กระบี่จงมา Sword of Coming – บทที่ 164.1 ใกล้ชาดเปื้อนแดง

บทที่ 164.1 ใกล้ชาดเปื้อนแดง

เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูดหอบตำราโบราณกองใหญ่วิ่งออกมาจาหอหนังสือ พอเห็นภาพนี้ สายตาที่มองเฉินผิงอันก็มีแววหวาดกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย

 

ขณะเดียวกันก็มีเด็กชายชุดเขียวคนหนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้า อาภรณ์ของเขาขาดวิ่น สภาพกระเซอะกระเซิงสุดขีด ข้างกายเขามีทหารท่าทางดุร้ายที่ทั่วร่างมีแสงสีทองเปล่งประกายวูบวาบลักษณะคล้ายนักโทษที่เพิ่งถูกปล่อยตัวยืนอยู่

 

เด็กชายชุดเขียวนอนหอบฮักๆ อยู่บนพื้น ปาดคราบเลือดบนหน้าทิ้งไป หันหน้าไปมองมังกรข้ามแม่น้ำที่มีที่มาไม่แน่ชัดตัวนั้น ความดุร้ายในดวงตายากที่จะสลายหายไปได้ นี่ก็ไม่แปลก วางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในแม่น้ำใหญ่นอกเมืองมาหลายร้อยปี จู่ๆ ต้องมาถูกคนต่อยตีเหมือนสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง โทสะในใจย่อมยากจะระงับลงได้

 

ชุยฉานดีดนิ้วหนึ่งครั้ง แสงสีทองกลุ่มนั้นก็กลับคืนรัง บินกลับเข้าไปในชายแขนเสื้อของเขาอีกครั้ง

 

เห็นว่าเฉินผิงอันสงสัย ชุยฉานจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “อาจารย์จำได้หรือไม่ว่าตอนที่อยู่นอกด่านเหย่ฟูข้าเคยโม้กับอาจารย์ว่ามีของขวัญกราบอาจารย์มากมาย แล้วก็เคยพูดถึงกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มที่ยังไม่มีเจ้าของชั่วคราวซึ่งชื่อว่า ‘ใบไม้ร่วงสีทอง’ คุณภาพของมันไม่เลว ไม่จำเป็นต้องมีขอบเขตสูงมากก็สามารถควบคุมได้ดังใจปรารถนา”

 

ชุยฉานยิ้มกว้างอย่างลำพองใจ “เจ้านายคนก่อนของกระบี่บินเคยเป็นเซียนกระบี่อันดับหนึ่งของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง เป็นพวกบ้าหมากล้อม บางทีหัวสมองอาจเคยโดนประตูหนีบมา ถึงได้คิดจะเปลี่ยนแปลงวิธีการใหม่ เปลี่ยนวิถีกระบี่ไปเป็นวิถีหมากล้อม น่าจนใจที่ไม่เชี่ยวชาญวิชาหมากล้อมมากพอ แพ้การเดิมพันด้วยชีวิตกับข้าหนึ่งครั้ง ซึ่งก็คือแพ้ให้กับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มนี้ แต่จะว่าไปแล้วก็เพราะเขาอยากจะทุบหม้อล่มเรือ ไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับกระบี่บินเล่มนี้อีกแม้แต่น้อย”

 

เฉินผิงอันถามด้วยความใคร่รู้ “ถ้าอย่างนั้น ‘ใบไม้ร่วงสีทอง’ เล่มนี้ หลินโส่วอีใช้ได้หรือไม่?”

 

ชุยฉานทำท่าปวดฟัน “อาจารย์ ไม่มีใครลำเอียงอย่างท่านเลยจริงๆ หลินโส่วอีย่อมใช้ได้อยู่แล้ว แต่หากให้เขาเป็นคนหล่อหลอมและบังคับใช้ย่อมเป็นการย่ำยีวัตถุสวรรค์ให้สิ้นเปลืองอย่างแน่นอน ศิษย์ตัดใจมอบให้อาจารย์ได้ แต่อาจารย์ห้ามตัดใจมอบให้คนนอกอย่างหลินโส่วอีเด็ดขาด”

 

เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูหันมาสบตากับเด็กชายชุดเขียวอย่างรู้ใจกัน และต่างฝ่ายก็ต่างมองเห็นความตกตะลึงในดวงตาของกันและกัน

 

แผ่นดินกลาง เซียนกระบี่ หมากล้อม เดิมพันชีวิต

 

คำศัพท์เหล่านี้มาเมื่อรวมเข้าด้วยกันก็มากพอจะสร้างความตะลึงพรึงเพริดได้เลย

 

เฉินผิงอันกวาดตามองไปรอบด้าน ไม่เห็นความผิดปกติอื่นใดจึงเตรียมจะจากไป เร่งรีบเดินทางของตนต่อ

 

“อาจารย์รอสักครู่ ให้ข้าอธิบายเหตุผลจบก่อน เส้นทางหวนกลับคืนบ้านเกิดของอาจารย์หลังจากนี้จะได้ไม่ต้องเจอปัญหาแทรกซ้อนเพราะเรื่องนี้ด้วย” ชุยฉานครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็หยิบแท่นฝนหมึกอันเป็นสมบัติสยบสำนักของศาลมังกรซุ่มชิ้นนั้นออกมา แล้วออกคำสั่งให้กับงูเหลือมไฟและงูน้ำของแคว้นหวงถิงคู่นี้ “รีบเอาร่างจริงใส่เข้าไปในนี้ซะ ข้าไม่ค่อยมีความอดทนเท่าใดนัก กฎของข้าคือเรื่องเดียวไม่พูดซ้ำสอง หากยังถ่วงเวลาอีกล่ะก็อย่ามาโทษว่าข้า…”

 

พูดได้แค่ไม่กี่คำ ปราณสังหารของชุยฉานก็แผ่อวลไปสี่ทิศแล้ว ใจอยากจะตบเด็กชายชุดเขียวให้ตายไปด้วยฝ่ามือเดียว ไม่เห็นหน้าก็จะได้ไม่ต้องรำคาญใจ เพราะอย่างไรซะตามกฎเกณฑ์ที่อำเภอหลงเฉวียนตั้งไว้ แค่ได้มีความสัมพันธ์กับเจียวเฒ่าตัวนั้นก็มากพอแล้ว งูเหลือมไฟและงูน้ำที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ตบะไม่สูง ยังไม่ทันกลายร่างเป็นเจียวได้สำเร็จ อยู่ไกลเกินกว่าจะเปรียบเทียบกับเทพวารีของแม่น้ำหันสือได้ จะว่าไปแล้วการจับพวกมันมาก็เป็นแค่การเพิ่มลวดลายดอกไม้บนผ้าแพรอีกเล็กน้อยเท่านั้น ตอนแรกนั้นเป็นเพราะตอนนี้ตนไม่อาจเปิดคลังสมบัติในวัตถุฟางชุ่นได้ จึงอยากจะกำราบเจ้าตัวน้อยทั้งสองให้กับ “อาจารย์” ของตัวเอง ต่อให้จะไม่มีประโยชน์มากนัก ต่อเมื่อเลี้ยงไว้ข้างกาย วันหน้าให้ช่วยปกป้องภูเขา บวกกับที่ความพิเศษของตัวถ้ำสวรรค์หลีจูด้วยแล้ว ก็ถือว่าพอจะเอามาใช้งานได้

 

ดังนั้นเขาชุยฉานจึงไม่คิดจะสนใจความเป็นความตายของพวกมัน ตอนนี้อาจารย์คืออาจารย์ ลูกศิษย์คือลูกศิษย์ ชุยฉานรู้จักนิสัยของเฉินผิงอันดียิ่งกว่าใคร รู้ว่าอีกฝ่ายคือก้อนหินในห้องสวมที่ทั้งเหม็นทั้งแข็งอย่างแท้จริง หากไม่ยอมรับตน ต่อให้มอบงูเหลือมไฟงูน้ำแก่เขาอีกหมื่นตัวก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ยอมรับตนแล้ว ต่อให้ไม่มีเจ้าตัวน้อยทั้งสองที่ไร้ความสำคัญนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ เลย

 

คิดมาถึงตรงนี้ความคิดหลากหลายก็ประดังประเดอยู่ในหัวของชุยฉาน ทำความรู้จักอยู่กับเฉินผิงอัน จะบอกว่าเหนื่อยก็เหนื่อยจริงๆ รู้สึกว่ากินแรงยิ่งกว่าย้ายห้าขุนเขาเสียอีก แต่เมื่อตนข้ามผ่านธรณีประตูที่มองไม่เห็นของมรรคาบางสายมากลับมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่มหัศจรรย์มาก ถึงกับทำให้คนที่มากเล่ห์เพทุบายอย่างราชครูต้าหลี…จิตใจสงบได้

 

เมื่อเห็นว่าแสงสีทองไหลออกมาจากชายแขนเสื้อของเด็กหนุ่มชุดขาว เด็กชายชุดเขียวก็รีบลุกขึ้นคุกเข่าโขกหัวคำนับ “ขอท่านเซียนโปรดเว้นชีวิต ข้าน้อยยินดีบุกน้ำลุยไฟ พลีกายถวายชีวิตให้แก่ท่านเซียน ต่อให้ตายก็ไม่เสียดาย!”

 

เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูที่อ่านตำรานับหมื่นเล่มอยู่ในหอเก็บหนังสือของจวนจือหลันรู้สึกเหมือนได้รับความอัปยศไปพร้อมกันด้วย นางไม่ใช่ภูตผีปีศาจประเภทที่ชอบพูดจาส่งเดช จึงได้แต่อึกๆ อักๆ ทำอะไรไม่ถูก

 

ชุยฉานคร้านจะเปลืองน้ำลายกับเจ้าลูกหมางูน้ำตัวนั้นจึงชูแท่นฝนหมึกขึ้น “ข้าจะนับถึงสาม”

 

เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นงูเหลือมเปลวไฟตัวเล็กราวเส้นผมเส้นหนึ่งก็บินออกมาจากกลางหว่างคิ้วของนาง พุ่งหายเข้าไปในแท่นฝนหมึก นางหน้าซีดขาว ร่างกายโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่

 

เด็กชายชุดเขียวเห็นเหตุการณ์นี้ก็ได้แต่ถอนหายใจเหมือนคนแก่ บ่นงึมงำ “ช่างเถอะๆ ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ” จากนั้นก็มีควันผุดออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขา สุดท้ายรวมตัวกลายเป็นงูสีเขียวเข้มที่ขนาดใหญ่กว่างูเหลือมไฟเล็กน้อย ครั้นจึงบินเข้าไปใน หนึ่งงูหนึ่งเจ้าเหลือมขดตัวอยู่ในแท่นฝนหมึกด้วยกันนิ่งๆ ไม่กล้ากระดุกกระดิก

 

เพราะอย่างไรซะตรงขอบแท่นฝนหมึกก็มีเจียวเฒ่าขดตัวนอนหลับอยู่ นั่นคือบรรพบุรุษของภูตผีปีศาจประเภทพวกมัน และไม่แน่ว่าจะห่างไกลไปถึงสิบแปดรุ่น

 

ชุยฉานเก็บแท่นฝนหมึกที่หน่วยกล้าตายของต้าหลีเอามาส่งให้ระหว่างทาง แค่นเสียงเย็น “ไอ้พวกไม่รู้จักความหวังดีของผู้อื่น แค่ถูกพันธนาการเล็กน้อยก็สามารถอาศัยโอกาสนี้ขัดเกลาขอบเขต หากเปลี่ยนมาเป็นภูตผีประเภทเจียวและมังกรของทวีปอื่นที่มีโอกาสแบบนี้มาวางอยู่ตรงหน้าเหมือนพวกเจ้าสองคน ก็คงโขกหัวขอร้องจนหัวร้างข้างแตกไปนานแล้ว”

 

เด็กสาวชุดกระโปรงชมพูที่เติบโตมาในพื้นที่ฟางชุ่นอย่างหอหนังสือกุมมือคารวะขอบคุณ

 

เด็กชายชุดเขียวที่นิสัยเอาแต่ใจ รักอิสระเสรีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเบ้ปากอย่างไม่เห็นด้วย

 

ชุยฉานแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น กล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย “รู้จักอำเภอหลงเฉวียนใช่ไหม? สถานที่ที่เกิดขึ้นหลังถ้ำสวรรค์หลีจูปริแตกแล้วร่วงลงมานั่นแหละ อาจารย์ของข้าคือเศรษฐีของที่นั่น ได้ครอบครองภูเขาห้าลูก อีทั้งยังเก็บหินดีงูที่เปี่ยมไปด้วยปราณวิญญาณไว้ไม่น้อย เจ้าของเล่นนี้เกิดจากการรวมตัวกันของเลือดวิเศษของมังกรที่แท้จริงตัวสุดท้ายในโลก พวกเจ้าก็ลองคำนวณมูลค่าของมันดูเอาเองแล้วกัน ดังนั้นตลอดทางนี้จงปรนนิบัติรับใช้อาจารย์ของข้าให้ดี”

 

ดวงตาของเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูเป็นประกาย หันไปค้อมเอวคารวะเฉินผิงอัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความปิติยินดี “บ่าวยินดีติดตามท่านอาจารย์”

 

เด็กชายชุดขาวตรงไปตรงมาและคล่องแคล่วมากยิ่งกว่า เขาคุกเข่าลงพื้นดังตุ้บ โขกศีรษะดังปั่กๆ “นายท่านผู้เฒ่า ขาดสาวใช้หน้าตางดงามที่คอยช่วยอุ่นผ้าห่มให้หรือไม่ ข้ารู้จักคนดีๆ หลายคน ต่อให้เป็นพวกผู้ฝึกตนก็ยังไม่ขาดแคลน ขอแค่นายท่านผู้เฒ่าพยักหน้าตอบรับ ข้าก็จะไปชิงตัวมาให้นายท่านผู้เฒ่าเดี๋ยวนี้…อ้อ ไม่ จะใช้เกี้ยวแปดคนหามไปเชิญมาให้นายท่านผู้เฒ่า”

 

เฉินผิงอันคลึงขมับ ปรายตามองชุยฉาน หรือนี่คือการรวมตัวของคนประเภทเดียวกัน? ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ดึงดูดพวกตัวประหลาดเหล่านี้มาได้ดีนักนะ ย้อนกลับมาดูคนข้างกายตนเอง ไม่ว่าจะเป็นหลี่เป่าผิง หลี่ไหวหรือหลินโส่วอีต่างก็ปกติอย่างมาก

 

หลังจากถูกซิ่วไฉเฒ่าตัดขาดการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณ แม้ตอนนี้ชุยฉานจะอยู่ในเปลือกหุ้มของร่างเด็กหนุ่ม อีกทั้งยังมีนิสัยของเด็กหนุ่มอยู่มาก แต่ไม่ว่าจะเป็นโลกทัศน์ สายตาหรือความเฉลียวฉลาดล้วนยังคงอยู่ เมื่อเฉินผิงอันปรายตามองมา เขาจึงเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ถึงเจ็ดแปดส่วน ให้รู้สึกจนใจเล็กน้อย เด็กอย่างพวกหลี่เป่าผิงนั่นปกติตรงไหน? ถอยไปพูดหนึ่งหมื่นก้าว เจ้าเฉินผิงอันน่ะหรือที่ปกติ? วิชาเฮงซวยจากตำราหมัดห่วยๆ เล่มหนึ่ง ใต้หล้านี้จะมีสักกี่คนที่คิดอยากจะฝึกมันให้ได้หนึ่งล้านครั้งก่อนแล้วค่อยฝึกอย่างอื่น?

 

เด็กชายชุดเขียวเงยหน้า “นายท่านผู้เฒ่า เฉาหู่ซานแห่งจวนจือหม่ายังมีบุตรชายคนเล็กอยู่อีกคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้รับผิดชอบจับตามองข้าที่แม่น้ำนอกเมือง ขอบเขตไม่สูง แต่ตบะนับว่าไม่เลว พรสวรรค์ดีมาก อีกทั้งยังมีตระกูลเซียนเป็นที่พึ่ง เกรงว่าตอนนี้คงไปรวมตัวกับบิดาของเขาแล้ว หากปล่อยไปอย่างนี้ วันหน้าคงสร้างปัญหาให้เราไม่น้อย จะให้ข้า…”

 

เด็กชายขยับปากเป็นรูปเขมือบกลืนในคำเดียว

 

ชุยฉานกล่าวยิ้มๆ “จัดการกับพวกเจ้าเรียบร้อยแล้ว ข้าก็เพิ่งจะอธิบายหลักการได้เพียงแค่ครึ่งเดียว หลังจากนี้พวกเจ้าจงออกจากเมืองไปเป็นเพื่อนอาจารย์ของข้า ส่วนข้าจะอยู่เก็บกวาดเอง”

 

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ เอ่ยสั่งความ “อย่าฆ่าคนพร่ำเพื่อ”

 

ชุยฉานหัวเราะร่า “อาจารย์สั่งแล้ว ศิษย์จะไม่กล้าฟังได้หรือ”

 

ตะกร้าไม้ไผ่สั่นสะเทือนเล็กน้อย เฉินผิงอันหันหน้ากลับไปมอง กระบี่ไม้ไหวเล่มนั้นสั่นสะเทือนเบาๆ อยู่ครู่หนึ่ง เด็กหญิงชุดสีทองตัวกะจ้อยร่อยน่ารักก็เดินมาตามกระบี่ไม้และตะกร้าไม้ไผ่ มาหยุดอยู่บนไหล่ของเขา แล้วจึงกวักมือเรียก เฉินผิงอันเบี่ยงศีรษะไปหาอย่างรู้ใจ ภูตประหลาดที่อาศัยอยู่ในกระบี่ไม้ไหวมาตลอดตนนี้กระซิบกระซาบอยู่ข้างหูเขา พอเฉินผิงอันฟังจบก็หันไปพูดกับชุยฉานว่า “มันบอกกับข้าว่า หากเจ้าไปถึงสำนักศึกษาซานหยาให้เอ่ยกับเหมาเสี่ยวตงสองประโยค ประโยคหนึ่งคือ ‘กฎเกณฑ์ของธรรมชาติและมนุษย์นั้นแตกต่าง การเปลี่ยนแปลงของสันดานเดิมแต่กำเนิดก่อให้เกิดพฤติกรรมในกาลหลัง’ อีกประโยคหนึ่งคือ ‘มารยาทกำหนดลำดับขั้นตอน กฎหมายคืออำนาจสูงสุด’”

 

ชุยฉานถอนหายใจเบาๆ สีหน้าซับซ้อน

 

 —–

กระบี่จงมา Sword of Coming

กระบี่จงมา Sword of Coming

Status: Ongoing
” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์  ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์  หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า  แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “
เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา
เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม
และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง
ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้
–ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท