ในหอเรือนสูงของนครน้ำบ่อ ชุยฉานจุ๊ปากพูด “ผมยาวความรู้สั้น? สตรีแห่งตรอกหนีผิงผู้นี้ไม่ได้ร้ายกาจธรรมดาเลย มิน่าเล่าถึงสามารถจับคู่กับหลิวจื้อเม่าสั่งสอนเด็กอย่างกู้ช่านออกมาได้”
ในระหว่างที่เฉินผิงอันติดตามรถม้าสองคันเข้าเมือง ชุยตงซานแสร้งตายอยู่ตลอดเวลา แต่พอเฉินผิงอันเผยตัวมาพบหน้ากู้ช่าน อันที่จริงชุยตงซานได้ลืมตาขึ้นแล้ว
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ชุยตงซานเองก็เห็นอยู่ในสายตา ได้ยินอยู่กับหูไม่ต่างจากชุยฉาน
ชุยฉานยิ้มบางๆ กล่าวว่า “สิ่งที่เฉินผิงอันพูดล้วนเปลืองน้ำลายเปล่า ต่อให้มีชาติกำเนิดมาจากตรอกหนีผิงเหมือนกัน มีจุดเริ่มต้นคือต้องลิ้มรสชาติความทุกข์ยากมาเหมือนกัน ทว่ากู้ช่านกับเฉินผิงอันในตอนนี้ได้กลายเป็นคนสองคนที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว ไม่เพียงแต่จุดยืนที่ไม่เหมือนกัน ยังมีการใช้สายตามองโลกใบนี้ด้วย…รากฐานอันเป็นต้นกำเนิดของพวกเขา แตกต่างกันอย่างมาก เฉินผิงอันสามารถเข้าถึงความรู้สึกของกู้ช่านก็เพียงแค่เพราะเฉินผิงอันได้ออกเดินทางไกลมากกว่า แต่กู้ช่านกลับไม่ใช่ สำหรับเขาแล้ว จากตรอกหนีผิงที่เป็นบ้านเกิดมาจนถึงทะเลสาบซูเจี่ยนก็คือยุทธภพและใต้หล้าทั้งแห่งแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่สันดานของกู้ช่านเป็นเช่นนี้ ชอบดื้อดึง ง่ายที่จะเดินไปสู่ความสุดโต่ง อย่าว่าแต่เฉินผิงอันเลย ต่อให้เป็นกู้เทาบิดาของกู้ช่าน หากตอนนี้มายืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกับเฉินผิงอันก็ยังไม่สามารถแก้ไขนิสัยของกู้ช่านได้ และความสนุกก็อยู่ตรงนี้พอดี ความสุดโต่งของกู้ช่านทำให้เขารักและผูกผันกับเฉินผิงอันมาก ดังนั้นถึงได้เอ่ยประโยคว่า ‘ต่อให้เจ้าตีข้าตาย ข้าก็จะไม่ตอบโต้’ นี่คือคำพูดจากใจจริงของมารร้าย หาได้ยากมากไม่ใช่หรือ? เฉินผิงอันรู้ดี ดังนั้นเขาถึงได้ยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิม เฉินผิงอันเคยได้ยินคำพูดก่อนตายของหลิวเสี้ยนหยางกับหูของตัวเอง ในขณะที่ใกล้ตาย หลิวเสี้ยนหยางไม่มีความคิดที่จะกล่าวโทษเฉินผิงอันเลย เขาแค่พูดกับเฉินผิงอันประโยคเดียวว่า ‘เฉินผิงอัน ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่อยากตายจริงๆ’ ดังนั้นเฉินผิงอันในเวลานี้จึงยิ่งเจ็บปวด”
“สันดานมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ เป็นกบใต้บ่อ แต่ก็ยังจะพองท้องร้องขอความเป็นธรรม ไม่ว่าคนที่อยู่ห่างจากใต้บ่อจะพูดเหตุผลอธิบายหลักการให้คนที่ยังอยู่ใต้บ่อฟังแค่ไหนก็ล้วนว่างเปล่า เพราะส่วนลึกในหัวใจของพวกเขาจะคอยบอกกับตัวเองว่า หลักการเหตุผลพวกนั้นของเจ้าคือหิมะขาวท่ามกลางแสงแดดอันอบอุ่น ไม่ใช่สิ่งที่คนซึ่งกลิ้งเกลือกอยู่ในโคลนตมควรฟัง ฟังไปแล้ว และฟังเข้าหูจริงๆ ก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย แต่เฉินผิงอันเองก็ตระหนักได้ถึงข้อนี้แล้ว”
“ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดระหว่างที่เดินไปจวนกับกู้ช่าน กับสิ่งที่พูดบนโต๊ะอาหารหลังกินข้าวถ้วยนั้น ถึงได้แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว น่าเสียดายก็แต่ตอนนั้นที่อยู่ในตรอกหนีผิง กู้ช่านยังอายุน้อยเกินไป ทั้งไม่เคยเห็นสิ่งที่เฉินผิงอันต้องประสบพบเจอในขณะที่อายุเท่าเขามาก่อนอย่างแท้จริง ยิ่งไม่เคยเห็นถึงความยากลำบากและความทุกข์ทรมานที่เฉินผิงอันต้องเผชิญระหว่างเดินทางไกลกับตาตัวเองมาก่อน สิ่งที่กู้ช่านมองเห็นคือเฉินผิงอันที่สะพายกระบี่หนึ่งเล่ม มอบแผ่นหยกหนึ่งแผ่นให้กับหนีชิวน้อย เฉินผิงอันที่เข้าใจเหตุผลหลักการมากมาย ส่วนข้อที่ว่าเหตุใดเฉินผิงอันถึงสามารถเดินมาได้ถึงก้าวนี้ เขากลับไม่เข้าใจ และไม่แน่เสมอไปว่าเด็กคนนี้จะเต็มใจไปทำความเข้าใจ หันกลับมามองเฉินผิงอัน เขายินดีที่จะตั้งใจคิด คิดให้มากอีกหน่อย ดังนั้นจึงมีแต่จะยิ่งทำให้ปมที่พันกันยิ่งยุ่งเหยิงมากขึ้น สมมติว่าคนทั้งสองสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน ให้เฉินผิงอันใช้นิสัยของกู้ช่านออกเดินทางไกล ส่วนกู้ช่านที่อยู่บนเกาะชิงเสียก็มีนิสัยของเฉินผิงอัน และพวกเขาต่างก็รอดชีวิตมาจนทุกวันนี้ ถ้าอย่างนั้นสถานการณ์ในวันนี้ก็จะไม่ใช่ทางตัน แต่หากเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ไม่มีทางมานั่งอยู่ที่นี่”
ชุยฉานพูดกับชุยตงซาน “อันที่จริงก็ถือว่าอาจารย์ของเจ้าทำได้ไม่เลวแล้ว”
ชุยตงซานตีหน้าเคร่ง “ในดวงตาสุนัขแก่คู่นี้ของเขายังจะมองเห็นสิ่งที่ดีงามได้อีกหรือ?”
ชุยฉานไม่เห็นเป็นสำคัญ ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “เดินทางขึ้นเกาะชิงเสียคราวนี้ จุดที่เฉินผิงอันทำได้งดงามที่สุดอยู่ที่การพูดสองอย่าง สี่ตัวอักษร ลูกกระต่ายอย่างเจ้าเคยพูดให้ข้าฟัง นั่นก็คือการตัดขาดและวาดขอบเขตให้กับ…การออกกระบี่เหนือคำว่าความรู้สึก”
“ก่อนหน้านี้ตอนอยู่บนเรือหอเรือน เฉินผิงอันเอาความเหมือนที่หลงเหลืออยู่เพียงอย่างเดียวระหว่างเขากับกู้ช่านออกมาวางไว้ตรงหน้าคนทั้งสอง ไม่อย่างนั้นเฉินผิงอันคงแพ้ตั้งแต่อยู่บนเรือแล้ว และเจ้ากับข้าก็สามารถไปจากนครน้ำบ่อแห่งนี้ได้แล้ว นั่นก็คือการลองหยั่งเชิงนักฆ่าผู้นั้นก่อน ทั้งเป็นการพยายามทำความเข้าใจจิตใจคนของทะเลสาบซูเจี่ยน แล้วก็ยิ่งเป็นการบอกกับกู้ช่านในท้ายที่สุดว่า นักฆ่าผู้นั้นสมควรถูกฆ่าที่ตรงใด อีกทั้งตัวเขาเฉินผิงอันยังเต็มใจฟังเหตุผลของกู้ช่าน หากเฉินผิงอันดึงเหตุผลของตัวเองขึ้นสูงเกินไป จงใจวางคุณธรรมของตัวเองไว้ในจุดที่สูงที่สุด พยายามใช้สิ่งนี้มาทำให้กู้ช่านรู้สึกเหมือนกัน ถ้าเช่นนั้นกู้ช่านก็อาจจะคิดว่าเฉินผิงอันไม่ใช่เฉินผิงอันคนนั้นอีกแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จบเห่กันแล้ว”
“พอลงจากเรือ เฉินผิงอันนำป้ายหยกของอริยะที่มีเทวรูปตั้งบูชาอยู่ในสายบุ๋นไปวางไว้ตรงหน้าหลิวจื้อเม่าผู้ฝึกตนก่อกำเนิดที่หูตานับว่ากว้างไกลมากพอ ทำให้สกัดคงคาเจินจวินผู้นั้นไม่กล้าออกมาสร้างเรื่องก่อราว”
“พอไปถึงโต๊ะอาหาร กินข้าวแล้ว ค่อยดึงสตรีแต่งงานแล้วที่เป็นมารดาของกู้ช่านออกมา ไม่ให้นางเอาตัวเองเข้ามาพัวพันจนส่งผลกระทบต่อกู้ช่านมากเกินไป”
“ไม่อย่างนั้น แป้งเปียกเหลวเละกองนี้ เมื่อรวมเขาเฉินผิงอันเข้าไปก็มีแต่จะยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม”
ชุยตงซานหัวเราะเสียงเย็นชา “ต่อให้เป็นอย่างนี้แล้วจะมีประโยชน์หรือ? นี่ก็ยังเป็นทางตันอยู่ดีไม่ใช่หรือไง?”
ชุยฉานพยักหน้ารับ “แต่ขอแค่เฉินผิงอันข้ามผ่านหลุมในใจนั้นไปไม่ได้ ไม่ว่าหลังจากนี้เขาจะทำอะไรก็ล้วนจะกลายเป็นปมในใจปมใหม่ ต่อให้กู้ช่านเต็มใจก้มหน้ายอมรับผิด แต่แล้วจะอย่างไรเล่า? เพราะถึงอย่างไรคนบริสุทธิ์ที่ตายไปอย่างอยุติธรรมเหล่านั้นก็เหมือนผีเร่ร่อนจิตอาฆาตที่ลอยป้วนเปี้ยนอยู่นอกประตูหัวใจของเฉินผิงอัน เคาะประตูเสียงดัง ร้องตะโกนขอความเป็นธรรมอยู่ทั้งวันทั้งคืน ถามหา…มโนธรรมจากใจเฉินผิงอัน ความยากข้อแรกนั้นอยู่ที่ว่ากู้ช่านจะเต็มใจยอมรับผิดหรือไม่ ความยากข้อที่สองอยู่ที่ว่าเฉินผิงอันจะหารากฐานในการหยัดยืนของเหตุผลตัวเองจากตำรามากมายที่อ่านมา จากที่ฟังคนอื่นเล่ามา และจากเหตุผลหลักการทั้งหลายที่ตัวเองใคร่ครวญออกมาได้อย่างไร ความยากข้อที่สามก็คือเมื่อหาเจอแล้ว เขาจะค้นพบว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเองคิดผิดไปหรือไม่ จะรักษาจิตใจอันดั้งเดิมของตัวเองไว้ได้หรือไม่ ความยากข้อที่สี่อยู่ที่ว่าเฉินผิงอันจะทำอย่างไร ที่ยากที่สุดอยู่ที่ข้อที่สามและสี่ ข้อยากที่สาม เขาเฉินผิงอันถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่อาจข้ามผ่านไปได้”
ชุยตงซานถามถึงด่านหัวใจด่านสุดท้ายของเฉินผิงอันตามตรง “ความยากข้อที่สี่?”
ชุยฉานพูดเหมือนจะขู่ให้กลัว “ยากก็ตรงที่ว่ามีความยากนับไม่ถ้วน”
ชุยตงซานตอบกลับมาด้วยเสียงหัวเราะหยัน
ชุยฉานไม่เห็นเป็นสำคัญ “หากเฉินผิงอันมีความสามารถนั้นจริงๆ หากตัวเขาไปอยู่ท่ามกลางข้อยากข้อที่สี่ ข้อยากข้อนี้ หลังจากที่พวกเราดูกันจบแล้ว มันก็จะบอกเหตุผลหนึ่งแก่พวกเราอย่างชัดเจนว่า ทำไมบนโลกถึงได้มีคนโง่และคนชั่วมากมายขนาดนั้น รวมถึงข้อที่ว่าเหตุใดทั้งๆ ที่ทุกคนต่างก็รู้เหตุผลหลักการกันมากขนาดนั้น แต่กลับมีชีวิตสู้หมาสักตัวก็ยังไม่ได้ จากนั้นก็กลายมาเป็นคนอย่างจูลู่ คนอย่างเหนียงเนียงท่านนั้นของพวกเรา คนอย่างตู้เม่า เหตุใดพวกเราถึงไม่เป็นอย่างฉีจิ้งชุน อาเหลียง แต่ก็น่าเสียดายอย่างมาก เฉินผิงอันไม่มีทางเดินมาถึงก้าวนี้ เพราะเมื่อเดินมาถึงก้าวนี้ เฉินผิงอันก็แพ้แล้ว ถึงเวลานั้นหากเจ้าสนใจก็สามารถอยู่ที่นี่ ค่อยๆ พิศดูอาจารย์ของเจ้าที่ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงกระดูก จิตใจแห้งเหี่ยวโรยรา ส่วนข้าย่อมจากไปตั้งนานแล้ว”
ชุยตงซานร้องอ้อหนึ่งที “เจ้าไปจากที่นี่ รีบไปเกิดใหม่สินะ?”
ชุยฉานหัวเราะฮ่าๆ ยื่นนิ้วข้างหนึ่งมาชี้หน้าชุยตงซาน “เจ้าต้องหัดเรียนรู้วิธีการควบคุมอารมณ์ วิธีระงับโทสะมาจากอาจารย์ของเจ้าบ้าง ถึงจะควบคุมตัวเองได้”
ชุยฉานมองไปยังม้วนภาพบนพื้นอีกครั้ง “ข้ารู้สึกว่ากู้ช่านยังคงไม่มีทางยอมรับผิด เจ้าคิดว่ายังไง?”
ชุยตงซานหลับตาลงอีกครั้ง ไม่ใช่แกล้งตาย แต่เหมือนคนที่รอความตายมากกว่า
ชุยฉานพูดกับตัวเองว่า “ต่างก็พูดกันว่าไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา บางครั้งคนไม่อยู่ แต่งานเลี้ยงกลับยังจัดอยู่ตรงนั้น รอให้มีคนมานั่งในงานเลี้ยง ทว่าโต๊ะของเกาะชิงเสียตัวนี้ ต่อให้ยังมีคนอยู่ แต่อันที่จริงงานเลี้ยงกลับเลิกราไปนานแล้ว ต่างคนต่างพูดอยู่กับตัวเอง ต่างคนต่างดื่มเหล้าของตัวเองไป นั่นจะเรียกว่างานเลี้ยงที่สุขสันต์ได้อย่างไร? ไม่ใช่แล้ว”
……
เฉินผิงอันถูกกู้ช่านพาไปพักในห้องที่โอ่อ่างดงามแห่งหนึ่ง ไม่ใช่เรือนเดี่ยว
คือห้องติดกันในจำนวนไม่กี่ห้องที่บางครั้งกู้ช่านจะมาพักอาศัย
เฉินผิงอันบอกให้กู้ช่านไปอยู่พูดคุยกับแม่ของเขาให้มาก
หลังจากกู้ช่านปิดประตูลง เขาก็ครุ่นคิด ไม่ได้ไปหาท่านแม่ แต่ไปเดินเล่นเพียงลำพัง ไม่นานหนีชิวน้อยก็ตามมาด้านหลัง
มันใช้เสียงในทะเลสาบหัวใจบอกแก่กู้ช่าน “หลังจากหลิวจื้อเม่าเห็นแผ่นหยกแผ่นนั้น แรกเริ่มก็ยังไม่เชื่อ ภายหลังเมื่อแน่ใจว่าเป็นของจริงก็ดูเหมือนจะตกใจจนทึ่มทื่อไปเลย”
มันถอนหายใจเบาๆ
ตอนนี้กู้ช่านนึกอยากจะไปตบสตรีโอสถทองที่ถูกขังอยู่ในคุกน้ำให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวยิ่งนัก
ทว่าหลังจากที่พูดคุยกับเฉินผิงอันแล้วก็รู้ว่าต่อให้ตนตบนักฆ่าจากราชวงศ์จูอิ๋งผู้นั้นตายก็ไม่มีความหมาย ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย
จุดที่เฉินผิงอันโกรธ ไม่ได้อยู่ที่ตัวของพวกนักฆ่าอย่างนาง
ไม่ใช่ตัวของพวกผู้ฝึกตนที่เป็นศัตรูคู่อาฆาต แต่เป็นตัวของพวกมดตัวน้อยที่ตายในปากของหนีชิวน้อยอย่างพวกแม่นางเปิดสาบเสื้อและพวกคนของแต่ละเกาะที่ติดร่างแหจนถูก ‘ประหารเก้าชั่วโคตร’
ตัวของคนแต่ละคนที่เป็นเหมือนเด็กขี้มูกยืด เหมือนลูกศิษย์เตาเผามังกรในอดีต
กู้ช่านพลันถามขึ้น “ข้ามีคำพูดบางอย่างที่อยากลองพูดกับเฉินผิงอันดู แต่หากข้าไปหาเขาตอนนี้จะเหมาะสมไหม?”
มันที่เผยกายด้วยรูปลักษณ์ของเด็กสาวยกมือเกาหัว นี่เป็นท่าที่กู้ช่านเรียนรู้มาจากเฉินผิงอัน ส่วนมันก็เรียนรู้มาจากกู้ช่านอีกที
กู้ช่านหัวเราะ “ดูทำท่าซื่อบื้อเข้าสิ”
มันรีบหดมือ ยิ้มเขินอาย
กู้ช่านโบกมือเป็นวงกว้าง “ไป เขาคือเฉินผิงอันนะ มีอะไรที่พูดไม่ได้ล่ะ!”
กู้ช่านกวาดตามองไปรอบด้าน รู้สึกว่าเกาะชิงเสียที่น่ารังเกียจ พอคนผู้นั้นมาถึงกลับเปลี่ยนมาเป็นงดงามน่ารักน่ามองเสียอย่างนั้น
หากวันใดเฉินผิงอันไม่โกรธแล้ว และยังเต็มใจอยู่ในบ้านหลังใหม่ของเขา ถ้าอย่างนั้นที่นี่ต้องเป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพงดงามมากที่สุดในใต้หล้าอย่างแน่นอน!
เดินกลับมายังห้องแห่งนั้น ไม่รอให้กู้ช่านเคาะประตู เฉินผิงอันก็พูดขึ้นมาก่อน “เข้ามาเถอะ”
กู้ช่านพบว่าเฉินผิงอันยืนอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ บนโต๊ะหนังสือวางกระดาษ มีดแกะสลักหนึ่งเล่มและแผ่นไม้ไผ่หนึ่งกอง
ดูเหมือนเฉินผิงอันคิดจะเขียนอะไรบางอย่าง?
ก่อนที่กู้ช่านจะย้อนกลับมา
เฉินผิงอันกำลังทบทวนตัวเอง กำลังทดลองพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ สมมติให้ตัวเองไปยืนอยู่ในตำแหน่งและมุมมองของกู้ช่าน แล้วใช้มันมองทะเลสาบซูเจี่ยนแห่งนี้
เฉินผิงอันพยายามย้อนกลับไปยังจุดเชื่อมต่อแรกเริ่มสุด
เริ่มจากเหตุผลที่เล็กที่สุด
นี่ก็คือขั้นแรกของทฤษฎีลำดับขั้นตอน แบ่งแยกก่อนหลัง
เฉินผิงอันรู้ว่าการ ‘พูดเองเออเอง’ ใช้ไม่ได้ผล
คนทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ของห้องโถง ชั้นวางที่จัดเรียงรายอยู่รอบด้านเต็มไปด้วยของโบราณล้ำค่ามากมายละลานตา
นั่นล้วนเป็นสิ่งที่กู้ช่านตั้งใจคัดเลือกและจัดเตรียมไว้ให้เฉินผิงอัน
ตามความคิดแรกเริ่มสุดของกู้ช่าน เดิมทีที่นี่ควรมีแม่นางเปิดสาบเสื้อหลายคนมายืนออกันจนเต็ม จากนั้นเขาก็จะพูดกับเฉินผิงอันว่า ‘เป็นอย่างไร ปีนั้นข้าก็บอกไว้แล้วว่าสักวันหนึ่งจะช่วยเลือกแม่นางที่หน้าตางดงามเหมือนกับสตรีหน้าเหม็นจื้อกุยไว้ให้เจ้าสิบเจ็ดสิบแปดคน ตอนนี้ข้าทำได้แล้ว!’
เพียงแต่ว่าตอนนี้กู้ช่านไม่กล้าทำอย่างนั้น
กู้ช่านนั่งลงแล้วเปิดปากพูดเข้าประเด็นทันที “เฉินผิงอัน ข้าพอจะรู้แล้วว่าทำไมเจ้าถึงโกรธ เพียงแต่ว่าตอนนั้นมีท่านแม่ข้าอยู่ด้วย ข้าก็เลยไม่สามารถพูดตรงๆ ได้ กลัวนางจะรู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเอง อีกทั้งต่อให้เจ้าจะโมโหมากกว่าเดิม แต่ข้าก็ยังคงรู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นที่ทำให้เจ้าโกรธ ข้าไม่ได้ทำผิด”
เฉินผิงอันเอ่ยเบาๆ “ไม่เป็นไร คราวนี้พวกเราไม่ต้องพูดให้จบรวดเดียว ข้าค่อยๆ พูด เจ้าก็ค่อยๆ ตอบ”
กู้ช่านพยักหน้ารับ
จู่ๆ เฉินผิงอันก็ถามว่า “กู้ช่าน เจ้ารู้สึกผิดหวังมากเลยใช่ไหม?”
กู้ช่านส่ายหน้า “ข้าไม่ชอบฟังเวลาคนอื่นพูดเหตุผลหลักการกับข้า ใครก็ตามที่กล้ามาพล่ามเรื่องพวกนี้ต่อหน้าข้า ในอดีตข้ามักจะต่อยตีเขา หรือไม่ก็สังหารเขา แต่อย่างหลังจะมีเยอะหน่อย ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องได้รู้เรื่องพวกนี้อยู่ดี อีกอย่างเจ้าก็บอกแล้วว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็อยากให้ข้าพูดไปตามตรง พูดตามความในใจ เจ้าห้ามโกรธข้าเพราะเรื่องนี้”
เฉินผิงอันพยักหน้า ถามว่า “ข้อแรก พวกผู้ฝึกตน ข้ารับใช้และสาวใช้ที่อยู่ในจวนของผู้ถวายงานและศิษย์พี่ใหญ่ที่สมควรตายของเจ้าในปีนั้น หนีชิวน้อยฆ่าคนไปมากมายขนาดนั้นแล้ว แต่ตอนจะจากไปก็ยังฆ่าทุกคนจนเกลี้ยง คนเหล่านี้ ไม่พูดถึงว่าข้าคิดอย่างไร แต่เจ้าลองพูดมาสิว่า ฆ่ากับไม่ฆ่า มันสำคัญมากขนาดนั้นจริงๆ หรือ?”
กู้ช่านตอบตามสัตย์จริง “ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น แต่หากฆ่าหมดจะดีกว่า ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ขัดขวางหนีชิวน้อย ในทะเลสาบซูเจี่ยนแห่งนี้ นี่ก็คือวิธีที่ถูกต้องที่สุด ต้องฆ่าคน ต้องแก้แค้น ต้องฆ่าศัตรูไม่ให้เหลือซาก เกาะแห่งหนึ่งต้องถอนรากถอนโคนให้เรียบ ไม่อย่างนั้นภัยร้ายที่อาจตามมาภายหลังจะมีมากเกินคาดคิด ในทะเลสาบซูเจี่ยน มีปลาที่ในอดีตเคยหลุดลอดร่องแหไป แล้วจู่ๆ อีกหลายสิบปีหรือหลายร้อยปีให้หลังก็โผล่มา กลับมาเป็นฝ่ายสังหารคนทั้งตระกูลของศัตรูในปีนั้น แม้แต่หมูหมากาไก่ก็ไม่เว้น นี่เป็นเรื่องปกติอย่างมาก ข้าเตรียมพร้อมสำหรับการถูกใครบางคนฆ่าตายอย่างคาดไม่ถึงไว้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ข้ากู้ช่านจะไม่มีทางคุกเข่าขอร้อง ยิ่งไม่มีทางถามว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร ทำไมต้องฆ่าข้า ดังนั้นปีนี้ข้าจึงเริ่มเตรียมการและหาทางหนีทีไล่ไว้ให้ท่านแม่ข้าเรียบร้อยแล้ว ข้าคิดไว้หลายวิธี แต่ตอนนี้ยังไม่มีวิธีไหนที่รัดกุมไร้ช่องโหว่ ดังนั้นข้าจึงยังคิดอยู่ ถึงอย่างไรคนที่ข้าใส่ใจมากที่สุดในใต้หล้านี้ก็มีแค่ท่านแม่ข้าและเจ้าเฉินผิงอันเท่านั้น แน่นอนว่าตอนนี้ยังต้องเพิ่มพ่อที่กลายเป็นวัตถุหยินของข้าไปอีกคน แม้ว่าข้าจะไม่มีความทรงจำใดๆ ต่อเขา แต่ขอแค่รู้ว่าพวกเจ้าสามคนจะไม่มีทางเกิดเรื่องเพราะข้า ต่อให้วันใดข้าต้องตายก็ตายไปเถอะ ข้าจะไม่เสียใจภายหลังเด็ดขาด!”
—–