ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 637 คุณแม่เหอ

บทที่ 637 คุณแม่เหอ

บทที่ 637 คุณแม่เหอ

เพราะขอลาหยุดงานมาโดยเฉพาะ และวันถัดมายังต้องไปทำงานต่ออีก ดังนั้นพอถึงตอนเย็นโจวเฉวี่ยนกับเหอเมี่ยนเมี่ยนก็กลับมาก่อนแล้ว

และขับรถของตระกูลเหอกลับมาเช่นเดิม

หลินชิงเหอส่งคนเสร็จก็กลับมาพูดว่า “คุณว่าเจ้ารองเป็นแบบนี้ ดูเหมือนลูกชายเราจะเป็นฝ่ายแต่งเข้าบ้านตระกูลเหอเลยนะคะ หรือว่าฉันควรซื้อรถให้เขาสักคันดี?”

“ไม่ต้องหรอก ให้พวกเขาแต่งงานกันก่อน ตระกูลเหอย่อมต้องส่งสินเดิมฝ่ายหญิงมาด้วยอยู่แล้ว” โจวชิงไป๋พูด

“คุณคิดเยอะไปแล้วค่ะ” หลินชิงเหอรู้สึกร้องไห้ไม่ได้ยิ้มไม่ออกพูด

ถ้าเป็นยุคสมัยหลังจากนี้น่ะไม่เป็นไรหรอก ครอบครัวฝ่ายหญิงหลายครอบครัวจะไม่ให้รถยนต์เป็นสินสอดคงไม่ได้ แต่เพราะว่ารถยนต์ในอนาคตไม่ได้แพงอะไรมากนัก

ตอนนี้รถคันหนึ่งก็ 20,000-30,000 หยวนแล้ว แพงเสียยิ่งกว่าบ้านอีก น้อยมากที่เอามาเป็นสินสอด

“ค่อยดูต่อไปเถอะ เดือนหนึ่งกลับมาแค่สองครั้งเท่านั้นเอง” โจวชิงไป๋พูด

หลินชิงเหอรู้สึกว่าเขาเชื่อถือไม่ได้ จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา ไว้ค่อยว่ากันทีหลังก็ได้ ตอนนี้สถานการณ์การเงินของครอบครัวก็ค่อนข้างวิกฤตอยู่เหมือนกัน

เนื่องจากกู้เงินไปเยอะถึงขนาดนั้น

เหอเมี่ยนเมี่ยนกลับมากับโจวเฉวี่ยน และพาโจวเฉวี่ยนมานั่งเล่นในบ้านตระกูลเหอก่อน จากนั้นจึงให้เขากลับไป

คุณแม่เหออดดึงแขนลูกสาวมาถามไม่ได้ “พวกลูกหายไปไหนกันทั้งวัน?”

“วันนี้ที่บ้านโจวย้ายบ้านค่ะ พวกเราก็เลยไปด้วย ไม่ใช่ว่าหนูพูดกับพี่ชายใหญ่แล้วเหรอคะ พี่เขาไม่ได้บอกแม่เหรอคะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด

“พี่ชายใหญ่ลูกยุ่งจะตาย จะมีเวลาว่างบอกแม่เรื่องนี้เสียที่ไหนกัน” คุณแม่เหอพูด “ครั้งก่อนลูกยังบอกแม่ไม่ชัดเจนเลยนะว่าตระกูลโจวทำงานอะไร?”

“ไม่ใช่ว่าโจวเฉวี่ยนเขาดีมากอยู่แล้วเหรอแม่ ทำไมแม่ยังถามเรื่องนี้อยู่อีก” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด

“ยัยเด็กโง่ ลูกจะรู้อะไร ถ้าลูกแต่งงานกับโจวเฉวี่ยน เรื่องพวกนี้ลูกจะไม่ให้แม่ถามเลยหรือไง?” คุณแม่เหอพูด

“ค่ะ ๆๆ แม่ถามมาค่ะ หนูจะตอบทั้งหมดเอง” เหอเมี่ยนเมี่ยนเห็นท่าทางนี้ของหล่อน แล้วก็ทำได้เพียงตอบตกลง

แน่นอนว่าคุณแม่เหอย่อมไม่เกรงใจ “สรุปว่าตระกูลโจวฐานะเป็นยังไง ลูกห้ามพูดปัดแม่เด็ดขาด โจวเฉวี่ยนน่ะไม่ต้องพูดถึง แม่กับพ่อพอใจเขามาก แต่เรื่องครอบครัวของเขาพวกนี้ลูกต้องบอกความจริงกับแม่”

“หนูพูดความจริงตลอดแหละ ฐานะที่บ้านเขาดีมากเหมือนกัน ทั้งครอบครัวเรียนจบมหาวิทยาลัยกันแทบทุกคน เรียกว่าเป็นครอบครัวที่อบรมสั่งสอนลูกให้มีความรู้ความสามารถจริง ๆ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด “วันนี้พวกเราไปบ้านที่พวกเขาจะย้าย ก่อนหน้าพวกเขาอยู่ที่อะพาร์ทเม้นท์….”

“อะพาร์ตเมนต์เหรอ?” พอคุณแม่เหอได้ยินก็เบิกตาโตพูด

อะพาร์ตเมนต์แบบนั้นเงื่อนไขต่าง ๆ มันแย่จะตาย หล่อนเคยไปเห็น ทำอะไร ๆ ก็ไม่สะดวกเลยสักนิด และก็มีแค่คนฐานะไม่ค่อยดีเท่านั้นที่ไปอยู่ในบ้านแบบนั้น

“อะพาร์ตเมนต์ของพวกเขาไม่ถึงว่าแย่นะคะ แต่ว่านี่มันเป็นเรื่องเมื่อก่อนไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาย้ายเข้าไปอยู่ในเรือนสี่ประสานน่ะค่ะ!” เหอเมี่ยนเมี่ยนรีบพูด

คุณแม่เหอไม่เชื่อ “เมื่อก่อนอยู่อะพาร์ตเมนต์ ทำไมตอนนี้ไปอยู่เรือนสี่ประสานได้? ลูกรู้ไหมว่าเรือนสี่ประสานตอนนี้มันราคาเท่าไหร่แล้ว?”

“หนูรู้ค่ะ อย่างบ้านของเราก็น่าจะหลายแสนหยวนแล้ว แต่แม่คะ บ้านของครอบครัวโจวไม่ด้อยไปกว่าบ้านของเราหลังนี้เลย” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด

คุณแม่เหอใช้สายตาเคลือบแคลงมองมาที่ลูกสาวของตัวเอง

“แม่ หนูไม่ได้โกหกจริง ๆ นะคะ แม่ของโจวเฉวี่ยนเดิมทีเป็นอาจารย์หัวหน้าหมวดภาษาต่างประเทศที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่ว่ามีลูกสาวเกินทำให้หล่อนไม่สามารถไปทำงานได้ แต่นอกจากนั้นพี่น้องสองหรือสามคนของโจวเฉวี่ยน พวกเขายังเรียนจบมหาวิทยาลัยปักกิ่งด้วยเช่นกัน กระทั่งพ่อของเขาครั้งก่อนไม่ใช่เขาบอกว่าทำธุรกิจส่วนตัวอยู่หรือไงคะ?” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด

“หลังจากนั้นล่ะ?” คุณแม่เหอมองเธอแล้วพูด

“คุณแม่รู้ไหมคะ? ว่าครอบครัวเขาทำธุรกิจเยอะมาก” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด ก่อนจะหยิบชาแดงบนโต๊ะขึ้นมาพูด “คุณแม่เห็นชาแดงนี้ไหมคะ นี่ก็คือชาที่เขาเอามาจากที่ร้านเขา ครั้งก่อนไม่ใช่ว่าโจวเฉวี่ยนเอากระเพาะปลากับปลิงทะเลมาฝากหรือคะ นั่นก็เป็นของจากที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งเหมือนกัน แล้วก็ยังมีร้านเสื้อผ้าเหล่านั้นด้วย”

คุณแม่เหอได้ยินก็นิ่งอึ่งก็ไปเล็กน้อย “เยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ทำไมแม่ไม่เคยได้ยินโจวเฉวี่ยนพูดมาก่อนเลยล่ะ?”

“ขนาดคุณแม่ยังไม่เคยได้ยินเขาพูดเลย หนูเองก็เลยนึกว่าเขาเป็นหนุ่มน้อยผู้ยากจนเหมือนกันเลยค่ะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก

เสียแรงที่หล่อนเป็นห่วงความรู้สึกเขา กลัวว่าเขาจะรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย เวลาออกไปกินสเต๊กดื่มไวน์แดง หล่อนก็ยังไม่กล้าเลือกร้านหรูเกินไปเลย

“แล้วลูกรู้ได้ยังไง?” คุณแม่เหอถามอีก

“ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเรากลับไป พ่อกับแม่เขาพาลูกสาวคนเล็กไปเที่ยว พวกเราไม่มีที่ให้ไป จึงไปบ้านคุณปู่คุณย่าเขา คุณย่าเขาเห็นหนูแล้วดีใจมากบอกว่าต่อไปให้มาช่วยดูร้านพวกนี้ให้ด้วย แต่ละคนพากันหนีหายไม่เห็นเงา เอางานไปให้ลูกน้องแล้วรู้สึกไม่วางใจ หนูถึงรู้สึกกลิ่นแปลก ๆ จึงถามโจวเฉวี่ยน” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด

คุณแม่เหอได้ยินก็อดพูดอย่างอดไม่ได้ “บ้านมีเงินขนาดนั้น ทำไมโจวเฉวี่ยนถึงไม่เคยพูดถึงมาก่อน?” หล่อนนึกว่าว่าที่ลูกเขยจะมีฐานะปานกลางอะไรแบบนั้นเสียอีก

“เขาก็เป็นอย่างนั้นมีโดยตลอด เขาบอกว่าไม่มีอะไรให้พูดถึงอะไรนัก จึงไม่ได้พูดค่ะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด

คุณแม่เหอจ้องเขม็ง “งั้นก่อนหน้านี้ลูกไม่รู้อะไรเลย ยังบอกแม่กับพ่อของลูกว่าลูกตกลงปลงใจกับเขาแล้วด้วยเนี่ยนะ?”

“ใช่ค่ะ ต่อให้เขาฐานะปานกลางหนูก็ยังเลือกเขาอยู่ดี เขาก็คือเขา ครอบครัวเขาก็คือครอบครัวเขา ขอแค่เขาเป็นคนดีก็พอแล้วค่ะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูดยืนยัน

“ก็เพราะลูกไม่เคยเจอผู้ชายเรื่องมากน่ะสิ!” คุณแม่เหอส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา

“ถ้าเขาเรื่องมากขึ้นมาครอบครัวเราก็ไม่กลัวหรอกค่ะ มีอะไรที่พวกเราควบคุมไม่ได้บ้างคะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูดออกมาอย่างสบาย ๆ

คุณแม่เหอมองท่าทางนั้นของลูกสาว นัยน์ตาฉายแววขบขันพูด “แม่ยังนึกว่าลูกชอบโจวเฉวี่ยนจนสมองกลายเป็นโจ๊กไปซะแล้ว”

เหอเมี่ยนเมี่ยนชอบโจวเฉวี่ยนมากจริง ๆ นั่นแหละ จุดนี้หล่อนไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย ไม่อย่างนั้นกระทั่งยังไม่ได้หมั้นหมายกัน พ่อของหล่อนก็จะผลักดันเขาแบบนี้แล้วเหรอ?

แต่ก็เพราะว่าชอบ ดังนั้นหล่อนถึงต้องยิ่งเพิ่มการป้องกันการแต่งงานของตนและโจวเฉวี่ยน ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็ไม่อนุญาตให้ใครมาสร้างความวุ่นวาย

แต่หล่อนก็คิดกังวลได้ไม่สุด เพราะที่จริงตระกูลโจวแทบจะไม่มีอะไรให้หล่อนกังวลใจเลย ขอเพียงหล่อนกับโจวเฉวี่ยนสองคนไม่มีปัญหา ครอบครัวตระกูลโจวก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน

ว่าที่แม่สามีของหล่อนแค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนหยาบคายอะไรแบบนั้น เป็นคนใจดีอบอุ่นมาก

และดูบรรยากาศของญาติคนอื่น ๆ ในตระกูลโจวแล้ว ที่หล่อนเคยพูดกับโจวเฉวี่ยนนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก หล่อนชอบบรรยายกาศเป็นกันเองของครอบครัวตระกูลโจวนี้เป็นอย่างมาก

“โจวเฉวี่ยนเขาเคยพูดเรื่องแต่งงานกับลูกบ้างไหม?” คุณแม่เหอก็อยากจะตกลงให้ได้โดยเร็วเช่นกัน จึงพูดถามเสียงต่ำ

“เขาบอกว่ารอให้พี่ชายใหญ่ของเขาแต่งงานปีนี้ก่อน แล้วเราค่อยหมั้นกันค่ะ” สายตาเหอเมี่ยนเมี่ยนฉายแววยิ้มพูดขึ้น

คุณแม่เหอได้ยินก็รู้สึกพอใจเช่นกัน “ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะมีเวลาว่าง ลูกพาแม่ไปหาพวกเขาได้ไหม?” หล่อนไม่อาจฟังว่าลูกสาวพูดอะไรบ้างอยู่ฝ่ายเดียว ตัวเองต้องไปเห็นด้วยกับตาด้วยจึงจะถูก

“น้าหลินบอกหนูว่าหล่อนก็อยากจะพูดกับหนูเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แม่ถึงจะว่าง หล่อนอยากให้หนูพาแม่ไปดื่มชาค่ะ” เหอเมี่ยนเมี่ยนพูด

“สองสามวันนี้พี่สะใภ้ลูกจะกลับมาจากบ้านแม่ รอหล่อนกลับมาแล้ว ถึงตอนนั้นลูกค่อยพาแม่ไป” คุณแม่เหอพูด

คุณแม่เหอก็มีลูกชายลูกสาวสามคนเหมือนกัน ลูกชายคนโตไม่เล่นการเมือง คนรองเองก็เช่นกัน ตอนนี้เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ คนเล็กที่สุดก็คือลูกสาวคนนี้ เรื่องการแต่งงานของลูกสาวลูกชาย หล่อนก็ย่อมต้องไปดูเสียหน่อยอยู่แล้ว

……………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

โจวเฉวี่ยนเขาเป็นหนุ่มติดดินน่ะค่ะต้องเข้าใจ เขาอยากมีอะไรเป็นของตัวเองเลยไม่บอกว่ากิจการครอบครัวว่าเป็นอย่างไร

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท