คนประมาทเลินเล่อคนหนึ่งต้องการจะควบคุมโหวเจวี๋ยคนหนึ่ง ดูๆ ไปแล้วก็ช่างเป็นเรื่องที่น่าขำจริงๆ แต่เมื่ออวิ๋นเยี่ยเห็นคนรับใช้ที่นอนร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดเขากลับหัวเราะไม่ออก เจ้านายตระกูลอวิ๋นออกไปได้ แต่ห้ามไม่ให้แอบมาทำร้ายคนรับใช้อย่างลับๆ ไม่ได้ ท่านย่าไม่อยากออกไปจากบ้านหลังนี้ นี่คือบ้านของนาง มันยังไม่ถึงขั้นที่จะยอมให้คนป่าเถื่อนคนหนึ่งมาตัดสินใจให้นางทำอะไร
เหล่าคนรับใช้แค่ถูกก้อนหินธรรมดาๆ ขว้างใส่ ไม่ได้ถูกวางยาพิษใส่ วิธีที่น่ารังเกียจของติงเหยี่ยนผิงกระตุ้นความโมโหของอวิ๋นเยี่ยได้สำเร็จ หลังจากมาที่โลกนี้ เขาก็เจอคนที่มีอำนาจมาแล้วไม่น้อย แล้วทำไมไอ้สารเลวเฒ่าที่ใกล้จะตายอย่างเจ้าถึงได้กล้ามาข่มขู่ข้าข้าตามอำเภอใจเช่นนี้ได้
เขาสวมถุงมือหนังกวาง หยิบขวดเล็กๆ ออกมาจากช่องลับของห้องหนังสือ ในขวดมีแค่ผงบางๆ มันถูกปิดจุกไว้อย่างแน่นหนา เขาดึงจุกออกอย่างลำบาก ใช้ก้านสำลีจุ่มลงไปบนผงแล้วเอามาถูที่ขอบรองเท้าของตัวเอง แน่ใจแล้วว่าถูในปริมาณที่เพียงพอ จากนั้นเขาก็เก็บขวดเอาไว้ สวมชุดเกราะและเตรียมตัวออกไป
ซินเย่วหวาดกลัวเป็นอย่างมาก นางได้ยินมาว่ามีศัตรูตัวฉกาจมาวนเวียน นางกอดเอวอวิ๋นเยี่ยเอาไว้ไม่ให้อวิ๋นเยี่ยออกไป ทั้งตระกูลอยู่แต่ในบ้าน ดูสิว่าศัตรูคนนั้นจะทำอะไรได้บ้าง
สำหรับเรื่องของไป๋อวี้จิง อวิ๋นเยี่ยไม่รู้จะอธิบายให้พวกเขาฟังเช่นไร แม้แต่หลี่ซื่อหมินก็พูดถึงไป๋อวี้จิงตั้งหลายครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าอวิ๋นเยี่ยไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ เขาจึงไม่ได้ถามต่อ เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด ตัวเองก็แค่บังเอิญไปใช้คำพูดประโยคหนึ่งของหลี่ไป๋ ใครจะคิดว่าตอนนี้กลับมีสถานที่แปลกๆ เช่นนั้นอยู่จริงๆ คนที่มีสติปัญญาหลายคนต้องตายไปเพราะว่าตามหาสถานที่นั้น
เมื่อหลี่ซื่อหมินรู้ความจริงของเรื่องนี้ เช่นนั้นเหล่าราษฎรก็จะพากันไปตามหาไป๋อวี้จิง ตอนนั้นสวีฝูสามารถพาเด็กผู้ชายและผู้หญิงสามพันคนไปที่ฝูซัง หรือว่าตัวเองก็ต้องพาคนไปที่เหม่ยโจวงั้นหรือ ไม่ได้ อวิ๋นเยี่ยไม่เคยคิดที่จะเป็นผู้บุกเบิก บรรพบุรุษที่อพยพไปเหม่ยโจวใช้ชีวิตบนเรือรอดได้แค่ไม่กี่คน เขาอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและแก่ตายในกวงจง
