“ท่านตาทวด! อย่า—”
เสียงร้องด้วยความตกใจของอวี๋หวั่นดังขึ้นด้านหลัง เมื่อซือคงเย่ได้ยินเสียงเหลน ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอกำลังร้องขอสิ่งใด แต่น่าเสียดาย เพลงยุทธ์ถูกปล่อยออกไป คิดจะดึงกลับก็ไม่ทันแล้ว กำลังภายในที่พุ่งตามก็ประชิดใกล้เกินไป เป็นไปได้ว่ากำลังภายในทั้งสองจะพุ่งทะลวงร่างของหลัวช่าน้อย
ซือคงเย่หมดหนทาง ทำได้เพียงตบแขนของตนเอง ดาบคมพลันเบี่ยงทิศ เฉียดหลังศีรษะของหลัวช่าน้อยไป
ดาบคมแทงทะลุต้นไทรอายุกว่าร้อยปี เห็นเพียงต้นไม้ใหญ่ที่ใช้คนมากมายก็ยากจะโอบล้อมระเบิดเสียงดังสนั่น พังทลายลงต่อหน้า
ขาของอวี๋หวั่นอ่อนแรง วิชาอายุวัฒนะทรงพลังเช่นนี้ โชคดีที่ไม่ถูกร่างของหลัวช่าน้อย ไม่เช่นนั้นมันคงตายไปแล้ว
อวี๋หวั่นหมายจะเดินไปดูว่าหลัวช่าน้อยเป็นอย่างไรบ้าง แต่ซือคงเย่หยุดไว้
ซือคงเย่คว้าข้อมือเธอ “อย่าไป ที่นั่นมันอันตราย!”
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “หลัวช่าน้อยไม่อันตราย”
หลัวช่าใหญ่ถูกท่านทำจนบาดเจ็บเช่นนี้แล้ว บัดนี้ก็กำลังทรมานจากแรงสะท้อนกลับของพลังยุทธ์ที่เขาใช้ หากจะจัดการตนก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น
เด็กๆ ก็เป็นเช่นนี้ ไม่ฟังผู้ใหญ่ ซือคงเย่บอกจะฆ่าราชาหลัวช่าก็ลงมือได้ทันที แต่กับเหลนของตน กลับไม่อาจแม้แต่จะเผชิญหน้า เขาส่ายหัวและกล่าวอย่างหมดหนทาง “เหตุใดเจ้ามาที่นี่?”
ทันทีที่กล่าวจบ ซือคงเย่เห็นเยี่ยนจิ่วเฉาที่กำลังเดินมาทางนี้อย่างไม่รีบร้อน
คิดดูแล้วก็ไม่ผิด หากไม่ใช่เจ้าหนูนี่ ผู้ใดจะมากความสามารถพาสตรีอวบอ้วนเช่นนี้ตามมาได้?
ราวกับหลัวช่าน้อยหวาดกลัวเยี่ยนจิ่วเฉา ทันทีที่เยี่ยนจิ่วเฉาปรากฏตัว มือเล็กที่คิดจะเอื้อมไปหาอวี๋หวั่นก็หดกลับไป
มันกระโดดกลับเข้าไปในอ้อมแขนของราชาหลัวช่าที่ล้มลงกับพื้น โผล่หัวน้อยๆ ออกมาครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นดวงตากลมโตคู่ใหญ่คล้ายระฆังทองแดงจ้องมองคนทั้งสาม
ท่าทางตื่นกลัวนี้ ทำให้อวี๋หวั่นหยุดร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าไม่ได้ อวี๋หวั่นมองมันและกล่าวอย่างแผ่วเบา “อย่ากลัวเลย ข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้า”
แววตาที่จ้องมองอวี๋หวั่นของหลัวช่าน้อยนั้นยังนับว่าปรกติ แต่ทันทีที่แววตาทอดไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาผู้ซึ่งปิดผนึกกำลังภายในของเขา และซือคงเย่ที่เคยทำร้ายราชาหลัวช่า ก็กลับกลายเป็นความระแวงและดุร้ายผิดปรกติ
“เจ้าตัวนี้ดุมากทีเดียว” ซือคงเย่กล่าว
อวี๋หวั่นเหลือบมองมัน แล้วกล่าวกับซือคงเย่ “มันเชื่องมาก ก่อนที่ท่านทวดกับเยี่ยนจิ่วเฉาจะออกจากพิธี ข้ากับต้าเป่า เอ้อร์เป่า เสี่ยวเป่าเกือบถูกหลัวช่าโลหิตฆ่าตาย มันช่วยพวกเราไว้ และครั้งหนึ่งที่ถนน เสี่ยวเป่าถูกโจรลักพาตัวไป ก็เป็นมันที่ปราบโจรพวกนั้นแล้วช่วยเสี่ยวเป่าเอาไว้”
ขั้นตอนการปราบอวี๋หวั่นไม่ได้กล่าวถึง
ไม่เช่นนั้น หากบอกว่ามันดูดเลือดมนุษย์จนหมด ท่านตาทวดคงกังวลว่ามันเป็นปีศาจ และจะไม่ยอมให้ตนเข้าใกล้
ซือคงเย่ไม่นึกว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ เมื่อเขามองหลัวช่าน้อยอีกครั้ง ดวงตาก็เริ่มมีแววคาดคั้นหาคำตอบ พลางกล่าวด้วยสีหน้าอารมณ์ซับซ้อน “ต่อให้มันทำเช่นนั้นจริง อย่างไรเสียมันก็ยังเป็นปีศาจ”
อวี๋หวั่นชะงักและกล่าวว่า “ปีศาจ…ก็มีความรู้สึกมิใช่หรือ?” สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกรงว่าผู้มีสายตาเฉียบแหลมทุกคนต่างก็มองออกว่าราชาหลัวช่าได้รับบาดเจ็บ เพราะต้องการช่วยหลัวช่าน้อย หลัวช่าน้อยเองก็ไม่ยอมให้ท่านตาทวดฆ่าราชาหลัวช่า จึงปกป้องเขาอย่างไม่สนใจชีวิตตน ใต้หล้าจะมีสักกี่คนที่สามารถแสดงความรักได้มากมายเช่นนี้? บางครั้ง มนุษย์เองก็ยังไม่อาจเทียบหลัวช่า
ซือคงเย่ส่ายหัว “พวกเขาเป็นหลัวช่าเหมือนกัน จึงหวงแหนซึ่งกันและกัน แต่ในสายตาของหลัวช่า ชีวิตของพวกเรานั้นไร้ค่า”
อวี๋หวั่นเข้าใจว่าท่านตาทวดหวังดีกับพวกเขา ถึงแม้ในใจเธอจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงกับตาทวดจนหน้าดำหน้าแดง เธอหันไปถามราชาหลัวช่าที่กำลังทุกข์ทรมานจากกำลังภายในที่ไหลย้อนกลับ “หลัวช่าน้อยเป็นอะไรกับเจ้า? เจ้าปกป้องมันสุดชีวิตเช่นนี้ มันคือลูกของเจ้าใช่หรือไม่?”
ราชาหลัวช่านิ่งเงียบ
หลัวช่าน้อยกะพริบตา แม้จะฟังไม่รู้เรื่องนัก แต่ก็ยังเข้าใจว่าอวี๋หวั่นกำลังพูดคุยกับราชาหลัวช่าอยู่ มันมองไปที่อวี๋หวั่น จากนั้นก็มองไปที่ราชาหลัวช่า พลันเอียงศีรษะราวกับสงสัยว่า เหตุใดราชาหลัวช่าถึงไม่สนใจเธอ
“ไม่ใช่หรือ?” อวี๋หวั่นจับจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ละเอียดอ่อนของราชาหลัวช่า
ราชาหลัวช่าถูกขังอยู่ในเขตต้องห้ามสกุลซาง หากกล่าวว่าเขามีบุตรชาย แล้วยังสามารถปกปิดไม่ให้คนสกุลซางล่วงรู้ อวี๋หวั่นก็รู้สึกว่ามันแปลก
สตรีตั้งครรภ์ท้องอาจเคลื่อนไหว ยามคลอดบุตรออกมาแล้วก็มีเสียงร้อง ต้องสามารถเพียงใดจึงหลบซ่อนจากดวงตามากมายของคนสกุลซางไปได้
“สระ…โลหิต…มี…คน…มา…” ราชาหลัวช่าไม่สามารถแสดงออกอย่างราบรื่นได้อีกต่อไป เขากล่าวติดๆ ขัดๆ อวี๋หวั่นคาดเดาเรื่องราวชีวิตของหลัวช่าน้อย
ตระกูลซางใหญ่โต แต่ละเรือนมีเจ้านายมากมาย ข้ารับใช้ก็ไม่น้อย บางส่วนเป็นข้ารับใช้ธรรมดา คนเหล่านี้ไม่รู้ความลับของเขตต้องห้าม และมีบางคนที่เชี่ยวชาญในการทำเรื่องสกปรกชั่วร้าย เช่นจัดการดูแลเขตต้องห้ามสกุลซาง
ในหมู่พวกเขา มีสาวใช้คนหนึ่งที่กำลังกวาดลานของราชาหลัวช่า
สาวใช้ผู้นี้มั่วเสพสม ไม่รู้ว่าท้องกับบุรุษใด เดิมคิดจะกินยาทำแท้งปิดบัง แต่ไหนเลยกลับไม่รู้ว่ายังไม่แท้งบุตร จนกระทั่งเจ็ดเดือน ท้องของนางไม่อาจซ่อนได้อีกต่อไป นางห่อตัวด้วยผ้าห่มกลิ้งลงจากบันได อยากให้ครรภ์ถูกกระแทกจนเด็กตาย แต่ผลทำให้ครรภ์กระเทือน คลอดบุตรก่อนกำหนด ทว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่
โชคดีที่เด็กยังเล็ก เสียงร้องไห้แผ่วเบา ประจวบกับเสียงฟ้าแลบฟ้าร้องที่ดังขึ้นพอดี เสียงร้องไห้นั้นจึงถูกกลบไป
จากนั้น เพื่อจัดการกับปัญหาในมือ สาวใช้จึงโยนเด็กคนนั้นลงในสระโลหิต
นางรู้ว่าในสระนี้มีปีศาจอยู่ตนหนึ่ง เด็กคนนี้ถูกโยนลงไป หากไม่จมน้ำตาย ไม่นานก็คงถูกฆ่า
แต่เพื่อเก็บความลับ นางไม่สนใจและทอดทิ้งเด็กคนนี้อย่างไร้ความปรานี ภาวนาอย่าให้เหลือแม้แต่กระดูก
ยามที่หลัวช่าโลหิตมาพบ เด็กคนนั้นเกือบจมน้ำตายแล้ว แต่ขอเพียงยังมีลมหายใจสุดท้าย เลือดในกายก็ยังสด
หลัวช่าโลหิตหมายจะดูดเลือด แต่จู่ๆ เด็กคนนั้นก็จับนิ้วข้างหนึ่งของเขา จากนั้นก็อ้าปากเล็กๆ หาอะไรกินบนร่างกายของเขา
อาจเพราะตอนนั้นเขาใจอ่อนลง และอาจเพราะถูกกักขังอยู่ในเขตต้องห้ามมานานเกินไป หลัวช่าโลหิตโดดเดี่ยว หลัวช่าโลหิตไม่ได้ฆ่าเขา เพียงแต่เขาจมน้ำนานเกินไป ทรวงอกเต็มไปด้วยของเหลว ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกนานนัก วิธีเดียวที่สามารถทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ คือเปลี่ยนเขาเป็นหลัวช่าโลหิต
หากหลัวช่าโลหิตเป็นได้ง่ายดายเช่นนี้ ก็คงไม่ใช่หลัวช่าโลหิต
หลายปีมานี้ สกุลซางได้พยายามกลั่นหลัวช่าโลหิตตนใหม่ แต่โชคร้ายที่ไม่สำเร็จ
เด็กคนนี้กลับทำได้
มันรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
แน่นอน ไม่ตัดออกว่าหลัวช่าโลหิตสมัครใจใช้เลือดของตนหล่อเลี้ยงมัน เงื่อนไขข้อนี้ สกุลซางไม่อาจทำได้ จึงไม่สามารถสร้างหลัวช่าตัวใหม่
สาเหตุที่หลัวช่าโลหิตไม่ให้สกุลซางรู้เรื่องการมีอยู่ของหลัวช่าน้อยนั้นราชาหลัวช่ามิได้กล่าวถึง
