ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 634 พวกเรามีลูกกันเถอะ

บทที่ 634 พวกเรามีลูกกันเถอะ

บทที่ 634 พวกเรามีลูกกันเถอะ

ใบหน้าของจางเหมยเหลียนจึงค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้น หลังจากนั้นก็พูดว่า “คุณอยู่ดูร้านก่อนนะคะ ฉันจะไปบอกพี่สาวของคุณหน่อย หล่อนเป็นห่วงคุณมาโดยตลอดเลย”

“ผมไปเอง…”

“คุณพักก่อนเถอะค่ะ เห็นคุณเดินทางกลับมาเหนื่อย ๆ ให้ฉันไปก็พอค่ะ” จางเหมยเหลียนรีบพูด

เธอพูดจบก็คว้ากระเป๋าของตัวเองแล้วรีบไปหาสวี่เชิ่งเหม่ย ซึ่งตอนนี้สวี่เชิ่งเหม่ยย่อมไม่อยู่บ้าน ดังนั้นคนที่หล่อนมาหาจริง ๆ จึงเป็นจ้าวจวิน

จ้าวจวินขมวดคิ้ว “ทำไมคุณมาซะเที่ยงขนาดนี้?”

จางเหมยเหลียนมองซ้ายมองขวาอย่างลนลาน เมื่อเห็นว่าไม่มีคนจึงถอยหายใจออกมาแล้วพูดเสียงเบาว่า “สวี่เชิ่งเฉียงกลับมาแล้วค่ะ!”

จ้าวจวินได้ยินดังนั้นก็ให้หล่อนเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่ว่าเขาจะออกปลายปีนี้เหรอ? ทำไมถึงกลับมาแล้ว?”

จางเหมยเหลียนไหนเลยจะรู้ หล่อนยังไม่เคยถามสวี่เชิ่งเฉียงมาก่อนเลย แต่ที่สวี่เชิ่งเฉียงถูกปล่อยตัวออกมาก่อนกำหนดนั้น ทำให้หล่อนตกใจแทบตายจริง ๆ

ยังดีที่เขากลับมาตอนกลางวัน นี่ถ้าเกิดเขากลับมาตอนเย็น แล้วจ้าวจวินอยู่ในบ้านของหล่อนพอดีล่ะจะทำอย่างไร?

สวี่เชิ่งเฉียงไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เขาเข้าคุกไป 2 ปี จ้าวจวินก็มาหาหล่อนในตอนกลางคืน และอยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืน หญิงชายอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ไม่ต้องพูดก็รู้ว่ามันจะต้องเกิดอะไรขึ้น

และความสัมพันธ์นั้นยังอยู่มาจนถึงตอนนี้ กล่าวได้ว่าจางเหมยเหลียนก็คือภรรยาลับ ๆ คนหนึ่งของจ้าวจวิน

พอเข้ามาในบ้านตระกูลจ้าว มือของจางเหมยเหลียนก็ถูกจ้าวจวินดึงไป หล่อนเห็นจ้าวจวินสงบนิ่งขนาดนี้จึงอดพูดไม่ได้ว่า “ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงคะ?”

“ทำยังไงน่ะเหรอ? ก็ทำอย่างที่เราเคยทำกันอย่างไรล่ะ” จ้าวจวินตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก

สวี่เชิ่งเฉียงกลับมาแล้วอย่างไร เขาก็หลับนอนกับภรรยาเขาตามเดิม แล้วจะมีปัญหาอะไร?

“หรือว่าพวกเราควรจบกันเพียงเท่านี้คะ?” จางเหมยเหลียนพูดอย่างลังเล สวี่เชิ่งเฉียงยังไม่กลับมาจะทำอย่างไรก็ได้ เพราะว่าหล่อนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ในเมื่อผู้ชายถูกคุมขังอยู่ ก็เป็นธรรมดาที่หล่อนจะมีความต้องการเหมือนกัน!

ดังนั้นเมื่อจ้าวจวินมาหาหล่อนในคืนนั้น หล่อนก็แกล้งทำเป็นปฏิเสธทั้งที่ใจจริงนั้นเต็มใจมาก เพียงแต่ก่อนหน้านั้นสวี่เชิ่งเฉียงยังไม่ได้กลับมา ในเมื่อตอนนี้เขากลับมาแล้ว พวกเขาจะยังสามารถสานสัมพันธ์ต่อไปได้อย่างไร?

ถ้าเกิดโดนจับได้ขึ้นมาจะทำอย่างไร?

“คุณกังวลอะไร? ต่อไปก็แค่ไม่ต้องนอนบ้านคุณ พวกเราไปเปิดห้องนอนสักคืนก็ได้นี่?” จ้าวจวินมองท่าทางหล่อนเช่นนี้แล้วก็พูดขึ้น

“ฉันว่าเราจบกันเท่านี้เถอะค่ะ” จางเหมยเหลียนพูดอย่างลังเลใจ

“คุณทำใจจบกับผมลงเหรอ” จ้าวจวินพูดและยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

จางเหมยเหลียนหน้าแดงเล็กน้อย ถ้าให้พูดความจริงคือหล่อนตัดใจไม่ลงหรอก จ้าวจวินเก่งกาจเรื่องนั้นมากจริง ๆ แม้จะฟังดูน่าอาย แต่หล่อนก็ยอมทอดกายใต้ร่างของเขาอย่างแสนจะเต็มใจ

“ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้ เขาไม่รู้หรอก คุณให้เขาดูร้านแล้วก็ออกมาเจอผม แบบนี้เขาจะรู้ได้ยังไง” จ้าวจวินพูด

จางเหมยเหลียนถูกเขาปลอบประโลมขนาดนี้จึงได้ถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็มองเขาแล้วพูด “สองสามวันมานี้คุณไปทำอะไรคะ ไม่เห็นมาหาฉันบ้างเลย”

“สองสามวันมานี้ผมไปดื่มเหล้ากับเพื่อน ทำไมเหรอครับ คิดถึงผมเหรอ?” จ้าวจวินพูดหยอกเย้า

จางเหมยเหลียนพยักหน้าด้วยอาการหน้าแดง เห็นใบหน้าเรียกร้องของหล่อนแล้ว จ้าวจวินก็พาขึ้นห้องบนชั้นสองของพวกเขาไป

รอจนกระทั่งออกมา ก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว จางเหมยเหลียนที่ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นมากจึงเดินไปหาสวี่เชิ่งเหม่ย

สวี่เชิ่งเหม่ยไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยสักนิด หลังจากน้องชายหล่อนถูกขังคุก 2 ปีกว่า หล่อนก็ไม่เคยย่างก้าวไปเหยียบที่บ้านของจางเหมยเหลียนอีกเลย ดังนั้นหล่อนจะรู้ได้อย่างไรว่าคนคนนี้กับสามีหล่อนคลุกคลีอยู่ด้วยกันแล้ว?

แต่ถึงจะไม่รู้มันก็ไม่ทำให้หล่อนเกลียดจางเหมยเหลียนน้อยลง หล่อนรู้สึกว่าตั้งแต่ที่น้องชายแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ ก็เกิดเรื่องแย่ ๆ อย่างการทะเลาะต่อยตีกับคนอื่นแบบนี้ไปแล้วหลายครั้ง

ถ้าเขาได้ภรรยาที่มีคุณธรรม มีหรือที่น้องชายของหล่อนจะมีเรื่องแบบนั้นไม่จบไม่สิ้น?

“เธอมานี่ทำไม!” สวี่เชิ่งเหม่ยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“พี่สามีคะ สวี่เชิ่งเฉียงกลับมาแล้ว ฉันมาหาเพื่อบอกให้รู้โดยเฉพาะ” จางเหมยเหลียนพูด

สวี่เชิ่งเหม่ยนิ่งอึ้งไปสักพัก แล้วรีบพูดว่า “เฉียงจือกลับมาแล้ว? เธอไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?”

“ฉันจะโกหกพี่สามีได้ยังไง เขากลับมาแล้วจริง ๆ ค่ะ” จางเหมยเหลียนพยักหน้าพูด

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ไม่ใช่ว่าจะออกปลายปีเหรอ?” สวี่เชิ่งเหม่ยพูดรัวเร็ว

ทุกครั้งที่หล่อนโทรศัพท์กลับบ้าน แม่ของหล่อนก็จะถามเรื่องลูกชายทุกครั้ง และน้ำเสียงก็ฟังเหมือนคนที่กำลังร้องไห้อยู่ทุกครั้ง

“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ว่าฉันถามเขาแล้ว เขาไม่ได้หนีออกมา แต่ถูกปล่อยออกมา” จางเหมยเหลียนพูด

สวี่เชิ่งเหม่ยจึงฝากร้านให้พนักงานดูแล แล้วเดินกลับมากับจางเหมยเหลียน

แม้ว่าหล่อนจะหายไปนาน แต่สวี่เชิ่งเฉียงก็ไม่ได้ว่าอะไรเช่นกัน เทียบกับสวี่เชิ่งเฉียงก่อนเข้าคุกนั้น เขาในตอนนี้ดูจะสงบนิ่งลงกว่าเดิมขึ้นมาก

สวี่เชิ่งเหม่ยมาถึงก็กอดน้องชายพร้อมกับร้องไห้ไปด้วย สวี่เชิ่งเฉียงก็ไม่ได้ผลักไสหล่อนด้วยความรำคาญ เพียงพูดว่า “พี่สาวสาม ผมไม่เป็นไรแล้ว ผมออกมาแล้วนะครับ”

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ๆ!” สวี่เชิ่งเหม่ยพูดต่อว่า “จริงสิ ทำไมนายออกมาก่อนครึ่งปีแบบนี้? พวกฉันไม่เห็นจะได้ข่าวคราวอะไรเลย”

“ผมรับผิดชอบงานตอนที่อยู่ในคุกเสร็จแล้ว และความประพฤติของผมก็ดี ดังนั้นพวกเขาเลยปล่อยตัวผมออกมาก่อน” สวี่เชิ่งเฉียงพูด

สวี่เชิ่งเหม่ยย่อมต้องดีใจเป็นธรรมดา หล่อนอยู่กับเขาสักพัก แล้วจึงออกมาหาตู้โทรศัพท์เพื่อจะโทรบอกข่าวดีให้แม่หล่อนทราบ หล่อนจะได้ลดความกังวลใจลงได้บ้าง

ส่วนสวี่เชิ่งเฉียงมองไปทางจางเหมยเหลียนและพูดว่า “เหมยเหลียน พวกเรามีลูกกันเถอะ”

ช่วงเวลาที่อยู่ในคุก เขาก็คิดอะไรได้มาก เมื่อก่อนเขามุทะลุเกินไปจริง ๆ ช่างเป็นคนไม่รู้ความเกินไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงคิดอยากจะเริ่มต้นใหม่ และก็คิดว่าเขาควรมีลูกได้แล้ว

การมีลูกถึงจะมีสภาพเป็นครอบครัว ตอนที่เขาอยู่ภายในคุกก็ได้ยินผู้ชายที่มีลูกมีครอบครัวพูดเรื่องนี้ ส่วนมากต่างบอกว่ารอที่จะออกมาเริ่มต้นเป็นคนใหม่ ชดเชยให้ภรรยาและลูก

แต่เมื่อจางเหมยเหลียนได้ยินคำนั้น ใบหน้าก็พลันแข็งค้าง

ผ่านไป 2 ปีกว่าหล่อนก็คิดไว้แล้วว่าตัวเองน่าจะมีลูกไม่ได้แน่ ๆ เพราะว่าเวลาหล่อนทำกับจ้าวจวินทุกครั้งเรียกว่าแทบจะไม่ได้ป้องกันเลย

โดยเฉพาะตอนที่นอนกับจ้าวจวิน หล่อนก็คาดหวังว่าจ้าวจวินจะสามารถทำให้ตนท้องได้

ถ้าเกิดท้องขึ้นมา หล่อนก็จะได้บอกว่าเป็นลูกของสวี่เชิ่งเฉียง เขาจะได้ไม่ต้องกังวลใจอีก!

แต่ว่า 2 ปีมานี้หล่อนกลับไม่สามารถตั้งท้องได้

คิดไม่ถึงว่าพอสวี่เชิ่งเฉียงออกมา เขาก็คิดอยากจะมีลูกเลย แล้วหล่อนจะมีลูกให้เขาได้อย่างไรกันล่ะนี่?

“อืม มีลูกสักคนก็ดีเหมือนกัน” ถึงอย่างนั้นจางเหมยเหลียนก็ยังแข็งใจพูด

สวี่เชิ่งเฉียงไม่ได้พูดอะไรอีก เขาขอตัวออกมาหาพี่สาว เขาเองก็อยากจะบอกพ่อกับแม่ว่าเขาสบายดี เมื่อเห็นพี่สาวของเขากำลังโทรศัพท์อยู่ ก็รู้ได้ว่าหล่อนกำลังคุยอยู่กับแม่เขา เขาจึงเดินไปรับสาย

แม่ของเขาร้องไห้ผ่านสายโทรศัพท์ สวี่เชิ่งเฉียงก็พูดกับหล่อนอย่างอดทน คุยกันอยู่ครึ่งชั่วโมงจึงจะวางสาย

“พี่ครับ ผมจะไปเยี่ยมคุณตาคุณยายเสียหน่อย แล้วผมก็จะไปหาคุณน้ากับน้าสะใภ้ด้วย พี่จะไปด้วยไหมครับ?” สวี่เชิ่งเฉียงวางสายโทรศัพท์แล้วพูดขึ้น

“หา? นายจะไปที่นั่นทำไม?” สวี่เชิ่งเหม่ยยังมีดวงตาแดงก่ำ พอได้ยินดังนั้นก็เอ่ยถาม

“ผมคิดว่าต้องไปหาพวกเขา” สวี่เชิ่งเฉียงเม้มปากพูด

“นายถือว่าแล้ว ๆ ไปเถอะ ครอบครัวเราตัดขาดจากบ้านหลักตระกูลโจวไปแล้ว นายคงยังไม่รู้ว่าพวกเขาใจดำขนาดไหน ขนาดพ่อกับแม่ไปขอร้องพวกเขาถึงที่พวกเขากลับไม่ยอมช่วยให้นายออกมา!” สวี่เชิ่งเหม่ยกัดฟันพูด

……………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้น้า สรุปโดนสวมหมวกเขียวกันทั้งพี่สาวน้องชายกันไปเรียบร้อยโรงเรียนจ้าวจวินเหมยเหลียนเลย

ความสัมพันธ์แบบลักกินนี้จะสิ้นสุดตอนไหน ติดตามกันต่อไปค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท