บทที่ 218 โชคดี
“น่ารักดีค่ะ แถมสาวน้อยคนนั้นยังขยันมากด้วย” หลินชิงเหอตอบ เธอรู้จักไฉ่เสี่ยวฉาเป็นอย่างดี
“ตอนนี้หล่อนก็ไม่เด็กแล้วนะ เจ้าใหญ่โตเร็วขนาดนี้ ไม่กี่ปีก็คงได้แต่งภรรยาแล้วล่ะ” คุณป้าไฉ่เอ่ยติดตลก
คำพูดนี้มีความหมายอย่างชัดเจน
“เขาแค่อายุ 11 ขวบเองค่ะ ยังเร็วไปหน่อยนะคะที่จะพูดถึงเรื่องแต่งงาน”หลินชิงเหอรู้ใจนางทันทีเมื่อได้ยินดังนี้ เธอเผยยิ้มบาง
คุณป้าไฉ่บอกไม่ได้ว่าเธอเห็นด้วยหรือไม่ นางเลยพูดต่อ “แม่เจ้าใหญ่ เธอคิดว่าเสี่ยวฉาของฉันเป็นยังไงบ้างหือ?”
“เสี่ยวฉาก็ถือว่าดีอยู่ค่ะ แต่คุณป้าอย่าเร่งรัดนักเลยนะคะ ลูกของฉันกับหลานของป้ามีชะตาเป็นของตัวเอง ดังนั้นเราอย่ากังวลในเรื่องนี้เลยค่ะ” หลินชิงเหอตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้หรอก พ่อแม่ต้องจับคู่ให้พวกเขานะ พวกเขาจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข” คุณป้าไฉ่เอ่ย
“ไม่ใช่ว่าพวกเขาแต่งเข้ามาแล้วจะมาอยู่กับพ่อแม่อย่างเรา ๆ นี่คะ พวกเขาจะต้องอยู่ด้วยตัวเอง เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของเด็ก ๆ เถอะค่ะ ฉันจะไม่ดำเนินรอยตามการคลุมถุงชนเหมือนในอดีตแล้ว” หลินชิงเหอบอก
คุณป้าไฉ่ไม่คิดเลยว่าเธอจะปล่อยให้เจ้าใหญ่ได้หาคู่ครองด้วยตัวเอง และนางยังสัมผัสได้ว่าหลินชิงเหอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ นางจึงพับประเด็นนี้ไป
“เมื่อวานนี้ฉันไปเยี่ยมเสี่ยวหมิงแล้วนะคะ เขาดูน่ารักมากเลยค่ะ” หลินชิงเหอเปลี่ยนเรื่องคุย
เสี่ยวหมิงเป็นชื่อเล่นของโจวหมิง เขาเป็นลูกชายของไฉ่ปาเม่ยกับโจวต้ง และเป็นเด็กที่น่ารักมากจริง ๆ
“ฉันต้องขอบคุณเธอนะที่คราวที่แล้วเอาขาหมูขาใหญ่มาให้ มันสุดยอดไปเลย” คุณป้าไฉ่ยิ้มกว้าง
“ฉันดูโจวต้งกับโจวซีเติบโตอยู่ตลอดค่ะ พวกเขาเหมือนพี่ชายพี่สาวของเจ้าใหญ่กับน้อง ๆ จึงเป็นธรรมดาที่ฉันจะดูแลลูกชายของเขากับปาเม่ยด้วย” หลินชิงเหอตอบ
คุณป้าไฉ่ยิ้มกว้าง นางพูดคุยต่ออีกพักหนึ่งแล้วก็กลับไป
หลินชิงเหอส่ายหน้าอย่างจนใจนัก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณป้าไฉ่เอ่ยเรื่องนี้ คราวที่แล้วนางก็พูดถึงเรื่องนี้อีกเหมือนกัน เธอไม่อยากเข้าไปยุ่งกับการแต่งงานของเจ้าใหญ่จริง ๆ เขาสามารถหาคู่ครองเองได้ และหาใครก็ตามที่รู้สึกใช่ ไม่ว่าอย่างไรเธอจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือไฉ่เสี่ยวฉาซื่อตรงเกินไป หล่อนไม่สามารถรับมือกับนิสัยของเจ้าใหญ่ได้หรอก เขาร่าเริงสนุกสนานเกินไป และไม่ใช่คนที่เหมาะกับไฉ่เสี่ยวฉาเลย
ยิ่งกว่านั้นคนเป็นสะใภ้จะไม่ได้อยู่กับเธอหลังจากได้แต่งงานแล้วอย่างที่เธอบอกไปก่อนหน้านี้ หากแต่เป็นเจ้าใหญ่ที่หล่อนจะได้อยู่ด้วยไปชั่วชีวิตของเขา ดังนั้นการเลือกคู่ครองตามความชอบใจของเขาจึงเป็นเรื่องสำคัญ
หลินชิงเหอคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ในอนาคตเธอจะไม่มีทางได้อยู่กับสะใภ้ และจะไม่เข้ามายุ่งกับการบำรุงร่างกายหลังคลอด ที่เธอทำก็เพียงจ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูแล
การเลี้ยงดูสามพี่น้องถือเป็นเรื่องยากพอแรงอยู่แล้ว เธอไม่อยากรับใช้บรรดาลูกสะใภ้ของเธออีกแล้ว ใช่สิ เธอเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัวแบบนี้แหละ
เมื่อเวลานั้นมาถึง เธอก็มีแผนว่าอยากจะไปเที่ยวกับชิงไป๋ของเธอ
แน่นอนว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่าเธอจะไม่แบมือขอเงินจากลูกชายและลูกสะใภ้เด็ดขาด หากลูกชายและสะใภ้ต้องการใช้ เธอก็ยังสนับสนุนพวกเขาได้อยู่
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นทั้งหมดที่เธอสามารถทำได้แล้ว
ที่เหลือก็เป็นการใช้ชีวิตของเธอกับชิงไป๋ของเธอ
แต่สำหรับตอนนี้มันยังห่างไกลนัก
เย็นนั้นเอง หลินชิงเหอก็ได้บอกโจวชิงไป๋เกี่ยวกับเรื่องนี้ “ลูกชายคนโตของเราตอนนี้เนื้อหอมใหญ่แล้วนะคะ มีคนเสนออะไรคุณในเรื่องนี้บ้างไหม?”
“ก็มีครอบครัวของโจวกังเถี่ยกับหวังเซียงกั๋วน่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ
หลินชิงเหอหัวเราะในลำคอ “แล้วคุณว่ายังไงคะ?”
“ผมบอกไปว่าในอนาคตจะให้เจ้าใหญ่เลือกเอง” โจวชิงไป๋บอก
หลินชิงเหอยิ้ม “ตอบได้ดีค่ะ”
โจวชิงไป๋มองภรรยาด้วยสายตาอ่อนโยน ความหวังสูงสุดของเขาในตอนนี้คือการให้เด็ก ๆ โตไว ๆ และย้ายออกไป เขาจะได้อยู่กับภรรยากันแค่สองคน
โจวชิงไป๋ไม่รู้เลยว่าภรรยาของเขาก็คิดแบบเดียวกัน ยิ่งกว่านั้นยังคิดการณ์ไกลกว่าเขาเสียอีก
ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หลินชิงเหอจึงหาเวลาว่างพาเด็ก ๆ เข้าอำเภอไปดูหนังและเที่ยวเล่น
ซึ่งแน่นอนว่าซูเฉิงน้อยกับซูสวิ่นน้อยก็ตามมาด้วย
เจ้าสามกับซูเฉิงน้อยนั่งซ้อนจักรยานคันเดียวกับหลินชิงเหอ ส่วนซูสวิ่นน้อยกับเจ้ารองนั่งซ้อนท้ายเจ้าใหญ่
เมื่อถึงเที่ยงวัน พวกเขาก็ซื้อวัตถุดิบอาหารและมาที่บ้านของซูต้าหลินกับโจวเสี่ยวเม่ย
คนทั้งคู่ปิติยินดีอย่างมากที่เห็นลูกชายทั้งสองมาพร้อมกับคุณป้าและญาติของพวกเขา
“พี่…พี่ไม่ต้องซื้อ…ซื้อวัตถุดิบพวกนี้หรอกครับ…ผม…ผมค่อยซื้อมัน…ทีหลังก็ได้” ซูต้าหลินอุ้มลูกชายทั้งสองและเอ่ยกับหลินชิงเหอ
“พอดีว่าเป็นทางผ่านน่ะ จึงคิดว่าซื้อไว้เลยจะสะดวกมากกว่า” หลินชิงเหอยิ้ม
จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในบ้าน ต้องบอกว่าโจวเสี่ยวเม่ยกับซูต้าหลินโชคดีมาก มันไม่ง่ายเลยที่จะมีบ้านขนาดมากกว่า 40 ตารางเมตรในยุคนี้ ซึ่งมันกว้างขวางมาก
ซูต้าหลินแสดงความรักใคร่กับลูกชายทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เข้าครัวไปทำอาหาร
หลินชิงเหอกวาดตามองเขา จากนั้นก็ขยิบตาให้โจวเสี่ยวเม่ยที่กำลังท้องแก่ โจวเสี่ยวเม่ยจึงเดินเข้าไปในห้องเพื่อคุยกับเธอสองต่อสอง
“เธอช่างโชคดีจริง ๆ เลยนะ” หลินชิงเหอเดินเข้ามาพลางเอ่ยขึ้น
นอกจากปัญหาพูดติดอ่างแล้ว ซูต้าหลินก็เป็นคนที่แทบจะไร้เทียมทาน มีคนที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้อยู่บนโลกได้อย่างไรกัน? นี่มันยอดเยี่ยมไปเลย หล่อนเองก็ไม่ใช่โฉมงามชนิดหาใครเปรียบไม่ได้ด้วย
โจวเสี่ยวเม่ยยิ้มเก้อเขินก่อนเอ่ยตอบ “พี่สะใภ้สี่อย่าพูดถึงฉันเลยค่ะ พี่ชายสี่เองก็ดูแลพี่ราวกับแก้วตาดวงใจเหมือนกัน”
หลินชิงเหอมองท้องนูนป่องของหล่อนแล้วก็ถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้างล่ะ? ลองนับวันดูแล้วก็น่าจะเดือนหน้าแล้วถูกไหม?”
“ค่ะ” โจวเสี่ยวเม่ยพยักหน้า “หลังจากคนนี้แล้วฉันสาบานว่าจะไม่คลอดลูกอีกแล้ว ฉันเหนื่อยแล้วค่ะ”
“หลังจากนี้คงจะไม่ใช่เรื่องเล็กเกินไปแล้วล่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
หากหล่อนไม่อยากจะมีลูกจริง ๆ ก็อย่ามีอีกเลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก
“มีลูกลิงซุกซนสองตัวนี้กับคนที่กำลังจะเกิดมาในอนาคตแล้ว ฉันรู้สึกว่ามันลำบากพี่สะใภ้สี่จริง ๆ ค่ะ” โจวเสี่ยวเม่ยเอ่ยอย่างละอายใจ
ลูกชายสองคนได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ใช่แค่ซูต้าหลิน แต่หล่อนเองก็ยังรู้สึกขอบคุณพี่สะใภ้สี่ด้วย
“ลำบากอะไรกัน? หลัก ๆ แล้วคุณแม่เป็นคนดูแล พี่แค่ช่วยเป็นบางครั้งเท่านั้น” หลินชิงเหอตอบ
เธอทำเพียงอาหารดี ๆ ให้พวกเขากินตอนที่โตขึ้นแล้ว ส่วนตอนที่ยังเล็กอยู่นั้นเธอไม่รู้ว่าจะเลี้ยงอย่างไรจริง ๆ เพราะท่านแม่โจวเป็นคนจัดการทั้งหมด
สะใภ้ทั้งสองคุยกันครู่หนึ่งก่อนจะออกจากห้อง
ซูต้าหลินต้มถั่วลิสงใส่เกลือจานใหญ่ให้เด็ก ๆ ได้กินเสร็จแล้ว เขากำลังลงมือทำอาหารอย่างอื่น
“ลูกแต่ละคนดีแต่รู้จักกิน หัดเรียนรู้ทีละน้อยเสียบ้าง ผู้ชายอย่างอาของลูก ๆ ที่หาเงินได้ รักภรรยา และทำอาหารเป็นจะหาภรรยาง่ายนะจะบอกให้” หลินชิงเหอบอก
“แม่ พี่ใหญ่ก็หาภรรยาง่ายเหมือนกันนะครับ ไม่นานมานี้มีคนบางคนเริ่มเอาไข่มาให้เราแล้วบอกให้เอากลับไปให้พี่ใหญ่กินแล้ว” เจ้ารองกะเทาะเปลือกถั่วลิสงต้มเกลือพลางหัวเราะ
“ถ้าในอนาคตผมโตขึ้น ผมจะต้องไม่กังวลในการหาภรรยาแน่นอน” เจ้าสามเองก็ประกาศกร้าว
โจวเสี่ยวเม่ยได้ฟังก็ขบขัน “หลานตัวใหญ่แค่นี้แต่กลับคิดเรื่องที่จะมีภรรยาแล้วเหรอ?”
“ผมอยากแต่งงานด้วย” ซูเฉิงน้อยผสมโรงเร็วรี่
“คอยดูเถอะ ต่อไปพวกเธอจะไม่มีใครหนีพ้นหรอก” หลินชิงเหอหัวเราะ
……………………………………………………………………………………