“ข้อตกลงอะไรหรือขอรับ?” อิ่งลิ่วถาม
อิ่งสือซันบ่น “คนผู้นั้นช่วยนางปลูกชีวิตโจวจิ่น นาง…สังเวยตนเองให้กับคนผู้นั้น”
“ใช่” เยี่ยนจิ่วเฉาพยักหน้า
“ผู้นั้นคือผู้ใด?” อิ่งลิ่วถาม
“หลัวช่าวิญญาณ” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
อิ่งลิ่วเลิกคิ้ว “อะไรนะ? หลัวช่าวิญญาณ? เป็นไปได้อย่างไร?”
อิ่งสือซันคาดเดา “ทั้งเผ่าพ่อมด ก็มีเพียงมันกับราชาพ่อมดที่มีพลังเปลี่ยนชะตากรรมของโจวจิ่น แต่ราชาพ่อมดไม่อาจตายไวนัก เขาต้องยืดชีวิตโจวจิ่น หลัวช่าวิญญาณจึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหลือเพียงคนเดียว”
ทุกอย่างชะงักนิ่ง แล้วอิ่งสือซันก็กล่าวต่อ “แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจว่าทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นได้เช่นไร? ข้าหมายถึง… แม้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์จะต้องการความช่วยเหลือจากหลัวช่าวิญญาณ แต่หลัวช่าวิญญาณยินดีจะช่วยหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดอย่างเฉยเมย “จำต้องช่วย มันถูกราชาศักดิ์สิทธิ์และราชาพ่อมดทำร้ายบาดเจ็บสาหัส หากไม่ยอมรับข้อตกลงกับราชาศักดิ์สิทธิ์ ราชาศักดิ์สิทธิ์ก็ตายไปพร้อมกับมัน เพื่อที่จะอยู่รอด มันต้องช่วยโจวจิ่นเปลี่ยนชะตา”
เมื่อได้ยินดังนั้น อิ่งลิ่วก็เข้าใจทันที ที่แท้หลัวช่าวิญญาณก็ไม่ได้เต็มใจ หากแต่ถูกบีบบังคับให้ทำ เขาก็คิดอยู่ ว่าปีศาจจะเปลี่ยนชะตาให้บุตรของศัตรูได้อย่างไร
อิ่งลิ่วคิดบางอย่างได้จึงเอ่ยขึ้น “เช่นนั้น…เมื่อครู่ที่คุณชายกล่าวว่า ราชาศักดิ์สิทธิ์สังเวยตนแก่หลัวช่าวิญญาณคือเรื่องใดกัน?”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ตอบ
อิ่งสือซันกล่าวกับอิ่งลิ่ว “ข้าคิดว่าหลังจากนางให้กำเนิดโจวจิ่น ก็ยินยอมให้หลัวช่าวิญญาณกลืนกิน”
“หลัวช่าวิญญาณมิได้ถูกผนึกไว้หรอกหรือ?” อิ่งลิ่วถาม
เรื่องนี้…อิ่งสือซันก็เดาไม่ออกเหมือนกัน
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “นี่เป็นลูกไม้ของราชาศักดิ์สิทธิ์ ภายนอกนางรับปากว่าจะสังเวยตนเอง ทว่าแท้จริงแล้วนางตัดสินใจจะตายไปพร้อมกับหลัวช่าวิญญาณ หลัวช่าวิญญาณไม่แน่ว่ารู้แผนการของนาง เพียงแต่หลังจากให้กำเนิดบุตร ราชาศักดิ์สิทธิ์ก็อ่อนแอมาก หลัวช่าวิญญาณรู้สึกว่าตนสามารถเดิมพันดูสักครา ผลก็คือราชาศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจฆ่าหลัวช่าวิญญาณได้จริงๆ ทว่าใช้ร่างกายปิดผนึกมันไว้”
อิ่งสือซันกล่าวอย่างตะลึง “หากกล่าวเช่นนี้ สิ่งที่ปิดผนึกหลัวช่าวิญญาณมิใช่โลงศพ ทว่าเป็นร่างของราชาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านใน?”
เยี่ยนจิ่วเฉาพยักหน้า “หากดูจากเบาะแสในยามนี้ก็เป็นเช่นนี้ ทว่าเบาะแสที่เรามียังจำกัด ดังนั้นจะมีความจริงบางอย่างที่เราไม่อาจคาดเดาหรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้”
อิ่งลิ่วทอดถอนใจ “ราชาพ่อมดกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องราว ช่างเป็นบุรุษที่น่าสังเวชยิ่งนัก!”
อิ่งลิ่วเก็บกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์ไป
เวลาไม่คอยท่าแล้ว กลุ่มคนเริ่มออกเดินทางสู่วิหารกวังหมิง
เพียงครึ่งทาง เยี่ยนจิ่วเฉาก็หยุดฝีเท้าลง
“มีอะไรหรือขอรับ คุณชาย?” อิ่งสือซันถาม
เยี่ยนจิ่วเฉาพูดด้วยสายตาลึกล้ำ “หลัวช่าวิญญาณกำลังจะตื่นขึ้น”
“มันไม่ได้ตื่นตลอดเวลาหรือขอรับ?” อิ่งลิ่วพึมพำ
“กำลังจะตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์” เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องมอง “กลิ่นอายของมันแข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลัน”
ไม่ใช่หนึ่งเท่าหรือสองเท่า แต่เป็นสิบเท่า หลายสิบเท่า!
ในไม่ช้า อิ่งสือซันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ชวนให้หวาดผวา “เหตุใดจู่ๆ ถึงแข็งแกร่งเช่นนี้? มันกินยาครอบจักรวาลใดเข้าไปกัน?”
“ราชินีแม่มด” ดวงตาของเยี่ยนจิ่วเฉาทอประกายเย็นชา
“ใช่! ต้องเป็นราชินีแม่มดแน่! สตรีชั่วร้ายผู้นั้นพยายามปลุกหลัวช่าวิญญาณขึ้นมาทุกวีถีทาง นางต้องให้ยากับหลัวช่าวิญญาณแล้วเป็นแน่ หลัวช่าวิญญาณถึงใกล้จะตื่นเต็มที่ในเวลารวดเร็วเช่นนี้!”
ตามการคาดคะเนเดิม วันนี้หลัวช่าวิญญาณไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ตื่นอยู่นานนัก เช่นนั้นโอกาสที่พวกเขาจะทำสำเร็จก็ไม่นับว่าสูงมาก แต่อย่างน้อยก็ไม่ต่ำเกินไป ทว่าบัดนี้ ต่อให้พวกเขาอยากฆ่ามันเพียงใดเกรงว่าคงยาก
พลังปราณของหลัวช่าวิญญาณพุ่งสูงขึ้น ทุกลมหายใจสัมผัสได้ถึงไอสังหารในอากาศ สิ่งที่น่ากลัวกว่าพลังกดดันของยอดฝีมือก็คือพลังปราณที่โจมตีจิตสำนึกของมนุษย์เช่นนี้
“อ๊า—” อิ่งลิ่วปวดหัวแทบจะระเบิด!
อิ่งสือซันไม่เคยรู้สึกเช่นนี้ ไม่ใช่ความเจ็บปวด ทว่ายิ่งกว่าความเจ็บปวด ชวนให้คลุ้มคลั่ง มีเสียงกรีดร้องดังจากก้นบึ้งของจิตใจ กระตุ้นให้เขาอยากทำลายบางอย่างให้ราบคาบ
อิ่งสือซันกดศีรษะ ใช้จิตตานุภาพอันแข็งแกร่งตั้งสติที่ยังหลงเหลือ “คุณชาย! พวกเรากลับกันก่อนดีหรือไม่ขอรับ รอให้พลังของท่านฟื้นคืนเต็มที่ค่อยกลับมา”
ดวงตาของเยี่ยนจิ่วเฉาเยียบเย็นลง
การเคลื่อนไหวในวิหารกวังหมิงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเยี่ยนจิ่วเฉากลับไม่ถอย เขาเหาะมุ่งหน้าไปทางศูนย์กลางของการเคลื่อนไหว
“คุณชาย!” อิ่งสือซันสีหน้าเปลี่ยน!
เขาเอื้อมมือออกไปจับเยี่ยนจิ่วเฉา ทว่าจับไม่ทัน เขาร้อนใจจนหน้าซีดเผือด “คุณชายบ้าไปแล้วหรือ? หลัวช่าวิญญาณตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว เขามีพลังเพียงห้าส่วน จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลัวช่าวิญญาณได้อย่างไร?”
เยี่ยนจิ่วเฉามีแผนในใจ แม้จะเสี่ยงมาก ทว่าหากปล่อยให้หลัวช่าวิญญาณทำลายผนึกจะยิ่งอันตรายกว่า เขาคิดจะใช้ดาบสังหารมันทันทีที่หลัวช่าวิญญาณทำลายโลงศพออกมา!
หลัวช่าทหารทั้งสี่และพ่อมดใหญ่สิบคนรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่เย็นเยือกผิดปกติ
พ่อมดใหญ่คนหนึ่งกล่าวว่า “ฮึ องค์ราชินีคาดไว้ไม่ผิด มีคนมาลอบสังหารหลัวช่าวิญญาณจริงๆ! ไม่ประเมินตนซะเลย! ตั้งรับ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เขากับพรรคพวกก็ถูกลมเย็นยะเยือกอันแข็งแกร่งพัดโจมตี
พ่อมดใหญ่ทั้งสิบไม่มีแม้แต่โอกาสจะใช้กระบวนท่าก็สลบไป
เพียงแต่ก่อนที่สติจะวูบดับ ความสงสัยหนึ่งได้ผุดขึ้นในใจทุกคน เมื่อครู่คือปราณวิชาอายุวัฒนะหรือ? แต่เผ่าพ่อมดไม่มีพลังวิชาอายุวัฒนะที่บริสุทธิ์เช่นนี้มานานแล้ว ผู้ใดกัน? ผู้ใดฝึกฝนวิชาอายุวัฒนะได้ถึงระดับนี้?
เหล่าหลัวช่าทหารใช้พลัง เหาะขึ้นไป
ภารกิจเร่งด่วนในยามนี้คือหลัวช่าวิญญาณ ไม่มีเวลาล้อเล่นกับพวกเขา รัศมีรุนแรงพุ่งออกจากตัวเยี่ยนจิ่วเฉา เขาสะบัดแขนเสื้อพัดหลัวช่าทหารทั้งสี่ตนจนกระเด็น
เยี่ยนจิ่วเฉาลอยอยู่กลางอากาศ ใช้กำลังภายในเก็บดาบจากพื้น และเหาะไปยังห้องโถงที่หลัวช่าวิญญาณถูกกักขังด้วยใบหน้าเย็นชา
เขามาถึงทันเวลาพอดีที่โลงศพแตกออก
เขากำดาบแน่น จ้วงแทงไปที่โลงศพอย่างรุนแรง พลังปราณจากดาบมหึมาพุ่งทำลายโลงศพจนแตกออกเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นปีศาจที่อยู่ด้านใน
ทว่าทันทีที่มองเห็นมันชัดเจน ดาบของเยี่ยนจิ่วเฉาก็หยุดชะงัก
สิ่งที่นอนอยู่ในโลงศพเป็นสตรี สตรีที่มีเจ็ดส่วนคล้ายกับโจวจิ่น
เยี่ยนจิ่วเฉาคาดเดาตัวตนของนางออกแทบจะในทันที
ราชาศักดิ์สิทธิ์!
ราชาศักดิ์สิทธิ์ใช้ร่างกายปิดผนึกหลัวช่าวิญญาณ ดังนั้น นี่ก็คือร่างของราชาศักดิ์สิทธิ์?
ทันทีที่ความคิดนี้แล่นผ่าน ก็เห็นราชาศักดิ์สิทธิ์ที่ควรจะเป็นศพลืมตาโพลง!
เยี่ยนจิ่วเฉาผงะ!
ราชาศักดิ์สิทธิ์ที่ลืมตาร่ายมนตร์เปลี่ยนริมฝีปากซีดกลายเป็นสีแดงสด ใช้ฝ่ามือตบใส่เยี่ยนจิ่วเฉา!
