บทที่ 205 ท่านพ่อโจวไม่สบาย
ไฉ่ปาเม่ยแต่งงานไปตั้งแต่ต้นปีและมีลูกชายให้โจวต้งในตอนสิ้นปี ซึ่งต้องบอกว่าทั้งสองคนมีความสามารถไม่น้อย
ลูกคนแรกของพวกเขาเป็นลูกชาย ดังนั้นไม่ว่าลูกคนต่อไปจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หล่อนก็ไม่รู้สึกกังวลแล้ว
หลินชิงเหอไปเยี่ยมไฉ่ปาเม่ย และนำน้ำตาลทรายแดงไปให้หล่อนจำนวนครึ่งชั่ง
เนื่องจากหล่อนแต่งงานกับคนในหมู่บ้านเดียวกัน คุณป้าไฉ่จึงเป็นคนช่วยดูแลหล่อนในช่วงฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด ถึงโจวซีจะมีความสามารถและขยัน แต่หล่อนก็ไม่มีความรู้ที่จะดูแลพี่สะใภ้ของตัวเอง
ตอนนี้เป็นช่วงวันหยุดและอากาศปีนี้ก็หนาวเย็นเป็นพิเศษ คุณป้าไฉ่จึงต้องมาช่วยดูแล ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ?
เมื่อหลินชิงเหอมาถึง คุณป้าไฉ่ก็อยู่ที่นั่นแล้ว
เมื่อเห็นว่าเธอนำน้ำตาลทรายแดงมาด้วยครึ่งชั่ง นางก็รู้สึกตกใจและเอ่ยขึ้น “คุณครูหลิน คุณจะเอาน้ำตาลทรายแดงมาเยอะขนาดนี้ทำไมคะ? ให้เจ้าใหญ่กับน้อง ๆ ได้กินเถอะค่ะ ฉันเตรียมมันไว้ให้ปาเม่ยเมื่อนานมาแล้ว”
“ของคุณป้าก็ถือเป็นส่วนหนึ่งดีกว่าค่ะ ฉันตั้งใจว่าจะให้ภรรยาของโจวต้งน่ะค่ะ” หลินชิงเหอตอบด้วยรอยยิ้ม
คุณป้าไฉ่รู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์อันดีกับโจวต้งและโจวซี นางจึงไม่เอ่ยอะไรและยิ้มรับ
ในตอนนี้ไฉ่ปาเม่ยกำลังหลับ หลินชิงเหอจึงได้สนทนาสั้น ๆ กับคุณป้าไฉ่ก่อนจะกลับบ้าน
“คุณครูหลินช่างใส่ใจจริง ๆ” คุณป้าไฉ่เอ่ยขึ้น
“คุณอาสะใภ้ใจดีกับเราอยู่เสมอน่ะค่ะ” โจวซีพยักหน้า
อาสะใภ้สอนหลายสิ่งหลายอย่างให้กับเธอมากทีเดียว อย่างเช่นการป้องกันตัวเอง การดูแลตัวเอง การรักษาสุขอนามัยและเกณฑ์ความสะอาด รวมถึงรับมือกับการมีรอบเดือนครั้งแรก ซึ่งหลินชิงเหอเป็นคนสอนเรื่องพวกนี้ให้หล่อนทั้งหมด
บางครั้งเมื่อหล่อนไปที่นั่น อาสะใภ้ก็จะหยิบพุทราจีนให้หล่อนกินกำมือหนึ่ง เธอคะยั้นคะยอให้หล่อนกินพุทราจีนมากขึ้นเพื่อบำรุงเลือด ซึ่งส่งผลดีต่อร่างกาย
แม้หล่อนจะไม่เข้าใจ แต่อาสะใภ้ก็สอนวิธีทำซุปบางอย่างให้ หลังจากนั้นหล่อนก็จะทำให้พี่สะใภ้กิน บางทีอาจเป็นเพราะอาหารชั้นยอดในระหว่างการตั้งครรถ์ก็ได้กระมัง หลานชายของหล่อนถึงเกิดมามีผมดกดำขนาดนี้
เขามีน้ำหนักมากกว่า 6 ชั่งเลยทีเดียว
หลินชิงเหอไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายเรื่องเหล่านี้มากเกินไป มีคุณป้าไฉ่ที่มากประสบการณ์อยู่ มันคงไม่เกิดเรื่องวุนวายอะไรขึ้นหรอก
ถึงอย่างนั้นไฉ่ปาเม่ยก็เก่งในเรื่องของการเลือกเวลาคลอดลูก
หล่อนให้กำเนิดบุตรชายในช่วงการแจกจ่ายเนื้อ นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเหรอ? เนื้อที่ได้ก็จะถูกนำไปทำเป็นอาหารบำรุง เด็กจะได้รับอาหารเพียงพอและร่างกายของหล่อนก็จะฟื้นคืน นอกจากนี้ยังไม่เป็นหวัดหรือโรคอะไรอย่างอื่นง่ายด้วย
เวลาผ่านไป 2 วัน หลินชิงเหอก็ทำหมูตุ๋น
เนื้อหัวหมูตุ๋นนับเป็นอาหารโอชะอย่างยิ่ง
หมูตุ๋นทำให้ทั้งครอบครัวรู้สึกพอใจ หลินชิงเหอถึงกับบอกโจวชิงไป๋ในตอนเย็นว่า “ถ้าในภายหน้าทุกสิ่งมันไม่เป็นไปตามแผน ฉันจะเปิดร้านขายหมูตุ๋นนะ คุณคิดว่าอย่างไรคะ?”
ในชีวิตชาติก่อน ฝีมือการทำอาหารของเธออยู่ในระดับเหนือธรรมดา หลังมาถึงที่นี่แล้วหน้าที่หลักของเธอก็คือการทำอาหารดี ๆ และไม่ได้ใช้สมาธิไปกับเรื่องอื่นใด
ดังนั้นฝีมือการทำอาหารของเธอจึงดีขึ้นเรื่อย ๆ
โจวชิงไป๋ยิ้มพลางดึงภรรยาเข้ามากอด “หากเปิดร้านแล้วก็ควรเป็นผมที่ทำนะ แล้วคุณก็เป็นคนเก็บเงินไป”
หลินชิงเหอคิดถึงการใช้ชีวิตกับเขาในอนาคต
สำหรับความคิดของโจวชิงไป๋เกี่ยวกับอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรนั้น ก่อนที่ภรรยาจะบอกเขา เขาก็ไมเคยคิดว่าประเทศในตอนนี้จะพัฒนาไปในแบบที่ภรรยาบรรยายไว้ในเวลาไม่กี่ทศวรรษ
มันช่างเป็นเรื่องเพ้อฝันเรื่องหนึ่ง
เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าพวกเขาจะได้กินอิ่มท้องหรือไม่
อย่างเช่นในปีนี้ หากทุกคนไม่รีบเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างรวดเร็วและนำผลผลิตทั้งหมดไปตากแห้ง และได้รับการจัดสรรปันส่วนก่อนที่ฝนฤดูใบไม้ร่วงจะตกลงมา ทุกคนก็จะไม่มีกะจิตกะใจจะฉลองปีใหม่เลย
และไม่ใช่ทุกฝ่ายผลิตจะเอาการเอางานเหมือนกับฝ่ายผลิตของพวกเขา
ในตอนที่โจวชิงไป๋เข้าร่วมการประชุมกับหัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ ในปีนี้ เขาก็เห็นฝ่ายผลิตของชุมชนอื่นเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ทันก่อนที่ฝนฤดูใบไม้ร่วงจะตกก่อนกำหนด คิดว่าจะมีธัญพืชที่ไม่ได้เก็บเกี่ยวในปริมาณเท่าไหร่กันล่ะ?
การเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่เสร็จหมายความว่าอะไรน่ะเหรอ? มันก็หมายความว่าการทำงานหนักที่ทำมาทั้งหมดสูญเปล่า และหมายความว่าในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บปีนี้จะมีคนหลายคนที่ไม่มีอาหารกินน่ะสิ
ความจริงแล้วหลายวันนี้มีข่าวจากนอกหมู่บ้านเข้ามาว่ามีคนชราบางคนเผชิญความเย็นจนหนาวตาย การไม่มีอาหารกินอย่างเพียงพอเป็นหนึ่งในเหตุผลใหญ่ที่สุด หากไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นแล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหนาวจนกระทั่งถึงแก่ชีวิต
เทียบกับปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตที่เขาได้ยินมาจากปากภรรยาก็ทำให้โจวชิงไป๋รู้สึกถึงคลื่นอารมณ์อย่างหนึ่ง มันคงจะดีมากหากประเทศจะพัฒนาจนแข็งแกร่งได้ขนาดนั้นจริงๆ
ในตอนกลางดึก ท่านแม่โจวก็ได้มาเคาะประตูบ้าน
กลายเป็นว่าในคืนนั้นท่านพ่อโจวมีไข้
ตอนแรกก็ยังไม่มีอะไร แต่จู่ ๆ เขาก็มีไข้ขึ้นมา
ชายชราคนนี้จะมีอายุ 65 ปีหลังปีใหม่ปีนี้ ร่างกายของเขาแข็งแรงอยู่เสมอ โดยเฉพาะตั้งแต่หลินชิงเหอรู้ว่าปีนี้อากาศจะหนาวเย็นมากและบำรุงร่างกายให้เขาแล้ว แต่กลับไม่คาดคิดว่าท่านพ่อโจวจะยังมีไข้ได้
โชคดีที่หลินชิงเหอเตรียมตัวไว้เสมอ เธอเก็บยาลดไข้ไว้ในมิติอยู่
“นี่เป็นยาที่ฉันซื้อมาจากตลาดมืดในราคาสูงลิ่วไว้ใช้เวลาฉุกเฉิน ฉันไม่เคยคิดเลยค่ะว่าจะได้ใช้ก็คราวนี้ รีบเอาไปให้คุณพ่อกินเถอะค่ะ” หลินชิงเหอยัดยาลดไข้ใส่มือโจวชิงไป๋
โจวชิงไป๋รู้ดีว่ายานี้เป็นยาจากโลกอนาคต ส่วนพี่ชายใหญ่กับคนอื่น ๆ ยังไม่เคยเห็นว่ายานั้นหน้าตาเป็นอย่างไรในตอนที่โจวชิงไป๋รีบป้อนยาให้ท่านพ่อโจว
เขารู้เรื่องราวของภรรยาเพียงคนเดียวก็พอแล้ว คนอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก
กล่องยาที่หลินชิงเหอเตรียมมาแต่เดิมนั้นใช้เงินไปครึ่งหนึ่งของเงินเก็บที่เธอมี ดังนั้นมันจึงเป็นยาขนานแท้ที่มีคุณภาพเยี่ยมทั้งหมด
ท่านพ่อโจวกินยาและประคบผ้าอุ่นจนกระทั่งมันเย็นลง จากนั้นไข้ก็ลด
หลินชิงเหอบอกโจวชิงไป๋ให้เขากินยาอีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้เธอก็วางใจได้
“ครั้งนี้ต้องขอบคุณสะใภ้สี่จริง ๆ เราสี่คนจะแบ่งกันหารค่ายาอย่างเท่าเทียมกันนะ” พี่ชายใหญ่เอ่ยพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก
พี่ชายรองกับพี่ชายสามก็พยักหน้าเห็นด้วยว่าพวกเขาจะหารเงินค่ายาเท่า ๆ กัน
“คุณพ่ออยู่ที่นี่แล้วฉันก็หวังว่าพี่สามคนจะดูแลท่านให้มากขึ้นนะคะ ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่ายาหรอกค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ย
“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ?” พี่ชายรองตอบ
“เงินส่วนนี้มันควรจะให้นะ” พี่ชายสามบอกแบบนี้เช่นเดียวกัน
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ” หลินชิงเหอทำเพียงส่ายหน้า
เช้าวันต่อมาเธอก็ต้มโจ๊กซี่โครงเม็ดบัว
ซี่โครงนี้ได้มาจากการแจกจ่ายเนื้อ ส่วนเม็ดบัวนั้นเธอซื้อมาเอง โดยโจ๊กนี้จะช่วยบำรุงกำลัง ซึ่งเหมาะสำหรับให้ท่านพ่อโจวกิน
โจวชิงไป๋เป็นคนไปส่งโจ๊กนี้
เด็กชายได้ยินว่าคุณปู่ไม่สบายก็เดินทางไปเยี่ยมปู่พร้อมกับพ่อของพวกเขาด้วย
แม้เขาจะรู้สึกถึงความรุนแรงของอาการป่วยและความตระหนกตกใจ แต่ท่านพ่อโจวก็ต้องยอมรับว่าเขารู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ของลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลาน ๆ
นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนอายุขนาดนี้ต้องการมากที่สุดหรือ? ต่อให้คน ๆ นั้นมีสุขภาพร่างกายไม่สู้ดี พวกเขาก็ยังคงหวังว่าจะไม่โดนดูถูกเช่นกัน
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายชราคนนี้รู้สึกพอใจอย่างมาก
หลังซดโจ๊กซี่โครงเม็ดบัวที่ลูกชายคนเล็กส่งมาให้แล้ว ท่านพ่อโจวก็ยังไม่รู้สึกกระปรี้กระเปร่านัก แต่ก็ฟื้นตัวนิดหน่อยแล้ว หลังการดูแลเพียงไม่กี่วันเขาก็หายดีเป็นปกติ