อู๋เสอต้องดูแลคนทั้งตระกูล ไอ้โจรเฒ่าคนนั้นจะจึงไม่ได้สบโอกาสเหมาะ หลังจากสะบัดซินเย่วที่กำลังร้องไห้ออกไปแล้ว น่ารื่อมู่เบ้าที่ตาแดงก่ำก็เอาของมงคลของตัวเองมาห้อยที่คออวิ๋นเยี่ย ผู้ชายของฉ่าวหยวนไม่เคยรู้จักคำว่ากลัว ท่านพี่ของน่ารื่อมู่จะเป็นคนขี้ขลาดได้อย่างไร
“ไม่ต้องเป็นห่วง ติงเหยี่ยนผิงคนเดียวทำอะไรข้าไม่ได้หรอก คนที่ฆ่าข้าได้ยังไม่เกิด” อวิ๋นเยี่ยมองไปรอบๆ บ้าน ในเมื่อติงเหยี่ยนผิงอยากได้หยกอวี้ไผ ถึงไม่เห็นหน้าก็จะฆ่าข้าให้ตายอยู่ดี และหากข้าไม่ตายล่ะก็ เจ้าก็ต้องเป็นฝ่ายตายติงเหยี่ยนผิง ตอนนี้อวิ๋นเยี่ยมั่นใจมาก
ซ่านอิงยิ้มอย่างขมขื่นและพูดกับอวิ๋นเยี่ยว่า “เจ้าอย่าได้เย่อหยิ่งเด็ดขาด เขาไม่ใช่คนธรรมดา วีรบุรุษบนโลกใบนี้เขาก็เคยจัดการมาแล้วไม่น้อย เขาเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง คนที่ดูถูกเขาตายไปจนหมดแล้ว”
อวิ๋นเยี่ยหัวเราะและโบกมือให้ผู้คนที่อยู่ในบ้าน จากนั้นก็ก้าวขาเดินออกไป ถึงแม้ว่าเขาจะเดินออกไปอย่างกล้าหาญ แต่ในใจกลับเต้นไม่หยุด เมื่อเขาเดินผ่านห้องพระ มองเห็นเจวี๋ยหย่วนที่ยืนพิงอยู่ที่ประตู เห็นเขาพนมมือแล้วพูดว่า “อวิ๋นโหว ข้าขอให้เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย ข้าจะอธิษฐานให้เจ้า ขอพรให้เจ้า”
“พระเจวี๋ยหย่วน ข้าไม่เคยเชื่อในพุทธศาสนา เก็บความคิดแปลกๆ ของเจ้าเอาไว้เถอะ ข้าจะไปดูติงเหยี่ยนผิงคนนั้น หากข้าตาย เขาก็จะต้องตายไปกับข้าด้วย ถุ้ย อยากจะมาเอาเปรียบข้า สุดท้ายเขาจะต้องเสียใจ”
ที่หน้าประตู หลิวจิ้นเป่าจูงวั่งไฉเดินเข้ามา เขาเองก็สวมชุดเกราะทั้งตัว อวิ๋นเยี่ยลูบหัวของวั่งไฉเบาๆ สองที และพูดข้างหูของมันว่า “สหายของข้า ชีวิตของเราสองคนวันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าวิ่งได้เร็วแค่ไหน”
วั่งไฉส่งเสียงออกมาเล็กน้อยราวกับว่ากำลังตอบรับ จากนั้นอวิ๋นเยี่ยก็หันกับไปพูดกับหลิวจิ้นเป่าและเหล่าจวงว่า “ยื้อเวลาให้ข้าสักเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา ค่อยให้เขาไล่ตามข้า”
หลิวจิ้นเป่า เหล่าจวง และอีกสองสามคนโค้งตัวคำนับ อวิ๋นเยี่ยไม่เคยเชื่อว่าติงเหยี่ยนผิงจะมาคนเดียว หากตัวเองออกไปโง่ๆ จะต้องตกหลุมพรางอย่างแน่นอน ชายเฒ่าคนนั้นทำร้ายคนรับใช้ของตระกูลอวิ๋นก็เพื่อบังคับให้อวิ๋นเยี่ยออกไป
กล้าที่จะล้อมตระกูลอวิ๋นเอาไว้ นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ขาดแคลนกำลังคน คนเดียวไม่มีทางไปตามหาไป๋อวี้จิงได้อย่างแน่นอน อันที่จริง วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือขอความช่วยเหลือจากหลี่เฉิงเฉียน เมื่ออู๋เสออยากออกไปจากที่นี่ย่อมไม่มีปัญหา แม้กองทัพจะยังคงล้อมอยู่ ต่อให้เขามีสามหัวหกแขนก็ต้องวิ่งหนี แต่ว่าติงเหยี่ยนผิงจะต้องหาเรื่องคนของตระกูลอวิ๋นแน่นอน หากไม่จัดการติงเหยี่ยนผิงให้ถึงที่สุด เรื่องนี้ไม่จบแน่นอน
ตลาดบนถนนข้างนอกยังคงคึกคัก ผู้คนไปๆ มาๆ กิจการเจริญรุ่งเรือง พวกพ่อค้ายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่เห็นท่านโหวสวมชุดเกราะ พวกเขาคิดไปว่าคงกำลังจะไปที่ค่ายจึงหลีกทางให้ตามปกติ
อวิ๋นเยี่ยนั่งเล่นหยกอยู่บนหลังม้า มองไปรอบๆ แล้วจึงตะโกนขึ้นเสียงดัง “ติงเหยี่ยนผิง ของที่เจ้าอยากได้อยู่ที่นี่ กล้าก็มาเอาไป”
“ไอ้หนุ่ม กล้ามากนัก เห็นว่าเจ้าเป็นลูกผู้ชาย เอาหยกมาให้ข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไป” ข้างหน้าอวิ๋นเยี่ยไม่ไกล ชายเฒ่าที่สวมหมวกพูดขึ้นมา
ในขณะที่เขาพูด หน้าไม้ที่อยู่ในมือของหลิวจิ้นเป่า เหล่าจวง และคนอื่นๆ อีกสองสามคนกำลังเล็งไปที่ชายเฒ่าคนนั้น ดูเหมือนชายเฒ่าได้เตรียมตัวไว้อยู่แล้ว เขาดึงคนสองคนที่เดินผ่านมาให้บังตัวเองไว้ ได้ยินแค่เสียงอะไรเบาๆ คนที่เดินผ่านมาสองคนนั้นก็ถูกยิงจนกลายเป็นเม่น เมื่อเห็นว่าลูกธนูยิงออกมาหมดแล้ว หลิวจิ้นเป่าก็ชักดาบแล้วพุ่งเข้ามา และในขณะเดียวกันค้อนโซ่ของเหล่าจวงก็ถูกเขวี้ยงออกไป
อวิ๋นเยี่ยมองไม่ทัน เขาตบที่ก้นของวั่งไฉ วั่งไฉจึงรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ บางทีมันก็อาจจะรู้สึกได้ถึงอันตรายเหมือนกัน แม้แต่เสียงร้องที่เย่อหยิ่งตามปกติก็ไม่มีสักแอะ มันก้มหน้าและวิ่งไปข้างหน้าอย่างดุเดือด
เพียงเท่านั้น หลิวจิ้นเป่าก็บินขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังบินอยู่นั้น ชายเฒ่าก็เอาหอกยาวครึ่งฟุตออกมาจากแขนเสื้อ ปลายหอกกระทบกับโซ่ของค้อนโซ่ ค้อนที่มีขนาดเท่าหัวทารกถูกเขวี้ยงกลับไปที่เดิม กระแทกเข้าไปที่ไหล่ซ้ายของเหล่าจวงอย่างแรง สิงโตที่อยู่บนไหล่ของเขาก็แตกเป็นชิ้นๆ ทันที
ติงเหยี่ยนผิงเห็นว่าอวิ๋นเยี่ยกำลังจะหนี เขาหัวเราะแล้วก็ไล่ตามไป ทหารสองสามคนที่หลงเหลืออยู่พยายามขวางเขาเอาไว้ ท่านโหวบอกว่าให้ยื้อเอาไว้สักเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา พวกเขากะจะยืนหยัดสู้ไม่เอาชีวิตของตัวเองแล้ว
แต่ช่างน่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งโหดเ**้ยม พวกเขาไม่มีความสามารถที่จะรั้งเอาไว้ได้แม้แต่วินาทีเดียว หอกสั้นของติงเหยี่ยนผิงเเกว่งแค่ไม่กี่ครั้ง ตัวของพวกเขาก็เริ่มมีเลือดพุ่งออกมา และในขณะนี้เอง อวิ๋นเยี่ยพึ่งจะวิ่งไปได้แค่สามเมตร
ติงเหยี่ยนผิงหยิบก้อนหินออกมาจากแขนเสื้อของตัวเอง กำลังจะเขวี้ยงออกไป เสียงลมกระโชกแรงก็ดังขึ้นมาข้างหลังท้ายทอย ติงเหยี่ยนผิงรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เสียงของดาบและลมก็ผ่านเข้ามารอบตัว เขาหันกลับไปมองด้วยความโมโห เห็นพระภิกษุร่างใหญ่ถือดาบพร้อมกับตะโกนพุ่งเข้ามาหาตัวเอง
ดาบอันแข็งแกร่ง ติงเหยี่ยนผิงไม่กล้าท้าทายความแหลมคมนั้นสักเท่าไรจึงถอยหลังไปอีกครั้ง แต่กลับได้เห็นพระภิกษุกวัดแกว่งดาบเข้ามาหาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าจะฆ่าเขาให้ตาย
“ตาเฒ่า มีคนตั้งมากมายบนถนนเจ้าไม่ดึง แต่กลับมาดึงสหายสองคนของข้าเป็นตัวตายตัวแทน ตอนนี้ เจ้าไปตายเดี๋ยวนี้”
ที่ฉิวหรันเค่อมาที่บ้านของตระกูลอวิ๋นในวันนี้ก็เพราะว่าเขาจะมาเอาเรื่องอวิ๋นเยี่ย ตัวเองไม่รู้ทางแล้วก็ยังบอกหลี่จิ้งไม่ได้ เขาจึงไปหาสหายสองคนที่วัดให้มาช่วยนำทาง เขามีคำถามมากมายอยากจะถามอวิ๋นเยี่ย คิดไม่ถึงว่าพึ่งจะถึงบ้านของตระกูลอวิ๋นเยี่ย สหายทั้งสองคนก็ถูกคนอื่นดึงไปรับลูกธนูแทน เช่นนี้จะให้ฉิวหรันเค่อผู้หยิ่งผยองยอมได้อย่างไร
หลิวจิ้นเป่าและเหล่าจวงถ่มน้ำลายที่เปื้อนเลือดพลางหัวเราะ มองดูท่านโหวที่วิ่งห่างออกไปไกล ทหารคนอื่นๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเริ่มคิดหาวิธีหยุดเลือดให้ตัวเอง
ติงเหยี่ยนผิงโมโหเป็นอย่างมาก เขวี้ยงหอกออกไปสองสามครั้งทำให้ฉิวหรันเค่อตะโกนเสียงดังและถอยไปข้างหลัง เอียงหูฟังแต่กลับไม่ได้ยินเสียงอะไร เขาเริ่มร้อนรน ผลักฉิวหรันเค่อออกไปและไล่ตามอวิ๋นเยี่ยไปตามถนน
วั่งไฉพาอวิ๋นเยี่ยวิ่งไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นครั้งแรกที่มันวิ่งจนสุดชีวิตเช่นนี้ อวิ๋นเยี่ยแค่รู้สึกว่ามีเสียงลมพัดผ่านหูของเขาตลอดเวลา ทุกอย่างที่อยู่สองข้างทางก็ถอยออกไปเป็นแถว ในที่สุดก็มีความรู้สึกเหมือนกับการขี่มอเตอร์ไซค์ในยุคหลัง
ขณะกำลังเลี้ยวทางโค้ง อวิ๋นเยี่ยยิงลูกธนูออกไปโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด เห็นแค่ร่างสีฟ้าวิบวับๆ จากนั้นก็หลบไปอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรบนพื้นถึงยังมีศพหลายศพที่มีรอยเลือด
ตอนนี้ยังสนใจเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ต้องวิ่งไปในเขาวงกตของสำนักศึกษาก่อน ไม่เช่นนั้นคงยากที่จะรอด ต้องอยู่ในเขาวงกตเขาถึงจะมีโอกาสฆ่าติงเหยี่ยนผิงได้
เมื่ออวิ๋นเยี่ยวิ่งผ่านทางโค้งไปราวกับสายลม คนที่สวมเสื้อสีฟ้าถึงได้ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่และพึมพำว่า “เหตุใดวันนี้ถึงมีแต่คนอยากฆ่าข้า”
ในฐานะหัวหน้าสายตรวจ แน่นอนว่าเฮ่อเทียนซังต้องรู้ให้ได้ว่าคนที่อยากจะฆ่าเขาคือใครกันแน่ การนั่งตรวจดูศพบนพื้นเป็นเรื่องสำคัญ สิ่งของเช่นเงินและทองแดง เขาเอายัดใส่ในแขนเสื้อของตัวเองอย่างไม่เกรงใจ พ่อค้าและราษฎรของต้าถังออกจากบ้านต้องมีหนังสือผ่านทาง ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกตัดสินว่าเป็นคนเร่ร่อน แต่น่าแปลกมาก ศพพวกนี้ไม่มีหนังสือผ่านทางเลย เสื้อผ้าของพวกเขาก็แปลกๆ ไม่เหมือนคนของที่ราบตอนกลางแต่เหมือนชาวประมงมากกว่า
กำลังคิดว่าคนพวกนี้เป็นใคร ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้า เขายืนขึ้นมา เห็นชายเฒ่าที่ดูร่างกายแข็งแรงมีผมหงอกยืนอยู่ข้างหน้าตัวเอง
“เจ้าเป็นคนฆ่าคนพวกนี้หรือ” ชายเฒ่าถามเขาอย่างเย่อหยิ่ง เขาไม่สนใจชุดหัวหน้าสายตรวจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย พึ่งจะพูดขึ้นมา หอกสั้นที่แวววาวก็แทงเข้ามาที่หน้าอกของเขา
ขนาดตุ๊กตาดินเผายังโมโห ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่มองตัวเองสูงส่งอย่างเฮ่อเทียนซัง ช่วงนี้เขาถูกลอบสังหารอย่างต่อเนื่อง รู้สึกโมโหมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้แม้แต่ชายเฒ่าคนนี้ยังกล้าดูถูกตัวเองเช่นนี้ ล้วนแต่เป็นโจร ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี กลับไปต้องขุดค้นว่ามีประวัติหรือไม่ บางทีอาจจะยุติคดีหัวขาดบางคดีได้
เมื่อลงไม้ลงมือถึงได้รู้ว่าชายเฒ่าเป็นโจรจริงๆ และสามารถใช้หอกสั้นได้อย่างชำนาญ พุ่งโจมตีเขามาได้จากทุกทิศทุกทาง พึ่งจะกระโดดเข้ามาก็เห็นว่าหอกสั้นแทงเข้ามาที่ฝ่าเท้าของตัวเองเต็มๆ เขาตกใจ บิดเอวอยู่กลางอากาศเพื่อหลบหอก แต่เขากลับถูกเตะเข้าที่หน้าท้องส่วนล่างอย่างแรง แผ่นหลังกระทบกับต้นสน เจ็บปวดลึกเข้าไปถึงกระดูก