ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 651 หาคู่ครอง

บทที่ 651 หาคู่ครอง

บทที่ 651 หาคู่ครอง

ตอนที่หลินชิงเหอโทรไปนั้น สะใภ้สามโจวเพิ่งจะทำงานเสร็จพอดี

นอกจากบ้านรองแล้ว กับสะใภ้สามตอนยังสาว ๆ พวกเธอก็ยังมีเรื่องกระทบกระทั่งบ้าง แต่พออายุมากขึ้น ความสัมพันธ์ของพวกเธอตอนนี้กลับดีมาก

“พี่รู้เบอร์โทรศัพท์ฉันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ยังต้องให้พี่ชายสามบอกพี่สะใภ้ใหญ่ให้บอกฉันด้วยอีกเหรอ โทรมาหาฉันตรง ๆ ก็ได้นี่คะ” หลินชิงเหอว่าผ่านสายโทรศัพท์

“ก็ฉันกลัวว่าเธอจะยุ่งนี่ ให้ฉันโทรมาเองจะโทรมาเมื่อไหร่ก็ได้ฉันก็อยู่ทั้งนั้น” สะใภ้สามยิ้มพูด

“พี่โทรมาที่นี่ก็มีคนรับตลอดเหมือนกันค่ะ ฉันขอให้คนมาช่วยอยู่ที่บ้านตั้งสองคน ต่อให้ฉันไม่อยู่บ้านกลับมาก็ฝากคนมาบอกได้เหมือนกัน” หลินชิงเหอพูดไปแบบนี้

“งั้นต่อไปพี่จะโทรไปตรง ๆ เลยนะจ๊ะ” สะใภ้สามยิ้มพูด

“ตอนนี้ที่ร้านกิจการเป็นอย่างไรบ้างคะ?” หลินชิงเหอถามกลับ

“ไม่เลวเลยจ้ะ แต่คงสู้น้องชายของเธอไม่ได้หรอกนะ” สะใภ้สามโจวพูด

“ช่วงนี้ฉันไม่ได้ติดต่อเขาเลย เขาเป็นอย่างไรบ้างเหรอคะ?” หลินชิงเหอพูด

“ตอนนี้เขาเปิดร้านอีกร้านแล้ว เขาร้านหนึ่ง ภรรยาเขาร้านหนึ่ง ระดับความเร็วในการหาเงินของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะเทียบได้เลยล่ะ” สะใภ้สามโจวพูด

“นี่มันเรื่องตั้งแต่เมื่อไรกันคะ?” หลินชิงเหอประหลาดใจ เธอไม่รู้เลยว่าน้องชายเปิดร้านเพิ่มอีกร้าน

“ก็เมื่อเดือนก่อนน่ะสิ พี่ถึงเพิ่งรู้ว่าพวกเขาเปิดร้านใหม่เหมือนกัน แน่นอนว่ากว่าน้องชายเธอจะซื้อรถบรรทุกคันนั้นได้ก็ยากพอสมควร เพราะมอเตอร์ไซค์ก็ไม่ได้ใช้แล้ว มีรถบรรทุกคันใหญ่แบบนั้นเลยทำให้เปิดร้านสองร้านได้ไม่มีปัญหา” สะใภ้สามโจวพูด

น้องชายสามหลินซื้อรถบรรทุกแล้ว ก่อนหน้านี้จักรยานของเขาเสีย ทำให้ต่อมาต้องซื้อมอเตอร์ไซต์ และสุดท้ายเขาก็เข้าไปถึงในตัวเมืองซื้อรถบบรรทุกคันนี้กลับมา

น้องชายสามหลินต้องจ่ายเงินที่เก็บเอาไว้ไปมากกว่าครึ่ง แต่เขาก็ยังกล้าที่จะทำเช่นนี้

เรื่องเหล่านี้หลินชิงเหอไม่รู้มาก่อนเลย แต่ในใจก็เกิดความรู้สึกปลาบปลื้มยิ่งนัก ก่อนหน้านี้เธอต้องคอยพูดแนะให้น้องชายเธอเขาถึงจะมีความกล้า ดูตอนนี้สิเธอไม่ต้องพูดอะไรเลย เขาก็สามารถเดินก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเองได้แล้ว

“แล้วพี่กับพี่ชายสามล่ะคะ วางแผนอะไรแบบนี้ไว้ไหม?” หลินชิงเหอถาม

ยุคสมัยนี้เป็นยุคทำธุรกิจเจริญรุ่งเรืองที่สุด เป็นยุคที่หาเงินง่ายที่สุด หากมีกิจการที่พอจะไปได้ดีสักหน่อยล่ะก็ รายได้ 2,000 หรือ 3,000 ต่อเดือนก็ไม่ใช่ปัญหา ต่อไปเพราะว่าค่าเงินสูงขึ้น เงินเดือนเกิน 10,000 หยวนก็ย่อมมีคนทำได้แน่นอน

หลินชิงเหอคิดว่าที่น้องชายสามทำนั้นเขาเดินมาถูกทางแล้ว

“พวกเราจะไปมีเงินขนาดนั้นที่ไหนกัน ฉันถามน้องชายสามของเธอแล้ว รถบรรทุกคันนั้นหลายหมื่นเลยนะ” สะใภ้สามโจวพูด

หล่อนกลับไปเพื่อขายบ้าน แต่ 2 ปีมานี้ก็ได้กำไรไม่น้อย ทว่าการติดตั้งโทรศัพท์เครื่องนี้สักเครื่องมันราคาเท่าไรกัน? และครอบครัวหล่อนก็อยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ไม่ได้แล้ว ลูก ๆ ต่างก็โตกันหมด ก็ต้องขายทิ้งแล้วเปลี่ยนมาซื้อบ้านที่เล็กลง แต่ว่าตอนนี้ราคาบ้านก็เพิ่มขึ้นเยอะ ไม่ใช่ราคาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้เงินภายในบ้านแทบจะร่อยหรอ ถ้าต้องซื้อรถบรรทุกจริง ๆ ล่ะก็ พวกหล่อนคงมีเงินไม่พอใช้แน่

“ตอนนี้พ่อของอู่นีก็ยังใช้มอเตอร์ไซค์ได้อยู่ ก็ใช้อย่างนี้ไปก่อนจ้ะ ต่อไปค่อยดูอีกทีว่าจะทำอย่างไร” สะใภ้สามโจวพูด

ถึงจะพูดอย่างนี้ แต่ถ้าให้พูดว่าไม่อิฉจาน้องชายสามหลินก็คงจะเป็นไปไม่ได้ กำไรร้านได้มากเท่าไหร่กัน? ตอนนี้มีรถบรรทุกใช้แล้วจะสามารถบรรทุกสินค้ากลับมาได้มากขนาดไหน?

เปิดสองร้านพร้อมกัน กิจการก็น่าจะไม่แย่อย่างแน่นอน

แต่สะใภ้สามโจวก็ไม่รู้สึกเสียใจภายหลังเหมือนกัน ที่บ้านมีโทรศัพท์แล้ว นี่มันเป็นเรื่องได้หน้าได้ตาไม่น้อยเลยไม่ใช่เหรอ? ตอนเพิ่งจะติดตั้งโทรศัพท์แล้วได้สัมผัสโทรศัพท์ครั้งแรกนั้น หล่อนก็ปลาบปลื้มแทบไม่ไหว

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในชนบท ไหนเลยหล่อนจะคิดฝันว่าสักวันตัวเองจะได้มีชีวิตที่ดีแบบนี้?

เรื่องนี้คงต้องยกความดีความชอบให้บ้านสี่แล้ว ตอนแรกที่บ้านสี่สนับสนุนให้ครอบครัวทั้งสามบ้านออกมาอย่าอยู่ที่ชนบทต่ออีกนั้น ผลลัพธ์สุดท้ายหลังจากออกมาแล้วก็ทำให้หล่อนไม่รู้สึกเสียใจภายหลังเลย

“แม่คะ แม่กำลังพูดกับใครอยู่น่ะ” โจวอู่นีที่เลิกงานกลับมาก็พูดขึ้น

ตอนนี้หล่อนกับโจวหยางลูกชายสะใภ้ใหญ่โจวไปสอนหนังสือด้วยกันในโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของอำเภอ ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่บ้านของหล่อนอยู่ที่นี่จึงไม่ได้พักในหอพักแล้ว ส่วนโจวหยางนั้นนอนที่หอพัก

“อาสะใภ้สี่ของลูกจ๊ะ ลูกคุยกับอาหน่อยไหม?” สะใภ้สามโจวเห็นหล่อนกลับมาแล้วก็พูดขึ้น

“เอาสิคะ” โจวอู่นีวางกระเป๋าลงก่อนจะรีบมารับโทรศัพท์

พอหล่อนกรอกเสียงลงไปในสายโทรศัพท์หลินชิงเหอก็ยกยิ้มขึ้นพูดว่า “ฉันได้ยินแม่เธอพูดว่าหล่อนแนะนำคู่ให้เธอไม่น้อยเลยเหรอ มีใครเข้าตาบ้างไหมจ๊ะ?”

“ตอนนี้หนูยังไม่คิดเรื่องนั้นเลยค่ะ แต่หนูพูดกับแม่ยังไงแม่ก็ไม่ฟัง” โจวอู่นีพูดอย่างจนใจ

“อะไรกันคือแม่ไม่ฟัง เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าสายตาลูกน่ะสูงเกิน แม่ว่าแบบนั้นไม่เลว แต่ลูกกลับไม่ชอบเสียอย่างนั้น” สะใภ้สามโจวพูดกับหล่อน

“ไม่ใช่แค่ฐานะดีหรือว่าหน้าที่การงานประสบความสำเร็จอย่างเดียวหรอกนะคะ เรื่องแบบนี้มันก็แล้วแต่วาสนาด้วย” หลินชิงเหอพูดแบบนั้นออกมา

โจวอู่นีพูดขึ้นทันทีว่า “แม่ฟังที่อาสะใภ้สี่พูดสิ นี่แหละคือสิ่งที่หนูอยากจะบอกน่ะ!”

“ชิงเหอ เธอพอจะมีคนที่พอเหมาะสมแล้วยังไม่แต่งงานบ้างไหม? แนะนำให้อู่นีสักคนหน่อยสิ?” สะใภ้สามโจวพูด

ที่จริงสะใภ้สามโจวรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ทั้งเอ้อร์นีและซื่อนีต่างก็จากไปแต่งงานที่ปักกิ่งหมด ตอนนี้ซานนีกับหลี่อ้ายกั๋วสามีหล่อนก็ไปอยู่ด้วยกันที่ปักกิ่ง ซึ่งใจจริงแล้วหล่อนก็อยากให้ลูกสาวตัวเองไปปักกิ่งด้วยเหมือนกัน

แต่ลูกสาวหล่อนบอกว่าอยากอยู่ที่ชนบทนี่แหละ หล่อนเองก็ไม่ได้บีบบังคับ แบบนี้หล่อนก็จะได้เห็นลูกอยู่ในสายตาด้วยไม่ใช่เหรอ? แต่ลูกหล่อนกลับไม่ชอบผู้ชายที่นี่สักคน ตอนนี้หล่อนจึงลองพูดหยั่งเชิงดู

“ที่เหมาะสมฉันไม่รู้ว่ามีหรือไม่นะคะ ปกติฉันก็ไม่ค่อยสังเกตเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ว่าอู่นีไม่ได้มาปักกิ่งนานแล้วนะ เอาเป็นว่าปิดเทอมเดือนหน้ามาเป็นแขกที่บ้านอาสักหน่อยไหมล่ะจ๊ะ? ปีนี้อาย้ายบ้านแล้วด้วย หนูมาพักที่บ้านอาได้เลย” หลินชิงเหอพูด

“ได้จ้ะ ให้อู่นีไปได้เลย” สะใภ้สามโจวพูดตอบตกลงแทนลูกสาว

โจวอู่นีก็ไม่ได้ปฏิเสธ เธอไม่ได้ไปปักกิ่งนานแล้วเหมือนกัน ดังนั้นเธอไปเที่ยวที่นั่นช่วงปิดเทอมก็ไม่เลว

“อู่นีไปถามน้องชายสามหลินให้หน่อยนะจ๊ะ ดูว่าอาชิวหล่อนจะมาได้ไหม ถ้ามาได้ล่ะก็ พวกเธอก็มาด้วยกันเลยเป็นไง?” หลินชิงเหอพูด

อาชิวเป็นลูกสาวคนโตของน้องชายสามหลิน หล่อนอยากมาเที่ยวปักกิ่งนานแล้ว แต่ก็ไม่มีเวลาว่างตลอด

“ได้ค่ะ หนูจะไปบอกหล่อนให้นะคะ ถ้าหล่อนอยากไปถึงตอนนั้นหนูจะพาหล่อนไปด้วยกัน แล้วจะโทรศัพท์บอกอาสะใภ้สี่ดีไหมคะ?” โจวอู่นีพูดถาม

“จ้ะ ก่อนมาก็โทรมาบอกก่อนนะ อาจะได้จัดเวลาให้เจ้าสามไปรับพวกเธอ” หลินชิงเหอพูด

พวกเธอพูดคุยกันสักพักถึงจะวางสายไป เดิมทีที่บ้านมีเพียงหลินชิงเหอที่อยู่ แต่ตอนนี้เจ้าสามกลับมาถึงแล้ว

“เดือนหน้าเจียงเหิงก็จะมาด้วยเหมือนกันนะครับ ถึงตอนนั้นผมจะอบรมเขา ยุ่งพอตัวเลย” เจ้าสามโจวกุยหลายพูด

“ยุ่งอะไรนักหนา เพียงแค่ไปรับน้องก็เท่านั้น” หลินชิงเหอพูด

เจ้าสามจึงไม่พูดอะไรอีกแล้ว หลินชิงเหอพูด “ป้าสะใภ้สามลูกอยากให้อู่นีมาหาคู่ที่ปักกิ่ง ลูกรู้จักเพื่อนของพี่รองลูกบ้างไหม?”

ถ้าเกิดอู่นีสามารถหาแฟนและแต่งงานอยู่ที่ปักกิ่งได้ก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว หลานสาวเยอะแยะต่างก็อยู่ที่นี่กันหมด

……………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

จะคอยดูว่าอู่นีจะได้ใครในปักกิ่งไหม หรือยังคงกลับไปอยู่ในชนบทเหมือนเดิม

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท