บทที่ 434 เจ้าใหญ่กลับบ้าน
ไม่มีใครรู้ว่าสวี่เชิ่งเหม่ยกลับไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง และไม่มีใครให้ความสนใจกับหล่อนด้วยเช่นกัน
เมื่อหลินชิงเหอกลับมาในช่วงบ่าย เธอก็ได้ดื่มน้ำแกงไก่ที่โจวชิงไป๋ตุ๋น
“แม่บอกให้ต้าหลินเอามาให้น่ะครับ” โจวชิงไป๋บอก
หลินชิงเหอเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรจึงกลอกตาใส่เขา
เนื่องจากทัศนคติของเธอที่มีต่อสวี่เชิ่งเฉียง จึงทำให้ท่านแม่โจวในฐานะที่เป็นคุณยายของเขาได้แสดงความคิดเห็นออกมาไม่มากก็น้อย แต่ในตอนนี้ นางน่าจะพอเข้าใจสถานการณ์แล้วจึงได้อยากจะเอาใจเธอ
ถ้าเรื่องนี้ย้อนกลับไปในตอนที่เธอยังอายุน้อยกว่านี้แล้วละก็ เธอจะไม่ยอมจิบน้ำแกงไก่นี้เลย แต่เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น เธอก็อายุเกือบจะ 40 แล้ว
ตอนแรกเริ่มเธอไปอาละวาดใส่ท่านพ่อหลินและท่านแม่หลินเพื่อที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขา รวมทั้งตอนที่ท่านพ่อหลินกับท่านแม่หลินมาขอร้องเรื่องของพี่ชายรองตระกูลหลินและวิงวอนให้โจวชิงไป๋ช่วยเหลือเขาออกมา
ในเวลานั้น หลินชิงเหอยังมีจิตใจแข็งกระด้างเป็นอย่างมาก
ทว่าในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ หล่อนได้บ่มเพาะนิสัยในเรื่องความมีคุณธรรมขึ้นมา ท้ายที่สุดแล้วการเป็นคนอารมณ์ร้อนและฉุนเฉียวง่ายก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ความใจเย็นและการไม่หงุดหงิดต่างหากที่เป็นหนทางช่วยรักษาสุขภาพให้ดี
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจท่านแม่โจวมากนัก อย่างไรเสียแม้จะไม่เห็นแก่หน้าภิกษุสงฆ์ ก็ต้องเห็นแก่หน้าพระพุทธรูปด้วย(1) ตราบใดที่นางยังไม่มาแสดงความคิดเห็นที่ไร้ความรับผิดชอบต่อหน้าเธอ เธอก็จะไม่สนใจหญิงชราคนนี้เพื่อเห็นแก่ชิงไป๋ของเธอ
“บ่ายนี้เราจะไปกันตอนไหนคะ?” หลินชิงเหอเปลี่ยนเรื่อง
“หลังจากกินเสร็จแล้วก็พักผ่อนสักหน่อย เราถึงจะไปกันครับ” โจวชิงไป๋บอก
อีกสักพักหนึ่งโจวเฉวี่ยนและคนอื่นก็กลับมาถึง โจวชิงไป๋เตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว และบอกให้โจวเฉวี่ยนเอาไปให้เอ้อร์นี หู่จือและคนอื่น ๆ ด้วย ส่วนครอบครัวของพวกเขากินอาหารกันที่ร้านเกี๊ยว
“เจ้ารอง เฝ้าร้านด้วยนะ” หลินชิงเหอพูด
“ม้าจะไปว่ายน้ำเหรอครับ?” โจวกุยหลายถาม
“ลูกยังต้องไปเรียนทบทวนอีกนี่ ลูกไปไม่ได้หรอก เล่นบอลหลังเลิกเรียนไปก็แล้วกันนะ” หลินชิงเหอโบกมือ
ในเวลานี้เป็นช่วงปลายเดือนพฤษภาคมแล้ว ยังมีเวลาเหลืออยู่อีกครึ่งเดือนก่อนจะถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย
โจวกุยหลายไม่ใส่ใจและพูดขึ้นว่า “พอสอบเสร็จแล้ว ผมจะไปทุกวันเลย”
หลังจากนั้น เขาก็ถอนใจขึ้นมาอีกครั้ง “นี่มันนานมากแล้วนะครับ นับตั้งแต่ที่ผมได้ไปว่ายน้ำในครั้งสุดท้าย”
“เมื่อสอบเสร็จแล้ว ลูกจะต้องไปตั้งร้านแผงลอยขายเสื้อผ้ากับหู่จือ” หลินชิงเหอกล่าว
“ม้าต้องการให้ผมไปขายของแผงลอยริมถนนเหรอครับ?” ดวงตาของโจวกุยหลายเบิกกว้างขึ้น
“หรือลูกต้องการจะอยู่บ้านเฉย ๆ แล้วทำตัวเป็นคุณชายล่ะ” หลินชิงเหอย้อน
เธอทิ้งเขาไว้ที่นั่นแล้วกลับไปที่ตึกอะพาร์ตเมนต์กับโจวชิงไป๋เพื่องีบหลับสักครึ่งชั่วโมง จากนั้นทั้งคู่ก็หยิบชุดว่ายน้ำและไปที่นั่น
ต้องกล่าวว่า ปีนี้มีความก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมากจริง ๆ ตอนนี้มีสถานที่อย่างเช่นสระว่ายน้ำแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหญิงสาววัยเยาว์ทั้งหลายต่างกำลังเล่นน้ำกันในชุดว่ายน้ำ
“ยัยแก่หน้าเหลือง(2) อย่างฉันสู้เด็กสาว ๆ ไม่ได้เลย เฮ้อ” หลังจากที่มาถึง หลินชิงเหอก็ถอนหายใจ
“คุณยังสาวอยู่เลยครับ” โจวชิงไป่เปลี่ยนกางเกงว่ายน้ำแล้วกล่าวพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
หลินชิงเหอค้อนใส่เขาอย่างร่าเริง เขามักจะชมเธออยู่เสมอเลย จนทำให้เธอรู้สึกตัวลอยขึ้นมานิดหน่อยจากคำชื่นชมเหล่านี้
แต่จริง ๆ ผิวของเธอนั้นปกติก็ดูขาวอยู่แล้ว หลังจากที่ได้มาอยู่ที่ปักกิ่ง สภาพแวดล้อมที่นี่หล่อเลี้ยงผู้คนจนทำให้ผิวของเธอยิ่งขาวขึ้นไปอีก อีกทั้งเธอยังคอยดูแลรูปร่างของตัวเองอยู่ตลอด
อย่ามองว่าเธออายุ 30 กว่าจนเกือบจะ 40 แล้ว ถึงอย่างนั้นรอบเอวของเธอก็ไม่มีไขมันส่วนเกินเลย
นอกจากนี้ เธอยังมีบุคลิกที่มีสง่าราศีเป็นพิเศษ เมื่อเดินออกไปในชุดว่ายน้ำสีแดงแล้ว เธอก็เป็นที่สะดุดตาอย่างมาก
แน่นอนว่า ชิงไป๋ของบ้านเธอก็ไม่ได้แย่เช่นกัน ถึงแม้ในช่วงไม่กี่ปีนี้ เขามีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จนทำให้บริเวณหน้าท้องเริ่มมีเนื้อมีหนังขึ้นมาเล็กน้อยก็ตาม
ทว่าโดยรวมแล้วก็ยังมีสภาพร่างกายที่ดีมาก
ทั้งคู่วอร์มอัพร่างกายกันอยู่สักครู่หนึ่งก่อนที่จะลงน้ำ พวกเขาสามารถว่ายน้ำได้นานที่สุดแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ระหว่างนั้นพวกเขาก็จะพักกินน้ำและของว่างด้วย
แม้ว่าสระน้ำที่นี่จะว่ายเป็นเส้นตรง แต่ระยะทางก็ไม่ได้ใกล้นัก
“ฉันไม่ได้ออกกำลังกายมาพักใหญ่ ร่างกายของฉันว่ายต่อไปอีกไม่ไหวแล้วละค่ะ” หลินชิงเหอพูดขึ้นด้วยความเหนื่อยหอบ หลังจากที่ว่ายน้ำไปกลับแล้ว
การว่ายน้ำทำให้ร่างกายเหนื่อยมาก แม้ร่างกายทุกส่วนจะได้ออกกำลังกายและมันก็เป็นกีฬาที่ดี แต่ว่ามันก็ทำให้เหนื่อยล้าได้ง่ายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ต่อไป เรามาให้บ่อยขึ้นกว่านี้ก็แล้วกันนะครับ” โจวชิงไป๋รู้สึกว่าการพาภรรยาของเขามาว่ายน้ำที่นี่บ่อย ๆ จะเป็นเรื่องที่วิเศษมาก
พอร่างกายเธอแข็งแรงขึ้นแล้ว เขาจะได้มีความสุขสนุกสนานมากขึ้นเป็นแน่ มิฉะนั้น เธอคงไม่สามารถจะทนกิจกรรมที่เขาจะเคี่ยวกรำกับเธอได้ไหว
หลินชิงเหอไม่ได้รู้เลยว่าชายผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ จึงบอกไปว่า “ฉันจะพักก่อนค่ะ คุณไปว่ายน้ำต่อเถอะ”
โจวชิงไป๋จึงไปว่ายน้ำต่อ เขาว่ายน้ำเก่งมาก และจากการที่เขาไปเล่นบาสเกตบอลและออกกำลังกายอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าสภาพร่างกายของเขาแข็งแรงมากขนาดไหน
เมื่อเทียบกับเขาแล้ว หลินชิงเหอที่เป็นอาจารย์คนหนึ่งนับเป็นคู่ต่อสู้ที่เทียบชั้นไม่ได้เลย
หลังจากพักเหนื่อยอยู่นาน เธอก็ว่ายน้ำต่ออีกครั้ง
ทั้ง ๆ ที่เหนื่อยมาก แต่หลังจากที่ได้ว่ายน้ำแล้ว เธอก็รู้สึกสบายตัวมาก ที่สำคัญ ราคาค่าเข้าสระว่ายน้ำนั้นถูกมาก แค่ 1 เหมาสำหรับผู้ใหญ่ และ 5 เฟินสำหรับเด็กเท่านั้น และยังสามารถอยู่ได้ทั้งวันตั้งแต่เวลาเปิดในตอนเช้า จนกระทั่งถึงเวลาปิดในตอนค่ำ
หลังจากที่ว่ายน้ำแล้ว ทั้งคู่ก็มาหาที่นั่งพัก จากนั้นก็หยิบแอปเปิลจากในกระเป๋าออกมากินกัน
หลินชิงเหอไม่คิดจะว่ายน้ำต่ออีก นิ้วมือของเธอซีดเหี่ยวไปหมดแล้ว โจวชิงไป๋ยังไปว่ายต่ออีกหลายรอบ จากนั้นการว่ายน้ำก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ทั้ง 2 คนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วก็ถือกระเป๋ากลับบ้านด้วยความรู้สึกที่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
“ต่อไป เราไปว่ายน้ำกันอาทิตย์ละครั้งนะคะ” เมื่อเห็นว่าชิงไป๋ชอบมาก เธอจึงเสนอขึ้น
“ตกลงครับ” โจวชิงไป๋ซึ่งชอบว่ายน้ำมากพยักหน้าเห็นด้วย
“อีกไม่นาน เจ้าใหญ่ก็คงจะกลับมาแล้วละค่ะ ตอนที่เขากลับมาก็ให้เขาไปด้วยนะคะ เขาก็ชอบว่ายน้ำเหมือนกัน” หลินชิงเหอกล่าว
ในตอนนั้น เธอก็แค่ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย เนื่องจากคาดไว้ว่าเจ้าใหญ่กำลังจะกลับมาแล้ว แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับมาได้เร็วขนาดนี้
ในเดือนมิถุนายน ตอนที่โจวกุยหลายกำลังสอบเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยอยู่ โจวข่ายก็กลับมาถึงบ้านในช่วงระหว่างการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“ทำไมลูกถึงกลับมาเร็วนักล่ะ? ไม่ใช่ว่าต้องอีกพักใหญ่หรือจ๊ะ?” หลังจากที่สอนหนังสือเสร็จแล้วกลับมาบ้านในตอนเย็น หลินชิงเหอก็ต้องรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นลูกชายคนโตกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา
โจวข่ายซึ่งผิวคล้ำขึ้นมากระบายยิ้มกว้างเต็มใบหน้า แล้วไปรินน้ำให้แม่ของเขาพลางตอบว่า “ผมกลับมาล่วงหน้าน่ะครับ จะได้พักอยู่ที่นี่สักครึ่งเดือน”
เขาจะต้องกลับไปภายในครึ่งเดือน เมื่อถึงเวลานั้น การฝึกจะหนักขึ้นเป็น 2 เท่า
“ในที่สุด ลูกก็สามารถมาอยู่ได้นานขึ้นแล้ว” หลินชิงเหอหยิบน้ำขึ้นมาแล้วถามว่า “ป๊ารู้หรือยังว่าลูกกลับมาแล้ว?”
“ยังไม่รู้ครับ ผมตรงกลับมาที่บ้านเลย” โจวข่ายตอบ เขารู้สึกอ่อนล้ามาก ดังนั้นจึงได้กลับมานอนพักก่อน และเพิ่งตื่นขึ้นมาเมื่อครู่
หลินชิงเหอดื่มน้ำพร้อมกับนั่งลงเพื่อถามถึงเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของเขา
กลับมาในครั้งนี้เขาดูดำคล้ำขึ้นกว่าในครั้งก่อนที่กลับมาเสียอีก ตอนนี้ลูกชายวัย 19 ปีของเธอเติบใหญ่ขึ้นแล้วจริง ๆ
เขาดูเหมือนคนที่สามารถออกไปไหนต่อไหนได้อย่างเป็นอิสระและสามารถตัดสินใจอะไรด้วยตนเองได้แล้ว
“ลูกแข็งแกร่งขึ้นมาก ดูเหมือนลูกคงต้องลำบากมากเลย” หลินชิงเหอกล่าวพร้อมกับเริ่มรู้สึกแสบจมูกขึ้นมานิด ๆ
“ลำบากอะไรกันครับ? การฝึกเป็นเรื่องที่พวกเราต้องทำอยู่แล้ว ม้าไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกนะครับ” โจวข่ายปลอบใจ
หลินชิงเหอไม่ได้กล่าวอะไรต่ออีก “ไปจ้ะ ไปที่ร้านเกี๊ยวกัน ม้าจะไปซื้อของมาทำอาหารดี ๆ ให้ลูกกิน”
โจวข่ายยิ้มและออกไปพร้อมกับแม่ของเขา จางเหม่ยเหลียนที่อยู่บ้านติดกันออกมาจากบ้านหล่อนในตอนนั้นพอดีและเผชิญหน้ากับพวกเขา หลินชิงเหอและโจวข่ายต่างไม่ได้ให้ความสนใจใด ๆ ในตัวหล่อนเลย
“สุขภาพของคุณปู่กับคุณย่าเป็นยังไงบ้างครับ?”
“แข็งแรงดี ไม่มีปัญหาอะไร เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว ลูกก็ค่อยไปที่นั่นนะ” หลินชิงเหอตอบ
เมื่อพวกเขามาถึงร้านเกี๊ยว เธอก็ปล่อยให้ลูกชายคนโตได้รับความรักความห่วงใยจากป๊าของเขา จากนั้น เธอจึงหยิบเงินแล้วออกไปที่ตลาดเพื่อหาซื้ออาหารที่ดีกว่านี้
……………………………………………………………………………………