“สตรีศักดิ์สิทธิ์…สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่บุตรของท่าน!”
สิ้นเสียงชายผู้นั้น นายท่านฉินก็รู้สึกราวกับถูกสายฟ้าผ่าลงกลางหัว บุตรสาวที่ภาคภูมิใจมาตลอด ไม่ใช่บุตรของเขา? ชายชู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาดูมีอายุไม่เกินยี่สิบต้นๆ เท่านั้น หากสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง เช่นนั้นก็บอกได้เพียงว่าชายชู้ของหลานเจียวไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว หลายปีก่อนหน้านี้หลานเจียวก็เริ่มมีสัมพันธ์กับชายอื่นลับหลังเขาแล้ว!
เมื่อคนอายุมากขึ้น ก็ยิ่งง่ายต่อการคิดมากสงสัยมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนายท่านฉินที่เคยมีประสบการณ์คล้ายๆ กัน ในยามก่อนเขาไม่ได้ทรยศหักหลังภรรยาเดิมของเขาเช่นนี้หรอกหรือ?
ไม่ใช่ว่าไม่เคยตื่นกลัว แต่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมานานหลายปี เขาคิดว่าจะไม่ได้รับผลกรรมใดๆ คาดไม่ถึงว่ากลับรอเขาอยู่ที่นี่
ทั้งยังเป็นไปตามคำกล่าวนั้นจริงๆ กระทำสิ่งไร้มโนธรรม ภัยย่อมย้อนมาสู่ตน สวรรค์ไม่ละทิ้งคนดี ไม่ละเว้นคนชั่ว!
ไม่รอให้หลานเจียวโต้แย้ง จิตใจของนายท่านฉินก็เชื่อคำพูดของชายผู้นั้นเสียมากแล้ว
หลานเจียวมีใจใคร่โขกหัวตนเองให้ตาย นางชื่นชมยกย่องพี่เขยมาตั้งแต่เล็ก มีเพียงพี่เขย ไม่เคยคิดเป็นอื่นกับผู้ใด ในที่สุดนางก็ได้แต่งงานกับเขาอย่างสง่าผ่าเผย ไหนเลยนางจะหักหลังเขาง่ายดายเช่นนี้?
หลานเจียวคลุมร่างของนางด้วยเสื้อผ้า กล่าวสะอึกสะอื้นกับนายท่านฉิน “ท่านพี่! เขาโกหก! อย่าไปฟังเขา!”
ชายผู้นั้นชูนิ้ว “ผางหลู่สาบานต่อฟ้า หากสิ่งที่พูดในวันนี้มีสักครึ่งประโยคที่เป็นเท็จ ขอให้ผางหลู่ถูกฟ้าผ่า ไม่ตายดี!”
ชนเผ่าที่เชื่อในเทพเจ้าถือคำสัตย์สาบานหนักแน่นกว่าคนในจงหยวน ไม่มีใครใช้ตนเองสาบานเลื่อนลอย เดิมทีนายท่านฉินก็เชื่อคำพูดส่วนใหญ่แล้ว ยามนี้ถึงกับเชื่อสนิทใจไร้ข้อสงสัย
ชายผู้นั้นไม่กลัวพิษคำสาบานย้อนเข้าตัว คนที่จะถูกฟ้าผ่าคือผางหลู่ ไม่ใช่เขา ผีเท่านั้นที่รู้ว่าผางหลู่คือใคร?!
“นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม! ไม่ใช่บุตรสาวของเรา! แล้วซือคงอวิ๋นผู้นั้นก็เป็นตัวปลอมเช่นกัน! พวกเขาล้วนเป็นตัวปลอม! เป็นคนที่หลานชิ่นส่งมา! ท่านอย่าได้หลงกลพวกเขา!”
“ไร้มูลสิ้นดี!” หลานชิ่นเป็นเหมือนสุนัขข้างถนนไร้เจ้าของมานานแล้ว ไหนเลยจะมีความสามารถหาคนมาแอบอ้างเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์และคุณชายรองของสกุลซือคงได้? สตรีศักดิ์สิทธิ์มีวรยุทธ์สูงส่ง สกุลซือคงยิ่งเป็นยอดฝีมือดั่งเมฆา หากหลานชิ่นยื่นมือเข้าไปได้ ก็คงไม่ตกมาอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้
นายท่านฉินกล่าวอย่างขยะแขยง “เจ้าคิดว่าเพื่อให้ตนเองพ้นผิด คิดจะเอ่ยสิ่งใดก็ได้อย่างนั้นหรือ!”
ทว่าต่อให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เลือดเนื้อของเขาแล้วอย่างไร? ขอเพียงนางคลานออกจากท้องของหลานเจียว ในกายมีสายเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงศักดิ์ไหลเวียนอยู่ เช่นนั้นแล้วสถานะของนางก็ไม่อาจสั่นคลอน กลับเป็นตนเอง ที่ต้องทุกข์ร้อนสวมหมวกเขียวเช่นนี้!!!
นายท่านฉินรู้สึกว่าหัวใจของเขาถูกคนโยนลงไปในกองไฟที่แผดเผา แต่ก่อนภรรยาเอกของเขาก็ต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สูญเสียทารกในครรภ์ไปหรือ? เด็กคนนั้นเป็นบุตรของเขา แต่ไม่มีอีกแล้ว…ถูกเขาทำให้หายไปแล้ว…
นายท่านฉินรู้สึกเวียนหัวตาลาย
หลังจากนั้น บุรุษที่อ้างตนว่าเป็นผางหลู่ก็เขย่า ‘ความลับ’ ของหลานเจียวออกมามากมายราวกับอยู่ในเหตุการณ์ แต่นายท่านฉินกลับฟังไม่เข้าเสียแล้ว
นายท่านฉินไม่อาจลงโทษหลานเจียว เพราะหลานเจียวเป็นเจ้าบ้านสกุลหลาน เขาถูกคนรังแก กลับทำได้เพียงฟันหักกลืนเลือดลงท้อง
ความทุกข์ทรมานที่เขาเคยมอบให้แก่ภรรยาคนเก่า ยามนี้ผลกรรมมากเป็นทวีคูณย้อนกลับมาสู่ตัวเขาเอง
อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังที่สุด
ช่วงพักบ่าย ‘สตรีศักดิ์สิทธิ์’ จิบชาไปอึกหนึ่ง ปวดท้องจนล้มลงกับพื้น ‘อาเจียน’ เป็นเลือดดำทั่วห้อง ข้ารับใช้ต่างตกอกตกใจ รีบเชิญหมอมา เมื่อตรวจชีพจร พบว่า ‘สตรีศักดิ์สิทธิ์’ ถูกวางยา!
เหล่าผู้อาวุโสต่างขุ่นเคือง ผู้ใดช่างบังอาจ วางยาพิษสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์สกุลหลานของพวกเขา?
เยี่ยนจิ่วเฉาสั่งให้คนตรวจค้นจวนสกุลหลาน ในที่สุดก็พบว่าใต้เตียงของนายท่านฉินมีสารหนูถุงหนึ่ง
“ท่านพ่อ…เพียงเพราะข้าไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของท่าน…ท่านถึงกับต้องวางยาข้าเลยหรือ?”
ผู้อาวุโสของตระกูลตกตะลึง ไม่ใช่บุตรแท้ๆ หรือ? สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวหมายความว่าอย่างไร?
อิ่งลิ่วทอดถอนใจ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยามที่เขาตาม ‘คุณชาย’ ไปที่เรือนของหลานเจียวอย่างละเอียด “…คนรับใช้ผู้นั้นถูกคุณชายจัดการไปแล้ว”
ปล่อยให้หนีไป
อิ่งลิ่วถอนใจต่อ “สิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ คุณชายของข้าเดิมทีต้องการตรวจสอบ ผู้ใดจะนึกว่านายท่านฉินเก็บอาการไม่อยู่ถึงเพียงนี้ กระทั่งวางยาพิษสตรีศักดิ์สิทธิ์ทันที…บุตรสาวที่เลี้ยงดูมาหลายปี ปรากฏว่าว่าไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของข้า หากเป็นข้า ก็คงคิดมากไม่น้อย…”
คิดมากก็เรื่องหนึ่ง ทำร้ายคนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนที่เขาทำร้ายยังเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสกุลหลาน!
หากเป็นนายท่านตระกูลธรรมดาทั่วไปกระทำเรื่องเช่นนี้คงไม่มีใครเชื่อ ทว่าสถานะของนายท่านฉินไม่เหมือนทั่วไป เขาเป็นเขยที่แต่งเข้ามา สถานะของเขาในสกุลหลานไม่สู้หลานเจียวและสตรีศักดิ์สิทธิ์ เขาต้องทนกับความอัปยศนี้ เบื้องหน้ากลับไม่มีคนขอความเป็นธรรมให้เขาได้
เขาเจ็บแค้นอยู่ในใจ จำต้องใช้วิธีนี้คลายความเกลียดชังในใจ ซึ่งฟังดูสมเหตุสมผลยิ่งนัก
“ข้า…ข้าไม่ได้ทำ!” นายท่านฉินตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก
ผู้อาวุโสของตระกูลท่านหนึ่งตะโกนออกมา “ยังจะกล้าเล่นลิ้น!”
พวกเขาขัดตาขัดใจเขยผู้นี้มานานแล้ว ยามแรกแต่งงานกับพี่สาว หันมาอีกที กลับมีสัมพันธ์กับน้องสะใภ้คนเล็ก หากเขาไม่ได้เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ บุรุษไร้มโนธรรมน่าเอือมระอาเช่นนี้คงถูกพวกเขาขับออกจากสกุลหลานไปนานแล้ว
ยามนี้ ในเมื่อเขาไม่ใช่อีกแล้ว เช่นนั้นพวกเขายังลังเลสิ่งใดอีกละ?
วางยาสตรีศักดิ์สิทธิ์ ความผิดยากอภัย!
นายท่านฉินถูกลากลงมารอ สิ่งที่รอเขาอยู่คือโทษประหารของสกุลหลาน
อวี๋หวั่นไม่รู้สึกเห็นใจเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฆ่าท่านยายใหญ่ด้วยมือของเขาเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจิตใจของเขาจะดีนัก เขาตั้งตารอหวังให้เกิดเรื่องกับนางมากกว่าใครๆ เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำจะฆ่าบุตรในครรภ์ของท่านยาย แต่เขาก็ยังทำอย่างไม่ลังเล ความพินาศของสายตรงสกุลหลาน เริ่มต้นจากเขา
หลานเจียวไม่ได้เป็นเจ้าบ้านสกุลหลานแล้ว ผู้อาวุโสของตระกูลไม่จำเป็นต้องแจ้งให้นางทราบเกี่ยวกับการตัดสินใจของพวกเขา ยามที่นางทราบข่าว นายท่านฉินก็ถูกนำตัวไปขังคุกแล้ว
ดวงตาสองข้างของหลานเจียวมืดลงและสลบไป!
“ยกออกไป” อวี๋หวั่นกล่าว “เรือนนี้ จากนี้ไปไม่ใช่ของนางอีก”
อวี๋หวั่นวางตำแหน่งให้คนของตนในจวนสกุลหลานไม่น้อย คนเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกอย่างดีจากนางหลานในระยะนี้ ล้วนเป็นคนที่จงรักภักดีต่ออวี๋หวั่นไม่เปลี่ยนแปลง
อวี๋หวั่นทิ้งให้พวกเขา ‘ดูแล’ หลานเจียว ส่วนตนและเยี่ยนจิ่วเฉาขึ้นรถม้าเดินทางออกจากจวนไป
ทรมานสวะมาทั้งวัน เธอหิวจะตายแล้ว!
อวี๋หวั่นเปิดกล่องอาหารหยิบขนมไส้กุหลาบขึ้นกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย
“มีความสุขถึงเพียงนี้” เยี่ยนจิ่วเฉายื่นแก้วน้ำให้เธอ
อวี๋หวั่นไม่ได้ยื่นมือไปรับ แต่จิบจากถ้วยของเขา จากนั้นก็เลียปาก “มีความสุขแน่ละ!”
แต่เธอมีความสุข ไม่เพียงเพราะได้แก้แค้นหลานเจียวและเรื่องที่เล่นกับความรู้สึกนั้น ตั้งแต่ถูกจับตัวไปที่สกุลซือคง เธอก็ไม่ได้พบหน้าเด็กน้อยทั้งสามอีกเลย เธอคิดถึงพวกเขาแทบตายแล้ว!
ไม่รู้ตอนนี้บุตรชายของเธอเป็นอย่างไรบ้าง พวกเขากินอาหารได้ดีหรือเปล่า สูงใหญ่ขึ้นหรือไม่ เสี่ยวเป่าจะดื้อซน เอ้อร์เป่าจะร้องไห้ หรือต้าเป่าจะพูดแล้วหรือยัง…
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ อวี๋หวั่นก็อยากร้องไห้ ไม่อาจกินขนมไส้กุหลาบได้อีก
เยี่ยนจิ่วเฉามองคนที่เอะอะก็ร่ำไห้ คิ้วเรียวหล่อเหลาขมวดมุ่น “เป็นอะไรหรือ?”
หลังจากตั้งครรภ์ไม่เพียงแต่ความอยากอาหารที่มากขึ้น ต่อมน้ำตาของเธอก็ยังดูพัฒนาขึ้นด้วย เดิมอวี๋หวั่นแค่รู้สึกแย่เล็กน้อย แต่เมื่อถูกเยี่ยนจิ่วเฉาถาม ก็พลันเจ็บปวดน้ำตาร่วงเผาะๆ จะหยุดก็หยุดไม่ได้
“เจ้า…นี่เจ้าเป็นอะไรไป?” อ๋องเผ่าปีศาจตัวปลอมจู่ๆ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
อวี๋หวั่นสะอึกสะอื้น “ข้าคิดถึงลูกแล้ว”
ก็นึกว่าเรื่องใด เยี่ยนจิ่วเฉาถอนใจด้วยความโล่งอก เปิดม่านขึ้นดึงร่างเธอเข้ามาในอ้อมแขน ใช้วิชาตัวเบากระโดดออกจากรถม้า
อิ่งลิ่วขับรถม้า ขับไปขับมา คนในรถม้ากลับไม่มีแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นไป เห็นคนคนหนึ่งอุ้มอวี๋หวั่นใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินบนหลังคาไปตามถนนที่เสียงดังเซ็งแซ่ บนหน้าผากพลันปรากฏเส้นสีดำสามเส้นพาดผ่าน…
วิชาตัวเบาของเยี่ยนจิ่วเฉาเร็วกว่ารถม้ามาก เพียงไม่นานก็อุ้มอวี๋หวั่นมาหยุดลงใกล้กับเรือน
บนธรณีประตูที่เยือกเย็น มีไข่ดำน้อยสามฟองนั่งเรียงกัน ในมือถือขวดนมเล็กๆ ที่อาจารย์อาเว่ยมอบให้พวกเขา
ท่านแม่ไม่อยู่
นมก็ไม่อร่อยแล้ว
คนทั้งสามมองไปยังถนนด้านขวา นั่นคือทางที่ท่านแม่ของพวกเขาเดินออกไป ท่านแม่ก็น่าจะกลับมาจากทางนั้นกระมัง
อาทิตย์ใกล้ตกอีกครั้ง กลับยังคงไม่เห็นเงาร่างของมารดา ดวงตาของไข่ดำทั้งสามเริ่มเป็นสีแดง
แต่พวกเขาไม่ร้องไห้
เด็กดีร้องไห้ไม่ได้
พวกเขาเป็นเด็กดี
อวี๋หวั่นเห็นเด็กน้อยทั้งสามใช้มือปาดน้ำตา ฝืนไม่ให้ตนร้องไห้ออกมา หัวใจก็แทบแตกสลาย!
เธอรีบปล่อยมือเยี่ยนจิ่วเฉาเดินเข้าไปหา ยามใกล้ถึงประตู จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอมีใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์ บุตรทั้งสามจะ——
“ท่านแม่!”
เสี่ยวเป่าพุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของอวี๋หวั่น!
ในไม่ช้า เอ้อร์เป่ากับต้าเป่าก็พุ่งเข้าไปหาอวี๋หวั่นเช่นกัน
อวี๋หวั่นกอดเด็กชายสามที่ตนเฝ้าคิดถึงทุกคืนวัน หัวใจอ่อนยวบด้วยเสียงเรียกว่าท่านแม่
“ข้า ข้า ข้า…ข้าทนไม่ไหวแล้ว…” เอ้อร์เป่าร้องไห้แง!
“ข้าก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน…ฮื้อ…” เสี่ยวเป่าก็ร้องไห้เช่นกัน
ต้าเป่ามองน้องชายทั้งสองด้วยความตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นและเริ่มร้องไห้แงๆๆ
ไข่ดำทั้งสามร้องไห้กระจองอแง
“ไม่ร้อง ไม่ร้อง แม่กลับมาแล้ว” อวี๋หวั่นปลอบอย่างไรก็ปลอบไม่อยู่
เมื่อชายร่างเล็กทั้งสามร้องไห้กับท้องของอวี๋หวั่น จู่ๆ ท้องของอวี๋หวั่นก็ขยับ
พวกเขาทั้งสามสะดุ้ง
ฮะ? ใครเตะแก้มพวกเขา?
……………………