หลังพลบค่ำ หมิงซานที่โกลาหลทั้งวันก็ค่อยๆ สงบลง ก่อนที่เยี่ยนจิ่วเฉา อวี๋หวั่นและพรรคพวกจะมา หมิงซานเงียบสงบดั่งสระน้ำเย็นไม่แบ่งกลางวันกลางคืน ทว่าบัดนี้ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของไข่ดำน้อยทั้งสามคน เสียงชุยเฒ่าที่ตะโกนก่นด่า และการเคลื่อนไหวของอิ่งลิ่ว ชิงเหยียนและคนอื่นๆ แม้แต่ปรมาจารย์ที่เทพเจ้ามังกรเห็นหัวมิเห็นหางก็มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย
หมิงซานที่เป็นเช่นนี้ทำให้เหล่าศิษย์รู้สึกภักดีด้วยใจอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หลังจากมันสงบลง ก็กลายเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่หลับใหลอีกครั้ง กลิ่นอายอันตรายและน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาในคืนที่มืดมิด
“หลับแล้ว” อวี๋หวั่นนอนลงข้างๆ ไข่ดำทั้งสามแล้วห่มผ้าให้พวกเขา
ดวงตาของทั้งสามเบิกกว้าง มองขึ้นไปบนยอดม่านคลุมเตียงด้วยดวงตาใส ราวกับว่าผู้ใดก็ไม่มีง่วงสักคน
แปลกยิ่งนัก กลางวันไม่ได้นอนงีบ ชั่วยามนี้จะยังไม่ง่วงได้อย่างไร?
อวี๋หวั่นมองดูพวกเขาอย่างประหลาดใจ “เหตุใดยังไม่นอน? หิวหรือ? หรือไม่สบายที่ใด?”
ทั้งสามส่ายหัว
“เช่นนั้นกำลังคิดสิ่งใดอยู่?” อวี๋หวั่นลูบหัวเล็กๆ ทั้งสาม
ทั้งสามคนมองเธออย่างน่ารัก
“น้องชายเล่า?” เสี่ยวเป่าถาม
เมื่อครู่อาบน้ำด้วยกัน อาบน้ำเสร็จก็เช็ดตัว เช็ดตัวแล้วก็สวมเสื้อผ้า แต่ทันทีที่พวกเขาสวมเสื้อผ้า น้องชายก็หายไปแล้ว!
“น้องชาย…” อวี๋หวั่นยากจะบอกพวกเขาว่า น้องชายไปต่อสู้ที่สกุลซาง อวี๋หวั่นยิ้มอย่างอ่อนโยน และกล่าวว่า “พวกเจ้านอนก่อน ตื่นขึ้นมาก็จะพบน้องชายแล้ว”
เสี่ยวเป่าส่งเสียงอืม
ทั้งสามคนถูกเบี่ยงเบนได้สำเร็จ เมื่อพวกเขาหลับก็จะได้พบน้องชาย ดังนั้นพวกเขาจึงรีบหลับไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งสามหลับตาปี๋!
อวี๋หวั่นหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา ก้มลงจูบหน้าผากทั้งสาม และจับครรภ์ใกล้ห้าเดือนของเธอหลับไปด้วยความชื่นมื่น
ทุกคนเข้าสู่นิทรา แม้แต่สายลมยามค่ำคืนในหมิงซานก็ดูเหมือนจะสงบลง แต่ทว่าสิ่งที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นก็คือ ภายใต้ความเงียบสงบนั้นมีคลื่นอันตรายที่กำลังพุ่งมาหาพวกเขา
สกุลซางเลี้ยงราชาหลัวช่ามาหลายปี ไม่เพียงแต่ในเลือดของเขาครอบครองพลังของราชาหลัวช่า แต่สระโลหิตที่เขาเคยฝึกฝนก็เพียงพอที่จะสร้างหลัวช่าโลหิตที่ทรงพลังออกมาได้ไม่น้อย เมื่อก่อนไม่ได้ทำเช่นนี้ หนึ่ง การรับรู้อาณาเขตของราชาหลัวช่าแข็งแกร่ง นอกจากหลัวช่าน้อยที่เขาแอบเลี้ยง ก็ไม่อนุญาตให้มีหลัวช่าโลหิตตัวที่สองปรากฏในสระโลหิตของเขา สอง ไม่มีการนำเลือดของราชาหลัวช่ามาทำยา ดังนั้นสกุลซางจึงไม่สามารถสร้างหลัวช่าโลหิตที่โตเต็มวัยตัวที่สองออกมาได้
ยามนี้ราชาหลัวช่าจากไปแล้ว สระโลหิตจึงสามารถใช้ได้เต็มที่ รวมกับเลือดของราชาหลัวช่า จะสร้างหลัวช่าโลหิตก็แทบไม่ต้องกังวลใดๆ
ขอบเขตของหลัวช่าโลหิตสูงกว่าซิวหลัวโลหิตอยู่มาก
ท่าร่างของหลัวช่าโลหิตแปลกประหลาด ใต้แสงจันทร์ ราวกับเลือดที่นองอยู่บนพื้นคืบคลานขึ้นไปบนเนิน
กลิ่นคาวเลือดหนาแน่นในอากาศ ผู้คนที่หลับใหลไม่สัมผัสถึงกลิ่น จึงไม่รับรู้ว่ามีกลิ่นคาวเลือดใกล้เข้ามา ศิษย์ลาดตระเวนรู้สึกถึงบางอย่างเลือนราง เมื่อหันศีรษะกลับ แม้แต่เห็นก็ยังเห็นไม่ชัด เขาถูกเงาเลือดร่างหนึ่งดูดเลือดในร่างกายจนแห้ง
เงาเลือดแปลกประหลาดแทรกซึมเข้าไปในโถงเจาหยางที่ละตน ทุกที่ที่เงาเลือดผ่านไป จะทิ้งคราบเลือดหนาข้นเอาไว้
ซือคงเย่และราชาหลัวช่าที่สูญเสียกำลังภายในชั่วคราวไปไม่ต่างจากคนธรรมดา ในยารักษาบาดแผลที่ใช้ยังมีส่วนผสมที่ช่วยให้นอนหลับ พวกเขานอนหลับสบาย ไม่มีใครสังเกตเห็นเงาเลือดที่เข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ
เงาเลือดค่อยๆ แทรกซึมเข้าไป ห้องของชุยเฒ่า อาม่า ชิงเหยียน อิ่งสือซัน…ทุกคนเต็มไปด้วยเงาเลือดที่แอบเข้าไปอย่างช้าๆ แม้แต่อวี๋หวั่นเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
เธอพลิกตัว โอบเสี่ยวเป่าไว้ในอ้อมแขน
สี่มารดาบุตรหลับสนิท ไม่ได้รู้สึกถึงเงาเลือดที่ใกล้เข้ามา
เงาเลือดที่มาใกล้หัวเตียงรู้สึกถึงลมหายใจที่ชวนให้หวาดระแวงและตะกละจนน้ำลายหกในเวลาเดียวกัน
หลัวช่าโลหิตกระหายเลือด โดยเฉพาะเลือดหยินบริสุทธิ์ ยิ่งมีราชาศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอยู่ในครรภ์หยินบริสุทธิ์ไม่ต้องกล่าวถึง มันช่างเป็นอาหารอันโอชะที่ทำให้หลัวช่าโลหิตแทบคลั่ง
เงาเลือดรวมตัวอยู่ในห้องของอวี๋หวั่นมากขึ้นเรื่อยๆ
“รีบกลับตอนนี้ก็สายไปแล้ว…ฮ่าๆๆ…ทุกคนต้องตาย! คนหมิงซาน…ทั้งหมดต้องตาย!” ประมุขซางหัวเราะตัวคลอน “หลัวช่าโลหิตยี่สิบตน! ต่อให้ซือคงเย่กับราชาหลัวช่าร่วมมือกัน ก็ไม่แน่ว่าจะสู้ได้! อีกอย่าง…ทั้งสองก็ยังบาดเจ็บ…”
พวกเขาแค่ได้รับบาดเจ็บที่ใดกัน? กำลังภายในเพียงเล็กน้อยก็ยังใช้ไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ
สถานการณ์วิกฤติกว่าที่คิดไว้! ประมุขซือคงรู้สึกเลวร้าย!
“อา…เกือบลืม…พวกเจ้ายังมีราชาซิวหลัวที่ทรงพลังอีกตนใช่รึไม่…แค่กๆ…” ประมุขซางกระอักเลือกออกมา “แต่ข้าได้ยินมาว่า…เขาก็ยังปิดตัวทำพิธีอยู่…หนีไม่พ้น…คนของหมิงซาน…ไม่มีผู้ใดหนีไปได้…”
เขากล่าวไม่ผิด ซิวหลัวน้ำนมปิดตัวทำพิธีอยู่จริงๆ ยิ่งเวลาในการปิดตัวทำพิธีนาน ก็แปลว่าขอบเขตพลังที่จะบรรลุยิ่งสูงขึ้น เดิมทีเป็นเรื่องที่ดี แต่หากหมิงซานเกิดวิกฤตที่ไม่อาจหยุดยั้ง นั่นก็ไม่ดีนัก
หมิงซาน…ไม่มียอดฝีมือที่ใช้ได้เลย!
หมิงซานไม่เหลือแล้ว!
ใบหน้าของประมุขซือคงซีดเผือด
หลัวช่าน้อยเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปในความมืดมิด!
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันต้องการไปช่วยหมิงซาน แต่จะทันเวลาจริงๆ หรือ?
ประมุขซางหัวเราะจนน้ำตาไหล “ข้าบอกแล้วว่า…สายเกินไป…ตั้งแต่พวกเจ้า…มาถึงสกุลซาง…หลัวช่าโลหิตยี่สิบตน…ก็ถูกส่งออกไปแล้ว…พวกเจ้าเสียเวลากับข้านานเท่าใด…หลัวช่าโลหิตก็ฆ่าล้างหมิงซาน…มานานเท่านั้น…”
“บ้าเอ๊ย!” ประมุขซือคงวาดเท้าเตะออกไป “หมิงซานมีคนบริสุทธิ์มากมาย! เจ้าอยากแก้แค้นก็มาทำพวกข้า! รังแกคนอ่อนแอช่างกระจอกนัก! ซางฉงหวา! ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ!”
ประมุขซางใกล้ตายเต็มที เมื่อถูกเตะอีกครั้ง ก็แทบจะตายคาที่ แต่ไม่ว่าบาดเจ็บอย่างไร หรือกำลังจะตาย ก็ยังคงยิ้มอย่างโหดเหี้ยม
เขาเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ถึงข้าตาย…ก็จะ…ทำให้หมิงซาน…ตายไปกับข้า! สิ่งที่ราชาหลัวช่าไม่ได้ทำ… ข้า ซางฉงหวา.. ทำได้แล้ว! ฮ่าๆๆๆ…ข้าทำได้แล้ว!”
ตูม——
เสียงดังมาจากท้องฟ้าที่ห่างไกล ท้องฟ้าอันมืดมิดคล้ายกับระเบิดเพลิง
ประมุขซางจ้องมองแล้วหัวเราะฮ่าๆๆๆ “เจ้าได้ยินหรือไม่? มันเป็นเสียงจากหมิงซาน! หมิงชาน…จบแล้ว! จบสิ้นแล้ว! พวกเจ้าจบสิ้นแล้ว!”
เยี่ยนจิ่วเฉาก้มลงมองเขาจากด้านบน “เจ้าแน่ใจรึ ว่าเป็นพวกข้าที่จบสิ้น?”
ประมุขซางหยุดชะงัก สายตาดูถูกของเยี่ยนจิ่วเฉามองมาที่เขาเกือบทำให้เขาคิดว่าตนเองกำลังจะพ่ายแพ้ แต่เมื่อมีเสียงดังมาจากหมิงซานอีกครั้ง สีหน้าของประมุขซือคงและซือคงฉางเฟิงก็เปลี่ยนไป ประมุขซางยิ้มอย่างโล่งใจ “คนของพวกเจ้าหากไม่ได้บาดเจ็บก็ปิดตัวจำศีลไปแล้ว ยังจะมีผู้ใดที่สามารถหยุดยั้งการโจมตีของหลัวช่าโลหิตได้อีก? คิดว่าจะพึ่งพาราชาศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่เกิดนั่นน่ะรึ? เยี่ยนจิ่วเฉาเอ๋ย เยี่ยนจิ่วเฉา…เจ้านี่ช่างฝันเสียยิ่งกว่าข้า!”
ณ หมิงซาน คนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติคือสัตว์พิษตัวน้อยที่ตื่นขึ้นกลางดึก มันตื่นขึ้นมาหาอาหาร แต่กลับสัมผัสถึงลมปราณอันเย็นเยือกมหาศาลนับไม่ถ้วน มันรีบปลุกราชันหมื่นสัตว์พิษที่อยู่ข้างๆ
ราชันหมื่นสัตว์พิษปล่อยพลังกดดันของราชันสัตว์พิษออกมา ดึงเงาเลือดที่กำลังจะฆ่าซือคงเย่กับราชาหลัวช่าลงมา
ทว่าเงาเลือดหลั่งไหลเข้ามาในวิหารเจาหยางมากขึ้นเรื่อยๆ
ราชันหมื่นสัตว์พิษกรีดร้อง
ชิงเหยียนลุกขึ้นนั่งทันใด “เกิดอะไรขึ้น?!”
เยว่โกวขยี้ตา “มีอะไรรึ?”
“ระวัง!” ชิงเหยียนกอดเยว่โกวกลิ้งหลบการโจมตีของหลัวช่าโลหิตตนหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน ห้องของอิ่งสือซันและอิ่งลิ่วก็เกิดเสียงปะทะขึ้น
พลังของหลัวช่าโลหิตยี่สิบตน ไม่ใช่สิ่งที่ยอดฝีมือธรรมดาจะรับไหว ศิษย์วิหารเจาหยางตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของหลัวช่าโลหิตมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของพวกเขาถูกบังคับให้ปลดปล่อยพลังลมปราณออกมาไม่หยุด ไอคาวเลือดในอากาศหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“ฉี่ม้า!” อิ่งสือซันเอ่ยอย่างเฉียบขาด!
อิ่งลิ่วเทปัสสาวะม้าสองขวดบนร่างของเขาและอิ่งสือซัน หลัวช่าโลหิตเกลียดกลิ่นปัสสาวะม้าและพากันถอยออกไป
“ไปช่วยคุณชายน้อยกับฮูหยิน! ข้าจะหยุดพวกมัน!” อิ่งสือซันขวางประตู ปล่อยให้อิ่งลิ่วรีบออกไป
หลัวช่าโลหิตไม่ชอบกลิ่นนี้ แต่ก็ไม่ได้กลัว ดังนั้นจึงขวางไว้ได้ไม่นานนัก อิ่งลิ่วต้องรีบช่วยคุณชายน้อยและอวี๋หวั่นออกไป ก่อนที่หลัวช่าโลหิตจะได้สติ ชิงเหยียนก็คิดวิธีนี้เช่นกัน ทั้งสองต่างราดปัสสาวะม้าวิ่งไปในห้องของอวี๋หวั่น ทว่ากลับชนกันที่หน้าประตู ปัสสาวะม้ากระเซ็นเปรอะไปทั่วพื้น
หลัวช่าโลหิตด้านนอกไม่อยากเข้าไป แต่หลัวช่าโลหิตที่เข้าไปแล้วก็ไม่อยากออกมา
หลัวช่าโลหิตทั้งสี่มองหน้ากัน ใช้กำลังภายในผลักทั้งสองกับโถปัสสาวะม้าเหม็นหึ่งออกไป จากนั้นหนึ่งในนั้นก็จับ ‘เหยื่อ’ มาหนึ่งคน และก้มลงกัดคอของมารดาและบุตรชายทั้งสี่อย่างโหดเหี้ยม!
ทันใดนั้นเอง ท้องของอวี๋หวั่นก็ขยับ ราชาศักดิ์สิทธิ์ผู้แข็งแกร่งระเบิดพลังกดดันออกมา
เหล่าหลัวช่าโลหิตคล้ายถูกโจมตีตรงกลางอก ปล่อยเหยื่อในมือ ถอยห่างออกไปหลายก้าว
พวกหลัวช่าโลหิตต่างโกรธแค้น ปล่อยแรงกดดันอันทรงพลังต่อสู้
พลังของราชาศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งเกินกว่าที่ผู้ใดจะคาดคิด หลัวช่าโลหิตทั้งสี่ร่วมมือกันก็ยังไม่สามารถบดขยี้มันได้!
แต่ท้ายที่สุดทารกในครรภ์มีพลังงานจำกัด ในไม่ช้าก็ผล็อยหลับไป
หากไร้การต่อต้านของราชาศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดหลัวช่าโลหิตก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ
หลัวช่าโลหิตเลียปากอย่างตะกละตะกลาม คว้าไข่ดำทั้งสามที่กำลังหลับใหลขึ้นมา แต่ทันใดนั้นเสี่ยวเป่าก็ตื่นขึ้น
เขาลืมตามาเห็นหลัวช่าโลหิตที่กำลังน้ำลายไหล พร้อมกับเขี้ยวอันแหลมคม ก็ตกใจกลัวเอามือปิดก้น “อย่าๆๆ อย่ากัดก้นข้า!”
หลัวช่าโลหิตฟังเขาที่ใด? มันอ้าปากแล้วกัดเขา!
ในเวลานี้เอง ประตูที่ปิดสนิทก็เปิดออก
รองเท้าปักที่ประดับด้วยไข่มุกก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ
……………………………