ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 400 แทรกซึม

บทที่ 400 แทรกซึม

แม้ว่าโจวเอ้อร์นีจะต่อต้านในเรื่องนี้ แต่สุดท้าย หล่อนก็เตรียมใจสำหรับการมาที่โรงงานผลิตเสื้อผ้า

 

หล่อนพบว่าโรงงานผลิตเสื้อผ้านั้นงานยุ่งมาก และต้องมีการตรวจสอบสินค้าคงคลังอย่างมโหฬารจริง ๆ มีเรื่องมากมายหลายอย่างทีเดียวที่หล่อนจะต้องทำ

 

แม้ว่าหล่อนจะอยู่ในห้องทำงานเดียวกับหวังหยวน ทว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย นอกจากพูดคุยกับหล่อนเท่านั้น ซึ่งทำให้หล่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

“ผมต้องการจะตามตื้อจีบคุณแบบจริงจังนะครับ ไม่ได้ล้อเล่นหรือทำตัวเจ้าชู้ ผมได้ยินคุณอาสะใภ้สี่ของคุณบอกว่าปีนี้คุณอายุ 19 ปีแล้ว อยู่ในช่วงอายุที่แต่งงานได้แล้ว แต่งงานกับผมแล้วคุณจะมีความสุขมากกว่าการได้แต่งกับคนอื่น ดังนั้นช่วยพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วยนะครับ”

 

หลังจากที่หล่อนเก็บของเสร็จแล้ว หวังหยวนก็เดินออกมาส่งด้านนอกแล้วเอ่ยขึ้นกับหล่อน

 

แน่นอนว่าที่โจวเอ้อร์นียังไม่รู้ก็คือ เขาได้เติมประโยคต่อในใจว่า แต่ถึงแม้คุณจะปฏิเสธก็ไร้ประโยชน์ เพราะผมก็จะยังตามตื้อคุณต่อไปอยู่ดี

 

แต่หล่อนยังเป็นเด็กสาวอายุน้อย เขาจึงควรจะให้พื้นที่และเวลากับหล่อนสักหน่อย ยังไม่ควรรุกหนักจนเกินไป เพราะจะทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาได้ง่าย ๆ อีกทั้งอาจทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นโดยง่ายเช่นกัน

 

โจวเอ้อร์นีเม้มริมฝีปากแก้มแดงซ่าน หล่อนจะไม่รู้สึกหวั่นไหวได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนถูกตามจีบ?

 

ครั้งนี้ หล่อนจะไม่หลบเลี่ยงอีกต่อไปแล้ว หล่อนมองตรงไปที่หวังหยวนแล้วกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เถ้าแก่หวังคะ คุณก็น่าจะรู้ว่าฉันมีใบทะเบียนบ้านอยู่ที่ไหน น่าจะรู้ว่าเราไม่เหมาะสมกันเลย”

 

“ผมรู้ครับว่าคุณมีทะเบียนบ้านอยู่ชนบท แต่เมื่อไหร่ที่คุณแต่งงานเข้ามาแล้ว การย้ายทะเบียนบ้านของคุณก็เป็นเรื่องง่าย ไม่ยากอะไรเลยครับ” หวังหยวนมองสบตาหล่อนกลับ

 

หลังจากที่โจวเอ้อร์นีมาอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว หล่อนไม่เพียงแต่ตัวสูงขึ้น สีผิวก็ขาวขึ้นด้วย และเนื่องจากได้รับการศึกษาที่สูงขึ้น จึงทำให้หล่อนมีบุคลิกลักษณะนิสัยที่สุภาพอ่อนโยน

 

หากกล่าวตามความเป็นจริง หล่อนไม่ได้สวยเลิศเลอแบบสวี่เชิ่งเหม่ย ทว่าหล่อนสวยพิศชนิดมองได้ไม่มีเบื่อ เป็นเด็กสาวผู้มีรูปร่างหน้าตาในแบบที่ทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจ

 

“ครอบครัวของฉันมาจากชนบท ทุกคนในบ้านเป็นคนบ้านนอก แต่เป็นเพราะคุณอาสี่กับคุณอาสะใภ้สี่มาอยู่ที่ปักกิ่ง ฉันถึงได้มาช่วยทำงานที่นี่ ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่ได้มาที่เมืองใหญ่ขนาดนี้หรอกค่ะ อย่าว่าแต่ได้มารู้จักคนแบบคุณเลยค่ะ เถ้าแก่หวัง” โจวเอ้อร์นีสั่นศีรษะ

 

แม้ว่า หล่อนจะไม่ได้รู้สึกต่ำต้อยกว่าหรือดูถูกตนเอง แต่หล่อนก็ตระหนักดีว่าช่องว่างระหว่างหล่อนและหวังหยวนนั้นกว้างมากเกินไป ถึงแม้หล่อนคิดว่าตนเองก็ไม่เลวเลย กระนั้นทั้งสองครอบครัวก็แตกต่างกันเกินไป

 

หล่อนไปที่บ้านของคุณปู่คุณย่า และก็ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสวี่เชิ่งเหม่ย

 

สามีของหล่อนดูถูกครอบครัวของหล่อน แม้แต่คุณป้าใหญ่และคุณลุงเขยยังต้องยอมก้มหัวให้กับลูกเขยของตน มีตรรกะแบบนี้ได้อย่างไรกัน?

 

สวี่เชิ่งเหม่ยไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ นั่นก็เป็นเรื่องของสวี่เชิ่งเหม่ย แต่หล่อนจะไม่ยอมให้คุณพ่อและคุณแม่ของตนต้องไปก้มหัวให้กับลูกเขยของพวกท่านเป็นอันขาด

 

“ข้างนอกนั่นยังมีอีกหลายคนที่ดีกว่าฉัน เถ้าแก่หวังควรจะเลิกพูดเรื่องนี้กับฉันได้แล้วนะคะ แต่ถ้าในอนาคตคุณต้องการความช่วยเหลืออีก ฉันก็จะมาช่วยค่ะ” โจวเอ้อร์นีพูด

 

ความหมายคือ ธุรกิจก็คือธุรกิจ

 

“ถ้าคุณไม่แต่งงานกับคนอย่างผม แล้วคุณอยากแต่งกับคนแบบไหนกันครับ?” หวังหยวนถามออกมาตรง ๆ

 

โจวเอ้อร์นีขมวดคิ้ว หล่อนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยจริง ๆ ความปรารถนาสูงสุดของหล่อนคือการได้เรียนรู้จากคุณอาสะใภ้สี่ การได้ช่วยงานคุณอาสะใภ้สี่ และการใช้ชีวิตตามการอบรมเลี้ยงดูของคุณอาสะใภ้สี่ หล่อนจึงตอบไปว่า “ฉันยังไม่มีแผนที่จะแต่งงานในช่วงเวลานี้หรอกค่ะ”

 

หวังหยวนฉีกยิ้มกว้าง “เหมาะมากเลยครับ ผมก็ยังไม่มีแผนจะแต่งงานในเร็ว ๆ นี้เหมือนกัน งั้นเราก็ค่อยเป็นค่อยไปกัน เมื่อไหร่ที่คุณคิดว่าเหมาะและอยากจะแต่งงานแล้ว เราก็ค่อยแต่งงานกัน”

 

เมื่อถูกเขาทำตัวเจ้าชู้ใส่เช่นนี้ โจวเอ้อร์นีก็หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ จากนั้นจ้องหน้าไปที่เขา “พูดให้มันดี ๆ นะคะ!”