เยี่ยนจิ่วเฉาหลบได้อย่างดี
ทว่าอย่างไรก็พลาดช่วงเวลาสังหารหลัวช่าวิญญาณที่ดีที่สุดไปแล้ว
ทั้งสองประมือกันอย่างดุเดือด
เมื่ออิ่งลิ่วและอิ่งสือซันมาถึง ทั้งสองก็ต่อสู้จากตำหนักข้างกระทั่งมาถึงตำหนักหลักแล้ว
ทั้งสองเคลื่อนไหวรวดเร็ว อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันมองเห็นเพียงภาพที่ค้างอยู่เท่านั้น
อิ่งลิ่วมองภาพค้างกลางอากาศที่ยากจะจับ “หลัวช่าวิญญาณตื่นขึ้นแล้วหรือ? คุณชายต่อสู้กับมันแล้ว?”
อิ่งสือซันกล่าว “น่าจะเป็นเช่นนั้น” ร่างของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของหลัวช่าวิญญาณ
อิ่งลิ่วกล่าว “พวกเรารีบนำกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์ไปกันเถอะ!”
เนื่องจากราชาศักดิ์สิทธิ์ใช้ร่างกายผนึกหลัวช่าวิญญาณไว้ ร่างของนางก็น่าจะอยู่ใต้โลงศพ ทว่าทั้งสองก็ต้องตกตะลึง เพราะหลังจากเปิดโลงศพออก ก็เห็นโครงกระดูกร่างหนึ่งซึ่งสวมเสื้อผ้าของบุรุษ
หรือจะเป็นสตรีที่แต่งกายเป็นบุรุษ ทว่า…มองอย่างไรกระดูกร่างนี้ก็ดูไม่เหมือนสตรีเลย…
สตรีไม่สูงใหญ่เช่นนี้ กระดูกเชิงกรานก็แตกต่างจากบุรุษ
“ดูนั่นสิ!” อิ่งสือซันมองไปที่ชายคาฝั่งตรงข้าม
เยี่ยนจิ่วเฉาต่อสู้กับอีกฝ่ายได้สองสามยกและแยกกันชั่วขณะ อิ่งลิ่วเห็นสตรีชุดม่วงคนหนึ่งมองไปที่คุณชายของตนด้วยสีหน้าชั่วร้าย
สถานการณ์ของเยี่ยนจิ่วเฉาไม่สู้ดีนัก เขามีพลังอยู่เพียงห้าส่วนเท่านั้น
อิ่งลิ่วตกตะลึง “คน…คนคนนั้น…ดูเหมือนโจวจิ่นยิ่งนัก…คงไม่ใช่ว่า…นางคือราชาศักดิ์สิทธิ์กระมัง? ทว่าเหตุใด…บนตัวนางถึงมีกลิ่นอายของหลัวช่าวิญญาณ?”
ดวงตาของอิ่งสือซันหรี่ลง “ราชาศักดิ์สิทธิ์…ถูกหลัวช่าวิญญาณตลบหลัง”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ใช้ร่างกายปิดผนึกหลัวช่าวิญญาณให้สงบลง หลัวช่าวิญญาณไม่อาจออกไปได้ แต่จะให้มันยอมรับชะตา มันก็ไม่ปรารถนาจะยินยอม ประจวบเหมาะที่เวลานั้นตะเกียงน้ำมันของราชาศักดิ์สิทธิ์ได้มอบดับ หลัวช่าวิญญาณพยายามล้มนางตลอดเวลา ยามแรกราชาศักดิ์สิทธิ์อาจยังพอต้านทานไหว ทว่าเมื่อถึงยามที่อ่อนแอที่สุด หลัวช่าวิญญาณก็ทำสำเร็จ
อิ่งลิ่วเบิกตาโพลงด้วยความหวาดกลัว “เช่นนั้น คนผู้นี้คือหลัวช่าวิญญาณหรือราชาศักดิ์สิทธิ์กันละ?”
อิ่งสือซันมีสีหน้าซับซ้อน “หลัวช่าวิญญาณได้ถ่ายทอดพลังและความทรงจำทั้งหมดให้กับนางแล้ว นางไม่ใช่ราชาศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป”
หลัวช่าวิญญาณรู้ว่าตนไม่สามารถออกไปได้ เมื่อราชาศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ปิดผนึก จึงมีเพียงราชาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถไขผนึกได้ หลัวช่าวิญญาณจึงคิดวิธีนี้และเปลี่ยนราชาศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นอีกตัวตนหนึ่ง
บางทีในสายตาของหลัวช่าวิญญาณ นี่อาจเป็นการเกิดใหม่และการแก้แค้นนองเลือดก็เป็นได้
…………………