บทที่ 491 คลื่นไส้
เมื่อคนทั้งกลุ่มกลับไปแล้ว สะใภ้สามก็พูดขึ้น “ฉันก็ว่าอยู่ว่าทำไมเอ้อร์นีถึงได้มีคนรักที่มีฐานะดีอย่างนี้ได้ ชิงเหอจับหล่อนแต่งตัวจนฉันจำหล่อนไม่ได้เลยนะคะเนี่ย”
พี่ชายสามดูมีความสุข “คนที่เอ้อร์นีพากลับมาด้วยดีมากทีเดียว”
สะใภ้สามคิดอยู่ในใจว่าดีแบบไม่ธรรมดาเลยด้วย ไม่เพียงแต่จะเป็นเถ้าแก่ใหญ่ของโรงงานขนาดใหญ่ แต่ยังหน้าตาดีและมีความสามารถอีกต่างหาก จะหาคนแบบนี้ได้ที่ไหนอีก?
ที่สำคัญที่สุดคือเขาปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไรกันล่ะ? ทั้งสุภาพและได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชิงเหอพูดว่าท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวของหล่อนรู้สึกพอใจมาก เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาชอบเอ้อร์นี
หวังหยวนขี่จักรยานโดยมีโจวเอ้อร์นีซ้อนท้าย โจวหยางขี่จักรยานอีกคันและมีน้องชายของตนซ้อนท้าย ทั้งกลุ่มกลับมาถึงหมู่บ้านที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแห่งนี้
เส้นทางที่กลับมาไม่ได้สะดวกนัก แต่หวังหยวนก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด
เมื่อมองเห็นหมู่บ้าน โจวเอ้อร์นีก็พูดขึ้นว่า “ข้างหน้าคือหมู่บ้านโจวเจี่ยของพวกเราค่ะ”
คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในหมู่บ้านโจวเจี่ยนั้นแซ่โจว คนแซ่โจวทั้งหมดนี้มีความเกี่ยวข้องกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ แต่ได้แตกกิ่งก้านสาขาจนเชื้อสายห่างกันไปแล้ว แถมบางคนยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกันอีกด้วย
พี่น้องสามคนกลับมาพร้อมกับชายหนุ่มที่มีภาพลักษณ์อันโดดเด่น คนหนุ่มบุคลิกดีผู้นี้มีโจวเอ้อร์นีนั่งซ้อนท้ายจักรยานมาด้วย ทันใดนั้นข่าวก็แพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน
จากนั้นเรื่องก็ได้ถูกขยายความออกมาจากปากของภรรยาเลขาธิการสาขาหมู่บ้าน
เมื่อโจวลิ่วนีได้ยินข่าว หล่อนถึงกับตะลึงงันไป จากนั้นก็รีบวิ่งกลับบ้านไปหาแม่ของตนทันที
สะใภ้รองกำลังทำซาลาเปาไส้ถั่วแดงอยู่ เมื่อเห็นลูกสาวของตนกลับมาก็ด่าขึ้นว่า “นังตัวขี้เกียจ พอที่บ้านมีงานยุ่งแกออกไปอยู่ที่ไหนมา พอถึงเวลากินฉันไม่เคยเห็นแกกินอะไรน้อยเลย แต่พอถึงเวลาต้องทำงานแกกลับซ่อนตัวเร็วกว่าคนอื่นเชียว!”
“แม่ อย่าเพิ่งมาพูดถึงเรื่องนี้เลยค่ะ แม่รู้ไหมคะ? เอ้อร์นีกลับมาพร้อมกับคนรัก เป็นคนรักจากปักกิ่งค่ะ หนูได้ยินว่าเขาดูดีมากด้วย แค่เห็นครั้งเดียวก็รู้ได้เลยว่าเขาเป็นคนรวย!” โจวลิ่วนีพูดอย่างเป็นกังวล
สะใภ้รองชะงักไป “เอ้อร์นีกลับมาแล้วเหรอ? แล้วยังพาคนรักจากปักกิ่งกลับมาด้วยเหรอ?”
“หนูได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากด้วยค่ะ!” โจวลิ่วนีเน้นย้ำ
“ไปเรียกพ่อของลูกมาสิ!” สะใภ้รองรีบบอก
พี่ชายรองกำลังงีบหลับอยู่ ในฤดูหนาวไม่มีอะไรให้ทำได้เลย แล้วจะทำอะไรล่ะถ้าไม่ใช่นอน? ต้นเหตุสำคัญคือความอ่อนล้าทางด้านจิตใจ
พี่ชายคนโตและน้องชายสามของเขาต่างก็มีบ้านอิฐกัน ในขณะที่เขายังคงอาศัยอยู่ในห้องที่ถูกแบ่งให้โดยพ่อแม่ของตน เรื่องนี้ทำให้พี่ชายรองรู้สึกทรมานใจนัก
แต่เมื่อพี่ชายรองได้ยินว่าเอ้อร์นีหลานสาวของตนพาคนรักกลับมาด้วย เขาจึงลุกขึ้นเพื่อออกไปหา
โจวลิ่วนีอยากจะตามเขาไปด้วย พี่ชายรองจึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ลูกอยู่ที่บ้านนี่ล่ะ”
“พ่อคะ หนูอยากไปดูที่นั่นด้วย หนูไม่ได้เจอพี่เอ้อร์นีมาตั้งนานแล้วนะคะ” โจวลิ่วนีไม่ยอมเชื่อฟังและยืนกรานที่จะตามไปด้วย
พี่ชายรองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาหล่อนไปด้วย
เมื่อโจวลิ่วนีได้เห็นโจวเอ้อร์นี ซึ่งดูเหมือนสาวชาวกรุงที่ไม่มีกลิ่นอายของชาวชนบทอยู่เลย ในใจหล่อนก็รู้สึกเปรี้ยว(1)ขึ้นมา แทบจะเทียบได้กับสารสกัดจากมะนาว(2)เลยทีเดียว เปรี้ยวจี๊ดสุด ๆ
คุณอาสะใภ้สี่ของหล่อนช่างลำเอียงเกินไปจริง ๆ เธอแต่งตัวให้โจวเอ้อร์นีดูสวยและทันสมัยมาก ต้องบอกว่าถ้าดูจากหน้าตาแล้วหล่อนสวยกว่าโจวเอ้อร์นีตั้งเยอะ หน้าตาของโจวเอ้อร์นีอย่างมากก็แค่ไม่ได้น่าเกลียดเท่านั้นล่ะ!
แถมโจวลิ่วนียังได้เห็นหวังหยวนอีกด้วย ทำให้ในใจของหล่อนยิ่งรู้สึกเปรี้ยวมากกว่าเดิมด้วยความอิจฉา จากความประทับใจแรกก็รู้ได้เลยว่าชายผู้นี้ต้องร่ำรวยมากแน่นอน เขาดูไม่ธรรมดาตั้งแต่แรกเห็น แถมยังมีทะเบียนบ้านอยู่ที่ปักกิ่งอีกด้วย เขามาชอบเอ้อร์นีได้อย่างไรกันนะ?
โจวลิ่วนีไม่ได้อยู่ที่นั่นนานนัก หล่อนคงจะตายไปด้วยความเจ็บปวดเสียก่อนถ้าต้องอยู่ที่นั่นนานกว่านี้
สะใภ้รองยังรอฟังข่าวอยู่ ไมว่าจะเป็นบ้านสายหลักหรือบ้านสายสาม หล่อนก็ไม่เคยไปช่วยงานเรื่องอาหารในระหว่างการสร้างบ้านเลย ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาย่ำแย่มากอย่างแท้จริง สะใภ้รองจึงไม่ได้ตามไปที่นั่นด้วย
พอเห็นลูกสาวกลับมา หล่อนก็เอ่ยถาม “พาคนรักกลับมาจากปักกิ่งจริง ๆ น่ะเหรอ?”
“จะไม่จริงไปได้ยังไงล่ะคะ?” โจวลิ่วนีสุดจะทนกับเรื่องนี้ หากในครั้งนั้นที่หล่อนไปปักกิ่งและได้พักอยู่ที่นั่นต่อ ตอนนี้หล่อนก็คงจะเป็นแบบนี้แล้ว?
ด้วยมารยาและรูปร่างหน้าตาของหล่อนแล้ว หล่อนจะต้องสามารถหาแฟนหนุ่มในปักกิ่งได้แน่ ใครจะไปคิดว่าคุณอาสะใภ้สี่จะโหดร้ายขนาดนี้แถมยังส่งหล่อนกลับมาในทันทีด้วย
แล้วดูสิว่าตอนนี้โจวเอ้อร์นีดูดีมากขนาดไหน เสื้อผ้าพวกนั้นดูสวยมากเพียงใด? ดีเท่า ๆ กับผู้คนที่อยู่ในเมืองเลย หากตอนนั้นหล่อนได้อยู่ที่ปักกิ่ง หล่อนก็คงจะเป็นแบบนี้เช่นกัน!
“คนรักนั่นดีมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” สะใภ้รองถาม
“ดูอายุยังน้อยแล้วก็มีอนาคตที่สดใสด้วยค่ะ” โจวลิ่วนีตอบอย่างไม่พอใจ “แม่ บอกหนูหน่อยสิคะ ทำไมอาสะใภ้สี่ถึงได้ไม่ยุติธรรมเลย? หล่อนดีกับครอบครัวลุงใหญ่กับครอบครัวอาสาม มีแต่ครอบครัวของเราเท่านั้นที่หล่อนไม่สนใจอะไรเลย? แม้แต่ตำแหน่งงาน หล่อนก็ยังยินดีจะให้กับคนนอกมากกว่าจะให้หนูด้วยซ้ำ!”
สะใภ้รองไม่ได้พูดอะไร นี่ไม่ใช่สิ่งที่หล่อนเองก็คิดอยู่เหมือนกันหรอกหรือ?
เธอพาลูกสาว 2 คนของบ้านสายหลักไปปักกิ่ง และยังเป็นคนสนับสนุนโจวหยาง
เธอให้เงินทุนกับบ้านสายสามเพื่อไปเปิดร้านค้าในเมืองและยังซื้อมอเตอร์ไซค์ให้อีก อู่นีเด็กสาวคนนั้นก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เช่นกัน
มีเพียงบ้านสายรองเท่านั้นที่ไม่ได้อะไรเลยสักอย่างเดียว
ไม่เคยมีตอนไหนเลยที่หลินชิงเหอจะไม่ดูถูกหล่อน!
จากนั้นไม่นานพี่ชายรองก็กลับมา เขาจะกลับไปกินอาหารที่นั่นในตอนเย็น เอ้อร์นีกับหวังหยวนเพิ่งกลับมาถึงและรู้สึกเหนื่อยล้า ตนจึงไม่อยากจะอยู่รบกวนพวกเขา
“พ่อคะ หลังจากได้ไปปักกิ่งพี่เอ้อร์นีก็ได้ดีถึงขนาดนี้ พี่ซื่อนีไปปักกิ่งแล้วอีกหน่อยก็จะต้องเป็นแบบนี้เหมือนกันแน่ ๆ กลายเป็นคนเมืองไปเลย ในเมื่อพ่อสามารถคุยกับอาสี่และอาสะใภ้สี่ได้ พ่อก็ช่วยพูดให้หนูสัก 2-3 คำหน่อยสิคะ หนูจะต้องพาลูกเขยจากปักกิ่งที่ดีเลิศอย่างนี้กลับมาให้พ่อได้แน่ และจะทำให้ครอบครัวเราได้หน้าด้วยนะคะ” เมื่อเห็นพ่อของตนกลับมา โจวลิ่วนีก็ไม่ยอมแพ้และกล่าวขึ้นมา
“ลูกน่ะเหรอ?” พี่ชายรองมองไปที่หล่อนด้วยความประหลาดใจ “ทำไมลูกยังจะพูดแบบนี้อีก?
“พ่อ หนูเป็นลูกสาวของพ่อนะคะ!” โจวลิ่วนีอดพูดออกมาไม่ได้
พี่ชายรองพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ก็เพราะว่าลูกเป็นลูกสาวไง พ่อถึงได้รู้นิสัยของลูกดี อย่าคิดที่จะไปปักกิ่งอีก คนแบบลูกถึงไปอยู่ที่นั่นก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก อาสี่กับอาสะใภ้สี่ของลูกยังต้องคอยดูแลคุณปู่คุณย่าอีก แล้วพวกเขาก็ไม่มีเวลามาคอยดูแลลูกด้วย”
คำพูดเหล่านี้ตรงไปตรงมามากจนทำให้สีหน้าของสะใภ้รองเริ่มบึ้งตึง “คุณเป็นหัวหน้าครอบครัวแท้ ๆ ทำไมคุณถึงได้พูดแบบนี้คะ?”
“ผมยังพูดไม่ชัดเจนมากพออีกเหรอ? ลูกสาวของคุณนิสัยเป็นยังไงคุณยังไม่รู้อีกเหรอ?” พี่ชายรองมองไปที่หล่อน
เขาเองก็อยากจะชื่นชมลูกสาวของตนและอยากให้ลูกสาวของตนพาลูกเขยจากปักกิ่งกลับมาเพื่อจะได้มีหน้ามีตาเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญคือลูกสาวคนนี้ของเขาเหมาะสมไหมเล่า? พูดมาสิ
“หลังปีใหม่ปีนี้หล่อนจะมีอายุ 18 ปี ได้เวลาแต่งงานออกไปได้แล้ว คุณหาคนมาแต่งงานกับลิ่วนีได้เลย ถึงอย่างไรหล่อนก็ขี้เกียจขนาดนี้ ไม่ต้องหวังว่าจะเก็บหล่อนเอาไว้ช่วยงานที่บ้านหรอก” พี่ชายรองพูดต่อ
สะใภ้รองไม่ได้โต้แย้งและเอ่ยว่า “ฉันเริ่มมองหาแล้วล่ะค่ะ”
โจวลิ่วนีรู้สึกหงุดหงิด ทำไมโจวเอ้อร์นีถึงสามารถแต่งงานกับคนรักจากปักกิ่งได้แต่หล่อนกลับทำไม่ได้?
พ่อของหล่อนไม่ยอมออกหน้าให้หล่อนเลย โจวลิ่วนีจึงหันหลังกลับเข้าห้องไปนั่งอารมณ์บูดอยู่บนเตียงเตา จากนั้นหล่อนก็พบว่าตนเองรู้สึกคลื่นไส้และอยากจะอาเจียน
…………………………………………………………………………………………………..
1) คนจีนจะเปรียบรสชาติของความเปรี้ยวกับความรู้สึกอิจฉา / หึงหวง
(2) เป็นสแลงจากอินเทอร์เน็ต ใช้พูดถึงคนขี้อิจฉา / คนขี้หึง