 

“ผมทำอยู่ครับ หงอิง คุณคงได้เห็นความตั้งใจของผมที่มีต่อคุณอย่างชัดเจนแล้ว ผมไม่คิดว่าผมด้อยไปกว่าคนอื่น ครอบครัวตระกูลหวังของผมมีธรรมเนียมที่รักเอ็นดูภรรยาของตนเอง แต่งงานกับผม ผมจะเอาใจคุณ คุณไม่จำเป็นต้องทำงานเลย แค่อยู่บ้านดูแลลูกก็พอครับ” หวังหยวนกล่าว

 

“คุณอยู่บ้านแล้วดูแลลูกของตัวคุณเองไปเถอะค่ะ!” ไม่ว่าโจวเอ้อร์นีจะเป็นคนที่อารมณ์เย็นมากสักแค่ไหน หล่อนก็ยังโมโหมากจนส่งสายตาประทุษร้ายไปที่เขา ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

 

อยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างนั้นหรือ? หล่อนไม่เคยวางแผนที่จะอยู่บ้านเลี้ยงลูกเลย หล่อนต้องการออกไปทำงานหาเงินต่างหากเล่า!

 

ต้องบอกว่าโจวเอ้อร์นีถูกคุณอาสะใภ้สี่ของหล่อนล้างสมองไปแล้ว หลินชิงเหอสอนให้หล่อนเป็นตัวของตัวเองและรู้จักพึ่งพาตนเองให้ได้

 

หวังหยวนมองดูหล่อนเดินจากไปอย่างกระฟัดกระเฟียดก็หัวเราะขำออกมาแล้วตะโกนไล่หลังหล่อนกลับไป “ไม่มีปัญหาสำหรับผมที่จะอยู่ดูแลลูกที่บ้านนะครับ ตราบใดที่คุณเต็มใจคลอดลูก ผมจะเป็นคนเลี้ยงลูกทุกคนที่มีเอง!”

 

โจวเอ้อร์นีไม่สนใจเขา ในขณะที่เดินเร็วขึ้น

 

หวังหยวนรู้สึกขบขัน สาวน้อยคนนี้ช่างน่าสนใจเสียจริง

 

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หวังหยวนก็มักจะนำผลไม้ต่าง ๆ มาให้เป็นระยะ ๆ เขาทำแม้กระทั่งไปเยี่ยมท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวด้วย!

 

เนื่องเพราะเขาคือเถ้าแก่ของโรงงานผลิตเสื้อผ้าและเป็นคู่ค้าทางธุรกิจร้านเสื้อผ้าของลูกสะใภ้ตน ท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวจึงต้อนรับด้วยความสุภาพ

 

เขาติดสอยห้อยตามมาพร้อมกับโจวเฉวี่ยน

 

หลินชิงเหอไม่รู้เรื่องเลย ตอนที่ได้ยินถึงเรื่องนี้ เธอถึงกับงงงวยไปเล็กน้อย “หวังหยวนไปหาคุณปู่คุณย่าของลูกงั้นเหรอ?”

 

“ครับ พวกเขาเข้ากันได้เป็นอย่างดีเลยละครับ” โจวเฉวี่ยนตอบ

 

“คุณปู่หวังกับคุณปู่ของเขาโตมาด้วยกันน่ะครับ” โจวชิงไป๋บอก

 

หลินชิงเหอนึกว่าพวกเขาแค่เป็นคนรู้จักกัน ไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนวัยเด็ก มิน่าเล่า หวังหยวนถึงได้มาใกล้ชิดกับครอบครัวพวกเธอ เขาคงจะทำตามคำสั่งของครอบครัวนั่นเอง

 

ดังนั้น หลินชิงเหอจึงไม่ได้ออกความเห็นอะไรในเรื่องนี้ พลางพูดว่า “ต้องให้เขามาเยี่ยมเยียนด้วยตัวเองบ่อย ๆ แบบนี้ ดูจะไม่ค่อยเหมาะ ตอนนี้อากาศค่อนข้างหนาวแล้วด้วย เจ้ารอง ลูกเชิญให้เขามากินน้ำแกงเนื้อแกะที่บ้านด้วยดีไหม?”

 

“พี่รอง ให้คุณอาหวังเอาลูกอมรสมะพร้าวมาให้ด้วยนะครับ อร่อยมากเลย!” โจวกุยหลายเอ่ยขึ้น

 

“ไม่รู้จักเกรงใจเลยนะ” หลินชิงเหอดุ

 

“คุณอาหวังหยวนบอกว่า ไม่ต้องทำตัวเกรงใจกับเขา ให้ทำตัวเหมือนเขาเป็นคนในครอบครัวได้ครับ” โจวกุยหลายไม่ได้นำพากับคำพูดของเธอเลย

 

หลินชิงเหอจ้องหน้าเขาด้วยความขบขัน เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งหน้าทน

 

ในตอนปลายเดือนตุลาคม อากาศหนาวเย็นลงเล็กน้อยแล้ว เกิดน้ำค้างแข็งอยู่หลายวัน เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการกินเนื้อแกะ

 

หวังหยวนมาที่นี่ด้วยความยินดีเป็นอันมาก

 

เขารู้สึกว่าครอบครัวตระกูลโจวนั้นดีมากจริง ๆ สมกับที่เป็นครอบครัวของนักศึกษามหาวิทยาลัยโดยแท้ มีธรรมเนียมประจำตระกูลที่ดีมากและการต้อนรับก็อบอุ่นอีกด้วย

 

น้ำแกงเนื้อแกะกินกับแกะย่าง และผลไม้หลังมื้ออาหารอร่อยมากจริง ๆ

 

ที่โต๊ะอาหาร หวังหยวนกำลังสนทนาเรื่องที่น่าสนใจอยู่กับหลินชิงเหอและโจวกุยหลาย แม่ลูกคู่นี้มีนิสัยคล้ายกันมาก ตราบใดที่ไม่ได้เป็นคนที่รังเกียจแล้ว พวกเขาจะคุยเก่งมาก

 

พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องไห่หนาน สาเหตุที่ทำไมคุณปู่ของหวังหยวนไม่ได้มาจนกระทั่งถึงตอนนี้เป็นเพราะอาศัยอยู่ในไห่หนาน

 

“อากาศที่นั่นอบอุ่นตลอดทั้งปี ไม่หนาวและไม่ร้อนเกินไป ผมอยากจะไปที่นั่น แต่มันก็อยู่ไกลเกินไปจากทางเรา” หวังหยวนพูด

 

“จะมีปัญหาอะไรล่ะคะ? ไปที่นั่นแล้วซื้อบ้านไว้สักหลัง หากอยากจะไปเมื่อไหร่ ก็ไปพักที่นั่นได้เลย ฤดูหนาวที่นี่มันค่อนข้างจะหนาวจริง ๆ” หลินชิงเหอพูด

 

“ซื้อบ้านหรือครับ? ผมก็วางแผนไว้อย่างนั้นเหมือนกัน ถ้างั้นเมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราไปซื้อพร้อมกันเลยนะครับ? จะได้เป็นเพื่อนบ้านกันในช่วงวันหยุด ผมยังอยากจะขอกินข้าวเย็นด้วยอีกน่ะครับ” หวังหยวนตอบ

 

“ไม่มีปัญหาเลยค่ะ” หลินชิงเหอยิ้ม

 

“บ้านที่นั่นแพงหรือเปล่าครับ? ถ้าไม่แพง ก็ซื้อหลังใหญ่ ๆ แบบที่มีสวนด้วยนะครับ เราจะได้สร้างสระว่ายน้ำเป็นของตัวเอง ทีนี้เราอยากจะว่ายน้ำเมื่อไหร่ก็ว่ายได้เลย!” โจวกุยหลายพูด

 

“เธอนี่ช่างรู้จักวิธีหาความสุขจริงนะ” หวังหยวนมองไปที่เขาด้วยความประหลาดใจ

 

“แน่นอนซิครับ” โจวกุยหลายเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

 

…………………………………………………………………………………..

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท