม่ได้เลว แต่เป็นถึงสุภาพบุรุษที่ร้อยปีก็หาได้ยากยิ่ง สกุลซือคงทั้งหมดต่างก็ไม่ได้เกลียดชังเขา แม้แต่ปรมาจารย์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ก็ยังโปรดปรานซือคงฉางเฟิง
อวี๋หวั่นกล่าวต่อ “หากไม่ใช่เพราะคุณชายใหญ่ซือคงทุเรศ เช่นนั้นเขาก็เป็นคนที่ดีทีเดียว ดีจนไม่อยากเกี่ยวดองกับเจ้า ไม่มีทางสมรู้ร่วมคิดกับเจ้า เจ้าไม่ชอบที่ตนไม่อาจควบคุมเขา จึงถอนการแต่งงานไปชอบคุณชายรอง หมาหัวเน่าอย่างซือคงอวิ๋น ให้หญิงงามสุดเย้ายวนกับเขาสักสองสามคนก็สามารถหลงระเริงในกามราคะ เจ้าควบคุมเขาได้ง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือเลยใช่หรือไม่? เป็นอย่างไร? ข้าเดาไม่ผิดกระมัง?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างเฉยเมย “เรื่องอันใดของเจ้า? แทนที่เจ้าจะคิดเรื่องคนอื่น ไม่สู้คิดว่าจะรักษาชีวิตตนไว้อย่างไรจะดีกว่าหรือ อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าจริงๆ!”
หากเจ้ากล้าฆ่าจะมามัวพูดมากอยู่ไย? อวี๋หวั่นสองตามองฟ้า
สตรีศักดิ์สิทธิ์เดินไปที่ประตูอีกครั้ง คราวนี้อวี๋หวั่นไม่ได้ตามนางไป
นึกไม่ถึงว่านางเดินไปได้สองสามก้าวก็หยุดลง ไม่รู้ว่านางกล่าวกับอวี๋หวั่นหรือตนเอง “บุรุษทุกคนในโลกล้วนต่ำช้าเหมือนกันหมด!”
“ผู้ใดกล่าวเช่นนั้น” อวี๋หวั่นโต้กลับ บุรุษรอบตัวเธอส่วนใหญ่เป็นสามีที่ดี มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ต่อภรรยาไม่เป็นอื่น เยี่ยนจิ่วเฉาก็เป็นหนึ่งในนั้น แน่นอนว่าบิดาของเธอกับพ่อสามีทั้งสองและลุงใหญ่ก็ไม่ต่างกัน แม้แต่ท่านปู่หนิวตั้นก็มีความรักอย่างลึกซึ้งกับฮูหยินผู้เฒ่า ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยมีอนุภรรยา
บิดาของสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นหลานเจียวที่แย่งไปจากมือพี่สาวของนาง สตรีศักดิ์สิทธิ์จึงไม่เชื่อในความจริงใจของบุรุษ ยามนี้ก็เช่นกัน
บนโลกนี้ไม่มีแมวที่ไม่ขโมยกิน และไม่มีบุรุษใดที่ไม่เปลี่ยนใจ
สิ่งที่เรียกว่าการแต่งงาน ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าการชั่งน้ำหนักข้อได้ข้อเสียระหว่างสองตระกูล
สตรีศักดิ์สิทธิ์เข้าใจความจริงข้อนี้ตั้งแต่นางยังเด็ก ซือคงอวิ๋นจะเป็นสามีเช่นไรนางไม่ได้สนใจ ทั้งหมดที่นางต้องการคืออำนาจของสกุลซือคง
แต่… ไม่รู้ว่าเพราะไม่อาจทนมองอวี๋หวั่นจมอยู่ในบ่อน้ำผึ้งหรือไม่ สตรีศักดิ์สิทธิ์เดินมาหาเธออย่างเย็นชา “เจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็โง่ อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้ว่าสามีที่รักของเจ้าเป็นบุรุษเช่นไร”
“เขาเป็นบุรุษเช่นไร จำเป็นต้องให้เจ้าบอกหรือ?” อวี๋หวั่นไม่สนใจ เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
จับเธอเป็นตัวประกัน เธอยอมรับ แต่หากจะยั่วยุให้เธอแตกคอกับเยี่ยนจิ่วเฉา ไม่มีทาง!
อวี๋หวั่นปิดประตูปัง!
สตรีศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว นิ้วภายใต้แขนเสื้อกว้างบีบกันแน่นอย่างไม่อาจอดกลั้น
ท่าทางโง่เขลาของอวี๋หวั่น ดูขัดหูขัดตาสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง ทว่าแม้แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์เองก็ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะเหตุใด
สตรีศักดิ์สิทธิ์กลับมากะทันหัน เพราะทำบางอย่างตกไว้ในห้องซือคงอวิ๋น แต่สิ่งนี้อาจทำให้ซือคงอวิ๋นสุขสมกับสาวใช้ สตรีศักดิ์สิทธิ์รู้สึกว่าผ้าเช็ดหน้าของนางสกปรกแล้ว ไม่คิดจะนำกลับมาอีกแม้แต่น้อย
หลังจากเข้าไปในวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์ ทูตศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเข้ามาต้อนรับ “สตรีศักดิ์สิทธิ์ สืบได้ความแล้ว คนพวกนั้นเป็นผู้ช่วยที่ผู้นำตระกูลหลานชิ่นเชิญมา พวกเขาอยู่จวนทางตะวันออกของเมือง ผู้นำตระกูลถูกพาตัวไปขังไว้ที่นั่นเช่นกัน ท่านว่า เราไปสังหารกลางคืนเลยดีหรือไม่?”
วิหารแห่งนี้มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด หากรวมกับคนของสกุลหลาน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่อาจจับพวกเขาทั้งหมดได้ในคราวเดียว
เดิมทีสตรีศักดิ์สิทธิ์คิดจะเดินทางไปสังหารถึงที่ แต่เมื่อในหัวเห็นภาพงี่เง่าของอวี๋หวั่นก็เปลี่ยนความคิดทันที “หลานเม่ยอยู่ที่ใด?”
ทันทีที่สิ้นเสียง สตรีชุดแดงก็บินออกมา กลางคืนหนาวลมเย็น ทว่านางกลับสวมเพียงผ้าโปร่งบางเบา เผยให้เห็นเส้นโค้งเว้าทรงเสน่ห์น่าหลงใหล ทันทีที่นางปรากฏตัว ทูตศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสตรีด้วยกันยังรู้สึกใจเต้น
หลานเม่ย คนเป็นดั่งชื่อตัว ช่ำชองวิชาเสน่ห์ เป็นคนสนิทของสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ชวนให้ผู้คนหวาดกลัวที่สุด ใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานวิชาเสน่ห์ของนางได้
หลานเม่ยเป็นคนสนิทมือหนึ่งของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ย่อมไม่ใช้วิชาเสน่ห์กับนาง นางเหาะลงมาตรงหน้าสตรีศักดิ์สิทธิ์ คำนับด้วยความเคารพ “เม่ยเอ๋อร์คารวะท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์”
กระทั่งเสียงก็ราวกับเสียงจากสวรรค์ สยิวไปถึงกระดูก
สตรีศักดิ์สิทธิ์มองนางอย่างเฉยเมย “เจ้ามีภารกิจใหม่”
…
ทิศตะวันออกของเมือง ทุกครอบครัวต่างพักผ่อนแล้ว มีเพียงเรือนของคนสกุลหลานที่ยังเปิดไฟสว่าง
หลานเจียวถูกอิ่งสือซันมัดเงื่อนอย่างแน่นหนาโยนเข้าไปในโรงเก็บฟืน นางหลานทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปากคนสองสามคน เมื่อได้ยินว่าอวี๋หวั่นถูกสตรีศักดิ์สิทธิ์จับไป สีหน้านางพลันหม่นหมอง “มีอย่างที่ใดกัน! กระทั่งสตรีที่ไม่มีวรยุทธ์ก็ไม่เว้น! ช่างสร้างความอับอายแก่ตระกูลหลานยิ่งนัก!”
นางหลานมองหลานเจียวที่ถูกมัดเงื่อน อยากพุ่งไปฉีกหน้านางแทบทนไม่ไหว!
แย่งพี่เขยของนางไม่พอ ทำร้ายครอบครัวของนางไม่พอ ยังทำร้ายอาหวั่นของนาง สตรีเช่นนี้ยังมีหน้าอยู่บนโลก?
“ท่านยายหลานโปรดระงับโทสะ เรื่องอาหวั่นพวกเราจะหาทางเอง ท่านอย่าได้โกรธจนส่งผลต่อร่างกาย” ชิงเหยียนเกลี้ยกล่อมอย่างแผ่วเบา
หลานเจียวมองนางหลานด้วยสายตาดูถูกดูแคลน “ที่แท้ก็เป็นผู้ช่วยที่เจ้าเชิญมา เจ้านี่ทุ่มเทเสียจริง แต่จะมีประโยชน์อันใด? เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะสู้กับบุตรสาวข้าและสู้กับสกุลซือคงได้อย่างนั้นหรือ?”
ระหว่างทางมาที่นี่หลานเจียวกังวลไม่น้อย แต่ในไม่ช้าก็เบาใจลง ชายสวมหน้ากากผู้นั้นดูเหมือนไม่สนใจว่าสตรีตัวเหม็นนั่นจะเป็นตายอย่างไร แต่แท้จริงลึกๆ กลับห่วงนางยิ่งกว่าใคร ตราบใดที่สตรีตัวเหม็นยังอยู่ในกำมือของสตรีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรนาง!
เมื่อเอ่ยถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์และสกุลซือคง นางหลานก็รู้สึกฉุนเล็กน้อย “เจ้าลืมคำสั่งสอนของบรรพบุรุษสกุลซือคงไปแล้วหรือ? กลับจะแต่งงานกับสกุลซือคงแล้ว!”
………………