ตามหลักการที่ว่าต้องช่วยเหลือท่านผู้เฒ่าไว้ให้ได้ ต้าเป่าออกแรงตีสุดกำลังด้วยแรงกายทั้งหมด!
เอ้อร์เป่าตะโกนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ “ต้าเป่าสู้ๆ!”
ต้าเป่า : ข้าจะตี! ข้าจะตี! ข้าจะตีๆๆ!
ราชินีแม่มดถูกตบไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ถูกเด็กอ้วนทับจนล้มลงกับพื้น คราแรกก็เจ็บปวดปางตายอยู่แล้ว ยังถูกทุบตีซ้ำอีก นางรู้สึกราวกับชีวิตครึ่งชีวิตกำลังจะหมดไป
ต้าเป่าทำด้วยความปรารถนาดี
ท่านผู้เฒ่าถูกเขาทำให้บาดเจ็บ เขาจะใช้พิษกู่ทำร้ายนางได้อย่างไร?
จะต้องเอาออกมาให้ได้!
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
หลังจากทุบไปไม่รู้กี่ครั้ง เสี่ยวเป่าก็พบของบางอย่างในกระเป๋าของตน “อ้า! ข้าเจอแล้ว! ยาพิษอยู่นี่!”
ท่อนไม้ในมือของต้าเป่าที่หวดลงได้ครึ่งหนึ่งพลันหยุดชะงัก
ราชินีแม่มดปลื้มปีติยินดี ในที่สุดนางก็ไม่ต้องถูกตีแล้ว…
“อ้อ ไม่ใช่ ไม่ใช่อันนี้” เสี่ยวเป่าวางเม็ดยาลงข้างๆ แล้วค้นกระเป๋าต่อไป
ราชินีแม่มด “……!!!”
หา!
ต้าเป่าฟาดท่อนไม้อีกครั้ง!
หลังจากถูกทุบตีมาไม่รู้กี่ครั้ง ราชินีแม่มดก็อาเจียนเม็ดยาออกมา เวลานี้กระทั่งข้าคือผู้ใด ข้าอยู่ที่ใด แล้วข้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ นางก็ไม่รู้อีกแล้ว
“อ๊า คิดออกแล้ว! ลูกเจี๊ยบกินยาพิษเข้าไป!” ในที่สุดสมองอัศจรรย์ของเสี่ยวเป่าก็คิดออก นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในตลาดมืด ที่ที่พวกเขาพักอาศัยมีลูกเจี๊ยบอยู่สองสามตัว เสี่ยวเป่าชื่นชอบลูกเจี๊ยบ เขาวิ่งไปให้อาหารมัน ทว่ามีตัวหนึ่งที่ดุร้ายเป็นพิเศษ มันกระโดดมาคาบยาพิษไป!
หลังจากต้าเป่ามองราชินีแม่มดที่ถูกตนทุบตีจนตาแทบเหลือกก็ก้มลงมองท่อนไม้ในมือ และโยนมันทิ้งทันที!
…มือมันขยับตามท่อนไม้ไปเอง!
“ไอ้หยา ท่านผู้เฒ่าสลบไปแล้ว!” เอ้อร์เป่าอุทานเบาๆ
ต้าเป่าและเสี่ยวเป่าย่อตัวลง ใช้มือเล็กๆ ตรวจลมหายใจที่จมูกของนางด้วยการเคลื่อนไหวดุจมืออาชีพ
“ยังมีลมหายใจ” เสี่ยวเป่ากล่าว
ทิ้งท่านผู้เฒ่าไว้ที่นี่ไม่ได้ ต้องพานางไปยังที่ที่มีผู้คนและตามหมอมาดูนาง
ทั้งสามจึงคว้าขากางเกงของนาง ต้าเป่าหยิบขากางเกงข้างซ้าย เอ้อร์เป่า เสี่ยวเป่าหยิบขากางเกงข้างขวา แล้วลากนางไปที่เรือน
ท่านผู้เฒ่าอาการหนักแล้ว!
แต่พวกเขาจะยอมแพ้ไม่ได้!
บันไดหรือ? ก็จะขึ้น!
บ่อโคลนหรือ? ก็จะผ่าน!
ถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อหรือ? ก็จะไป!
ปัง
ยามถึงทางเดินเลี้ยว หัวของราชินีแม่มดกระแทกกับต้นไม้
ตุ๋ม!
ยามผ่านบ่อโคลน ร่างของราชินีแม่มดก็จมลงไปครึ่งหนึ่ง
ครืด! ครืด! ครืด!
ก้นของราชินีแม่มดถลอกเป็นชั้นๆ กระทั่งขึ้นบันไดมาได้อย่างยากลำบาก แต่ด้วยน้ำหนักที่มากเกินไปทำให้นางต้องกลิ้งหลุนๆ กลับลงมา
เสี่ยวเป่า “ไม่ยอมแพ้!”
เอ้อร์เป่า “ไม่ยอมแพ้!”
ต้าเป่า “อื้ม!”
ราชินีแม่มด “…”
ราชินีแม่มดเจ็บจนพูดไม่ออก
ได้…ได้โปรด ปล่อยข้าเถอะ!!! ทิ้งข้าไปเถอะ!!!
พวกเขาเป็นเด็กดี! เด็กดีจะไม่ยอมแพ้กลางคัน!
ไข่น้อยทั้งสามกัดฟันวิ่งลงไปลากราชินีแม่มดขึ้นบันไดมาอีกครั้ง ครานี้ ราชินีแม่มดรู้สึกว่าก้นและศีรษะไม่ใช่ของนางอีกต่อไป
เส้นทางกลับจวนไม่ใกล้นัก ความทรมานที่ราชินีแม่มดได้รับจึงไม่เบาเลยจริงๆ ในที่สุดเมื่อนางถูกไข่ดำทั้งสามลากมาจนถึงสวนหลังบ้าน ก็ไม่มีที่ใดบนร่างกายนางอยู่ในสภาพดีอีกแล้ว ชุดชาววังที่สวยงามของนางเกี่ยวติดกับพุ่มไม้ใดสักพุ่มไปนานแล้ว ร่างกายนางสกปรก มอมแมมจนดูไม่ได้ และที่แย่กว่านั้นคือนางก็กลายเป็นหัวหมู
แม้แต่บิดามารดาก็ยังจำไม่ได้ นับประสาอะไรกับองครักษ์ลาดตระเวน
องครักษ์จำราชินีแม่มดไม่ได้ แต่พวกเขาจำเด็กน้อยทั้งสามได้!
นี่ไม่ใช่ตัวประกันที่ราชินีแม่มดจับมาหรอกหรือ? ไยถึงหนีออกมาได้?!
แล้วนี่… เอ่อ…โฉมหน้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเค้าเดิม…เหล่าองครักษ์จ้องมองอยู่นาน จนรับรู้ว่าเป็นสตรีนางหนึ่ง พวกเขาจำได้แล้ว เจ้าตัวเล็กทั้งสามอยู่กับสตรีอีกคนหนึ่ง ทั้งสี่ถูกขังอยู่ในเรือนนี้
นี่อาจจะเป็นสตรีผู้นั้น?
องครักษ์มองราชินีแม่มดด้วยความสงสัย
สตรีผู้นั้นไม่อ้วน นาง…ก็ไม่อ้วน!
สตรีผู้นั้นตัวสูง นาง…ก็ดูสูงใช้ได้!
ส่วนใบหน้าก็บวมจนจำไม่ได้แล้ว ทว่าเด็กๆ พวกนี้ห่วงใยนางยิ่งนัก ตัวติดกันไม่ห่าง หากกล่าวว่าไม่มีความสัมพันธ์ ผู้ใดเล่าจะเชื่อ?
องครักษ์แลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาต่างก็เห็นสิ่งที่ตนเองคิดจากดวงตาของอีกฝ่าย ไม่ผิดแน่ พวกเขากำลังแสดงละครฉากใหญ่ สตรีผู้นี้หมายจะพาทั้งสามหนีไป ทว่ากลับถูกหลัวช่าทหารที่เฝ้าอยู่พบเข้า หลัวช่าทหารโกรธเกรี้ยวขึ้นมาจึงทำร้ายนางบาดเจ็บสาหัส
ต้องเป็นเช่นนี้แน่!
หัวหน้าองครักษ์ม้วนแขนเสื้อขึ้น “ให้อยู่ดีๆ เจ้ายังกล้าหนีไป? คงเบื่อชีวิตแล้วกระมัง! พี่น้องข้า! จัดการนาง!”
หลังจากถูกคำรามใส่จนปลิว ถูกเฉือน ถูกทุบตีและถูกลากจนหนังถลอก ราชินีแม่มดก็ถูกองครักษ์กลุ่มหนึ่งทุบตีอีกครั้งอย่างงดงาม…
กว่าหลีชั่วและหงหลวนจะพาสาวใช้มาถึง ราชินีแม่มดก็ถูกทุบตีจนเหลือเพียงลมหายใจรวยริน
“หยุดนะ!”
หลีชั่วกรีดร้องอย่างรุนแรง!
“นั่นคือราชินีแม่มด!”
เมื่อทุกคนได้ยินก็ถึงกับผงะ อะไรนะ? หญิงชราที่หน้าบวมเช่นหัวหมูผู้นี้คือราชินีแม่มดผู้ศักดิ์สิทธิ์มิอาจก้าวล่วงแห่งเผ่าพ่อมดของพวกเขาหรือ?!
ยามที่หลีชั่วอายุได้ห้าขวบ นางได้เป็นสาวใช้เล็กข้างกายราชินีแม่มด นางอยู่กับราชินีแม่มดมาตลอดหลายปี คนอื่นจำราชินีแม่มดไม่ได้ แต่นางสัมผัสเพียงกลิ่นอายลมปราณ ก็สามารถบอกได้ว่านั่นคือราชินีแม่มด
หงหลวนก็เป็นแม่มดและจดจำนางได้ เพียงแต่ช้ากว่าหลีชั่วไปก้าวหนึ่ง
หลีชั่วก้าวไปด้านหน้า ถอดเสื้อคลุมห่มให้ราชินีแม่มดที่ใกล้จะสิ้นลม และจ้องมองทุกคนอย่างดุดัน “พวกเจ้าบ้าไปแล้วรึ? หรือว่าโดนกู่ไปแล้ว?”
“พะ…พวกเรา…พวกเราคิดว่านาง…” หัวหน้าองครักษ์เล่าเหตุการณ์อย่างตะกุกตะกัก “…ใต้เท้าหลีชั่ว ท่านโทษพวกเราไม่ได้นา ต้องโทษเด็กสามคนนั่น!”
เขาพูดพลางชี้นิ้วไป “อ้าว? เด็กเล่า?”
ไข่น้อยทั้งสามหนีไปแล้ว!!!
หลังจากราชินีแม่มดขู่จะตัดนิ้วเด็กทั้งสาม และต๋าหว่าห้ามปรามไม่ได้ผล ต๋าหว่าก็ตัดสินใจตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ราชินีแม่มดเอาแต่กล่าวว่าพวกเขาเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับอวี๋หวั่น เขาต้องการรู้ว่าเป็นความสัมพันธ์แบบใด
ต๋าหว่าสองจิตสองใจอยู่ที่วังหลังครู่หนึ่ง จึงมาถึงค่อนข้างช้า เขาเดินผ่านทางเข้าหลัก และได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวผิดปกติจากที่ที่ห่างไกล จากนั้นก็ตามมาด้วยหลัวช่าทหารที่ทรงพลังตนหนึ่งตกลงมาจากฟ้าและกระแทกพื้นต่อหน้าเขา
ต๋าหว่าผงะไปทันที
วินาทีถัดมา หลัวช่าทหารกัดฟันลุกขึ้น ดีดปลายเท้าใช้วิชาตัวเบาเหาะกลับไปที่เรือน
ทว่าในชั่วพริบตาเขากลับถูกตบกลับมาอีกครั้ง
ต๋าหว่าตกตะลึงอ้าปากค้าง!
หลัวช่าทหารสู้กันเองหรือ? ทะเลาะกันกลางวันแสกๆ?
ปัง!
หนึ่งตน
ปัง!
อีกหนึ่งตน!
ปัง!
ตนที่สาม!
หลัวช่าทหารทั้งสามล้มลงแทบเท้าต๋าหว่าตามๆ กัน
มุมปากต๋าหว่ากระตุก หลัวช่าทหารที่อยู่ด้านในทรงพลังเช่นนั้น เอาชนะสามต่อหนึ่งได้เชียวหรือ?
ทันทีที่ความคิดวาบผ่านไป หลัวช่าทหารตนที่สี่ก็ตกลงมา
ต๋าหว่า “…”
ไม่เคยได้ยินว่าในมือของราชินีแม่มดมีหลัวช่าทหารตนที่ห้า หรือว่าจะสร้างตัวใหม่?
ต๋าหว่าเข้าไปในเรือนด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มทน เมื่อเห็นเงาร่างเล็กในเรือน ภายในใจก็วุ่นวาย…
“อา อา อา อา อา –” ต๋าหว่าเข้ามาในเรือนฮูหยินรองด้วยท่าร่ายรำเทพ
โชคดีที่ฮูหยินรองปักผ้าอยู่ในห้อง ไม่เห็นท่าทางโง่เขลานั้น
“แย่ แย่ แย่…แย่แล้ว!” ต๋าหว่าล้มลุกคลุกคลานเข้ามาในห้องของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นไปหาชุยเฒ่า แต่อวี๋เซ่าชิงและเยี่ยนจิ่วเฉายังศึกษาแผนที่ของวังหลวงอยู่ในห้อง
“เกิดอะไรขึ้น?” อวี๋เชาชิงมองดูต๋าหว่า “เหตุใดต้องตื่นตระหนกเช่นนี้? เจ้าเห็นแพะรับบาปที่ราชินีแม่มดจับไปหรือ?”
ต๋าหว่าพยักหน้าราวกับโขลกกระเทียมไปพลาง ทำท่าทางไปพลาง “เห็น เห็น เห็น เห็น…เห็นแล้ว! น่ากลัวยิ่งนัก! หน้าตาเช่นฮูหยินน้อยเยี่ยนไม่มีผิด! ทว่านางไม่มีพุง! คราแรกข้าก็สงสัยว่าเป็นฮูหยินน้อยเยี่ยน!”
“หน้าตาเหมือนกับอาหวั่นเลยหรือ?” อวี๋เซ่าชิงขมวดคิ้ว
“ว่ากันว่ายังมีเด็กอีกสามคนที่ถูกจับไปด้วย! ข้าไม่ได้เห็นเด็ก แต่…สตรีผู้นั้น ช่างเหมือนยิ่งนัก!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ อวี๋เซ่าชิงและเยี่ยนจิ่วเฉายังมีสิ่งใดไม่เข้าใจอีก?
เป็นสตรีที่เหมือนอวี๋หวั่น อยู่กับเด็กสามคน ไม่ใช่อาซูกับไข่ดำทั้งสามหรือ?
หน้าตาของอวี๋หวั่นและนางเจียงคล้ายคลึงกันยิ่งนัก แต่จะบอกว่าไม่มีที่ใดต่างกันก็คงเป็นไปไม่ได้ ทว่าต๋าหว่าไม่ได้พบอวี๋หวั่นบ่อย ไม่นับว่าคุ้นเคยกับรูปลักษณ์ของเธอดี ดังนั้นมองเห็นเพียงปราดหนึ่งจึงแยกไม่ออก
อวี๋เซ่าชิงพลันลุกขึ้นยืน “อะไรนะ? หลัวช่าทหารสี่ตนล้อมนางรึ?”
ต๋าหว่า “…”
เอ่อ สิ่งที่เขากล่าวดูไม่ใช่หมายความนั้นนะ
นายท่านอวี๋ฟังอย่างไร?
ต๋าหว่าอ้าปาก “ข้าหมายถึง…”
อวี๋เซ่าชิงยกมือขึ้นขัดจังหวะเสียงขรึม “ไม่ต้องพูดแล้ว! ข้าเข้าใจ! อาซูถูกคนรังแก! อาซู เจ้ารอข้าก่อน -ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!”
…………………………………………