อวี๋หวั่นเดาว่า ราชาหลัวช่าจะว่าเขลาก็เขลาเล็กน้อย ทว่าจิตใต้สำนึกกลับยังเข้าใจว่าสกุลซางมีเจตนาไม่ดีมาโดยตลอด หากพวกเขารู้ถึงการมีอยู่ของหลัวช่าน้อย เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะพาหลัวช่าน้อยไป ยามนั้นหลัวช่าโลหิตยังไม่บรรลุ ไม่สามารถออกจากเขตต้องห้ามได้ หากหลัวช่าน้อยถูกนำตัวไป เขาก็ไม่อาจไล่ตามเพื่อพาหลัวช่าน้อยกลับมา
“หากสกุลซางได้ตัวหลัวช่าน้อย พวกเขาจะทำอะไรกับหลัวช่าน้อย?” อวี๋หวั่นหันมองซือคงเย่
ซือคงเย่กล่าวอย่างครุ่นคิด “ขึ้นอยู่กับว่าสกุลซางวางแผนไว้เช่นไร ผู้ที่ฝึกฝนตนจนกลายเป็นหลัวช่า เช่นซางชิวหานนั้น…หายากเกินไป หากสกุลซางมีหลัวช่าน้อย พวกเขาก็สามารถใช้เลือดของมันทดลองสร้างหลัวช่าตัวใหม่ และยังสามารถขุดเน่ยตันของมันได้โดยตรง เปลี่ยนยอดฝีมือระดับสูงกลายเป็นหลัวช่าโลหิตที่ทรงพลังยิ่ง หรือเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นหลัวช่าโลหิตที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม อย่างสุดท้ายนี่ก็เมื่อมันเชื่อฟังเท่านั้น แต่ข้าดูเจ้านี่ ท่าทางไม่เหมือนยอมฟังผู้ใด”
ดังนั้น หากหลัวช่าน้อยตกอยู่ในมือของคนสกุลซาง ผลที่ตามมายากจะคาดถึง เมื่อเป็นเช่นนี้ อวี๋หวั่นจึงเข้าใจได้ไม่ยาก ว่าเหตุใดหลัวช่าโลหิตจึงร้อนใจดิ้นรนเปลี่ยนตนให้กลายเป็นราชาหลัวช่า เขากังวลว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับหลัวช่าน้อย…
ในตอนแรกหลัวช่าน้อยเป็นเพียงเด็กธรรมดา ราชาหลัวช่าไม่ได้ฆ่ามัน เห็นได้ว่าเขาก็ยังมีมโนธรรมอยู่บ้าง แต่ทว่าความหมกมุ่นและกระหายความตายของเขาหนักหนาเกินไป จะให้กลับเนื้อกลับตัว ซื่อสัตย์ไม่คิดร้ายต่อหมิงตูเป็นไปได้ยากนัก
ซือคงเย่ทอดถอนใจ “อวี๋หวั่น เจ้าตัวเล็กนี่ ข้าไม่ฆ่ามันก็ได้ แต่ซางชิวหาน ข้าปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด แม้เขาจะยังมีมโนธรรมอยู่บ้าง แต่ก็ยังอันตรายเกินไป”
ไม่รู้ว่าเพราะสัมผัสถึงไอสังหารของซือคงเย่อีกครั้งหรือไม่ หลัวช่าน้อยจึงพลิกตัวนอนลงบนร่างของราชาหลัวช่า
ความหมายของมันชัดเจนมาก มันไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายราชาหลัวช่า มันไม่ได้เคร่งในความผิดชอบชั่วดี มันเติบโตมาท่ามกลางความมืดมิด ราชาหลัวช่าเป็นเพียงผู้เดียวที่ข้ามผ่านความมืดมิดไม่รู้จบไปกับมัน หรือบางทีในใจของมัน ราชาหลัวช่าก็คือบิดา
“เด็กดี มานี่มา ข้าจะพาเจ้าไปหาพี่ชาย” อวี๋หวั่นพยายามเกลี้ยกล่อมหลัวช่าน้อย
หลัวช่าน้อยไม่ขยับ
อวี๋หวั่นค้นกระเป๋า หยิบยาโลหิตที่มันโปรดปรานออกมา “ให้เจ้า”
หลัวช่าน้อยก็ยังไม่ขยับ มันนอนอยู่บนตัวของราชาหลัวช่านิ่งสนิทเช่นนั้น ไม่ไปไหน
……………………