ในเรือน เด็กทั้งสามคนกำลังหลับสบาย ขาอวบอ้วนสองข้างของเสี่ยวเป่าพาดอยู่บนพุงกลมๆ ของต้าเป่า ก้นของต้าเป่าแนบอยู่กับกำแพง ขาข้างหนึ่งชี้ขึ้นฟ้า อีกข้างหนึ่งกดอยู่บนหน้าแข้งของเอ้อร์เป่า
ท่านอนของเอ้อร์เป่านั้นดูดีที่สุดในบรรดาพี่น้อง ทั้งเงียบเชียบและเรียบร้อย
ทั้งสามคนหลับสนิท จนมิได้รับรู้ว่าด้านนอกนั้นฟ้ากำลังถล่ม
เรือนนี้เป็นสถานที่ซึ่งอยู่ห่างจากวังหลวง กว้างขวางและว่างเปล่า คล้ายกับไม่เคยมีผู้ใดเข้าไปอยู่ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เรือนแห่งนี้
หลังจากที่ลอยไปต่อหน้าหลัวช่าคนแรกอยู่หลายรอบ นางเจียงก็พบว่ายังมีหลัวช่าทหารอีกสามคน นางเจียงมองด้วยความตื่นเต้น นางปราดเข้าไปหาหลัวช่าทหารทั้งสาม วรยุทธ์ของสามคนนี้เหนือกว่าหลัวช่าทหารคนแรก เมื่อเห็นว่านางเข้ามา พวกเขาย่อมไม่กลัว แต่ว่าพวกเขาได้รับคำสั่งให้คอยจับตามองนาง ไม่ได้รับคำสั่งมาว่าให้สู้กับนาง
ไม่สู้กับนางหรือ?
นางเจียงกลอกตา แล้ววิ่งหนีออกไปด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “ไอ้หยาา! ข้าหนีแล้วนะ! ข้าหนีแล้ว!”
หัวหน้าหลัวช่าทหารนัยน์ตากระตุกวูบ จิตสังหารรุนแรงปรากฏขึ้น “หนีไปไหน?!”
“พี่ใหญ่ ข้าเอง!” หลัวช่าทหารคนที่สามใช้วิชาตัวเบา กระโดดเข้าไปจับนางเจียง
เป็นแค่สตรีอ่อนแอ ปราศจากกลิ่นอายของยอดฝีมือ กอปรกับพวกเขายังไม่พบเจอกับสิ่งที่น้องสี่พบ เพราะฉะนั้น แม้ว่านางจะกอดขาน้องสี่จนน้องสี่ขยับไม่ได้ ในสายตาของพวกเขาแล้ว ก็เพียงเพราะน้องสี่ไม่อยากทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่าจึงไม่สู้กับนาง
น้องสามไม่ได้ใช้วรยุทธ์มากนัก อย่างไรเสียเขาเป็นถึงหลัวช่าทหาร เขามีพลังมากพอที่จะจัดการยอดฝีมือคนใดก็ตามในเผ่าพ่อมด แต่ขณะที่เขากำลังจะคว้าคอเสื้อของสตรีคนนั้น นางก็หนีไปจากมือของเขาในทันใด
หรือว่าเขาจะตาลาย? หรือว่าเขาเล็งเป้าหมายพลาด
น้องสามตั้งสติ แล้วคว้าสตรีคนนั้นอีกครั้ง
ครั้งนี้เขามั่นใจว่าเขาจับนางได้แล้ว ทว่ากลับแตะไม่โดนแม้แต่ปลายเสื้อ
น้องสามมองไปยังมือของตน จากนั้นก็มองไปยังนางเจียง ความฉงนใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
พี่รองขมวดคิ้ว “น้องสามเจ้าเป็นอะไรไป ยังไม่รีบจับนางอีก?”
ทันใดนั้นสายตาของน้องสามก็พลันเย็นเยียบ สีหน้าของเขาดุดัน พลังของหลัวช่าทหารถูกปลดปล่อยออกมา หมายจะหยุดผู้หญิงคนนั้นไว้
จะว่าไปก็น่าขัน เขาเป็นถึงหลัวช่าทหาร ไม่เคยต้องใช้พลังเช่นนี้ในการต่อสู้กับยอดฝีมือ แต่วันนี้กลับต้องมาใช้พลังกับสตรีที่ไร้พลังภายใน ครั้งนี้ถ้าหากจับไม่ได้ เกรงว่าเขาคงจะไม่คู่ควรกับการเป็นหลัวช่าทหารอีกต่อไป
“น้องสามเป็นอะไรไป ใช้พลังไม่ได้หรือ?” พี่รองเอ่ยถาม
ทำเช่นนี้ต่างอะไรกับการใช้มีดเชือดวัวไปเชือดไก่?
ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมน้องสามจึงทำเช่นนี้ นอกจากน้องสี่ซึ่งถูกกอดจนขาชาจนถึงตอนนี้
ยอดฝีมือที่แท้จริงสามารถปล่อยและเก็บพลังภายในได้อย่างอิสระ หลัวช่าทหารที่แข็งแกร่งสามารถปล่อยพลังออกมาคลุมเรือนได้ทั้งหลัง โดยที่ไม่มีสิ่งใดเล็ดลอดออกไป นั่นทำให้องครักษ์ในวังหลวงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และทำให้พลังซึ่งกดอยู่ด้านในน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
ภายใต้พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ สตรีผู้นั้น…นางก็ยังพุ่งเข้ามาหาเขา!!!
นางเจียงพบว่าไม่มีผู้ใดตามนางมา จึงหันหลังไปมอง เอ๊ะ? ยืนอึ้งกันอยู่ทำไมเล่า หรือว่าตนเองวิ่งเร็วเกินไป จนเขาตามไม่ทัน?
นางเจียงจึงถอยหลังเตาะแตะกลับไป
มาตามข้าเร็ว ข้าวิ่งไม่เร็วนะ~
ปะ…เป็นไปได้อย่างไร? น้องสามยืนอ้าปากค้าง เขากระทืบเท้าขวา จากนั้นก็เพิ่มวรยุทธ์ เพิ่มพลังขึ้นอีกมหาศาลราวกับเขาไท่ซาน กดจนหลัวช่าทหารคนอื่นๆ สัมผัสได้ถึงอันตราย
กระทืบเท้า? โกรธหรือ?
เอาเถอะๆ นางจะวิ่งให้ช้าลงอีกสักหน่อยก็ได้
นางเจียงวิ่งถอยหลังกลับไปอีก
ใกล้ขนาดนี้ ต้องจับได้แล้วกระมัง?
มาสิๆๆ มาจับข้าสิ!
เมื่อน้องสามเห็นว่านางยังเคลื่อนไหวได้ ก็ตื่นตะลึงในทันใด เขากัดฟันกรอด กำหมัดแน่น รวบรวมพลังไว้ที่จุดตันเถียน แล้วเพิ่มพลังภายในขึ้นจนถึงขีดสุด!
“ไอ้หยา~” นางเจียงยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก แล้วล้มลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแอ
น้องสามหายใจเฮือกด้วยความตกใจ!
เขาว่าแล้วเชียว!
เป็นถึงหลัวช่าทหาร มีหรือจะกำราบสตรีคนเดียวไม่ได้?!
น้องสามซึ่งเหงื่อกาฬโซมกายก็ก้าวขึ้นไปด้านหน้า แล้วยื่นมือออกมาเพื่อคว้าสตรีซึ่งนอนหมดสติอยู่บนพื้น
ไหนเลยจะรู้ว่าเขายังไม่ทันได้แตะต้องตัวนาง ก็ถูกนางต่อยจนกระเด็นออกไป!
น้องสามซึ่งยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “…”
พี่รองซึ่งกำลังสับสนกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า “…”
น้องสี่ซึ่งปิดตาเพราะไม่กล้ามอง “…”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นไปดังคาด เพื่อที่จะจับนางปีศาจ…ถูกต้องแล้ว เห็นได้ชัดว่านางไม่มีกลิ่นอายของยอดฝีมือ แต่กลับต่อยด้วยแรงที่ไม่อาจต่อต้านได้ จะไม่ให้เรียกว่าปีศาจแล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร?
ทั้งสี่คนร่วมมือกัน เพื่อสู้กับนางเจียง
ต่อยหลัวช่าทหารคนหนึ่งนั้นมิได้ใช้แรงมากมาย แต่หากต้องสู้กับหลัวช่าทหารถึงสี่คนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นางเจียงปล่อยกำปั้นเล็กๆ ออกไป ทั้งสี่คนล้วนแต่รับไว้ได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังต่อยคืนด้วยพลังเพียงเก้าส่วน จนนางเจียงกระเด็นไปไกล
“ที่แท้ เมื่อพวกเราสี่คนรวมพลังกัน ย่อมไร้เทียมทานเช่นนี้…”
น้องสามยังพูดไม่ทันจบประโยค นางเจียงก็ลอยกลับมานั่งจ้องพวกเขาพลางกะพริบตาปริบๆ
ทั้งสี่คนเสียวสันหลังวาบ!
พวกเขาต่อยออกไปอีกครั้ง
นางเจียงกระเด็นออกไปไม่เห็นแม้แต่เงา ชั่วพริบตาเดียวก็ลอยกลับเข้ามาใหม่
เหล่าหลัวช่าทหารตกใจจนแทบลมจับ!!!
ขณะที่นางเจียงกำลังเล่นสนุกอยู่นั้นเอง ราชินีแม่มดก็รุดเข้ามา
“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน” ราชินีแม่มดตวาด
คนเราเมื่อถูกขัดจังหวะก็มักจะไม่สบอารมณ์ นางเจียงไม่ได้มองว่าผู้ที่มาถึงนั้นเป็นใคร นางฟาดมือออกไป ปัดราชินีแม่มดจนกระเด็น…
ต๋าหว่าคิดจะเข้าไปรับนางไว้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว จึงทำได้เพียงยืนมองนางกระเด็นข้ามศีรษะตนเอง ตีลังกากลางอากาศไปไกล จากนั้น…จากนั้นก็ไม่รู้ว่ากระเด็นไปที่ไหนแล้ว!
ต๋าหว่า “…”
นางเจียงสู้จนสุดใจ นางรู้สึกว่าชีวิตของนางดำเนินมาจนถึงขีดสุดเสียแล้ว ส่วนอีกด้านหนึ่ง เด็กน้อยทั้งสามก็หลับจนเต็มอิ่ม ดวงตากลมโตสีดำขลับของพวกเขาค่อยๆ ลืมขึ้น
เด็กทั้งสามเริ่มมองหาท่านยาย
ท่านยายอยู่ในลานบ้าน แต่เด็กทั้งสามเดินไปผิดทาง และตรงไปยังลานหลังบ้าน
ประตูไปยังลานหลังบ้านถูกเปิดไว้ บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นงดงาม ด้านในมีต้นพุทราอยู่หลายต้น
“พุทราลูกใหญ่ เสี่ยวเป่าอยากกิน” เสี่ยวเป่าชี้ไปยังต้นพุทรา
“เอ้อร์เป่าก็อยากกิน” เอ้อร์เป่าพูด
ต้าเป่าใช้ไม้ซึ่งตนเองใช้แบกห่อผ้าไว้บนไหล่ นำมาเก็บผลพุทราให้น้องชายทั้งสอง
ต้นพุทราจะเรียกว่าอยู่ไกลก็ไม่ไกล จะเรียกว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ ทั้งสามคนเดินอยู่สักพักจึงจะถึงโคนต้นพุทรา
“สูงจังเลย!” เอ้อร์เป่าพูดด้วยน้ำเสียงน่ารักน่าเอ็นดูพลางมองไปยังต้นพุทราซึ่งแลดูสูงเสียดฟ้า
“ข้าคิดถึงน้องเลย!” เสี่ยวเป่าพูด
เสี่ยวเจาชนเพียงนิดเดียว ผลไม้ก็ร่วงลงมาแล้ว!
ต้าเป่าคิดว่า แม้ว่าเขาจะชนต้นไม้ไม่ไหว แต่เขาก็ปีนต้นไม้ได้นะ!
ต้าเป่าวางถุงผ้าลง ถอดรองเท้าออก แล้วเดินเตาะแตะไปปีนขึ้นต้นไม้ ต้นพุทรานี้ทั้งต้นใหญ่ทั้งสูง ต้าเป่าใช้พละกำลังมหาศาลกว่าจะปีนขึ้นไปได้ทีละกิ่ง แต่ว่าต้นไม้ต้นนี้ประหลาดเหลือเกิน มีคนนอนอยู่ข้างบนด้วย!
นั่นไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นราชินีแม่มดซึ่งถูกนางเจียงตบจนกระเด็นมานั่นเอง
ราชินีแม่มดดูราวกับปลาตัวหนึ่งซึ่งติดอยู่ระหว่างกิ่งไม้ จะปีนขึ้นไปก็ไม่ได้ จะปีนลงมาก็ไม่ได้ ผมเผ้าซึ่งตอนแรกประดับประดาอย่างงดงาม บัดนี้ยุ่งเหยิงราวกับรังนก แป้งผัดหน้าเลอะเทอะ ชาดทาปากก็เปรอะเปื้อน ใบหน้าข้างหนึ่งบวมฉุ สภาพสะบักสะบอมเหลือเกิน
ต้าเป่าปีนขึ้นไปดูด้วยความสงสัย แต่กลับได้ยินเสียงดัง ‘แกร็กๆ’ ทันใดนั้นกิ่งไม้หัก ทำให้นางและต้าเป่าตกลงมา ด้วยมุมและแรง ทำให้นางตกลงมาถึงพื้นก่อนต้าเป่าเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว และต้าเป่าก็ตกลงมากระแทกบนร่างของนาง
ราชินีแม่มดทั้งถูกตบ ทั้งถูกเด็กอ้วนหล่นลงมาทับ นางรู้สึกคล้ายกับกระดูกกำลังจะหักเป็นสองท่อน
ใบหน้าของราชินีแม่มดปวดราวกับหัวหมู เด็กทั้งสามจึงจำไม่ได้ว่านางคือราชินีแม่มดเลือดเย็นที่สั่งขังพวกตน
เด็กทั้งสามมองนางครู่หนึ่ง ในตอนนั้นเอง เอ้อร์เป่าก็ชี้นาง แล้วพูดว่า “ต้าเป่า เจ้าทับจนท่านผู้เฒ่าหายใจไม่ออกแล้ว”
ผะ…ผู้เฒ่า?
ราชินีแม่มดอยากกระอักเลือด!
ต้าเป่าเกาศีรษะด้วยความรู้สึกผิด แล้วรีบลงมา
เกือบทับจนท่านผู้เฒ่าแบนซะแล้ว
เขาไม่ใช่เด็กดีแล้ว ทำอย่างไรดี?
“นางบาดเจ็บหนัก! ต้องเจ็บแน่ๆ!” เสี่ยวเป่าพูดด้วยสีหน้าเบี้ยวบูดพลางมองไปยังใบหน้าบวมฉุของราชินีแม่มด
“ยา!” เอ้อร์เป่าพูด
ต้าเป่ารีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับถุงผ้าของตน เอ้อร์เป่าและเสี่ยวเป่าเปิดกระเป๋า แล้วเททุกอย่างออกมา
“อันนี้” เอ้อร์เป่าหยิบยาเม็ดสีแดงออกมา
“ไม่ใช่ อันนี้ต่างหาก” เอ้อร์เป่าหยิบยาเม็ดสีดำออกมา
ต้าเป่ากลับหยิบยาเม็ดสีขาวขึ้นมา
ช่างเถอะ ป้อนให้นางทั้งหมดนั่นแหละ ต้องมีเม็ดหนึ่งที่ถูก!
ต้าเป่าเปิดปากนางออก แล้วกรอกยาเข้าไปสามเม็ดรวด
ราชินีแม่มดตกใจจนตาเหลือก
“ไอ้หยา!” เสี่ยวเป่าร้องลั่น “ยาพิษของข้าหายไปแล้ว! หรือว่าเมื่อครู่ป้อนผิดไป?”
ยาพิษที่เสี่ยวเป่าพูดถึงก็คือยาซึ่งทำจากพิษของสัตว์พิษ ยาพิษบางชนิดสามารถใช้เสริมพลังภายในได้ แต่ก็มียาพิษบางชนิดที่ใช้สำหรับเพิ่มพิษ คนทั่วไปกินไม่ได้
“เร็วๆๆ…ให้นางคายออกมา!” เสี่ยวเป่ารีบร้อนบอก
“นางคายไม่ออก” เอ้อร์เป่าบอก
ต้าเป่ายกไม้ขึ้นมา แล้วฟาดลงไปเต็มแรง!
……………………………………………..